เมื่อยมทูตแห่งกาลเวลาส่งฉันย้อนเวลามาพบกับนายช่างใหญ่ผู้กร้าวใจ หล่อล่ำ แถมกล้ามแน่น แผนการอ่อยนายช่างของฉันจึงเกิดขึ้น “นายช่างใหญ่นี่ใหญ่สมชื่อนะเจ้าคะ” “พูดกระไรของเจ้า” “ข้าชมเจ้าค่ะ ใหญ่นักข้าชอบ แบบว่าประทับใจเจ้าค่ะ” “พูดจาอย่างคนวิปลาสหารู้ความไม่” ---- เมื่อต้องมาอยู่อโยธยา เมื่อเจอคนถูกตาต้องใจ เมื่อรู้สึกคลั่งรักเกินจะทนไหว เมื่อแม่บอกให้เชื่อใจ เมื่อพ่อไม่อยากให้ออกเรือน ฟ้ารดา มหานคร หญิงสาวทะลุมิติมายังอโยธยา ที่นี่เธอได้เจอกับนายช่างทองหลวงที่ถูกตาถูกใจ ก็ในเมื่อกลับไปไม่ได้ แผนการอ่อยนายช่างแบบเนียน ๆ จึงเกิดขึ้น นายช่างใหญ่ นายช่างทองหลวงผู้หล่อล่ำ กล้ามแน่น เขาจะต้านทานเสน่ห์ของแม่หญิงผู้ไม่เหมือนใครในอโยธยาได้หรือไม่ โปรดติดตามอ่านได้ใน "นายช่างใหญ่แห่งอโยธยาที่ข้าอยากได้"
พลบค่ำแล้วเรือลำน้อยยังล่องลอยอยู่กลางแม่น้ำ มีเพียงแสงจากตะเกียงจ้าวพายุ และคบไฟดวงน้อยที่พอจะให้ความสว่างแก่ทุคนบนเรือ ฝีพายเร่งมือสุดกำลังเพราะแค่ผ่านโค้งน้ำนี้ไปก็จะถึงยังจุดหมายปลายทางแล้ว
แต่เมื่อกำลังจะผ่านโค้งน้ำนี้ไปกลับมีพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้เรือลำน้อยหมุนวนอยู่บนผิวน้ำ ฝีพายผู้แข็งแรงก็ไม่อาจควบคุมทิศทางเรือได้ เรือเกิดพลิกคว่ำ สตรีสองนางและอีกหนึ่งฝีพายตกลงไปในแม่น้ำอย่างช่วยไม่ได้ แต่ละคนพยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้าริมฝั่งเพื่อเอาชีวิตรอด
“แม่ลำดวน แม่หญิงช่อฟ้า ได้ยินกระผมฤๅไม่ขอรับ”
ฝีพายเพื่อขึ้นฝั่งมาได้ก็เรียกหาผู้เป็นนายและนางบ่าวคนสนิททันที
“ข้าอยู่นี่”
ลำดวนบ่าวคนสนิทของแม่หญิงช่อฟ้าขานรับ ในขณะที่ตะเกียกตะกายเข้าฝั่งและเดินไปหาฝีพาย
“แล้วแม่หญิงช่อฟ้าเล่า ท่านเจอนางฤๅไม่”
เมื่อเจอฝีพายแล้วลำดวนก็รีบถามหาแม่หญิงผู้เป็นนายทันที
“ข้ามิเห็นแม่หญิงช่อฟ้าเลยขอรับ พวกเราไปช่วยกันตามหาริมตลิ่งดีกว่าขอรับ เผื่อแม่หญิงจักว่ายน้ำมาตรงริมตลิ่งแล้วนะขอรับ”
จากนั้นฝีพายและลำดวนก็เดินหาและตะโกนเรียกแม่หญิงช่อฟ้าผู้เป็นนายตลอดแนวริมตลิ่ง แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของแม่หญิง
ด้านแม่หญิงช่อฟ้า เมื่อพลัดตกน้ำนั้น เธอพยายามควบคุมสติและว่ายน้ำเข้าริมฝั่ง แต่กลับมีมือของใครบางคนพยยามดึงขาเธอไว้ เธอพยายามดินแต่ดิ้นไม่หลุดเสียที เธอพยายามสุดความสามารถที่จะช่วยตัวเองให้มีชีวิตรอด จนกระทั่งหมดแรงและสติหลุดลอย ระหว่างนั้นมีชายชราคนหนึ่งฉุดมือของเธอเอาไว้และพาเธอกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย
“ขอบน้ำใจท่านลุงนักที่ช่วยข้าเอาไว้ มิเช่นนั้นข้าคงตายเป็นผีเฝ้าแม่น้ำแห่งนี้เป็นแน่แท้”
เมื่อขึ้นมาบนฝั่งได้เธอเฝ้าแต่พนมมือกราบและกล่าวขอบคุณชายชราที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ชายชราผู้นั้นยิ้มรับและกล่าวกับเธอว่า
“ที่ของเจ้ามิใช่ที่ใต้นำแห่งนี้ดอกหนาแม่หญิง เจ้ามาผิดที่ผิดทาง ข้าจักเป็นผู้พาเจ้าไปอยู่ในที่ทางของเจ้าเอง กาลเวลาจะพาเจ้าไปในที่ที่เป็นของเจ้า”
“ข้ามิแจ้งใจในคำของท่าน”
คำพูดแสนกำกวมแฝงไปด้วยความหมายอันน่าสงสัย ทำให้แม่หญิงช่อฟ้าเกิดความสงสัย และรู้สึกวิตกกังวลเป็นยิ่งนัก
“อีกไม่นานเจ้าจักเข้าใจ ข้าผู้กำหนดกาลเวลาแห่งชีวิตจะจัดแจงทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ถึงตอนนั้นแม่หญิงเพียงแค่ปรับตัวแลดำเนินชีวิตไปอย่างปกติสุขก็เพียงพอ ตอนนี้แม่หญิงจงหลับพักผ่อนให้สบายกายสบายใจเถิดหนา ข้าจักจัดการทุกอย่างให้เอง จงหลับเสียเถิด”
สิ้นคำของชายชราแม่หญิงช่อฟ้าก็หลับใหลไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ปัจจุบัน ณ กรุงเทพหานคร
“ตื่นเถิดหนาแม่หญิงของข้า ไยถึงนอนตื่นสาย มิอายแม่หญิงอื่นเขาบ้างหรืออย่างไร? นี่ข้าคงจักตามใจเจ้าจนเจ้าเสียผู้เสียคนเป็นแน่แท้”
เสียงอันคุ้นเคยปลุกอยู่ข้างหู เป็นเสียงที่ได้ยินอยู่บ่อย ๆ เสียงที่อบอุ่นนัก ฟ้ารดาค่อย ๆ บิดขี้เกียจ ปากเธอยิ้มทั้งที่ยังหลับตา เธอได้แต่บอกตัวเองว่าวันนี้ฝันดีอีกแล้ว มีหนุ่มมาปลุกแต่เช้าเลย รู้สึกอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน ในฝันเธอได้ยินเสียงเขามาปลุกบ่อย ๆ แต่ไม่เคยเห็นหน้าเขาสักที
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาระหว่างที่กำลังเคลิ้ม พร้อมเสียงอันคุ้นหูแทรกตามมาติด ๆ
“ฟ้าตื่นได้แล้วลูก เพื่อน ๆ มารอแล้วนะจะตื่นสายไปถึงไหนกัน ได้ยินแม่ไหมลูก เพื่อนมารอแล้วนะยายฟ้า เสียมารยาทจริง ๆ เด็กคนนี้”
นี่มันเสียงแม่นี่นา สิ้นเสียงนั้น ฟ้ารดารีบเด้งตัวลุกจากเตียงในทันที
“ฟ้าตื่นแล้วค่ะแม่ ขอเวลาฟ้าสักสิบนาทีนะคะ”
ว่าแล้วเธอก็รีบลุกไปคว้าผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที
ฟ้ารดา มหานคร อายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี สถานะโสดสนิท แต่เธอไม่ได้คิดว่าจะโสดอีกต่อไป หลังจากเรียนจบเธอตั้งใจจะมีแฟนคนแรกให้ได้
นามสกุลมหานครของฟ้ารดาอาจฟังดูยิ่งใหญ่เสมือนเป็นนามสกุลของผู้มีเชื้อมีสาย ไฮโซไฮซ้อ อะไรทำนองนั้น แต่ไม่ใช่เลยนามสกุลนี้พ่อของเธอตั้งตามที่หมอดูแนะนำมา ทุกคนคงรู้สึกขำ แต่อย่าเพิ่งขำไป พ่อเธอไม่ได้งมงายแต่เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ การเปลี่ยนนามสกุลทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อขึ้นอย่างมากมาย พอพ่อเธอเปลี่ยนนามสกุลปุ๊บแม่เธอก็ท้องเธอปั๊บหลังจากคิดว่าไม่น่าจะท้องได้อีกแล้ว หลังจากนั้นกิจการร้านทองของที่บ้านก็ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ จะว่าไปเธอเองก็ชอบนามสกุลของตัวเองเหมือนกัน เพราะว่ามันฟังดูยิ่งใหญ่อย่างที่บอกนั่นแหละ “ฟ้ารดา มหานคร” เวลาใครเรียกชื่อเธอเธอก็แสนจะภูมิใจ พ่อกับแม่ของฟ้ารดาเชื่อเรื่องหมอดูมาก ทำตามทุกอย่างที่หมอดูแนะนำ ทำให้กิจการร้านทองขยายได้ถึงสี่สาขาเพียงไม่นาน ซึ่งในอนาคตฟ้ารดาต้องดูแลทุกสาขาเพราะเธอเป็นทายาทเพียงคนเดียว
ฟ้ารดาเรียนจบคณะโบราณคดี แม้แต่คณะที่เธอเรียนหมอดูก็เป็นคนแนะนำ ต้องให้เครดิตหอดูกับเรื่องนี้ เพราะหมอดูเลือกคณะได้ตรงใจเธอมาก เธอเลือกเรียนตามที่หมอดูแนะนำเพราะเป็นคณะที่เธอตั้งใจจะเรียนอยู่ก่อนแล้ว เธอเลยสนุกกับการเรียนมาก เชื่อไหมถ้าเธอขอเรียนคณะนี้เอง พ่อกับแม่ของเธอคงไม่ยอมให้เรียนแน่ ๆ แต่พอหมอดูทักปุ๊บ เธอก็ได้ไฟเขียวจากพ่อและแม่ปั๊บ
ตอนนี้เธอกำลังจะเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารร้านทองสาขาที่สี่ เพราะเรียนจบแล้ว แต่ก่อนเธอจะไปสวมบทเป็นผู้บริหารสาวแสนสวย วันนี้เธอขอพ่อกับแม่ไปเที่ยวฉลองเรียนจบที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยากับเพื่อน ๆ ก่อน การไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการทิ้งทวนหรือเรียกว่าการอำลาชีวิตนักศึกษาสาวคณะโบราณคดีของเธอและเพื่อน ๆ พวกเธอตั้งใจจะไปถ่ายรูปสวย ๆแนวย้อนยุคตามโบราณสถานต่าง ๆ ที่พวกเธอชื่นชอบและประทับใจ เพื่อเก็บเป็นที่ระลึก ซึ่งตอนนี้เธอและเพื่อน ๆ พร้อมออกเดินทางไปผจญภัยยังอยุธยาแล้ว
“ขอโทษทีนะทุกคน ฟ้าตื่นสายไปหน่อย”
ฟ้ารดาเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เธอกล่าวขอโทษเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้กำลังอิ่มหนำสำราญกับอาหารฝีมือแม่ของเธออยู่ แต่ละคนตั้งใจกินมากไม่มีใครเงยหน้ามามองเธอเลย
“ไม่เป็นไรหรอกฟ้า พวกเรากำลังอร่อยกับมื้อเช้าเลย อร่อยทุกอย่างเลยนะ ขอบคุณแม่มากนะคะที่เตรียมอาหารเช้าไว้เผื่อพวกหนูด้วย”
เพื่อน ๆ ของฟ้ารดาพนมมือไหว้สวย ๆ จนแม่ของเธอยิ้มไม่หุบ ท่านรับไหว้ทุกคนแทบไม่ทัน ท่านภูมิใจในความสวยและเสน่ห์ปลายจวักของตัวเองมาก
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะลูก ฟ้าก็เหมือนกันรีบทานเลยนะ เพื่อน ๆ จะอิ่มกันแล้ว ตื่นสายตลอดเลยเราน่ะ หัดทำอะไรให้มันได้ดั่งใจแม่บ้าง แม่มีลูกสาวนะ สิ่งที่แม่คิดคือลูกสาวแม่ต้องสวย น่ารัก เรียบร้อย ช่วยสายฝันให้แม่บ้างเถอะ”
แม่ของฟ้ารดาบ่นเธอเสียยกใหญ่ นอกจากความสวย และฝีมือการทำอาหารที่สืบทอดมาจากมารดาแล้ว ส่วนอื่น ๆ ฟ้ารดาไม่มีอะไรเหมือนนางเลย เธอตื่นสาย และไม่มีความเรียบร้อยเอาเสียเลย นิสัยก็แสนจุซุกซนทโมนเหมือนผู้ชาย นั่นเพราะเธอได้พ่อมาเต็ม ๆ นั่นเพราะของเธอตามใจเธอซะจนเธอเป็นแบบนี้
หลังจากรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ฟ้ารดา และเพื่อนของเธอก็พร้อมออกเดินทาง
“แม่คะ ฟ้ากับเพื่อน ๆ ไปก่อนนะคะ”
ทุกคนกล่าวลาแม่ของฟ้ารดา ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ โดยเพื่อนของเธอเป็นคนขับ ส่วนเธอนั่งหน้าข้าง ๆ คนขับคอยบอกทาง
“เดินทางปลอดภัยนะลูก เที่ยวให้สนุก แล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดแม่ด้วยนะลูก
“ค่ะแม่ พวกเราไปก่อนนะคะ บายค่ะ”
นางรดาภาผู้เป็นแม่ของช่อฟ้า ยืนโบกมือลาฟ้ารดาและเพื่อน ๆ กระทั่งรถขับออกไปไกลจนลับตา นางได้แต่ยิ้มออกมาคิดภายในใจว่าตอนนี้ลูกสาวของนางกำลังก้าวไปอีกก้าว ฟ้ารดากำลังจะเป็นผู้ใหญ่ ต้องเรียนรู้งาน และธุรกิจของครอบครัวต่อจากคุณก้องเกียรติสามีของนาง นางได้แต่หวังว่าลูกสาวของนางจะมีความสุขกับเส้นทางชีวิตไม่ว่าอย่างไร นางพร้อมจะอยู่เคียงข้างฟ้ารดาเสมอ
อุตส่าห์ได้ออกเรือนกับคุณพี่ที่รักมาตั้งแต่เด็กทั้งที แต่มิมีที่คุณพี่ผู้เป็นผัวจักนอนร่วมเบาะเฉกเช่นผัวเมียพึงกระทำ ดังนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางให้เขาร่วมเบาะนอนกับเธอให้ได้ 'มารยาที่มีเมียคนนี้จักใช้กับคุณพี่เจ้าค่ะ' --- เมื่อเห็นแผงอกแกร่งของผัวชัด ๆ แม่หญิงก็ให้กลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ สิบคนว่าฤๅจักเท่าตาเห็น สิบตาเห็นฤๅจักเท่ามือคลำ แล้วสิบมือคลำฤๅจักเท่านอนคุย แค่คิดแก้มนวลก็แดงดั่งลูกตำลึงสุกแล้ว -------- ในหอนอน แม่หญิงชบานั่งรอคุณพี่ผู้เป็นผัวขึ้นมาจากท่าด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ในกบาลน้อย ๆ เฝ้าแต่คิดถึงสิ่งที่แม่ผัวสั่งแม่ผัวสอน “ฟังแม่หนาแม่ชบาลูก การเป็นผัวเมียมิใช่แค่การนอนหลับจับมือกันเพียงเท่านั้น” “แล้วลูกต้องทำสิ่งใดอีกเล่าเจ้าคะคุณแม่” “ผัวเมียนอกจากมีใจผูกสมัครรักใครกันแล้วไซร้ กายนั้นก็ต้องแนบชิดสนิทเสน่หา” “แนบชิดสนิทเสน่หารึเจ้าคะ ต้องทำเช่นไรรึเจ้าคะคุณแม่ ชบามิเคยทำดอกเจ้าค่ะ” “ก็รู้ว่ามิเคย แม่ถึงได้นั่งพร่ำสอนอยู่นี่อย่างไรเล่า แนบชิดสนิทเสน่หาก็คือใกล้ชิดกัน ตัวต่อตัว เนื้อแนบเนื้อ ผ้าเสื้อมิได้มาเกี่ยวมาข้อง” สิ้นคำนั้นแม่หญิงก็ให้อ้าปากค้าง ตั้งแต่เล็กแต่น้อย นางสนใจแต่การเล่นซน เพิ่งจะมาสนใจงานบ้านงานเรือนก็เมื่อปีที่แล้วด้วยโดนผู้เป็นแม่เอ็ดแลจักโดนลงหวาย แต่วันนี้เมื่อได้มาออกเรือนกับคุณพี่อย่างมิทันได้ตั้งตัว เธอเพิ่งรู้ว่าอิสตรีที่ออกเรือนนั้น นอกจากต้องดูเหย้าเฝ้าแลเรือนแล้วยังต้องปรนนิบัติพัดวีแบบเนื้อแนบเนื้อกับผัวด้วย
เธอข้ามเวลามาพบเขา เขารอเวลาเพื่อจะได้เจอเธอ ------ คนอื่นทะลุมิติย้อนไปในอดีตที่พอจะรู้เรื่องราวที่ผ่านมาบ้าง แต่สำหรับแม่หญิงช่อฟ้าเธอกลับทะลุมิติมาในโลกปัจจุบันที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย เช่นนั้นเธอจะปรับตัวอยู่ในโลกแห่งนี้ได้ฤๅไม่ แล้วพี่หมอจะช่วยให้เธอผ่านวิกฤตในชีวิตได้อย่างไร ความรักของพวกเขาจะมีอุปสรรคแค่ไหน โปรดติดตามอ่านได้ใน "พี่หมอเจ้าขาอย่าทำข้าหวั่นไหว" โปรย จากแม่หญิงคนงามแห่งอโยธยา สู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร แม่หญิงหวังให้พี่หมอสั่งพี่หมอสอน จักว่านอนแลสอนง่ายด้วยตั้งใจ แต่พี่หมอกลับอ่อนโยนจนหวั่นไหว ทำหัวใจมิใคร่อยู่กับเนื้อตัว ดั่งแสงสว่างชี้ทางยามมืดมัว ที่เคยกลัวกลับมลายหายสิ้นไป ยิ่งนานวันรักรุกคืบสู่หัวใจ ฤๅชะตาไซร้ลิขิตให้เรามาพบพาน ดลบันดาลให้อยู่เคียงคู่กัน ถ้าเยี่ยงนั้นข้าจักอยู่เป็นคู่เคียง ….. แปรงปัดแก้มถูกบรรจงปัดไล้เบา ๆ ลงบนผิวแก้มขาวละเอียดลออของคนดวงหน้าหวานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ช่างแต่งหน้าจะค่อย ๆ วางแปรงลง แล้วสำรวจผลงานตัวเองอีกครั้ง ใบหน้างดงามหมดจดสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ช่างแต่งหน้าไม่น้อย “เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณฟ้าชอบรึเปล่าคะ” “ฟ้าชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” สิ้นคำนั้นช่างแต่งหน้าก็ค้อมศีรษะรับ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้าของห้องนั่งอยู่หน้ากระจกเพียงลำพัง เจ้าของดวงตากลมโตจ้องมองตัวเองในกระจกนิ่ง ริมฝีปากรูปกระจับที่เคลือบด้วยลิปสติกสีโอลด์โรสค่อย ๆ คลี่ยิ้มเต็มใบหน้า แม้กระทั่งแววตาของเธอก็ยังเปล่งประกายทอแสงแห่งความสุข เรียวปากบางค่อย ๆ เผยอและขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ฉันชื่อ ‘ฟ้ารดา มหานคร’ เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณก้องเกียรติ และคุณรดาภา มหานคร เจ้าของห้างทองสี่สาขาในกรุงเทพฯ”
โปรย : จู่ ๆ คู่หมั้นที่ทอดทิ้งไปนานถึงสี่ปี กล้าดีกลับมาสู่ขอ หึ! คนสติดีที่ไหนจะไปแต่งด้วย หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เธอก็จะไม่แต่งกับเขาเป็นอันขาด ****** “พี่ไม่ดีตรงไหนคะ” “เมต้องตอบด้วยเหรอคะ ไว้พี่ภีมตอบคำถามตัวเองได้เมื่อไหร่ แสดงว่าคงเป็นคนดีขึ้นมากโขเมื่อนั้น” “ก็ได้ค่ะ ก็ได้” ร่างสูงเปลือยเปล่ายกมือขึ้นสองข้าง แสดงอาการยอมแพ้ เมลดาเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า คนหน้าไม่อาย ‘รู้ว่าใหญ่ แต่ไม่เห็นต้องยืนอวดขนาดนั้น’ เธอไม่โง่ กลับไปกินไส้กรอกที่มีเจ้าของแล้ว ให้มันเสียศักดิ์ศรีหรอก แม้จะกินไปแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ ก็ตอนนั้นเธอยังไม่รู้นี่
คืนนั้นเตียงแทบลุกเป็นไฟเกินใครจะห้ามได้ เมื่อทั้งคู่ต่างโรมรันเข้าหากันอย่างถึงพริกถึงขิง เขา : ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่ผมลากขึ้นเตียงจะไม่ใช่เด็กไซด์ไลน์ที่ผู้ช่วยผมหามาให้ ผมไม่รู้ว่าเธอคือใคร เพราะเมื่อผมออกมาจากห้องน้ำเธอก็จากไป ทิ้งไว้เพียงแบงก์พันสามใบกับกางเกงในซีทรูไว้ให้ดูต่างหน้า เธอ : ด้วยความเมาเธอฝันว่าเธอลากผู้ชายขึ้นเตียงแล้วแซบกับเขาอย่างถึงพริกถึงขิง ตื่นขึ้นมาเธอจึงรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ฝันแต่เธอลากผู้ชายขึ้นเตียงมาจริง ๆ เธอตัดสินใจรีบออกจากห้องไปโดยคิดว่าให้ทิปเป็นแบงก์พันสามใบก็คงน่าจะพอ
เธอจะตัดสินใจอย่างไร เมื่อสามีที่จากไปเรียนต่อคนละซึกโลกกำลังจะกลับาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ตลอดหลายปี เขาตัดการติดต่อกับเธอในทุกช่องทาง --- เมื่อเห็นน้ำตาของพลอยชมพูปวีย์ก็ประคองใบหน้าเธอมาเช็ดน้ำตาให้ ความอ่อนโยนของเขาทำให้พลอยชมพูยิ่งร้องไห้อย่างหนัก “ไม่ร้องแล้วนะครับ ตอนที่พี่ไปแล้ว พลอยแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของตัวเองรู้ไหม ที่นี่ยังมีแม่พี่อยู่พลอยมีอะไรก็ปรึกษาแม่ได้ หรือถ้าเกิดตอนนั้นพลอยโตขึ้นแล้วเจอใครที่พลอยถูกใจและรักเขาจริงๆ พลอยก็คบเขาได้นะ พี่ไม่ว่า” “ทำไมพี่ปีย์พูดแบบนี้ล่ะคะ พลอยจะเจอคบใครได้ยังไง พลอยแต่งงานกับพี่ปีย์แล้วนะคะ พลอยสัญญาว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของพี่ปีย์ พลอยจะซื่อสัตย์กับพี่ปีย์ค่ะ” คำพูดของภรรยาทำให้ปวีย์อดเอ็นดูเธอไม่ได้ เขาจ้องเข้าไปในตาของเธอแล้วค่อยๆ ก้มหน้าไปหา ใช้ริมฝีปากจุมพิตที่หน้าผาก ไล่มายังเหลือตาทั้งสองข้าง ก่อนจะถอยห่างออกมา พลอยชมพูรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างมากกับจุมพิตของสามี วันนี้เขาอ่อนโยนน่ารัก เมื่อเขาถอยห่าง พลอยชมพูเลยตัดสินใจใช้มือสองข้างคล้องลำคอเขาเอาไว้แน่น ค่อยๆ เขย่งเท้าขึ้นใช้ริมฝีปากสีชมพูจิ้มลิ้มจุมพิตกับริมฝีปากของผู้เป็นสามีเบาๆ แล้วจ้องมองในตาเขาเปิดเผยความจริงใจ และความต้องการที่มีต่อเขาออกไปอยู่เพียงครู่ โดยไม่คาดคิดสามีผู้เคยเฉยชากลับอุ้มเธอในท่าเจ้าสาว และพาเธอเข้าห้องนอนไปของเขาเสียดื้อๆ ห้องนอนที่เธอไม่เคยได้เข้ามานอนแต่วันนี้กลับเป็นคนอุ้มเธอเข้ามาเสียเอง ปวีย์ค่อยๆ วางพลอยชมพูลงบนเตียงอย่างเบามือ พร้อมทิ้งกายทาบทับลงมา มือประคองใบหน้าของเธอ เพียงสบตากันก็รู้ความต้องการที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกแล้ว เขาใช้ริมฝีปากจุมพิตลงบนหน้าผาก เปลือกตา และไล่ลงมายังริมฝีปากของเธอ หยอกเย้า อ้อยอิ่งดูดดึงอยู่ที่ริมฝีปากบางเป็นนานสองนาน รสจุมพิตหวานละมุนทำให้พลอยชมพูเคลิบเคลิ้ม เธอไร้เรี่ยวแรง อ่อนระทวย ช่องท้องหวามหวิว ทำได้เพียงปล่อยให้เขาเป็นผู้นำทางตามจังหวะที่เขากำหนด เมื่อเธอเริ่มหอบและหายใจไม่ทัน เขาจึงผละริมฝีปากออกห่าง แล้วใช้ริมฝีปากไล่จุมพิตลงมายังซอกคอ และซุกไซร้ดอกอมกลิ่นกายสาวอยู่ตรงนั้นเป็นนานสองนาน จนคนอ่อนประสบการณ์อ่อนระทวยราวขี้ผึ้งถูกลนไฟ แต่ปวีย์ไม่คิดหยุด เขาค่อยๆ เอามือสอดเข้าใต้ชายเสื้อนอนลายการ์ตูนของเธอแล้วค่อยไปไต่ขึ้นมาถึงเต้าอวบ ใช้มือบีบเบาๆ เล็กน้อย แล้วค่อยๆเอื้อมมือไปปลดตะขอเสื้อในด้านหลัง พลอยชมพูไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าเขามีกี่มือเขาทำทุกอย่างได้เร็วมาก เผลอเคลิ้มไปแป็บเดียว รู้ตัวอีกทีตอนนี้เธอนอนตัวเปล่าเปลือยอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายังมีเสื้อผ้าอยู่ครบ พลอยชมพูเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าอก อีกข้างหนึ่งปิดส่วนล่าง และส่งสายตามองเขา ที่ตอนนี้กำลังนั่งคุกเข่ามองเธออยู่ที่ปลายเตียง เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เห็นเธอเปลือยเปล่า “พีปีย์พลอยอาย” สิ้นคำของพลอยชมพูปวีย์ก็ทิ้งตัวลงมาทาบทับเธออีกครั้ง คราวนี้เขาจูบเธออย่างดูดดื่มจนเธอแทบขาดอากาศหายใจ ปากเธอบวมเจ่อ ปากเขาก็จูบ มือก็ปัดป่ายไปทั่วร่างของเธอ เขาค่อยๆ ใช้มือลูบต้นขาจนมาถึงขาด้านใน เขาค่อยอ้าขาเธอออกแล้วแทรกตัวเข้ามายังหว่างขาของเธอ หลังจากนั้นเขาใช้มือทั้งสองข้างกลับมาขยำหน้าอกของเธอทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน ปากก็ยังคงจูบเธออย่างดูดดื่ม จนหนำใจ เขาก็ผละริมฝีปากออก แล้วไล่จูบลงมายังซอกคอ ผ่านมายังหน้าอกเขาใช้สองข้างประคองหน้าอกด้านซ้ายของเธอใช้ปากค่อยๆ จุมพิตที่ยอดประทุมถันสีชมพูอ่อน อย่างเบาๆ และค่อยๆดูดแรงขึ้นจนเธอส่งเสียงร้องเบาๆ จากนั้นเขาจึงใช้ปลายลิ้นเลียมันอีก ทำแบบนั้นวนไปจนเธอหัวหมุนไปหมด หน้าอกของเธอตอนนี้แดงและเปียกไปหมด แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดจนเธอร้องขอ “พี่ปีย์พอก่อนค่ะ พลอยไม่ไหว” “พี่ทำพลอยเจ็บเหรอคะ” “เปล่าค่ะ พลอยแค่ เอ่อ คือพลอยพลอยบอกไม่ถูกค่ะพี่ปีย์” “ให้พี่ทำต่อนะคะ” ปวีย์ขอ พลอยชมพูได้แต่พยักหน้าและเคลิ้มไปกับการนำพาของเขาอีกครั้ง ตอนนี้พลอยชมพูรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่บริเวณหว่างขาของตนเอง ปวีย์ค่อยๆ ใช้มือปัดป่ายไปบริเวณนั้นของเธอ เขาผละริมฝีปากออกจากหน้าอกลงไปยังหน้าท้อง จูบเธอไล่ลงไปยังหน้าท้อง และท้องน้อย แล้วก็จุ๊บเบา ๆ ตรงนั้นอย่างไม่คิดรังเกียจ “พี่ปีย์อย่าค่ะ พลอยอาย” พลอยชมพูใช้สองมือปิดหน้า ปวีย์เงยหน้ามองเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างจังเข่าทั้งสองของเธอและดันมันขึ้นมาให้ตั้งชันขึ้นพร้อมกับก้มลงไปดูดดื่มกับน้ำหวานที่ไหลเยิ้มออกมารออยู่แล้ว เขาใช้ปลายลิ้นสีแดงสด ค่อยๆละเลียดชิมน้ำหวานครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความเสียวซ่านให้กับพลอยชมพูเป็นอย่างยิ่ง เธอค่อยๆ แอ่นสะโพกขยับตามลิ้นแสนร้ายของเขา...
" ถ้าฉันยังไม่เบื่อเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...นอกจากเธอจะนอนถางขาให้ฉันเอาจนกว่าฉันจะเบื่อไปเอง! "
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" “จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ” “ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ”
นายแพทย์จิรายุ พลพิพัฒกุลวานิช (ชื่อเล่นวายุ) อายุสามสิบปี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ร่างกายบึกบึนสมชายชาตรี ศัลยแพทย์หนุ่มทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ความจริงแล้ววายุอยากเป็นสถาปนิก แต่ก็ขัดบิดามารดาไม่ได้เพราะเขาเป็นลูกชายคนรอง เมื่อบุพการีอยากให้เป็นหมอ ชายหนุ่มจึงก้มหน้าก้มตาทำตามความฝันของบิดามารดาอย่างหน้าชื่นอกตรม ในขณะที่พี่ชายได้ทำงานตามอาชีพที่ใฝ่ฝัน พายุถูกตามใจทุกอย่าง แต่พอหันกลับมามองที่เขา แม้แต่เรื่องหัวใจก็ไม่สามารถเลือกเองได้ หมอหนุ่มกำลังจะถูกคลุมถุงชนมีหรือที่เขาจะยอม เมื่อหัวใจของเขาเต็มไปด้วยเธอคนนั้น ผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงเวลาเข้าใกล้เธอ และไม่เคยมีใครทำให้เขาหวั่นไหวได้เหมือนเธอ นางสาวฝนสุดา ปัญญาเป็นเลิศ อายุยี่สิบปี หญิงสาวหุ่นเซ็กซี่หน้าตาดี เธอเป็นแอร์โฮสเตส บิดามารดาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว เธอดั้นด้นส่งน้องสาวเรียนมหา'ลัยจนใกล้จบ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนบินกี่ไฟท์ก็ไม่เคยบ่น แต่พักหลังหลายเดือนมานี้เธอเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ความใฝ่ฝันของหญิงสาว คือการมีครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกที่น่ารัก แต่เมื่อคุณหมอวินิจฉัยโรค และบอกกับฝนสุดาว่าเธอมีโอกาสเสี่ยงสูงมาก อาจจะโดนตัดมดลูกทิ้งและไม่สามารถมีบุตรได้ เขาจึงแนะนำให้เธอรีบตั้งครรภ์ ก่อนที่จะไม่มีวันได้เป็นคุณแม่ แต่ทว่าเธอไม่เคยมีแฟน เมื่อหญิงสาวอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี เรื่องวุ่นๆ ระหว่างเขาและเธอ กำลังจะเกิดขึ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
ลูกเกดตั้งท้องกับลูเซียโน่ เขาหล่อ รวย และเป็น ผอ.บริษัทการเงิน เธอคิดเก็บลูกเอาไว้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและคิดหนีเขาไป เพราะเธอต้องการแค่ลูก ไม่ต้องการเขา ในขณะที่เขากลับคิดยื้อเธอเอาไว้ทุกทาง เพื่อให้เธออยู่กับเขาเป็นแม่ของลูกตลอดไป แต่ผู้หญิงแก่นเซี้ยวและมั่นใจในตัวเองอย่างลูกเกดมีหรือจะยอม เธอจึงพยายามหนีจนถึงที่สุด
เดิมทีถังเฟินเป็นยอดทหารระดับ S แต่เพื่อความก้าวหน้าของตนเองเขาเลือกที่ผนึกตัวเองก่อน ด้วยบุณคุณข้าวสารหนึ่งจาม เขายอมแต่งงานเข้าครอบครัวฝ่ายหญิง หลังจากให้การสนับสนุนอย่างลับๆ มาสามปี ตระกูลจ้าวก็กลายเป็นครอบครัวระดับแนวหน้า แต่พวกเขาปฏิบัติต่อลูกเขยที่แต่งเข้าฝ่ายหญิงอย่างเขาด้วยท่าทีดูถูก และทำให้เขาอัปยศอดสู หลังจากปลดผนึกแล้ว เขาก็กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และเก้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต มาคอยดูว่าคนที่ที่เคยดูถูกเขานั้นจะคุกเข่าร้องขอความเมตตากับเขายังไง
ฉีอ๋องเป็นภัยต่อราชสำนักหยางจื่อเหยียนบุตรสาวอนุแห่งจวนกั๋วกงหลานสาวของไทเฮาจึงถูกมอบสมรสพระราชทานเพื่อสืบข่าวและเป็นไส้ศึกในจวนอ๋อง เมื่อถึงประตูจวนในวันสมรสจวนอ๋องไม่ยอมรับกลับบอกว่าเจ้าบ่าวไม่สบาย ให้กลับมาในวันหลัง หยางจื่อเหยียนมีหรือจะยอม นางถูกไทเฮาข่มขู่เข้าจวนอ๋องไม่ได้ก็อย่าหมายมีชีวิตรอด ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าแม้เขาไม่อยากแต่งนางก็ต้องทำให้เขาแต่งกับนางให้ได้ "อ๋องแปดฉีไป่อวี้ ท่านดูข้านี่แหละจะแต่งกับท่านหลังจากนั้นเราสองคนค่อยรอเวลาหย่าขาดกัน" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ แบบนิยายสั้น ๆ จบแบบสุขนิยมนะคะ เนื้อเรื่องไม่ยาวมาก อ่านสบาย ๆ ราคาเบา ๆ หวังว่าจะได้รับความรักจากทุกท่านเช่นเคย กราบขอบพระคุณยอดโหลดทุกโหลดค่ะ ขอให้นักอ่านมีความสุข ร่างกายแข็งแรง เฮง ๆ ปัง ๆ ทุกคนค่ะ หมายเหตุ ซื้อในเวบ หรือ ผ่านเหรียญเมบจะถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ซีไซต์