เขาชอบเธอ แต่เธอปากหมา! เขาไม่ได้อยากร้าย ส่วนเธอไม่ได้อยากรัก ปฏิบัติการว้ากรักจึงเกิดขึ้น
เขาชอบเธอ แต่เธอปากหมา! เขาไม่ได้อยากร้าย ส่วนเธอไม่ได้อยากรัก ปฏิบัติการว้ากรักจึงเกิดขึ้น
ณ ลานเกียร์
"ก้มหน้าลงไป!!!”
ณ เสียงที่ตะโกนดังลั่นลานเกียร์ อย่าเพิ่งตกใจกันนะคะ เรากำลังรับน้อง แต่ไม่เข้าใจ๊ไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องมารับน้องที่นี่ด้วย รู้อะไรไหมคะ ฉันล่ะเบื่อที่จะอยู่ในกฎเกณฑ์ เกลียดการถูกบังคับเป็นที่สุด อุตส่าห์เรียนบริหารกะว่าจะสบาย ๆ ไม่ต้องรับน้องเหมือนรุ่นพี่ปีที่แล้ว ฮึ่ยเจ็บใจ จะอะไรล่ะ เพราะปีที่แล้วน่ะรุ่นพี่เขารับรุ่นกันอย่างสบายไม่ต้องตกระกำลำบาก ไม่ต้องร้อนไม่ต้องนั่งตากแดด ไม่ต้องทนความกดดัน แต่ดูปีฉันสิ ดู๊!
"เงยหน้าทำไม!! ใครสั่งพวกคุณครับ ก้มหน้าลงไป!!!".
นั่นแหละค่ะอย่างที่ได้ยินเลย ไอ้พวกรุ่นพี่เก็บกดเอ้ย ว้ากเอา ๆ ไม่เจ็บคอหรือไง มันเซอร์ไพรส์รับน้องโหดที่รุ่นฉันยังไม่พอ รุ่นฉันยังมากับความโชคดี
โชคดีกับผีอะไรล่ะ โชคร้ายนะสิไม่ว่า เพราะเป็นปีแรกที่คณะบริหารต้องมารับน้องรวมกับคณะวิศวะ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเถื่อนถ่อยที่สุด อยากจะบ้าตาย ฮึ่ม
"ใครสั่งให้พูด มีมารยาทกันไหม...ครับ"
ยัง ยังไม่จบ หันไปข้าง ๆ เพื่อนสาวเจ้าน้ำตาของฉันน้ำตาคลอแล้ว หันไปมองอีกคนก็กำมือแน่น อีกคนก็นิ่งไม่ขยับ ถ้ายังไม่หยุด จะขึ้นแล้วนะเว้ย
"เลิกเชียร์ได้ครับ" สวรรค์
"ฮือแก ฉันกลัวง่า"
"โอ๊ย หัวใจฉันจะวาย"
"ฉี่แทบราดอะมึง"
ไม่ต้องถามว่าอยู่ไหน ตอนนี้อยู่ห้องเรียนจ้า ส่วนเสียงสามเสียงเป็นเสียงเพื่อนฉันเอง คนแรกชื่อน้ำพิ้งค์ ขี้อาย ขี้กลัว หน้าสวยแต่งยังไงก็ขึ้น คนที่สอง ยัยน้ำหวาน หน้าโคตรหวานโคตรใส แต่สนิทรู้เลยว่ามันอะจอมทะลึ่ง โก๊ะ นิสัยนี่ขัดกับหน้าตาสุด ๆ
คนที่สามคือยัยน้ำทิพย์ มนุษย์หน้านิ่ง นิ่งจนคนอื่นหาว่าหยิ่ง ก็นะสำหรับคนไม่สนิทก็จะมองอย่างนั้น แต่ถ้าสนิทนะ ยัยเนี่ยเปรี้ยวและแซ่บสุดในกลุ่มเลยล่ะ คนอะไรขนาดนั่งเฉย ๆ ยังเซ็กซี่อะ
ส่วนคนสุดท้าย ฉันเอง ท้าดาาาา!
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อน้ำมนต์ หรือที่ครอบครัวและเพื่อนเรียกว่า ไอ้มนต์ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะพวกมันบอกว่าฉันแมนไง แมนตรงไหนวะแค่ต่อยมวยเป็นป้องกันตัวได้ เคยต่อยกับผู้ชายจนผู้ชายเข้าโรงพยาบาล แล้วก็ไม่ค่อยใส่กระโปรงเท่านั้นเอง
เอ้า แมนตรงไหน ตอบมนต์คนสวยหน่อยค่า นิสัยฉันก็คล้าย ๆ ยัยทิพย์แหละกับคนที่ไม่สนิทนะ แต่สนิทก็พูดมาก ใจใหญ่ไปไหนไปกัน คอยดูแลปกป้องพวกมัน และที่สำคัญ ปากหมา!! นี่ล่ะค่ะ ฉันเอง
สงสัยใช่ไหมล่ะว่าทำไมฉันสี่คนชื่อคล้าย ๆ กัน คืองี้แม่เราเป็นเพื่อนกันที่สนิทกันมาก ย้ำว่ามาก เลยตั้งชื่อเราให้เหมือนกัน ไงล่ะ ดีไปอี๊ก เฮ้อเหนื่อย อาจารย์มาละ ขอตัวเรียนก่อนละกัน
ช็อป วิศวะ
"เฮ้ย วันพรุ่งนี้ไปส่องเด็กกันไหมวะ ปีนี้เขาบอกว่าเด็ด"
"มึงหัดคิดเรื่องอื่นเป็นไหม นอกจากเรื่องผู้หญิงเนี่ยไอ้เหนือ"
"มันก็คิดเป็นเรื่องเดียวนั่นแหละ เรื่องอื่นมันคิดไม่เป็นหรอก"
"เอาเวลาที่พวกมึงสามตัวกำลังเถียงกัน มาช่วยกูทำงานไหมครับ ไอ้เพื่อนเชี่ย"
สงสัยกันล่ะสิว่าผมเป็นใคร ผมชื่อพายุ ลูกเจ้าของมหาวิทยาลัยที่นี่แหละ ใหญ่สุดละ พวกมันชอบเรียกผมว่า "ราชา" แล้วก็เสียงของไอ้สามตัวเมื่อกี้อะ เพื่อนสนิทผมเอง เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก รู้เช่นเห็นชาติกันทุกอณูนั่นแหละครับ
คนแรกไอ้เหนือ หรือเหนือนที นิสัยมันโคตรกะล่อน เจ้าเล่ห์ พูดมากเป็นที่สุด คนที่สองไอ้วินหรือไอ้ธาวิน บุคลิกดูโคตรเป็นคนดี ผู้ชายอบอุ่น? แต่นิสัยมันร้ายลึกนะครับผม คนที่สามไอ้ดิน หรือปฐพี ไอ้นี่ก็นิสัยคล้าย ๆ ผม ไม่ค่อยพูดกับคนที่ไม่สนิท ถ้าสนิทคือพูดมาก กวนตีน และหื่นสุด ๆ ส่วนผมน่ะเหรอ นิยาม หล่อเลว คือผมเอง
พวกผมทั้งสี่เรียนวิศวะยานยนต์ แก๊งเฮดว้ากประจำปีนี้ พวกผมอยู่ปีสาม และหัวข้อสนทนาเมื่อกี้ก็เป็นเรื่องรับน้อง แต่ที่ทำให้ไอ้เหนือมันดี๊ด๊าก็เพราะว่าปีนี้ คณะวิศวะต้องรับน้องรวมกับคณะบริหาร!!! ซึ่งคณะบริหารสาวเด็ดทุกคนครับ ไอ้เหนือมันเลยอยากจะไปอ็อฟ เอ้ย ไปดูน้อง ๆ เท่านั้นเอง ผมยังไม่รู้เลยว่าเด็กบริหารจะทนรับน้องของผมได้หรือเปล่า เห็นที พรุ่งนี้ ผมคงต้องไปดูลาดเลาซะหน่อยแล้ว
"หรือมึงจะไม่ไปไอ้พายุทอร์นาโด ตอปิโด..."
ไอ้เหนือมันพูดกวนส้นตีนผม
“หึ/หึ”
เสียงไอ้วินกับไอ้ดินหัวเราะในลำคอพร้อมมองผมยิ้ม ๆ พวกมันรู้ว่าผมคิดอะไร ก็บอกแล้วคบกันมานาน
"กูไป แต่ พวกมึงทั้งสามตัว รีบมาช่วยกูทำโปรเจกต์ส่งจารย์เลยเร็ว" พอผมพูดจบ เราก็ต่างฝ่ายต่างทำงาน
"เฮ้อ เรียนเสร็จสักที กูนี่โคตรเมื่อย" ไอ้หวานมันพูด
"ฮือ หิวอะหิว" ไอ้พิ้งค์
"พวกมึง ดูนี่ดิ เฟซกลุ่มมันบอกว่า พรุ่งนี้ให้ทุกคนมาเข้าเชียร์ ย้ำ! มาให้ครบทุกคน เฮดว้ากปีสามลงว่ะ" เสียงไอ้ทิพย์มันพูด
"อีกแล้วเหรอมึง เบื่อว่ะ ไปหาไรกินกันเถอะ" ฉันพูด และตอนนี้พวกฉันก็ตกลงกันได้แล้วว่าจะกินชาบู
ร้านชาบู
"มึง หิวจริงจังมากอะ อาจารย์สั่งโคตรเยอะ" ยัยหวานพูด
"รีบกินกันเถอะมึง ได้กลับคอนโดกันสักที" ยัยทิพย์พูด
"ฉันเห็นด้วยกับแก ปะ กิน ๆ" ฉัน
"พวกแก ที่เขาบอกว่าเฮดว้ากจะลงอะ น่ากลัวปะวะ ฮือ ฉันกลัว" ยัยพิ้งค์สาวขี้กลัวประจำกลุ่ม
"ขึ้นชื่อว่าเฮด กูว่าต้องน่ากลัวแน่เลย" ยัยหวาน
"หึ โหดเยอะ ๆ กูจะอ่อยให้ไปไม่เป็นเลย" ยัยทิพย์พูด
"กูไม่รู้ว่ะ ไม่ได้สนใจ แต่ไม่ต้องกลัว นี่ใคร เดียวพี่ดูแลเองน้อง"
"จ้า...พี่น้ำมนต์คนแมน" หลังจากฉันพูดจบ พวกมันก็รับคำฉันด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ หลังจากที่เช็กบิลเสร็จ พวกเราก็กลับคอนโดทันที อ้อเราอยู่ด้วยกันอะ สี่ห้อง อยู่ชั้นบนสุด ก็บอกแล้วพวกฉันรวยมาก
หลังจากสี่สาวร่างเล็กสี่สไตล์ที่เวลาอยู่ด้วยกันไม่สามารถทำให้คนที่มองละสายตาไปได้ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับพวกเธอไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่า ทั้งคำพูดและการกระทำได้ตกอยู่ในสายตาของพวกเขาทั้งสี่เป็นที่เรียบร้อย แถมเสียงพูดท่าทางก็ชัดยิ่งกว่าระดับ hd ซึ่งทั้งสี่สาวอยู่ในสายตาพวกเขาตั้งแต่เข้ามาในร้านเรียบร้อยแล้ว และทั้งสี่สาวก็ถูกขึ้นบัญชีกับพวกเขาสี่หนุ่มแก๊งหล่อเลวเรียบร้อย
หึ ชัดครับชัดทั้งเสียงทั้งภาพ ผมยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจใครบางคนในกลุ่มผู้หญิงสี่คน แต่ก่อนอื่นผมต้องเคลียร์กับเพื่อนก่อนว่าพวกมัน จองใคร
"กูอยากโดนอ่อย คนหน้าตาหมวย ๆ เซ็กซี่ ๆ พวกมึงห้ามยุ่ง" ถูกครับไอ้เหนือมันเลือกน้องคนหนึ่งคนหน้านิ่ง ๆ หยิ่ง ๆ สเปกไอ้เหนือมัน
"กูมันผู้ชายอ่อนโยนชอบปกป้อง น้องหน้าตาน่ารักขี้กลัวคนนั้น พวกมึงอย่ามาแหยมครับ" เชรด ไอ้วินมันเลือกน้องหน้าสวยแต่ขี้กลัวไปครับ เหลือแค่ไอ้ดิน ผมจ้องมันเขม็งมันก็จ้องผมเหมือนกัน ก่อนผมจะยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินสิ่งที่มันพูดออกมา
"กูเอาคนนั้น น้องหน้าหวาน อยากรู้ว่าอย่างอื่นจะหวานด้วยหรือเปล่า คนนั้นกูจอง" ไอ้ดินพูด ใช่ครับน้องหน้าหวาน สเปกไอ้ดินมัน ส่วนผมน่ะเหรอ หึ
"คนนั้นของกู" ผมพูดยิ้ม ๆ ใช่ครับผมเลือกน้องมนต์น่าจะชื่อมนต์ผมได้ยินเพื่อนเรียกแบบนั้นนะ คนอะไร สวยน่ารักไปซะหมด เหมือนเธอจับเอาบุคลิกของเพื่อนเธอทั้งสามมารวมไว้ที่เธอ ซึ่งมองแล้วมันไม่น่าเบื่อนะสำหรับผม จริงๆ กลุ่ม
ของเธอสวยหมดทุกคนนะครับสวยคนละเเบบกินกันไม่ลง แต่สำหรับผมต้องน้องมนต์เท่านั้น คนอะไรหน้าดูเอ็น เอ้ย! หน้าเอ็นดูครับ ยิ่งห้าว ๆ แบบนี้ ผมจะปราบพยศให้เป็นแมวเชื่อง ๆ เชียว
"น้องมนต์ของเฮีย"
หลังแก้ปัญหาไอมารจนผืนดินกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่เว่ยซือหงต้องไปผจญภัยจริง ๆ เสียที สมบัติวิเศษ สมุนไพรล้ำค่า ทรัพยากรอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ในดินแดนลับ นางจะกวาดให้เรียบ!
โปรย... ชะตาพลิกผันให้เจ๊ใหญ่หงทายาทมาเฟียยุค2000 ต้องไปเกิดใหม่ที่มิติใกล้ล่มสลาย ซึ่งทุกอย่างถูกวัดด้วยความแข็งแกร่ง ทั้งพลังปราณ พลังธาตุ ทั้งนางยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องรับผิดชอบ ทว่าเมื่อลืมตาตื่นความทรงจำกลับเลือนราง นางกลายเป็นก้อนแป้งน้อยโดยสมบูรณ์! ผักก็ต้องปลูก มารก็ต้องกำจัด ความทรงจำยังเลือนรางอีก สวรรค์ท่านกลั่นแกล้งข้าหรือไร?
คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด... เมื่อเรื่องราวความรักของม่านไหมโรยไปด้วยกลีบกุหลาบที่ถูกก้องเกียรติสร้างขึ้นมา ชวนให้หลงมัวเมากับฉากหน้าอันแสนหวานยากจะถอนตัว กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นว่าเธอถูกหนามแหลมคมของดอกกุหลาบที่ชื่นชอบคอยทิ่มแทงให้เธอเจ็บแล้ว ราวกับโลกทั้งโลกแหลกสลาย ความไว้ใจที่มีมาพังทลายลง! คนที่มั่นคงและซื่อสัตย์ในรักอย่างเธอต้องมานั่งเสียใจนอนร้องไห้ ต้องเจ็บปวดจากการกระทำของคนที่เธอรักและไว้ใจที่สุด เธอจะเลือกอะไรระหว่างอดทนยอมรับชะตากรรมความเจ็บปวดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อและให้อภัยเขาในที่สุด หรือ! เดินหน้าเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคนที่หวังดีกับเธอตลอดมา เป็นกำลังใจให้ม่านไหมด้วยนะคะ ............................................... ตัวอย่างบางส่วนในนิยายค่ะ “ทำแบบนี้ทำไม” คำถามแผ่วเบาที่ออกจากปากของม่านไหม ทำให้ชายหนุ่มได้สติ ก้องเกียรติตวัดสายตาดุร้ายมองเธอ เขาไม่ตอบเลือกที่จะหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบมาแต่งตัว “ทำไมไม่ตอบ ทำแบบนี้ทำไม!” เสียงของม่านไหมดังขึ้น หญิงสาวไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มหันหลังให้ เธอเดินเข้าไปแล้วกระชากให้เขามามองหน้าเธอทันที “ตอบสิ ทำแบบนี้ทำไม ม่านทำอะไรผิดเหรอ พี่ถึงได้ไปมีคนอื่นแบบนี้!” ม่านไหมโวยวาย สองมือของเธอทุบลงบนอกของเขา
เพราะว่ารักจึงยอม เพราะรักถึงรอ รอที่จะได้ยินคำว่ารัก รอวันที่เธอชัดเจน... .......... ตัวอย่าง “หยุดร้องก่อนได้ไหมฉาย” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่เขานั่งทนฟังเสียงร้องไห้ของหญิงสาวมาร่วมชั่วโมงกว่าเกือบจะสองชั่วโมงได้ “ฉายไม่ได้อยากร้อง แต่ว่ามันหยุดไม่ได้ ฮึก! แล้วพี่สงจะให้ฉายทำยังไง” หญิงสาวตอบกลับพลางสะอื้นไห้ .......... “นานแล้วนะครับฉาย พี่ทรมาน” น้ำเสียงทุ้มฟังดูเซ็กซี่ดังขึ้นข้างหู “พี่สง!” “พี่รักฉายมากฉายก็รู้ แล้วตอนนี้มันก็นานมาก ๆ แล้วที่เราไม่ได้รักกัน ฉายไม่สงสารพี่เหรอครับ” เขายังคงหว่านล้อมเธอด้วยคำพูดจนจันทร์ฉายเริ่มลังเล ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากพร้อมพูดต่อ “รักของพี่มีให้ฉายแค่คนเดียว ทั้งหัวใจพี่ก็มีแค่ฉาย จะทำอะไรก็นึกถึงแต่ฉาย แบบนี้... พี่ควรได้รางวัลหรือยังครับ” พูดแล้วก็เป่าลมร้อนเข้าหูเธอจนคนตัวเล็กย่นคอหนี “ตะ แต่ว่าฉายท้องอยู่นะคะ” “เลยช่วงอันตรายมาแล้วครับ หมอก็อนุญาตฉายก็รู้ พี่สัญญาว่าจะระวัง” “แต่ว่า” “ให้พี่ทักทายลูก ต่อแขนต่อขาให้ลูกนะครับคนดี พี่สัญญาว่าจะทำเบา ๆ นะครับ นะ” สงกรานต์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะระดมจูบไปตามซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว “คะ ครั้งเดียวนะคะ” “ขอบคุณครับ” เมื่อได้รับคำอนุญาตสงกรานต์ก็ไม่คิดเกรงใจอีกเขาตะโบมจูบจันทร์ฉายด้วยความคิดถึงและความรักทั้งหมดที่มี ลิ้นหนาพัวพันกับลิ้นเล็กดึงดูดความหอมหวานของกันและกัน ก่อนจะประคองเธอนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ สองมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอด้วยความชำนิชำนาญ
ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกนอกสมรสเธอไม่เคยปริปาก โดนกลั่นแกล้งสารพัดก็ไม่เคยพร่ำบ่น เห็นว่าเธอไม่มีปากเสียงแล้วจะเอาอะไรที่เป็นของเธอไปก็ได้เหรอ? ฝันไปเถอะ! ถึงเวลาที่เธอจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองแล้ว ระวังตัวไว้ให้ดีละ เตือนแล้วนะ... .......... ตัวอย่าง 1 “ดี! งั้นมาดูกัน ว่าระหว่างฉันกับเธอใครกันแน่ที่พูดความจริง แต่เธอคงไม่ถือใช่ไหมพริมา ถ้าต้องใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับพี่สาวอย่างฉันน่ะ” กล่าวถามก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเรียบเฉยของน้องสาว อิงอรฉีกยิ้มเยาะเย้ยพลางมองพริมาด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน มือบางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินกลับไปยังประตู ทว่าก่อนที่มือจะทันได้จับลูกบิด น้ำเสียงเย็น ๆ ของน้องสาวที่ดังขึ้นด้านหลังกลับหยุดเธอไว้ “ก็เอาสิคะ ถ้าพี่อิงมั่นใจว่าจะแย่งเขาไปจากฉันได้ก็ลองดู แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าฉันเป็นคนหวงของ ยิ่งรักมากก็หวงมาก และฉันคงไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เหมือนที่แล้วมาแน่ อะไรที่เป็นของฉันใครหน้าไหนก็เอามันไปจากฉันไม่ได้ โดยเฉพาะคนหน้าด้านอย่างพี่อิง อย่าได้หวังเลยค่ะ แต่ถ้าพี่คิดว่าพี่แน่ ก็เชิญ แล้วจะได้รู้ ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด เตือนแล้วนะ” “เหอะ” อิงอรอารมณ์เสียเพราะคำพูดของพริมา แต่ไม่ใช่ในคำเตือน เธอหันกลับมามองหน้าน้องสาวแล้วส่งสายตาฟาดฟันกัน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินออกจากห้องไป .......... ตัวอย่าง 2 “เสียดายจัง ยังไม่ทันได้มองหุ่นเขาเลย พี่พีก็เอามือมาปิดตาพริมซะก่อน เสียดายจริงๆ” “เสียดายทำไม! อยากดูก็มาดูหุ่นพี่นี่ พี่หุ่นดีกว่ามันตั้งเยอะ” ชายหนุ่มพูดเสียงเขียว พริมายู่หน้าตอบ “มันไม่เหมือนกันนี่คะ ของพี่พีพริมได้ดูทุกวัน แต่ของคนอื่นพริมแค่อยากมองเฉย ๆ” เธอยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ ทั้งยังไม่วายเจื้อยแจ้วไปถึงบรรดาหุ่นไอดอลชายหรือศิลปินที่เธอชื่นชอบจนรพีพัฒน์ใบหน้าเขียวคล้ำเพราะความหึงหวง มองเธอด้วยสายตาคาดโทษ
เมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดเปลี่ยน... เปลี่ยนจาก ‘คนรัก’ กลายเป็น ‘คนอื่น’ จากคนอื่นเป็น ‘คนใจร้าย...’ กว่าจะรู้ตัวว่ารักมากแค่ไหน ก็เกือบสูญเสียคนสำคัญของหัวใจไปแล้ว ………. ตัวอย่าง “ขอโทษนะครับที่ทำร้ายเขมแบบนั้น พี่รู้ว่าพี่ผิด และเขมคงไม่ให้อภัยพี่ง่าย ๆ แต่พี่อยากบอกให้เขมรู้ ว่าพี่รู้สึกผิด และเสียใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไป” “...” “พี่ขอโทษนะครับ คือพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเขมนะ พี่แค่โกรธและโมโหมากไปหน่อย” เขมิกายกยิ้มพลางหัวเราะหยันในลำคอ รู้สึกโกรธคนตรงหน้าจนไม่อยากมองหน้าต้องมองเขาด้วยหางตาแทน “ไม่ได้ตั้งใจ... นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะคะ ถ้าคุณตั้งใจขึ้นมามันจะขนาดไหน” “เขมคือพี่” “ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ไปนอกจากเรื่องงาน ระหว่างฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เข้าใจตรงกันนะคะ” นี่เขาทำอะไรลงไป... ถ้าเขาลดอคติลง ฟังเธอสักนิด วันนี้เขาคงไม่ต้องทำร้ายเธอจนทำให้เธอหวาดกลัวเขาแบบนั้น ไม่ต้องเห็นสายตาตัดพ้อต่อว่า ไม่ต้องเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ... หากว่าเขาขอโอกาสกับเธออีกสักครั้ง เธอจะยินยอมมอบมันให้เขาหรือเปล่า?..
คำโปรย : .....ใครจะไปคิด! ว่าไก่ย่างเพียงไม้เดียว มันจะทำให้ชีวิตของเธอถึงจุดจบ! และนำพาเธอย้อนเวลาไปเกิดใหม่ในร่างของคนที่อยู่ในยุคประวัติศาสตร์ และที่สำคัญ เธอได้สามีเป็นของแถม! **** อารัมภบท : .....เรื่องราวของนักศึกษาสาวที่ชีวิตพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน เมื่อเธอหมดลมหายใจเพราะไก่ย่างเพียงไม้เดียว! แต่เธอกลับได้ย้อนเวลาเกิดใหม่ในร่างของลูกสาวเจ้าพระยาที่อยู่ในยุคก่อน แถมร่างนั้นก็ยังมีสามีแล้ว แต่เป็นสามีแสนจะเย็นชา ที่ไม่เคยสนใจหรือใส่ใจให้ความรักกับภรรยาที่เป็นเจ้าของร่างเดิมเลย แล้วใครสน? สำหรับเธอ คิดเพียงว่าได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ดีแค่ไหนแล้ว ใครจะไม่รักก็ช่างเขาสิ ..โนสน ..โนแคร์จ้า แต่ทว่า! ยิ่งเธอไม่สนใจเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหันกลับมาสนใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความแปลกใหม่ของเธอทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน จนกระทั่งคนที่เคยเย็นชามาตลอด จู่ๆ ก็กลายเป็นคนคลั่งรักในที่สุด.. #ตัวละครหลัก : *พระยาพิพัฒน์พงศ์ หรือ เจ้าคุณพิพัฒน์ อายุ 36 ปี มีบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางระดับสูง รูปหน้าหล่อขั้นเทพ ฉลาด สุขุมรอบคอบ เงียบขรึม มีเสน่ห์ ผิวขาว รูปร่างกำยำ * จันทร์วรา อุษาวิบูลย์ หรือ เจ้าจันทร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบ ภายใน สวยหวาน ร่าเริง กล้าพูดกล้าทำ ตากลมโต ปากจิ้มลิ้ม ผิวขาว รูปร่างผอมเพียว อกอวบอิ่ม _____________________ นิยายเรื่องนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ห้ามทำการคัดลอด เลียนแบบ หรือดัดแปลงเนื้อหาส่วน ใดส่วนหนึ่งของงานเขียนนี้ รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด บันทึก ถ่ายภาพ ไม่ว่ารูปแบบหรือวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น ผู้เขียน : รดามณีนัฐฐ์ ภาพปก : Onlyboy ปรับแต่งภาพปก : Dayny_white ปกอิมเมจ : เยเรมีย์ ________💫________
เพียงข้ามคืนที่หล่อนต้องสูญเสียพรหมจรรย์เพราะเขาเดินเข้าผิดห้อง จากนั้นแล้วชีวิตหล่อนกับเขาก็ผูกพันกันยุ่งเหยิงอิรุงตุงนัง _________________________________________________________ “ไม่มีใครทำให้ผมกังวลที่สุดเท่าไอ้พีท สายตาที่คุณมองมันวันนั้น แล้วการที่มันโทรหาคุณค่ำๆ มืดๆ มันทำให้ผม...” เฟื่องฟ้าไม่อยากฟังคำตัดพ้อที่เด่นชัดทั้งปากทั้งตานั่นอีก เขายังพูดไม่ทันจบเพราะหล่อนขยับเข้าหาและกดริมฝีปากไว้กับปากของเขา... “ถ้าคุณจะให้ความมั่นใจผม คุณก็ไม่ควรหยุดแค่จูบ การปิดปากผมไห้หยุดพูดไม่ได้ทำให้ผมหายกังวลใจหรอกนะ” “ฉันทำอะไรมากกว่านี้ไม่เป็น คุณก็รู้ นี่ครั้งแรก ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน” “ผมจะสอนเอง ผมอยากให้ผมเป็นผู้รับ ผมจะได้รู้ว่าผมไม่ได้ต้องการอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าผมทำ มันจะทำให้ผมรู้สึกว่าผมฝืนใจคุณ คุณไม่รู้หรือไงว่าเรื่องนี้มันกระทบจิตใจผมแค่ไหน” “แต่...” “ผมเสียขวัญมากเลยนะ คุณจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรือไง” หล่อนชักเริ่มจะไม่คิดว่าเขากำลังกังวลใจเรื่องหล่อนกับหมอพีท แต่กำลังเจ้าเล่ห์ให้หล่อนทำอะไรที่หล่อนทำไม่เป็นแถมน่าอายสุดๆ อีกด้วย... อยากปฏิเสธแต่แล้วทำไมเขาต้องทำหน้าจริงจังปนเศร้าแบบนั้นด้วย... เฟื่องฟ้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกซ่านซ่าแปลกๆ กับบางสิ่งที่ดุนดันหน้าท้อง คล้ายมันสั่นระริกเพียงแค่คิดถึงหล่อนก็แก้มแดงเห่อ... “ฉันต้องทำอะไรบ้าง” เสียงพูดและคำถามที่ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคือเสียงหล่อน อาชว์ดูเหมือนอารมณ์ดีขึ้นหากแต่ไม่ยอมยิ้ม เขาตอบหล่อนด้วยสีหน้าจริงจัง “เริ่มจากถอดเสื้อก่อนเป็นไง...” ครางอิดออดนิดเดียวหล่อนก็ยอมทำตามที่เขาบอก มือสั่นเทานิดๆ เมื่อแกะกระดุมเสื้อนอนปาจามาของเขาออกและแก้มเห่อร้อนยามเมื่อแหวกสาบเสื้อออก “ผมหมายถึงถอดเสื้อคุณ” “เอ๊ะ” หญิงสาวทำท่าจะถลึงตาใส่เขา แต่เขาก็ทำหน้านิ่งๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจ ไม่รู้ว่าโกรธจริงหรือโกรธเล่นกันแน่ เห็นเขานอนมองหน้าเหมือนรอว่าหล่อนจะทำอะไรหล่อนก็จำต้องถอดผ้าตัวเองมือไม้สั่นไปหมด แกะกระดุมไปพลางเอ็ดตัวเองไปว่าทำไมต้องยอมเขาขนาดนั้นทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เพียงแค่เห็นว่าเขาโกรธและเต็มไปด้วยความกังวลใจหล่อนก็ต้องรีบทำให้เขาสบายใจ เขาสำคัญขนาดนั้นกับหล่อนมากหรือไงกัน ถามไปก็ได้คำตอบอยู่ตรงหน้า... เสื้อนอนหล่อนถูกถอดออกด้วยฝีมือตัวเองเพียงเพราะไม่อยากเห็นเขามึนตึงใส่
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
“ไม่นะ อย่านะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณได้พระคืนไปแล้วนี่ ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ...อย่าทำอะไรฉันเลย อย่าทำฉันเลย” หมอนวดสาวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด มีหรือที่รัฐภูมิจะใจอ่อน เมตตาสาวตรงหน้าง่ายๆ เขาปล่อยเธอแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้และเวลานี้ สิบแปดมงกุฎอย่างจันยาวีร์ต้องเจอคนอย่างเขา ร้ายมาร้ายกลับและเพิ่มความร้ายมากเป็นร้อยเท่า เท้าเล็กพยายามถีบ กระแทกไปที่ร่างหนาดูเหมือนว่าจะถีบลมมากกว่า มันไม่ช่วยอะไรเลยจริงๆ เพราะตอนนี้เขาขึ้นมานั่งคร่อมร่างเธออีกครั้งหนึ่งแล้ว “ยานี้จะทำให้ร้อนรุ่มอย่างมากมาย เลือดในกายเธอจะสูบฉีดจนเธอกระสับกระส่าย กระหายไปด้วยความใคร่แบบสุดๆ เธออยากจนแทบจะถ่างขารอให้ผู้ชายมากระทุ้ง ขอให้มีความสุขกับความร่านที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอนะ ยาออกฤทธิ์เต็มที่เมื่อไหร่ ฉันจะมาสนองตอบความอยากให้เธอเอง รับรองถึงอกถึงใจไปสามโลก หมอนวดอย่างเธอคงผ่านศึกมาไม่ใช่น้อย คงมีวิธีบังคับความร่านของตัวเองนะ ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วเจอกันนะแป้ง” จันยาวีร์เม้มปากเป็นเส้นตรงแน่น เพื่อไม่ให้เขานำยานั้นใส่เข้าไปในปากของเธอ ทว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยที่จะทำให้ปากของเธอเปิดอ้าออก เพียงแค่รัฐภูมิใช้ฝ่ามือบีบไปบนแก้มของเธอทั้งซ้ายขวาอย่างแรง หญิงสาวระบมปวดแก้มไปหมด แรงบีบที่มากมายทำให้ปากที่เม้มค่อยๆ คลายตัวออก จนในที่สุดปากของเธอก็อ้าออก ชายหนุ่มหน้าดุรีบใส่ยาปลุกเซ็กส์เข้าไปในช่องปากสาวบังคับให้เธอกลืนมันลงไปด้วยการนำฝ่ามือใหญ่มาปิดทับที่ริมฝีปาก ยาที่อยู่ในปากไม่ได้ถูกกลืนลงไปในลำคอ แต่มันละลายเมื่อสัมผัสโดนความชื้นของน้ำลายที่อยู่ภายใน ความขมของเม็ดยาที่เริ่มละลายในปาก ทำให้สาวเจ้าร้องไห้ออกมาทันที คิดในใจว่าเธอจะต่อต้านยาประเภทนี้ได้อย่างไร รัฐภูมิกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ขยับร่างกายลงมายืนอยู่ริมเตียง มองดูร่างสาวที่ร้องไห้ตัวโยนด้วยความสะใจ เจอแค่นี้มันยังน้อยไป ริอาจเข้ามากระตุกหนวดเสือถึงที่ ไม่ถูกเสือขย้ำกินก็คงเป็นไม่ได้ เสืออย่างเขาฆ่าได้หยามไม่ได้อยู่แล้ว เขาหมุนตัวก่อนจะขยับร่างกายเดินไปยังห้องน้ำ อาบน้ำอย่างสบายใจ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ยาเซ็กส์ชนิดนี้เขาซื้อมาจากตลาดมืดแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส เป็นยาปลุกเซ็กส์ชนิดใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ สาเหตุที่เขาซื้อยาชนิดนี้มาไม่ใช่ว่าเขาจะใช้เอง พันกรเพื่อนสนิทของเขาเป็นคนฝากซื้อ เพื่อจะนำไปให้พี่เขยที่มีอาการนกเขาไม่ขัน ต้องพึ่งยาปลุกเซ็กส์ขณะที่ดำเนินกิจกรรมทางเพศ ห้านาทีต่อมาหลังจากที่ยาปลุกเซ็กส์เริ่มละลายในปากและตัวยาไหลเข้าไปในลำคอสาว อาการแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับจันยาวีร์ คลื่นความร้อนบางอย่างแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอ แทรกลึกไหลซึมเข้าไปตามเซลล์ต่างๆ เม็ดเลือด ลุกลามลึกเข้าไปถึงกระแสเลือดที่เร่งสูบฉีดด้วยอัตราที่เร็วกว่าปกติ จันยาวีร์รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ความร้อนที่ได้รับทำให้เธอต้องการที่จะถอดเสื้อผ้าออก ความปรารถนาทางอารมณ์ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังกระจายอาบไปทั่วร่าง ความเป็นอิสตรีเพศกระตุกและเต้นเร่าอยู่ตลอดเวลา เธอมีความรู้สึกว่าต้องการร่วมเพศกับผู้ชายสักคน เพื่อมาบำบัดอาการที่เป็นอยู่นี้ให้ดีขึ้น ต้องการให้เขานำปาก ลิ้นประโลมจูบไปทั่วร่างสาว และต้องการฝ่ามือของเขาลูบไล้นวดเฟ้นไปตามผิวกายของเธอ และความปรารถนามากที่สุดก็คือ ต้องการให้เขาฝังกายลึกเข้าไปในกลีบสาว ขยับเขยื้อนกายด้วยความรุนแรง กระแทกกระทั้นให้ถึงอกถึงใจ
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY