ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใคร เพราะว่ามีคนในหัวใจอยู่แล้ว แม่มดตัวร้ายเข้า มาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจเขาตั้งแต่เด็ก แล้วจะให้เขามองหาหญิงอื่นอีกทำไม เมื่อคนที่อยู่ในหัวใจกำลังหลงเข้ามาในอาณาจักรของเขา เพราะตั้งแต่โตมาจนป่านนี้แทนคุณยังไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้ชายคนไหนเข้ามาเป็นเจ้าของหัวใจยัยแม่มดน้อยได้เลย เขาเองก็อยากจะลองดูสักครั้ง หากมีโอกาส สุดท้ายใครจะชนะเกมนี้ มารอลุ้นกัน
เอี๊ยดดดด!!
เสียงเบรกรถชุปเปอร์คาร์คันสีแดงสด ดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อรถของคนดี หรือณิชา วนารมย์ วิ่งเข้าเส้นชัยด้วยความเร็วสูง ตามติดมาด้วยรถคันสวยสีส้มแปร๊ดของต้องรัก ลูกสาวสุดที่รักของเฮียเม้ง
วันนี้เป็นอีกวันที่หญิงสาวได้รับชัยชนะ ท่ามกลางความยินดีของคนที่มาเชียร์อยู่ข้างสนาม วันนี้แค่แข่งขันนอกรอบ จึงไม่มีกฎกติกาอะไรมากมาย มีเพียงหญิงสาวและคู่แข่งคนสำคัญเท่านั้น
"แม่ง พี่คนดีโคตรเก่งเลยว่ะ กูไม่ผิดหวังเลยที่เป็นแฟนคลับพี่เขา " เสียงชมจากขอบสนาม ต่างก็พากันชื่นชมนางฟ้าของพวกเขา
"แต่สวยๆอย่างนี้ โสดนะมึง ไม่มีใครกล้าจีบ"
"ใครวะจะเป็นผู้โชคดีได้ครอบครองคนสวยแบบนี้ "
"เออ ..กูก็อยากรู้ ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันจะเป็นใคร"
เสียงหนึ่งในนั้น มองไปยังเจ้าของรถคันหรูที่วิ่งเข้าเส้นชัย ร่างเล็กอรชรที่อยู่ชุดนักศึกษาเปิดประตูรถก้าวลงมาและเดินไปยังหญิงสาวอีกคนที่เปิดประตูออกมาพิงรถหรูสีส้มรอเธออยู่ก่อนแล้ว
"เสียใจด้วยนะต้องรัก คราวนี้ก็เป็นฉันอีกแล้ว เจอกันอีกทีสนามใหญ่สัปดาห์หน้านะ" หญิงสาวพูดด้วยท่าทางกวนๆยียวนยั่วประสาทคนตรงหน้า
"ถึงคราวนี้ฉันแพ้เธอ แต่ครั้งหน้าฉันจะชนะเธอให้ได้" ต้องรักอดที่จะหมั่นไส้หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้กับท่าทีหยิ่งผยองยามที่เธอย่างกรายเข้ามาใกล้
คนดีแสยะยิ้มให้กับคู่อริ เธอไม่เคยชอบหน้าต้องรัก เพราะหญิงสาวต้องการแข่งขันกับเธอในทุกๆเรื่อง และเรื่องที่เธอหงุดหงิดใจที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของผู้ชายที่ชื่อ แทนคุณ อัศวเมธี ที่ต้องรักตามจีบและอยากจะเอาชนะเธอ เพราะพี่ชายฝาแฝดของเธอและนายแทนคุณ เป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้น ก็ไม่แปลกที่หากแทนคุณอยู่ที่ไหน ก็จะเห็นคนดีและเจ้าคุณอยู่ที่นั้น ทำให้หญิงสาวหลายคนไม่กล้าที่จะเข้ามาแทรกกลางของคนทั้งสามได้ ต้องรักก็เช่นกัน
"คนดีรีบไปเถอะ เดี๋ยวป๊ามิกซ์มาเจอโทรไปฟ้องพ่อเธอ ฉันจะซวยไปด้วย"
บินเดี่ยวและน้ำมนต์เดินเข้ามาฉุดหญิงสาวให้รีบออกไป ก่อนที่จะมีคนโทรไปฟ้องบรรดาพ่อบุญธรรมและพี่ชายของหญิงสาว กลัวว่าจะเกิดเรื่องอีก เพราะไม่มีใครอยากให้คนดีมาแข่งนอกรอบแบบนี้
@มหาวิทยาลัย
คนดี หรือณิชา วนารมย์ เดินแกมวิ่งออกจากตึกคณะบริหารธุรกิจ หญิงสาวรีบเร่งโดยไม่สนใจใคร ได้ยินเพียงเสียงผิวปากจากกลุ่มผู้ชายที่นั่งในบริเวณที่เธอเดินผ่านเป็นเรื่องปกติตั้งแต่ปี 1 จนถึงตอนนี้ ที่มีชายหนุ่มมากมายแวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบ ทั้งหนุ่มหล่อในคณะและต่างคณะ ทุกคนหล่อรวยดีกรีไม่ธรรมดา รวมไปถึงพวกบรรดาเดือนคณะเดือนมหา'ลัย หรือแม้แต่หนุ่มนอกมหา'ลัย แต่ก็ตีหน้าเศร้ากันหมดทุกราย คนดีไม่เคยเปิดใจให้ใคร และไม่เคยมีแฟนเลยมาจนถึงตอนนี้
วันนี้เธอจะต้องลงแข่งนัดสำคัญที่สนามแข่งป๊ามิกซ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมารดา หลังจากทำข้อสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเธอก็กระโดดโลดเต้นตั้งแต่หน้าห้องจนถึงประตูทางออกด้วยความดีใจ พร้อมเพื่อนสนิทสองคนน้ำมนต์เพื่อนสาวที่สนิทที่สุด และเพื่อนชายที่สนิทอีกคนชื่อบินเดี่ยว สองคนนี้เที่ยว กิน นอน ด้วยกันเป็นประจำจนเป็นภาพชินตา หญิงสาวดีใจที่จะได้หยุดพักยาวหลายเดือน เธอจะได้ถือโอกาสไปหมกตัวอยู่กับป๊ามิกซ์ คนดีชอบการแข่งรถซิ่งมาตั้งแต่เด็ก จนบุพพการียื่นคำขาดหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล คนถือหางมีแต่รุ่นใหญ่ ทำให้บิดามารดาได้แต่เอือมระอา เพราะมีแต่คนเอาใจจนคนดีจะเสียคนอยู่แล้ว ปีหน้าคนดีก็จะขึ้นเป็นนิสิตปี 4 หญิงสาวเรียนคณะบริหารธุรกิจเพื่อจะได้มาช่วยงานบิดาและมารดา ส่วนพี่ชายฝาแฝด เจ้าคุณหรือพสุธา วนารมย์ เลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกับเพื่อนรักของเขา นายแทนคุณ อัศวเมธี พอนึกชื่อคนหลัง หญิงสาวก็เบ้หน้าแรงทันทีด้วยความหมั่นไส้ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอแทบไม่เคยเห็นนายคนนี้ยิ้มเลยสักครั้ง หนำซ้ำเคยตราหน้าว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงไม่น่ารัก ชิ!! นึกแล้วก็โมโห พูดมาได้อย่างไรไม่ดูหนังหน้าตัวเองบ้างเลย
แต่จะว่าไปแล้วมนุษย์หน้านิ่งอย่างเขา กลับมีสาวสวยมากมายเข้ามาติดพันเช้าถึงเย็นถึงไม่ซ้ำหน้า จนต้องเดือดร้อนถึงพี่ชายสุดรักของเธอต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์
"โอ้ยย!!!"
หญิงสาวก้าวพลาดขั้นบันไดหน้าตึกก่อนจะถึงลานจอดรถของคณะ เพราะมัวแต่นึกถึงหน้าคนที่อยู่ในหัวตอนนี้ ขาข้างขวารู้สึกเจ็บแปลบ จนคนที่ยืนพิงประตูรถจอดรอมองร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากตึกด้วยความรีบร้อนอยู่ก่อนแล้ว รีบวิ่งเข้าไปพยุงแทบทันทีอย่างลืมตัว เพราะแถวนั้นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือแตะต้องตัวหญิงสาว เพราะรู้ดีว่าคนดีไม่ธรรมดา หนุ่มๆทั้งหลายจึงได้เป็นแค่หมาเห่าเครื่องบิน
"เดินให้ระวังกว่านี้หน่อย กระโดกกระเดกเป็นลิงเป็นค่างไปได้" เสียงนี้ คำพูดแบบนี้จะเป็นใครไม่ได้ ถ้าไม่ใช่นายแทนคุณ
'"นายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน..เป็นพ่อหรือไง"
หญิงสาวสะบัดหน้าหนี พร้อมผลักมือหนาที่เข้ามาจับข้อเท้าข้างขวาไว้ ด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มมองหน้านิ่งสายตาคมดุเหมือนเคย นี่ละ..คือนายแทนคุณ
"ถ้าฉันไม่ได้มีหน้าที่ตามเธอไปแข่ง คิดว่าฉันอยากจะมายืนที่นี่หรือไง"
เจ้าของเสียงเรียบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เหอะๆรู้หรอกว่าสูงยาวเข่าดี หล่อลากดิน จนสาวสวยคณะบริหารฯ เดินอ่อยอยู่หลายตลบ เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่เขาเข้ามายืนอยู่ตรงนี้ ร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ฉายขึ้นภายใต้ท่าทีอันสงบนิ่ง มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ยี่หระ
"ปฏิเสธไม่เป็นหรือไง..ใครใช้ให้นายรับปาก ทีหลังไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉัน!!"
คนดีเสียงห้วนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเฉยๆ หญิงสาวไม่ชอบเก็บอารมณ์หงุดหงิดให้รู้สึกแน่นในอก ไม่พอใจก็แสดงออกมาให้เห็น ไม่มีอะไรซับซ้อน
"แล้วนี่นาย จะยืนค้ำหัวโด่อีกนานไหม มาช่วยพยุงฉันที..ฉันรีบ"
คนดีเงยหน้าหรี่ตามองคนที่ยืนล้วงกระเป๊าเก๊กหล่อ ชายหนุ่มขยับตัวยืนบังแสงแดดที่ส่องมากระทบหน้าสวย ก่อนจะโน้มตัวลงมาพูดใกล้ๆ
"เก่งไม่ใช่เหรอ..ก็ลุกยืนเอง"
ไม่พูดเปล่ามุมปากบนใบหน้าหล่อก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีชัยที่เหนือกว่า ชายหนุ่มก้มมองร่างบางที่ทำหน้างอง้ำตรงหน้า อย่างอารมณ์ดี อยากปากดีนักเขาก็จะแกล้งให้เข็ดไม่นำพาว่าคนที่นั่งหน่ามุ่ยจะเจ็บข้อเท้ามากเพียงใด
"ไปล่ะ..รีบๆตามมานะ..เดี๋ยวจะไม่ทันลงสนาม" จบบทสนทนาเขาก็เดินไปยังรถหรูคันโปรดสีดำ
"ถ้าจะมาเพราะเรื่องแค่นี้.นายก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าจะดีกว่า..ไอ้บ้า..แทนที่จะช่วยกันก่อน" คนดีตะโกนเสียงดังไล่หลังคนตัวโต เสียงดังมากทุกคนต่างหันมามองทั้งคู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แทนคุณได้ยินพลางหันมายักไหล่ ก่อนจะเปิดประตูรถหรูขับออกไปจากลานจอดรถทันทีอย่างไม่สนใจ
"โอ้ยยย!!!"
"อ้าว..คนดีนั่งทำไรตรงนั้น..ไหนว่ารีบ" พลางขำหน้าอีกคนที่นั่งไม่ขยับ แต่ปากกลับพ่นด่าไล่หลังรถหรูที่ลับตาไปนานแล้ว
"นั่งทำไรละ ฉันขาแพลง มาช่วยฉันเลย" คนดีหน้ามุ่ยค้อนเพื่อนวงใหญ่บินเดี่ยวเดินมาพยุงหญิงสาวไปนั่งใต้อาคาร แล้ววิ่งไปห้องพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลขอยา และถุงเย็นมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อลดบวมและอาการปวดเนื่องจากหญิงสาวไม่มีเวลาต้องรีบไปสนามแข่ง คิดไว้ว่าแข่งเสร็จแล้วจะไปให้ลุงม่อนตรวจ
"ไหวแน่นะ" คนดีก้มมองข้อเท้าของตัวเองถึงแม้จะยังคงรู้สึกขัดๆบ้างก็ตามที แต่ภายในใจกลับรู้สึกกังวลในการแข่งนัดสำคัญวันนี้
"อืม..เลทมากแล้ว ขอบใจมากนะบินเดี่ยว"
"อืมม " ชายหนุ่มมองตามร่างอรชรที่เดินเขยกเท้าออกไป คนดีเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มีเสน่ห์ และเก่งทุกเรื่อง เขาเองเป็นเพื่อนสนิทยังอดที่จะชื่นชมเพื่อนตัวเองไม่ได้ จริงๆเขาเคยแอบชอบแต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางเอาชนะใจหญิงสาวได้ เหมือนว่าเธอมีใครในหัวใจอยู่แล้ว
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เพราะเด็กหนุ่มที่เขาช่วยไว้ในคืนนั้นได้สูญเสียความทรงจำหมอหนุ่มจำต้องรับไว้ดูแลความใกล้ชิดทำให้หัวใจแกร่งของเขาหวั่นไหวจนเกิดเป็นความรัก แต่เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เจ้านายกลับจำเรื่องราวของเขาไม่ได้
"หนาว" ฉันเริ่มหนาวไปทั้งตัว แต่ข้างในก็ยังคงร้อนรุ่มจนอยากที่จะปลดปล่อยออกมา "อดทนไว้ ให้มันลดความร้อนรุ่มในกาย" เจ้าคุณเอ่ยบอกเสียงต่ำ คงเห็นว่าฉันสั่นสะท้านจนเขาเองแอบสงสาร “ไอ้เชี้ยชาร์ค” ฉันคำรามออกมา นึกโกรธตัวเองทีเสียทีหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น แต่ยังดีที่ไม่ได้เสียความสาวให้กับมัน “มันเป็นใคร” เจ้าคุณมองฉันอย่างคาดคั้น แต่ฉันไม่บอกหรอกยังมีหลายอย่างที่ฉันยังปิดบังเขา ฉันยังคงประท้วงให้เขาปล่อยโดยการเตะ ถีบ ต่อย เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนตัวโต ยิ่งดิ้นแรงผ้าขนหนูที่พันอกไว้ก็ยิ่งหมิ่นแหม่ พอขยับเคลื่อนไหวแรงๆและถูกน้ำจากฝักบัวยิ่งพาลจะหลุดกองลงพื้น "ไม่ตอบใช่ไหม” เจ้าคุณเริ่มหงุดหงิดเมื่อฉันไม่ยอมตอบ แต่พอผ้าขนหนูหลุดไปกองลงพื้นการสนทนาของเราทั้งคู่ก็ตัดบทจบทันที (⊙_⊙;) "มึงอย่าท้ากูนะ..ลูกศร" ยิ่งเธอท้าทาย ยิ่งทำให้ผมอยากลอง!
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ