"ภากร" พี่ชายของ"เมนิลา" โกงเงินบริษัทของ รามิล จนเสียหายมหาศาล แถมยังสร้างตราบาปให้กับ "ไลลา" น้องสาวของ "รามิล" เจ้าของและประธานบริษัทรถหรู ความแค้นจึงเกิดขึ้น เมื่อเขาเจอเมนิลาที่กลับมาจากเปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ รามิล จึงเอาตัวเธอเป็นตัวประกันเพื่อให้พี่ชายของเธอหาเงินมาชดใช้ แต่ด้วยความรักพี่ชายและครอบครัว เมนิลา จึงยอมไปเป็นตัวประกัน 3 เดือน เพื่อให้พี่ชายหาเงินมาใช้หนี้ทุกบาททุกสตางค์ เธอจึงต้องชดใช้ทุกอย่างแทนพี่ชายของตัวเอง รามิล ประธานบริษัทรถนำเข้าหรู อายุ 32 ปี เขาคือ ผู้ชายที่หล่อ เย็นชา แถมปากร้าย เมนิลา อายุ 23 ปี เธอเป็นสาวสวย นักเรียนนอก เชื่อมันในตัวเองสูง และไม่เคยยอมใคร
เมนิลา & รามิล 1 - กลับเมืองไทย
สนามบินเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน หลังจากสถานการณ์เกี่ยวกับโรคระบาดดีขึ้น ผู้คนก็เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยว เมนิลาและเพื่อนสนิทอีกสองคนเดินทางมาที่ร้านกาแฟเพื่อหาอะไรดื่ม เนื่องจากทั้งสามเพิ่งลงเครื่องมาและรู้สึกง่วงนอนเป็นอย่างมาก จึงต้องหาตัวช่วยที่จะคลายความง่วงได้
“แกเอาอะไร”
มีนาเอ่ยถามเมนิลาและมินตราก่อนที่ทั้งสองจะตอบพร้อมเพรียงกัน
“อเมริกาโน่ ขอเข้มๆ”
ทั้งสองแทบประสานเสียง วินาทีนี้คงไม่มีอะไรที่จะช่วยให้พวกเธอกระปรี้กระเปร่าได้มากเท่ากาแฟเข้มๆ อีกแล้ว ทั้งสามนั่งคุยกันระหว่างรอคนขับรถมารับ มินตราและมีนาดื่มเพียงกาแฟ ในขณะที่เมนิลานั้นเพิ่มครัวซองค์หนึ่งชิ้นเพื่อรองท้อง
“ฉันง่วงมาก สงสัยอยู่อังกฤษนานเลยไม่ชินกับเวลา”
มินตราเอ่ยขึ้น เธอถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษตัวแต่อายุเพียงสิบสองปี โดยไปอาศัยอยู่กับญาติที่เปิดร้านอาหารอยู่ในเมืองเล็กๆ แถวภากรออก แต่หลังจากเรียนจบไฮสคูลเธอก็เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในลอนดอน
ส่วนมีนานั้นเกิดและเติบโตที่อังกฤษ แต่เพราะมีครอบครัวอยู่ที่ไทยจึงตัดสินใจตามเพื่อนทั้งสองกลับมาด้วย
“ที่นี่คือบ้านเกิดพ่อและแม่ แต่ฉันไม่ชินเลยอะ”
มีนาว่าอย่างนั้นก่อนที่เธอจะดูดกาแฟจนหมดแก้ว หญิงสาวถอนหายใจยาวก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แม้ว่าจะพออ่านภาษาไทยได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจทุกคำ เธอจึงขอร้องให้เพื่อนทั้งสองช่วยแปล
“ฉันไม่เข้าใจ แปลหน่อย”
“ย่าเธอส่งข้อความมาว่าจะส่งคนมารับ”
มีนาพยักหน้าก่อนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นและบอกลาเพื่อนๆ เพื่อลงไปรอที่จุดนัดพบ ในขณะที่เมษานั้นก็ขอตัวไปช็อปปิ้ง
“ไปด้วยกันไหม”
ตอนแรกเมนิลาจะไปด้วยแต่เสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวกดรับสายก่อนที่เธอจะเอ่ยขอโทษเพื่อนสนิทเนื่องจากรถขับรถที่บ้านมารอรับแล้ว เธอจึงไม่สามารถไปกับอีกฝ่ายได้
“ขอโทษนะแก คนที่บ้านมารอแล้ว”
“ไม่เป็นไร แกรีบกลับเถอะ ถึงแล้วโทรมาด้วยล่ะ”
มีนาเอ่ยบอกเพื่อนสาวก่อนที่ทั้งสองจะโบกมือลากัน เมนิลาเดินลงมาชั้นล่างก่อนที่เธอจะมองหารถคันหรูของที่บ้านซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลมากนัก
“สวัสดีครับคุณหนู”
ชายวัยกลางคนเอ่ยทักทายก่อนที่เขาจะยกกระเป๋าไปเก็บหลังรถ ตลอดเส้นทางกลับบ้านหญิงสาวรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าในเวลาไม่กี่ปี ประเทศไทยจะเจริญขึ้นมาก ถนนหนทางก็ดีขึ้นทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ ผุดขึ้นราวดอกเห็ด
“คุณหนูจะแวะที่ไหนไหมครับ”
“ไม่ดีกว่า กลับบ้านเลยละกัน”
หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนเอนกายพิงเบาะ ชีวิตของเธอช่างสุขสบาย มีคนขับรถให้นั่งไม่ต้องไปยืนโบกแท็กซี่ ไม่ต้องยกของเอง หญิงสาวยังคงจำได้ว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวของเธอไม่ได้ร่ำรวยมากนัก พ่อกับแม่เป็นเพียงพนักงานเงินเดือน มีเงินพอกินพอใช้ไม่ลำบากขัดสน
แต่หลังจากที่พี่ชายอย่างภากรเรียนจบ เขาก็เข้าทำงานที่บริษัทนำเข้ารถหรูแห่งหนึ่ง และหลังจากนั้นไม่กี่ปี ฐานะครอบครัวก็ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ก่อนที่เขาจะลาออกมาทำธุรกิจของตัวเองและประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
นึกถึงพี่ชายแล้วใบหน้าสวยก็มีรอยยิ้ม แม้ภากรจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เขาก็เป็นลูกชายที่รักพ่อแม่และรักน้องสาวเป็นอย่างมาก
พี่ชายของเธอทำงานอย่างหนักเพื่อคุณภาพชีวิตดีให้เธอ หลังจากที่เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง เขาก็ย้ายเธอไปเรียนนานาชาติเพื่อเตรียมเรื่องภาษา ก่อนที่จะส่งเธอไปเรียนอังกฤษ โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้เธอได้รับการศึกษาคุณภาพระดับสากล
“พี่ภากรไม่รู้ใช่ไหมว่านิลากลับมา”
หญิงสาวเอ่ยถามคนขับรถก่อนที่เขาจะส่ายหน้า เขาออกมาเงียบๆ โดยบอกกับแม่บ้านว่าจะเอารถไปตรวจเช็กสภาพ โชคดีที่ทุกคนนั้นเชื่อสนิทใจและไม่ได้ซักไซ้อะไร
“ดีแล้ว นิลาตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ เลยไม่อยากให้ใครรู้”
เมนิลาว่าอย่างนั้นก่อนที่เธอจะเอนกายพิงเบาะอีกครั้ง รถหรูเลี้ยวเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่สิ่งที่สะดุดตาหญิงสาวที่สุดคือแลมโบกินีสามคันที่จอดเรียงรายอยู่หน้าบ้าน
“รถใครน่ะ”
หญิงสาวเอ่ยถามคนขับรถซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าและได้แต่ส่ายหน้าด้วยความงุนงงเช่นกัน เมนิลาก้าวลงจากรถก่อนที่เธอจะตรงเข้าไปในบ้าน เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวใจคอไม่ดี เมื่อก้าวเข้ามาก็พบว่ามีชายชุดดำยืนล้อมภากรอยู่ เห็นพี่ชายถูกซ้อมจนน่วมหยิงสาวก็รีบถลาเข้าไปหาทันที
“พี่ภากร!”
ชายหนุ่มเห็นน้องสาวโผล่มาก็ตกใจ กลัวว่าเธอจะได้รับอันตรายจึงพยายามไล่หญิงสาวออกไปจากที่นี่
“นิลา ออกไปก่อน”
เขาเอ่ยก่อนจะพยายามดันน้องสาวออกไป แต่เมนิลาไม่สามารถทิ้งพี่ชายไปได้ เธอกอดเขาเอาไว้ก่อนจะร้องไห้ออกมา
เมนิลากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาพลางจ้องมองมาทางนี้ หญิงสาวลุกขึ้นยืนก่อนจะตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
“แกเป็นใคร! มาทำร้ายพี่ฉันทำไม”
หญิงสาวตวาดถามด้วยความไม่พอใจ ภากรกลัวน้องสาวจะถูกทำร้ายจึงพยายามตะเกียกตะกายไปหาเธอ แต่กลับถูกถีบจนหงายหลัง เมนิลาที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองพี่ชายก่อนที่เธอจะตวัดสายตามองผู้มาเยือนอย่างไม่พอใจ
“นิลา พี่ขอร้อง ออกไปก่อน”
เห็นสายตาที่รามิลมองน้องสาวเขาก็รู้สึกไม่สบายใจและพยายามไล่อีกฝ่ายให้ออกไปจากสถานการณ์นี้ แต่เมนิลายืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างพี่ชาย เธอจะไม่ยอมให้ภากรถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรแจ้งตำรวจแต่รามิลกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“น้องสาวแกกำลังจะแจ้งตำรวจ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะลากคอใครเข้าคุก ระหว่างฉันกับแก”
คำพูดนั้นทำให้เมนิลาชะงักก่อนที่เธอจะหันมองพี่ชาย
“นี่มันเรื่องอะไรกันพี่ภากร”
หญิงสาวเอ่ยถามพี่ชาย เธออยากรู้ว่าต้นสายปลายเหตุคืออะไรทำไมจู่ ๆ คนพวกนี้ถึงได้บุกมาทำร้ายเขา แต่ภากรไม่ต้องการให้น้องสาวนั้นรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น เขาจึงเงียบไม่ยอมปริปากอะไร
เมนิลาร้อนใจพยายามคาดคั้นพี่ชาย แต่สุดท้ายกลับถูกเขาตวาดจนเธอนั้นสะดุ้งโหยง
“อย่าถามมากได้ไหมนิลา!”
เมื่อคนที่เพิ่งจะวันไนต์กันเมื่อคืน! ดันเป็นศัตรูทางธุรกิจของตัวเอง ลลิน - ลลินา เตชะศิรัล หญิงสาว นั่งธุรกิจ Start Up หน้าใหม่ไฟแรง เธอมีค่ำคืนสุดพิเศษ กับชายหนุ่มสุดหล่อในคืนวันเลี้ยงฉลองที่ผับ เธอปิ๊งเขา-เขาปิ๊งเธอ จนตกเป็นคืนวันไนต์ที่แสนหวาน ทว่า!! หลายวันต่อมา ฝันที่แสนหวานของเธอ กลับกลายเป็นฝันร้าย เพราะบริษัทของเธอกำลังถูกคนหยามธุรกิจ Start Up หน้าใหม่ของเธอ ด้วยการขอเทคโอเวอร์ แถมคนที่จะมาขอเทคโอเวอร์บริษัทของเธอ ดันเป็นผู้ชายที่เธอมีอะไรด้วยในคืนก่อน ไทม์ - แทนไท ภาคเวคินทร์ ประธานหนุ่มสุดหล่อที่เพิ่งจะผ่านคืนอันเร่าร้อนที่แสนจะลงตัวกับลลิน เธอกับเขาดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีไปหยก ๆ แต่ไหงวันต่อมา เขาดันกลายเป็นพวกฉวยโอกาสทางธุรกิจไปได้เสียนี้ ในทางธุรกิจ หญิงสาวเกลียดพวกฉวยโอกาสอย่างที่เขาทำอยู่เข้าไส้ ทว่าในทางลีลารักบนเตียง เธอกับเขาดันเข้ากันได้ดีมาก เห็นทีคราวนี้เธอจะต้องแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แล้วเธอจะทำได้ไหมนะ! เมื่อศัตรูทางธุรกิจ กับ คนที่หัวใจต้องการเป็นคนเดียวกัน!!
ไซเรน เสียงสัญญาณเตือนของความอันตรายผู้ชายดิบเถื่อนแต่ทว่ากับมีใบหน้าหล่อเหลาดั่งพระเจ้าปั้น แม้ใบหน้าจะหล่อแต่นิสัยของเขาก็ไม่ได้ดีตามหน้าตาเลยสักนิด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้ปฏิญาณตนว่าไซเรนผู้โหดดิบเถื่อนคนนี้จะเป็นเด็กดีของน้องเทียร์แต่เพียงผู้เดียว ไซเรน อายุ29ปี มาเฟียผู้ดิบเถื่อนโหดให้กับคนทั้งโลกแต่ใจดีให้กับเธอผู้เดียว “ขอบคุณนะครับที่ช่วยชีวิตผม ไม่ทราบว่าผมขอตอบแทนเป็นการให้ผมได้เป็นสามีคุณจะได้ไหมครับ” เทียร์ อายุ23ปี เด็กสาวที่กำลังจะเรียนจบได้เข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่งไว้หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็ไม่มีความสงบสุขอีกเลย “ไหนลองคลานมาอ้อนหน่อยสิคะ” “ถ้าอยากให้รักก็ช่วยทำตัวเป็นปกติได้ไหมคะ?” “แล้วตอนนี้พี่ไม่ปกติตรงไหน” “ทุกตรง!!” “เทียร์ครับอยากเลีย” “เลียอะไรคะ?” “พูดได้หรือครับ”
เมื่อเธอตกหลุมรักเพื่อนพี่ชายเข้าอย่างจังตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่ทว่า เขานั้นมีคนในใจอยู่แล้วซึ่งก็คือเพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม แต่คนอย่างเธอนะเหรอจะสน ในเมื่อคนที่เขาชอบไม่ได้ชอบเขา นั่นก็หมายความว่าเธอก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้เขามารับรักเธอ "ถึงเขาไม่รักพี่แต่ควีนรักพี่นะ"
คีย์ - คณะวิศวะคอมปี 1 พริมโรส - คณะบริหารปี 1 พริมโรสมีเพื่อนสนิทรวมก๊วน คือมะตูมและไผ่หลิว นทีเป็นเพื่อนของคีย์ เมื่อนทีจีบไผ่หลิว ทำให้กลุ่มเพื่อนของเขาและเธอสนิทกัน ทุกครั้งที่พริมโรสโดนรุ่นพี่แกล้ง คีย์ก็จะมาปกป้องคอยช่วยเหลือเธอเสมอ ความรักเลยค่อยๆ พัฒนาจากความเป็นเพื่อนเลื่อนเป็นแฟน
เมื่อณาลัลน์สาวยูทูปเปอร์ชื่อดังรับคำท้าจากเพื่อนสาว ให้จีบคุณหมอเมธัสสุดหล่อที่เย็นชาขึ้นชื่อ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่เขาเย็นชาเพราะไม่สนสาว ๆ หรือเพราะว่าเขาเป็นเกย์กันแน่นะ!
"ไหนบอกไม่ชอบผู้หญิงไงคะทำไมรู้ทุกจุดเลยล่ะ" "อย่าพูดมากแล้วอ้าขาให้พี่สิครับเด็กดี"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"