เขมนัทต์แทบจะตกเก้าอี้เมื่อรู้ว่า หญิงสาวคนต่อไปที่จะมาเป็นเมียบำเรอเขาคือใคร เธอคือเอมิกา สาวน้อยกะโปโลที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย เจอหน้ากันทีไร เมินใส่เสมอ กลืนน้ำลายตัวเองแทบไม่ทัน... เขาพบกับคำนี้ เมื่อได้พบกับเอมิกาในลุคใหม่... จากเดินหนีเป็นพุ่งใส่....ใส่แบบไม่ยั้งด้วย ........ “มานี่สิ” เสียงเขมนัทต์ดังทำลายความเงียบ เอมิกาก้าวเดินมาหาคนสั่งด้วยขาค่อนข้างสั่น แต่หัวใจสั่นหนักกว่า ยิ่งเดินเข้าใกล้เขา อัตราการเต้นของหัวใจก็ยิ่งเพิ่มทวี เอมิกามาหยุดยืนริมเตียง เธอหลุบตามองลำแขนใหญ่ที่ยกขึ้นสูง และเคลื่อนตัวมาจับเอวตน ก่อนเขาจะออกแรงรั้งร่างสาวมานั่งบนตัก เก็บกักเอมิกาไว้ด้วยอ้อมแขน ทั้งสองจึงชิดใกล้กันมากขึ้น มีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบอกเอมิกาเท่านั้นที่กั้นกลาง ว้าว... กลิ่นกายเอมิกาหอมมาก หอมกระตุ้นความกำหนัดเขาได้เป็นอย่างดี เขาไม่รู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ว่า เพียงแค่ได้สัมผัสกลิ่นกายเธอ อารมณ์ตนจะพลุ่งพล่าน ความกำหนัดถูกปลุกขึ้นมาทันใด เขมนัทต์กอดเอมิกาแน่นขึ้น กดจมูกลงบนหัวไหล่เธอ วินาทีนี้ร่างเธอสั่นสะท้าน หัวใจเต้นกระหน่ำ ความตื่นเต้นปกคลุมจิตใจ “หอมจัง” เขมนัทต์พูดหลังจากได้สูดดมความหอมที่คละเคล้ากันระหว่าง กลิ่นโลชั่นกับกลิ่นแป้ง “ไม่รู้ว่า ตรงอื่นจะหอมอย่างนี้ไหม ไม่แน่อาจหอมกว่าด้วยซ้ำไป” โอ้ว... ประโยคนี้ชวนใจสั่นตัวสั่นเหลือเกิน เอมิกาไม่ใช่เด็กน้อยถึงไม่รู้ว่า ความนัยในคำพูดเขมนัทต์คืออะไร แรงสั่นทำให้เจ้าของอ้อมแขนลอบยิ้ม
1
โอ๊ย...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มารดาจะมีความคิดนี้อยู่
4 ปีแล้ว 4 ปีที่ไม่มีเรื่องนี้มาระคายใจ นึกว่าเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว
สุดท้ายก็มีจนได้!
“คุณแม่ว่าอะไรนะครับ จะให้เอมมาเป็นนางบำเรอผมหรือครับ ผมไม่เอานะ ไม่ใช่สเปค ตัวก็ดำ สวยก็ไม่สวย ถ้าเป็นโมนาก็ว่าไปอย่าง” เขมนัทต์หรือเกมส์รีบปฏิเสธคุณหญิงสร้อยระย้าผู้เป็นมารดาทันทีที่รู้ว่า หญิงสาวที่มารดาหามาให้เป็นแม่พันธ์คนที่เจ็ดคือใคร
“แม่ว่าเอมนี่แหละดีแล้ว ไม่สวยแต่นิสัยดีมากๆ เลย แม่ชอบ” อันที่จริงสร้อยระย้าหมายตาเอมิกามานานแล้ว ทว่าด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะด้วยอายุของเอมิกา อีกทั้งเธอยังศึกษาอยู่ต่างประเทศ จึงไม่สะดวกต่อภารกิจนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว นางจึงรีบจัดการก่อนมีใครตัดหน้า
“คุณแม่ชอบ แต่ผมไม่ชอบ ผมว่าเอาโมนาดีกว่าครับคุณแม่ สวย หุ่นดี ผมชอบมากกว่าเอมเสียอีก” เขมนัทต์ต่อรอง “แค่ผมนึกถึงหน้าเอม อารมณ์ผมก็ดับแล้วครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณแม่อดได้หลาน ผมไม่รู้ด้วยนะ”
“แม่ไม่เชื่อหรอกว่า แกเห็นเอมแล้วอารมณ์จะดับ แม่ว่าวิ่งเข้าใส่มากกว่า” สร้อยระย้าคิดไปอีกทาง “แกเคยได้ยินคำนี้ไหมว่า เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ครั้งสุดท้ายที่แกเห็นเอมคือเจ็ดปีก่อนนะ ตอนนั้นเอมอายุสิบห้า ตอนนี้เอมอายุยี่สิบสอง โตเป็นสาวแล้วด้วย ไม่ใช่เด็กกะโปโลอย่างที่แกรู้จัก”
“เจ็ดปีก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากหรอกครับคุณแม่ รูปร่างหน้าตาอย่างเอมจะเปลี่ยนอะไรได้เยอะ นอกจากไปศัลยกรรมเท่านั้นแหละครับที่จะทำให้สวยจนจำไม่ได้” เขมนัทต์ยังคงคิดต่าง “แล้วคุณแม่คิดยังไงครับถึงได้หาผู้หญิงมาเป็นแม่ของลูกผมอีก ผมนึกว่าคุณแม่เลิกล้มความตั้งใจแล้วซะอีก”
เป็นคำถามที่อดถามไม่ได้
“ก็แม่อยากมีหลานไงล่ะ อยากมีมากๆ ด้วย สี่ปีมานี้แกไม่หาเมียสักที บ้างานอยู่ได้” นางตอบทันที “เอาอย่างนี้ดีไหม รอให้แกเห็นเอมก่อน ถ้าแกโอเคแม่จะไม่บังคับ แล้วจะไม่หาผู้หญิงให้แกแล้วด้วย จะให้แกหาเอง ถ้าแกไม่อยากมีเมียแม่ก็ไม่บังคับ ถือเสียว่าแม่บุญน้อย ไม่มีวาสนาได้เลี้ยงหลานเหมือนคนอื่นเขา”
น้ำเสียงสร้อยระย้าดูเศร้า เสมือนสีหน้า
“โถ...คุณหญิงของสาย มีเงินมีทองล้นฟ้า แต่ไม่มีหลานเหมือนคนอื่น บุญน้อยไม่พอ ลูกชายยังใจร้ายใจดำไม่ทำหลานให้แม่อีก โถๆๆๆ สายสงส๊านสงสารคุณหญิงจริงๆ เลยค่ะ”
สายพิณ คนรับใช้คู่บุญสร้อยระย้ามามากกว่าสี่สิบปีพูดเคล้าน้ำตา เขมนัทต์กรอกตาบน รู้ทันทีเลยว่า ถ้าไม่ยอมมีหวังเป็นลูกอกตัญญูอีกเช่นเคย
“โอเคครับ ผมยอมแล้ว ผมจะปิดไฟตอนนอนกับเอม จะได้ไม่ต้องเห็นหน้า เอาให้เสร็จๆ ไป แต่เหมือนเดิมนะครับ ถ้าสามเดือนแล้วเอมไม่ท้องก็จบ คุณแม่ห้ามหาผู้หญิงให้ผมนะครับ ผมจะหาเอง” สร้อยระย้าเปลี่ยนสีหน้าทันที ความหมองเศร้าไม่มีให้เห็น
“ตามนี้เลยลูก”
สร้อยระย้าตอบตกลง หันมายิ้มกับสายพิณ นางมั่นใจว่า ทันทีที่เขมนัทต์เห็นหน้าเอมิกา จะต้องเปลี่ยนใจจากนอนเปิดไฟเป็นเปิดไฟสว่างจ้าแน่นอน
เหตุผลที่สร้อยระย้าต้องหาผู้หญิงมาเป็นแม่ของหลานเพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหวงความโสดหนักมาก นอกจากจะไม่ยอมหาคนรักเพื่อมาเป็นเมียและเป็นแม่ของลูก ยังบ้างานราวกับว่าเงินในบัญชีมีแค่หนึ่งร้อยบาท ต้องรีบหามาเข้าบัญชี ทั้งที่ในความเป็นจริง มีใช้ไม่หวาดไม่ไหว
สร้อยระย้าจึงหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมมาเป็นแม่ของหลาน โดยตั้งกฎเกณฑ์ไว้ว่า หากภายในสามเดือนผู้หญิงคนนั้นๆ ไม่ตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติเท่านั้น ก็ต้องย้ายออกจากบ้าน รอคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งเอมิกาจะเป็นผู้หญิงคนที่เจ็ดที่จะเข้ามาเป็นเมียบำเรอของเขมนัทต์...
เมียบำเรอที่เขาไม่ต้องการมากที่สุด
มือเรียวสวยพับเสื้อผ้าจัดเรียงใส่กระเป๋าเดินทางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ขณะนั่งจัดกระเป๋า เอมิกานึกถึงหน้าที่สำคัญหลังเรียนจบชั้นปริญญาตรี แทนที่จะหางานทำตามความฝันหรือร่ำเรียนต่อ เธอต้องกลับเมืองไทยไปเป็นนางบำเรอของชายหนุ่มรูปงาม เจ้าของน้ำเสียงดุๆ ที่มักพูดตะคอกใส่เธอเสมอ ต่างกับเวลาที่เขาพูดคุยกับโมนิก้า พี่สาวต่างบิดา น้ำเสียงจะคนละเรื่องกันเลย ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผู้ชายมักอยากสนทนากับสาวสวยลูกครึ่ง ต่างกับเธอที่ตอนนั้นเป็นเด็กกะโปโล ผิวคล้ำ หน้าตามอมแมม
เอมิกาหวาดวิตกว่า เขมนัทต์จะต้องการตนเป็นนางบำเรอหรือไม่ เธอจำวันสุดท้ายที่เจอหน้ากันได้ดี เขาล่ำลาแค่โมนิกากับครอบครัวตนเท่านั้น ไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำไป เธอจึงกลัวว่า เขาอาจแสดงทีท่ารังเกียจตน หากเป็นเช่นนั้น เอมิกาคงเสียใจมาก
“นั่งหน้าเศร้าเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาอีกแล้ว ยังคิดมากเรื่องนั้นอีกหรือไง”
โมนิก้าเหมือนรู้ใจน้องสาวต่างบิดา เธอทรุดตัวลงนั่งบนเตียง มองดูเอมิกาจัดกระเป๋า
“ก็อดคิดไม่ได้ พี่โมนาก็รู้นี่ว่า คุณเกมส์ไม่ชอบหน้าเอมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่รู้ว่าเห็นหน้าเอมจะอ้วกใส่หรือเปล่า”
“โอ๊ย! ไม่ต้องกลัวเลยเรื่องนี้ พี่ว่าพุ่งใส่แกมากกว่า” โมนิก้าคิดตรงกันข้ามกับน้องสาว “ตอนนี้แกโตเป็นสาวเต็มตัว เนื้อเป็นเนื้อ โดยเฉพาะนมแกน่ะ ใหญ่ยิ่งกว่าหัวเด็กซะอีก ที่สำคัญสวยกว่าก่อนเป็นร้อยกอง ไม่งั้นหนุ่มๆ ที่นี่คงไม่ตามจีบแกเป็นแถวยาวหรอก เชื่อฉันสิว่า คุณเกมส์เห็นแกในลุคใหม่ล่ะก็ พุ่งใส่แน่นอน”
โมนิก้าไม่ได้พูดเกินจริง เวลาเจ็ดปีมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ความเป็นเด็กในตัวเอมิกาหมดไป ตอนนี้แตกเนื้อสาวเต็มที่ โตเป็นสาวสะพรั่งราวกับดอกไม้แรกแย้ม หมู่ภมรทั้งหลายต่างพากันบินมาดอมดม ทว่าเอมิกาไม่เปิดรับใคร ราวกับว่า เธอมีใครคนหนึ่งในใจ ซึ่งโมนิก้าก็รู้ว่า คนนั้นคือใคร
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"