“โดนกูเปิดบริสุทธิ์ตั้งแต่คืนเข้าหอ จนถึงตอนนี้มี คxx ของไอ้ตัวไหนกระแทกส่วนนั้นของมึงบ้างแล้วล่ะ?”
บทนำ
หนึ่งปีที่แล้ว
“ผมไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนไหน นอกจากเมจิแฟนผม!” ชายหนุ่มโพล่งขึ้นเสียงดุดัน ใบหน้าอันหล่อเหลาฉายแววเกรี้ยวโกรธ นัยน์ตาคมกริบจ้องผู้เป็นพ่อตาเขม็ง
“แต่แกต้องแต่งกับลูกสาวของคุณทัศ เขามีพระคุณกับครอบครัวเรา!”
“หึ ๆ มีพระคุณ?” เจ้าของใบหน้าหล่อแค่นเสียงหัวเราะเย็นเยียบออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ากวนอารมณ์ ตามด้วยประโยคอันร้ายกาจ “แต่ไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ จนต้องเอาลูกสาวมาเร่ขายเพื่อชดใช้แทนเนี่ยนะ ยัยเด็กนั่นก็คงระริกระรี้อยากแต่งงานกับผมจนตัวสั่น ถึงได้ยอมพ่อตัวเองเอาง่าย ๆ”
“หุบปากเน่า ๆ ของแกซะ! ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับหนูมีนา ถ้าแกยังดื้อด้าน ทุกอย่างที่เป็นของแกหรือแม้กระทั่งผู้หญิงคนนั้น ฉันจะทำลายมันทิ้งให้หมด แกเองก็รู้จักนิสัยฉันดีนะ เพราะฉะนั้นก็คิดเอาเองว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง!” ชายวัยกลางคนยื่นคำขาดด้วยถ้อยคำข่มขู่ และเมื่อจบประโยค จึงเดินหนีไปทันที ปล่อยให้ลูกชายได้ไตร่ตรองถามไถ่ตัวเอง
ฮัททสึกำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นปูดนูนขึ้นมา พลางกัดกรามดังกรอด~ จนเห็นเป็นสันกรามเด่นชัด อารมณ์เดือดดาลภายในใจปะทุหนักกว่าเดิมเมื่อฟังประโยคของผู้เป็นพ่อ หัวใจแกร่งบีบรัดแน่นจวนปวดหนึบยามที่ต้องห่างเหินจากคนรัก หนำซ้ำยังถูกบังคับแต่งงานกับเด็กที่มีอายุเพียงสิบเจ็ดปี คราวนี้คงจนมุมแล้วจริง ๆ หากผู้เป็นพ่อไม่ใช้คนรักเข้ามาต่อรองก็อย่าหวังว่าตนจะยอม
วันแต่งงาน (ประเทศญี่ปุ่น)
“อึก~ฮืออ~” หญิงสาวในชุดแต่งงานชิโรมุคุสีขาว สวมกอดผู้เป็นแม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักในห้องรับรองบ้านของฝ่ายเจ้าบ่าว “นา...ไม่อยากแต่งงาน...อึก~”
“แม่ขอโทษนะลูกที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย“ ฝ่ามือหยาบของผู้เป็นแม่ลูบหลังปลอบประโลมลูกสาวด้วยหัวใจที่แทบแตกสลาย ยามเห็นหัวแก้วหัวแหวนต้องเจ็บปวดร้องไห้เพราะต้องฝืนใจ” ลูกสาวของแม่เก่งอยู่แล้วเนอะ แม่เชื่อว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นนะลูกรัก“ สองมือประคองใบหน้าหวานที่เลอะเปรอะเปื้อนด้วยเม็ดน้ำตาขึ้นมา พลางใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน
แกร๊ก~
ขณะเดียวกันบานประตูก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับร่างใหญ่ของชายวัยกลางคน “หยุดร้องได้แล้วยัยมีนา พิธีงานแต่งใกล้เริ่มแล้ว”
“ไม่ร้องแล้วนะลูก”
หญิงสาวพยักหน้าให้ผู้เป็นแม่อย่างเข้าใจ แววตาคู่สวยเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง จากนั้นเธอจึงเดินคล้องแขนผู้เป็นพ่อเข้ามาในพื้นที่แท่นบูชาหน้าบ้านฝ่ายชาย เพื่อทำตามขนบธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่น ณ สถานที่ตรงนี้ ไม่มีแขกคนอื่นร่วมด้วย มีเพียงเหล่าลูกน้องที่ยืนเฝ้าตามจุดบริเวณบ้าน เพราะงานถูกจัดขึ้นเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น เนื่องจากเจ้าสาวยังอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ จึงยังไม่ต้องการจัดงานให้เอิกเกริก
“ไปรับน้องมานั่งสิ” เมื่อลูกชายยังนิ่งเฉยเอาแต่นั่งทำหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ ผู้เป็นพ่อจึงเดินเข้ามากระซิบสั่ง
ฮัททสึไม่ตอบแต่ดันตัวลุกขึ้นเต็มความสูง สาวเท้าเข้าหาเจ้าสาวด้วยท่าทางขึงขัง แววตาคมจ้องมองหญิงสาวตาเขม็ง พลางกัดฟันแน่นข่มอารมณ์จนเห็นสันกรามปูดนูนชัดเจน แม้ว่าเธอคนนั้นจะสวยน่ารักมากแค่ไหนก็ตาม แต่กลับไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มหลงใหลได้เลยแม้แต่น้อย
หมับ!
“อ๊ะ!” มือใหญ่กระชากต้นแขนเล็กออกจากท่อนแขนแกร่งของชายวัยกลางคนแล้วบีบรัดอย่างแรง จนหญิงสาวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บแปลบราวกับกระดูกจะแตกหัก เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกในงานแต่ง ชายหนุ่มก็แสดงท่าทางป่าเถื่อน โดยไม่สนใจสายตาของใครหลายคู่ที่จ้องมองมา
ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวหนักกว่าเดิม เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาดุดันคู่นั้น จนเผลอลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอโดยอัตโนมัติ หนำซ้ำดวงตาสุกใสยังเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตาจวนจะหลั่งไหลออกมาเต็มที
“เจ็บไหมลูก” ทัศเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถต่อว่าลูกชายของเจ้าหนี้ได้ แม้ภายในใจจะเจ็บแค้นแทนลูกสาวมากเพียงใดก็ตาม
มีนาไม่ได้ตอบสิ่งใด เพียงแต่ก้มหน้าหลบสายตาผู้เป็นพ่อเท่านั้น
“แม่ง! ” ฮัททสึสบถถ้อยคำหยาบคายออกมาอย่างรำคาญ ทั้งที่มือใหญ่ยังบีบต้นแขนของหญิงสาวแน่น “ทำตัวน่าสงสารอยู่ได้ รำคาญสัส!”
“แกอย่ามาทำตัวต่ำทรามนะไอ้ฮัท!” คาทสึทนไม่ไหว รีบเร่งเข้ามาปรามลูกชายตัวดี
ฮัททสึดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วปล่อยมือออกจากต้นแขนหญิงสาว โดยไม่ตอบโต้ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินตรงไปที่หน้าแท่นพิธีเช่นเดิม คาทสึจึงส่ายหัวเอือมระอา
“ขอโทษคุณทัศ คุณปรีดา แล้วก็หนูมีนาด้วยนะครับ”
“ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ เจ้าฮัทคงเครียดเรื่องงานน่ะค่ะ” จีน่าแก้ต่างให้ลูกชายต่อจากสามีด้วยความเกรงใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกหนี้ก็ตาม แต่พวกเขาก็เคยช่วยชีวิตเธอและสามีเมื่อหลายปีก่อนครั้งไปคุมงามที่บริษัทประเทศไทย
“ผมเข้าใจครับ”
“หนูมีนาไม่เป็นอะไรนะลูก”
“ค่ะ” มีนาตอบรับอย่างสุภาพ ทั้งที่ภายในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและสิ้นหวัง ไม่ทันได้ใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นก็ต้องมีสามีเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี หนำซ้ำยังต้องมารับมือกับสามีที่ดูท่าทีเขาคงเกลียดและไม่ชอบเธอมากเช่นกัน ดูจากการกระทำรวมถึงวาจาเมื่อสักครู่
เวลาต่อมา...
เมื่อทำพิธีข้างต้นเสร็จเรียบร้อยจึงดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่ทั้งคู่ต้องสวมแหวนแต่งงานให้กัน
“ฮัททสึหยิบแหวนในกล่องใส่ให้น้องสิลูก” จีน่าบอกเจ้าลูกชาย เมื่อฮัททสึเอาแต่นั่งทำหน้าถมึงทึงบ่งบอกถึงความไม่เต็มใจอย่างเปิดเผย แต่ก็ยอมหยิบแหวนจากกล่องตามคำของผู้เป็นแม่
กึก!
มีนานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เมื่อถูกมือใหญ่กระชากมือเพื่อสวมแหวน หนำซ้ำยังบีบแน่นราวกับต้องการให้แหลกละเอียด เธอได้แต่ข่มอาการเหล่านั้นไว้แล้วเงยหน้าจ้องคนใจร้ายอย่างเกลียดชัง โดยที่อีกคนไม่แม้แต่จะชายตามองมาที่เธอ
“มีนาสวมแหวนให้พี่เลยลูก” ปรีดาบอกลูกสาว
มีนาหยิบแหวนและสวมให้ฮัททสึ ก่อนจะจิกเล็บลงหลังมือเพื่อเป็นการเอาคืน ทำให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งส่งสายตาอำมหิตมาให้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เธอก็ไม่สนใจเลือกที่จะเบือนหน้าหนีแทน
หลังจากจบสิ้นพิธีตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น ทุกคนจึงเข้ามารวมตัวกันอยู่ในห้องอาหารเพื่อพูดคุยกันตามประสา
“ตามที่ตกลงกันไว้นะครับ เมื่อไหร่ที่หนูมีนาอายุครบสิบแปดปี ผมจะให้ทั้งสองย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังเดียวกันที่ประเทศไทย หลังจากที่เจ้าฮัทไปรับตำแหน่งประธานบริษัทที่นู่น” คาทสึย้ำข้อตกลงอีกครั้งกับครอบครัวอีกฝ่าย ซึ่งครอบครัวของพวกเขาต่างก็พูดภาษาไทยกันได้อย่างคล่องแคล่ว
ในขณะที่ลูกชายและลูกสะใภ้เอาแต่นั่งอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครหยิบจับอาหารตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งสีหน้าทั้งคู่อมทุกข์ไม่ต่างกัน
“ครับ คุณคาทสึ” ทัศตอบรับ
“ระหว่างนี้ผมจะให้เจ้าฮัททสึรับตำแหน่งรองประธานที่นี่หนึ่งปี รอจนกว่าหนูมีนาจะอายุครบสิบแปด ผมจะส่งตัวเจ้าลูกชายผมไปที่เมืองไทยทันทีครับ” คาทสึอธิบายต่อ
“สำหรับผมยังไงก็ได้ครับ ตามที่ตกลงกันไว้เลย”
“จีว่าเรามาทานข้าวกันดีกว่าค่ะ” ภรรยาของคาทสึเอ่ยขึ้นทุกคนจึงพยักหน้ารับ “ ฮัทลูก ตักอาหารให้น้องสิคะ”
ฮัททสึตักอาหารให้ภรรยาตัวเองที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างไม่เต็มใจ
มีนาระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างอ่อนจิตอ่อนใจ พยายามกล้ำกลืนฝืนทนยอมจำนนกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ เธอต้องเข้มแข็งเข้าไว้เพื่อตัวเองและครอบครัว
#เวลาต่อมา...
หลังจากส่งบ่าวสาวเข้าหอตามธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศไทย ซึ่งต่อจากธรรมเนียมประเทศญี่ปุ่น จึงเหลือเพียงฮัททสึและมีนาอยู่ในห้องด้วยกันสองคน
“ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย”มีนาพึมพำถามตัวเองอยู่บนเตียงใหญ่ด้วยความกระวนกระวาย หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำจนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ซึ่งฮัททสึหนีเข้าห้องน้ำตั้งแต่เข้ามาแล้ว
แกร๊ก~
ระหว่างนั้นบานประตูห้องน้ำก็เปิดออก พลันให้หญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งตัวโหยงตกใจกับเสียง แล้วหันขวับมองด้านหลังโดยอัตโนมัติ ก็เจอกับร่างสูงของฮัททสึที่ยืนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์สีดำ เซตผมหน้าม้าขึ้นอย่างหล่อเหลาเตรียมตัวออกไปเที่ยว ทั้งที่เป็นคืนเข้าหอของตัวเองแท้ ๆ
“มองทำไม!?” เจ้าของใบหน้าหล่อตะคอกถามอย่างไม่สบอารมณ์ ครั้นสบเข้ากับนัยน์ตาคู่งามที่ฉายแววหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด
“เปล่าค่ะ”
ฟิ้ววว~
แหวนแต่งงานถูกชายหนุ่มโยนมากลางเตียงใหญ่”ฉันให้ เผื่อเธอจะได้เอาไปขายแลกเป็นเศษเงิน”
“ฉันไม่ได้ต้องการ!” มีนาอึ้งอยู่สักพักก่อนจะดันตัวลุกโต้เถียงอย่างไม่พอใจ ยามที่ถูกเขาพูดเชิงดูถูก
“แล้วแต่มึงดิ” ฮัททสึไหวไหล่ ก่อนจะเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจท่าทางของหญิงสาว ทำเอามีนาถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ ในหัวอยากจะฟาดคนปากหมาหยาบคายด้วยรองเท้าแตะซะเต็มประดา
" ฉันจะทำให้พี่เธอรู้จักการสูญเสียเหมือนที่มันทำกับพี่ชายฉัน คนทรยศ อย่างมันต้องตาย หรือการตายสำหรับมันจะง่ายไป เธอคิดว่าไงล่ะ ? " "อย่าทำอะไรพี่ชายลินเลยนะคะ "
เขาแต่งงานกับเธอเพราะผลประโยชน์ แต่เธอแต่งงานกับเขาเพราะรัก อีกทั้งพี่สาวยังเป็นแฟนเก่าของเขา....
" ถ้าฉันยังไม่เบื่อเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...นอกจากเธอจะนอนถางขาให้ฉันเอาจนกว่าฉันจะเบื่อไปเอง! "
พระเอกซึ่งเป็นหมอเจ้าของโรงพยาบาล และ เป็นมาเฟีย เขาถูกบังคับให้หมั้นกับนางเอก เธอเป็นนักเขียนนิยายอยู่ในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"