เพียงแค่เห็นหน้า สัญชาตญาณนักล่าก็ถูกกระตุ้น แต่เพราะกลัวว่าเจ้าลูกแกะตัวน้อยจะตกใจและหนีหาย เมคินจึงต้องใช้วิธีอ้อมๆ ต้อนเจ้าแกะน้อยให้เข้ามาใกล้ หลอกให้ตายใจก่อนลงมือขย้ำ
เพียงแค่เห็นหน้า สัญชาตญาณนักล่าก็ถูกกระตุ้น แต่เพราะกลัวว่าเจ้าลูกแกะตัวน้อยจะตกใจและหนีหาย เมคินจึงต้องใช้วิธีอ้อมๆ ต้อนเจ้าแกะน้อยให้เข้ามาใกล้ หลอกให้ตายใจก่อนลงมือขย้ำ
**นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ชื่อ สกุล สถานที่ ตัวละคร เป็นเพียงเรื่องสมมุติไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของใครทั้งสิ้น
**นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ ความรุนแรงไม่เหมาะสมสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
**นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำ สแกนหนังสือหรือกระบวนการอิเล็กทรอนิกซ์ใดๆ ของเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของนิยาย (หากพบเห็นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย)
ขอโทษทีเลขาคนนี้ผมจอง
เซฟโซน
“คนที่เท่าไหร่แล้ว”
“ไม่รู้ครับผมไม่นับ” เขาตอบหน้าตาเฉย
เมคินลูกชายคนเล็กของคุณเมฆาเจ้าของบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เขาเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นเพราะตั้งแต่เรียนจบจากอเมริกาก็เข้ามาช่วยบิดาบริหารงานจนถึงตอนนี้ก็เกือบ 5 ปีแล้ว ที่ชายหนุ่มโลดแล่นอยู่บนถนนสายธุรกิจ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาชายหนุ่มทำงานอย่างหนักเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากบริษัทต่างๆ ที่ผุดกันขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด แต่เพราะเขาพยายามทุ่มเทอย่างหนัก เขาจึงใช้งานเลขาแต่ละคนหนักตามไปด้วย เลขาส่วนใหญ่จึงทนไม่ไหวและพากันลาออกไปหลายคนแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาสมัครเป็นเลขาขอของเขาอยู่เรื่อย ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นผู้หญิงสวยๆ ที่อยากพาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดกับชายหนุ่มสุดฮ็อต แต่พอเขาไม่เล่นด้วยแถมยังใช้งานอย่างหนักพวกเธอจึงพากันลาออก
“พี่ว่าคินคงต้องหาเลขาที่เป็นผู้ชายบ้างแล้วล่ะ จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบเดิม”
เมลดาลูกสาวคนโตของเมฆาออกความคิดเห็น แม้เธอจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วแต่ก็มักจะหาเวลาว่างมาทานอาหารกับครอบครัวอยู่เป็นประจำ
“แม่เห็นด้วยนะเมย์”
“ก็ดีเหมือนกันนะพี่ ผู้ชายคงทำงานอึดดี แต่เรื่องความละเอียดรอบคอบนี่สิ” เขายังไม่เคยทำงานกับผู้ชายก็เลยกังวล
“ลองดูก่อนถ้าถูกใจก็ค่อยว่ากันอีกที”
“ใช่สิ สามีพี่เมย์ก็มีเลขาเป็นผู้ชาย พี่หาให้ผมสักคนสิ”
“แล้วพี่จะลองถามดูนะ ระหว่างนี้ก็ให้คุณวีณาช่วยงานไปก่อน”
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจพร้อมกับสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มทน
วีณาที่พี่สาวพูดถึงคืออดีตเลขาของเขาที่พอจะไล่ออกก็เกิดสงสารเพราะเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวชายหนุ่มจึงยังจ้างเธอให้คอยทำงานเอกสารช่วยเลขาของเขาอีกที ไม่ใช่ว่าวีณาทำงานไม่ดี แต่เพราะเธอมีลูกที่ต้องคอยดูแล เขาจึงต้องหาเลขาซึ่งมีหน้าที่ตามเขาไปทำงานข้างนอกได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เลขาแต่ละคนอยู่กับเขาไม่นาน
บริษัท M-Beverage
“คุณวีณา วันนี้ช่วงเย็นผมต้องไปที่ไหนหรือเปล่า”
“มีงานเลี้ยงวันเกิดคุณเวหาค่ะ วีจัดการเรื่องของขวัญให้แล้วนะคะ อยู่บนโต๊ะในห้องทำงานค่ะ”
“ขอบคุณครับ ช่วงนี้ผมคงรบกวนคุณไม่น้อย”
“รบกวนอะไรกันคะ วีเป็นลูกน้องนะคะ บอสจะต้องมาเกรงใจทำไม อยากให้วีทำอะไรบอสบอกมาได้เลยนะคะ”
“ครับ” พูดจบเขาก็เข้าห้องไป
ชายหนุ่มนั่งอ่านเอกสารจากฝ่ายวิจัยการตลาดที่เขาให้ไปสำรวจเกี่ยวกับเครื่องดื่มสำหรับคนรักสุขภาพซึ่งบริษัทของเขาได้ริเริ่มพัฒนาและวางขายไปบ้างแล้ว ซึ่งผลตอบรับก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง
สินค้าตัวใหม่ที่เขากำลังผลิตคือน้ำขิงคั้นสด แต่ยังติดปัญหาเรื่องขิงที่จะนำมาผลิตเพราะผู้ค้าส่งรายใหญ่ติดสัญญากับบริษัทเดิมซึ่งนำขิงไปผลิตในรูปแบบของผงขิงสำเร็จรูป
ช่วงวันหยุดยาวนี้ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะต้องเดินทางไปจังหวัดเพชรบูรณ์เพราะที่นั่นเป็นแหล่งปลูกขิงแหล่งใหญ่ของประเทศ
ระหว่างรอให้ถึงเวลาไปงานของเพื่อนร่วมธุรกิจ เมคินก็หาที่พักไปพลางๆ ครั้งแรกชายหนุ่มคิดจะจองโรงแรมที่เขาค้อ แต่เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่พักใบแบบที่เขาต้องการจึงเต็มทุกที่ เขาจึงเลือกที่พักในตำบลเข็กน้อยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่เขาจะไปไม่มากนัก พอเลือกห้องพักเสร็จก็จัดการเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เรียบร้อย ก่อนจะปิดไฟในห้องหยิบกล่องของขวัญแล้วเดินออกจากห้องตรงไปยังลานจอดรถ
เวลาเกือบสองทุ่มทุกคนในบริษัทต่างก็กลับกันไปหมดแล้ว เพราะเป็นวันหยุดยาวเขาจึงบอกทุกคนว่าไม่ต้องทำโอที
งานวันเกิดของเวหาจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ เพราะมันใช่เพียงแค่งานวันเกิดธรรมดาแต่เพราะในวันนี้เป็นวันที่บิดาของชายหนุ่มจะวางมือจากธุรกิจและให้ลูกชายคนเดียวขึ้นมาบริหารงานแทนทั้งหมด
พอส่งของขวัญให้กับเจ้าของวันเกิดแล้ววายุก็มานั่งยังโต๊ะที่ทางเจ้าภาพจัดไว้ให้ เพื่อนร่วมโต๊ะก็เป็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาดีอยู่แล้ว
“สวัสดีครับ” เขากล่าวทักทายคุณราเมศเจ้าของบริษัทผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ที่เขาใช้บริการอยู่
“สวัสดี มาคนเดียวเหรอคิน”
“ครับคุณอา”
“นี่ถ้ายายหวานรู้ว่าคินจะมาที่งานด้วยคงได้ตามอามาแล้วแน่ๆ”
“น้องหวานกลับมาแล้วเหรอครับ” เขาถามอย่างแปลกใจเพราะครั้งสุดท้ายที่คุยกันหญิงสาวบอกเขาเองว่ายังไม่อยากกลับมาทำงาน
“กลับมาได้หลายวันแล้ว”
“ครับ”
“ได้ข่าวว่าคินกำลังหาเลขาอยู่ไม่ใช่เหรอ อาว่าจะให้หวานลองไปสมัครดู”
“อย่าเลยครับคุณอา ความรู้ของน้องหวานมากเกินกว่าจะมาเป็นเลขาผม” เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะรู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ได้แค่อยากให้ลูกสาวมาเป็นเลขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“อาก็อยากให้น้องได้เรียนรู้งานจากคินบ้าง”
“แย่จังนะครับ ผมเพิ่งบอกให้พี่เมย์ช่วยหาเลขาให้ ผมคงต้องรอถามพี่เมย์ก่อนว่ายกเลิกทันไหม แล้วผมจะติดต่อไปนะครับ”
“อาหวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ”
เมคินยิ้มแต่ไม่ได้ตอบไปเพราะเขาไม่ค่อยชอบการใช้เส้นสายในการทำงาน อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยชอบนิสัยของหวานหรือรมิดาเท่าไหร่ เขากับเธอเคยคบกันอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่เรียนด้วยกันที่อเมริกา เพราะเขาเป็นคนชอบอยู่เงียบๆ ต่างจากหญิงสาวที่ชอบไปงานปาร์ตี้และรักการช้อปปิ้งนิสัยทุกอย่างตรงกันข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง
ชายหนุ่มมีโอกาสคุยกับคนอื่นอีกสองสามคนจากนั้นเขาก็เดินไปหาวายุ คุยอะไรเล็กน้อยตามมารยาทแล้วก็ขอตัวกลับ
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องทำธุรกิจกับคนจำนวนมากชายหนุ่มก็คงไม่มางานนี้ ทุกอย่างมันดูเหมือนต่างคนต่างใส่หน้ากากเข้าหากันและเขาก็รู้สึกว่าหน้ากากที่สวมอยู่นั้นมันหนักจนอยากจะถอดมันทิ้ง
เมคินออกจากงานและกลับมายังคอนโดซึ่งเป็นเซฟโซนของตัวเองเพราะขี้เกียจขับรถไปที่บ้านในเวลาดึกเช่นนี้
คอนโดแห่งนี้เป็นคอนโดขนาดกลางมีหนึ่งห้องนอนกับหนึ่งห้องทำงาน มีส่วนของครัวและห้องรับแขก ถ้ามองจากระเบียงห้องนอนใหญ่จะเห็นวิวของกรุงเทพที่เต็มไปด้วยสีสันยามค่ำคืน
เขาไม่เคยพาใครมาที่นี่เลยสักคน แม้กระทั่งคนที่บ้านเพราะถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY