“เด็กบ้านี่!” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อเดินอยู่ดีๆ ก็มีเด็กวิ่งมาชน
“ขอโทษค่าคุณลุง”
หนูน้อยไม่ได้ร้องไห้ทั้งๆ ที่ตัวเองล้มก้นกระแทกพื้น หนูน้อยลูกครึ่งไทย-เยอรมันพยุงร่างกลมป้อมของตัวเองลุกขึ้นแล้วเอ่ยขอโทษคนที่ตัวเองชนทันทีอย่างรู้สึกผิด ส่วนคนถูกชนเมื่อได้ยินเสียงใสเอ่ยขอโทษพร้อมยกมือไหว้แบบไทยแล้วก็ต้องเปลี่ยนหน้าบึ้งตึงเป็นยิ้มเอ็นดูหนูน้อยแล้วย่อตัวให้อยู่เสมอกับหนูน้อยที่ตัวสูงเพียงเข่าของตัวเองทันที ส่วนบอดี้การ์ดที่ติดตามเขาอยู่ข้างหลังก็ได้แต่มองและขมวดคิ้วตกใจเมื่อเห็นหน้าหนูน้อยลูกครึ่งที่วิ่งชนเจ้านายตัวเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเจ็บตรงไหนไหมคะ” เขาเอ่ยกับเด็กสาวเป็นภาษาไทยชัดเจน
“ไม่เป็นไรค่า น้องเดียร์ขอโทษคุณลุงอีกครั้งนะคะ ที่วิ่งไม่ดูทางเลยชนคุณลุงค่า” หนูน้อยบอกอีกฝ่ายยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วแม่กับพ่อของหนูอยู่ไหนคะ ทำไม...”
“น้องเดียร์ลูก น้องเดียร์”
มาเฟียหนุ่มยังพูดไม่จบความก็มีเสียงหวานใสดังแทรกขึ้นมาก่อนพร้อมกับเธอวิ่งเข้ามาหาเขาและหนูน้อย พอได้มองผู้มาใหม่ โดมินิกถึงกับมองตะลึงทันที และมองหน้าหนูน้อยสลับกับหน้าสวยหวานที่ตราตรึงในความทรงจำของเขาไม่เคยลืม และก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อมองจ้องหนูน้อยลูกครึ่งตรงหน้าแล้วก็ต้องขบกรามแน่นเมื่อเด็กคนนี้หน้าเหมือนเขาตอนเด็กไม่มีผิด หรือว่า...ไม่จริง...ไม่จริงหรอก แต่เด็กนี่หน้าตาเหมือนเขาตอนเด็กมาก มากจนคิดว่าเป็นแฝดของเขา
“แม่แก้มขา...น้องเดียร์ชนคุณลุงค่ะ น้องเดียร์ขอโทษแล้วนะคะ น้องเดียร์เป็นเด็กดีไหมคะ” หนูน้อยบอกรายงานคนเป็นแม่ทันทีเมื่อคนเป็นแม่เดินมาย่อตัวโอบกอดตัวเอง
“เก่งมากค่ะ เรากลับบ้านกันนะคะน้องเดียร์” กันตาเอ่ยกับลูกสาวพร้อมกับลุกขึ้นยืนจับมือเล็กป้อมของลูกสาว แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินก็มีเสียงทุ้มต่ำห้วนดังรั้งไว้ก่อน
“จะไม่ทักฉันหน่อยเหรอกันตา และไม่คิดจะบอกฉันหน่อยเหรอว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของฉัน”
แม้ไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ เขาก็มั่นใจว่าหนูน้อยน่ารักตัวกลมที่วิ่งมาชนคือลูกของตัวเอง เพราะยิ่งมองหน้าหนูน้อยก็ยิ่งเหมือนเขาตอนเด็กไม่มีผิด จะผิดก็ตรงเพศที่เป็นเพศหญิงเท่านั้น ปาก ตา จมูก เครื่องหน้าทุกอย่างเหมือนเขาทั้งหมด จะมีก็รูปหน้าที่คล้ายคลึงกับคนเป็นแม่เท่านั้น และผมสีบลอนด์ทองนั้นอีก มันสีผมของเขาในตอนเด็กชัดๆ
“ขอโทษนะคะ ดิฉันว่าเราไม่น่าจะรู้จักกัน” กันตากัดฟันเม้มปากแน่นตอบกลับไป ทั้งๆ ที่มันคือความจริง ใช่...กันติชาเป็นลูกของเขา ลูกที่เขาทิ้งไว้ให้เธอเลี้ยงดู และก็ต้องขอบคุณ โดมินิก เดฟ วัย 38 ปี เจ้าของสายการบินที่ร่ำรวยที่สุดในเยอรมนี ที่ทำให้ชีวิตที่โดดเดี่ยวของเธอมีความหมายขึ้นมา
“แม่แก้มรู้จักคุณลุงหน้าฝรั่งด้วยเหรอคะ” หนูน้อยกันติชาถามคนเป็นแม่อย่างสงสัย และเหมือนว่าหนูน้อยจะลืมไปว่าตัวเองก็หน้าฝรั่งจ๋าเหมือนกันกับอีกฝ่าย
“ไม่ค่ะ แม่แก้มไม่รู้จักค่ะ เรากลับบ้านกันนะคะน้องเดียร์” เธอก้มหน้าตอบลูกน้อยและยิ้มหวานให้ก่อนจะกระตุกมือเล็กป้อมของลูกที่จับอยู่แล้วพาเดินจากไป
“ฉันต้องการพาลูกของฉันกลับไปด้วย นายจัดการด้วยจอแดน ฉันจะไปรอที่รถ”
เขาสั่งบอดี้การ์ดที่เป็นทั้งคนสนิทของตัวเองให้ไปจัดการตามคำสั่ง จะด้วยวิธีไหนก็ได้ ไม่อยากคิดว่าการที่เขาเดินทางมาเปิดสายการบินที่ไทยครั้งนี้ จะทำให้เขาได้เจอกับคนที่หายไปจากชีวิตของเขาอย่างกันตา ใจเวช วัย 28 ปี และที่สำคัญเขายังมีลูกอีกต่างหาก
“แล้วแม่ของคุณหนูล่ะครับ” จอแดนถามนายหนุ่ม ซึ่งจอแดนก็เรียกหนูน้อยว่าคุณหนูได้เต็มปากเต็มคำโดยไร้ข้อสงสัย เพราะว่าหนูน้อยเหมือนกับเจ้านายในวัยเด็กมาก เขาเองก็เห็นรูปของเจ้านายในวัยเด็กมาแล้วด้วย ซึ่งเหมือนหนูน้อยเป๊ะๆ เลยทีเดียว
“พามาด้วย และอย่าทำให้ลูกฉันตกใจล่ะ ทำให้นุ่มนวลที่สุด”
“ครับนาย”
จอแดนรับคำแล้วพาลูกน้องตามไปด้วยสามคน ส่วนอีกสามคนให้อยู่ดูแลเจ้านายหนุ่มของเขา โดมินิกมองจ้องไปตามแผ่นหลังเล็กของกันตาที่เดินเร็วๆ ห่างออกไป ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปรอหญิงสาวและลูกที่รถ เพราะเชื่อว่าจอแดนกับบอดี้การ์ดคนอื่นจะพาสองแม่ลูกมาหาเขาได้แน่นอน
ไม่อยากเชื่อว่าการมาเมืองไทยครั้งนี้จะทำให้เขาได้เจอกับอีกหนึ่งชีวิตที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา และที่สำคัญ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าในค่ำคืนนั้นจะทำให้กันตามีลูกของเขาติดท้องมาด้วย ทั้งๆ ที่เขามั่นใจว่าป้องกันอย่างดีแล้ว แต่ก็เกิดความผิดพลาดจนได้ แถมเป็นความผิดพลาดที่น่ารักตั้งแต่แรกที่สบตาเสียด้วยสิ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของหนูน้อยนั้นเหมือนสีตาของเขา แล้วหล่อนยังปฏิเสธอีกเหรอว่าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเขาและเธอ หนูน้อยทำให้หัวใจที่ด้านชาของโดมินิกอ่อนยวบลงตั้งแต่เสียงเล็กๆ ของหนูน้อยที่เอ่ยขอโทษเขาแล้ว และนั่นก็แสดงให้รู้ว่ากันตาเลี้ยงลูกของเขามาอย่างดี
ด้านกันตารีบเร่งสาวเท้าพาลูกสาวตัวน้อยไปให้พ้นรัศมีของโดมินิกทันที ทำไมหล่อนจะจำไม่ได้ล่ะ ก็กันติชาลูกสาวสุดที่รักเล่นถอดแบบเขามาแบบนั้น หล่อนจำได้ดีว่าเขาคือใคร และจำได้ไม่เคยลืมเสียด้วยว่ามาเฟียหนุ่มนั้นใจร้ายมากแค่ไหน ทั้งๆ ที่ในคืนนั้นหล่อนร้องขอให้เขาปล่อยไปแล้ว แต่เขาก็ยังทำให้หล่อนมีราคี แถมพ่วงมาอีกหนึ่งชีวิตในคืนนั้นด้วย
“แม่แก้มขา น้องเดียร์เดินไม่ทันค่า...” หนูน้อยวัยเจ็ดขวบเอ่ยท้วงเมื่อเริ่มเดินตามผู้เป็นแม่ไม่ทัน
กันตาหยุดเดินหมุนตัวย่อตัวลงคุกเข่าตรงหน้าลูกน้อยแล้วเอ่ย...
“แม่แก้มขอโทษนะคะที่ทำให้น้องเดียร์รีบตาม แต่แม่แก้มกลัวค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวนะคะ น้องเดียร์อยู่ด้วยทั้งคน” หนูน้อยยกมือเล็กกลมป้อมขึ้นโอบสองแก้มนวลของผู้เป็นแม่แล้วยื่นปากน้อยๆ ไปจุ๊บแก้มทั้งสองข้างของผู้ให้กำเนิด
“แม่กลัว แม่กลัวว่าเราสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน” กันตาเอ่ยสิ่งที่กลัวตอนนี้ให้ลูกสาวตัวน้อยฟัง
“ไม่ต้องกลัวนะคะ น้องเดียร์จะอยู่กับแม่แก้ม น้องเดียร์รักแม่แก้มนะคะ” หนูน้อยบอกรักคนเป็นแม่
“แม่ก็รักน้องเดียร์จ้ะ” กันตามองหน้าลูกสาวที่ฉลาดเกินวัยแล้วลุกขึ้นยืนแล้วกุมมือน้อยก่อนจะพาเดินต่อ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีร่างสูงใหญ่เดินมาขวางตรงหน้า
“แม่แก้มๆ คุณลุงคนที่อยู่กับคุณลุงที่น้องเดียร์ชนเมื่อกี้นี่คะ” กันตายังไม่ทันได้พูด หนูน้อยน่ารักของแม่พูดขึ้นแทน
“ใช่ครับ” จอแดนเอ่ยตอบเป็นภาษาไทยตามที่ได้เรียนมา แม้จะไม่ชัดเจนเท่าไรก็เถอะ
“คุณมีอะไรกับเราสองคนแม่ลูกคะ” กันตาเอ่ยพร้อมกับกำมือลูกสาวแน่นแล้วดึงรั้งให้ลูกสาวไปยืนหลบอยู่ด้านหลังของตัวเองด้วยความกลัว
“เชิญไปกับผมหน่อยครับคุณกันตา นายผมอยากจะคุยกับคุณ” จอแดนเอ่ยเสียงสุภาพ แต่สายตานั้นดุดันทำให้กันตาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เพราะสายตาของอีกฝ่ายกำลังขู่หล่อนอยู่
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพวกคุณ ขอตัวนะคะ” พูดจบก็ก้าวเท้าทำท่าจะเดินหนี แต่ก็ต้องหยุดเท้าอีกครั้งเมื่อเสียงของหนุ่มต่างชาติเอ่ยดักทางขึ้น
“ผมว่าไปกับผมดีๆ ดีกว่าครับ อย่าทำให้นายต้องโกรธเลยนะครับ เพราะคุณเองก็รู้ดีว่าเจ้านายผมไม่ได้ใจดีสักเท่าไหร่” จอแดนผายมือไปทางที่ตนเองเดินมาเพื่อให้กันตาเดินนำหน้าไปก่อน
“แม่แก้มขา น้องเดียร์กลัว” หนูน้อยบอกคนเป็นแม่พร้อมกอดขาของแม่
“ไม่ต้องกลัวนะคะ แม่แก้มจะปกป้องหนูเองค่ะ” หล่อนก้มลงเอ่ยอ่อนโยนกับลูกสาว ทำให้จอแดนอดสงสารหญิงสาวไม่ได้ แต่เขาก็ต้องพาหล่อนและลูกไปด้วยให้ได้ ไม่งั้นเขาซวยแน่นอน
“ลุงไม่ทำอะไรหนูกับแม่หรอกครับ แต่คุณลุงคนที่หนูชนเมื่อกี้มีของเล่นจะให้เลยให้ลุงมาตามครับ” จอแดนไม่รู้จะพูดยังไงและคิดว่าวิธีนี้คงดีที่สุดที่จะทำให้ลูกสาวของมาเฟียหนุ่มหายกลัวตัวเอง
“จริงนะคะ”
“จริงครับ” น้ำเสียงตอบกลับหนักแน่นทำให้หนูน้อยที่ฉลาดเกินวัยแหงนหน้ามองผู้เป็นแม่
“แม่แก้มขา เราไปกับคุณลุงกันนะคะ”
“น้องเดียร์ฟังแม่นะลูก เขาเป็นคนแปลกหน้า แม่แก้มว่า...”
“เชิญครับคุณกันตา นายผมกับคุณไม่ใช่คนแปลกหน้ากันก็รู้ และคุณหนูเป็นใคร คุณเองก็น่าจะรู้ดี” จอแดนเอ่ยกับแม่ของคุณหนูตัวเองอีกครั้ง
“ถ้าฉันไม่ไป”
“นายผมก็จะโกรธ แล้วคุณอาจจะไม่ได้อยู่กับคุณหนูอีกเลย”
“ทำไมต้องบังคับฉันด้วย และทำไมต้องขู่ฉันด้วย ฉันอยู่ของฉันกับลูกดีๆ แล้วทำไมคุณกับเจ้านายของคุณถึงต้องโผล่มาตอนนี้ด้วย”
“เชิญครับ” แม้จะสงสารหญิงสาว แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จ
สุดท้ายแล้วกันตาก็ต้องพาลูกสาวตัวน้อยตามชายแปลกหน้าไป แม้จะจำหน้าของอีกฝ่ายได้ แต่ก็จำชื่อไม่ได้ เพราะมันผ่านมานานหลายปีเหลือเกินกับการจากมาในวันนั้น
หัวใจของมาเฟียหนุ่มร้อนรนไม่สุขรอบอดี้การ์ดคนสนิทมือดีของตัวเองกลับมาพร้อมกับสิ่งที่ต้องการ จากที่นั่งรอในรถที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นๆ ก็ลงมาเดินวนไปวนมาข้างรถตัวเอง แล้วก็ต้องยิ้มกว้างออกมาเมื่อมองไปเห็นกันตาและลูกสาวของตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังไม่ตรวจดีเอ็นเอ แต่โดมินิกก็มั่นใจว่านั่นคือน้ำเชื้อของเขาที่ฝากไว้กับหล่อนเมื่อครั้งนานมาแล้ว และพอเห็นทั้งสามกำลังเดินมา มาเฟียหนุ่มก็กลับขึ้นไปนั่งรอในรถเหมือนเดิมแล้วจดจ่อกับประตูรถที่จะเปิดออก แล้วก็ต้องตีหน้าขรึมเมื่อประตูรถเปิดออกพร้อมกันตาและหนูน้อยน่าเอ็นดู
“ขึ้นมาบนรถสิ” เขาบอกแค่สั้นๆ แล้วกันตาก็พาลูกสาวก้าวเท้าขึ้นไปในรถแล้วประตูรถก็ปิดสนิทพร้อมกับเคลื่อนตัวออกไปจากตรงนี้ทันที
“ดะ...เดี๋ยว จะพาฉันกับลูกไปไหน”
“ไปบ้านของผม เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาตอบเพียงแค่นั้น แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้หนูน้อยที่นั่งกอดแม่อยู่ตรงหน้าตัวเอง
ทันทีที่รถลีมูซีนเคลื่อนตัวออกไป เหล่าบอดี้การ์ดก็พากันขับรถอีกคันตามไปทันที
“แต่ฉันไม่มี”
“แต่ผมมี ว่าไงคะคนสวย ชื่ออะไรคะ คุณลุงขอโทษด้วยนะคะ ที่พาหนูกับแม่มาด้วยแบบนี้ แต่คุณลุงมีเรื่องจะคุย...”
“ไหนคุณลุงคนเมื่อกี้บอกน้องเดียร์ว่าคุณลุงจะให้ของเล่นน้องเดียร์ไงคะ” หนูน้อยกันติชาเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่โดมินิกจะพูดจบประโยค
“แน่นอนครับ คุณลุงมีของเล่นให้หนูเยอะเลย ว่าแต่คนสวยชื่ออะไรคะ”
แม้จะพอได้ยินชื่อที่หนูน้อยแทนชื่อตัวเองมาแล้ว แต่เขาก็อยากฟังจากปากของเด็กน้อยอีกครั้ง และหัวใจของเขามันก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันตอนนี้ ยิ่งได้มองยิ่งมั่นใจว่านี่แหละคือผลผลิตของเขาที่เกิดขึ้นในคืนนั้น แม้ไม่ตั้งใจแต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เขาก็จะพาหนูน้อยกลับไปด้วย
“แม่แก้มขา น้องเดียร์บอกชื่อคุณลุงได้ไหมคะ” หนูน้อยไม่ตอบ แต่ผละจากเอวของแม่แหงนหน้าขึ้นถาม
“ได้สิจ๊ะ” แม้ไม่อยากให้ลูกพูดกับโดมินิก แต่ก็ต้องยอมเมื่อตอนนี้ลูกสาวของหล่อนทำท่าจะสนใจอีกฝ่ายเสียแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังกลัวๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ
“รักแม่แก้มที่สุดเลย น้องเดียร์ชื่อเดียร์นะคะคุณลุง ว่าแต่คุณลุงชื่ออะไรคะ” หนูน้อยบอกและถามกลับ
“ลุงชื่อโดม” เขาบอกชื่อเล่นตัวเองที่มีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่จะเรียกชื่อนี้
“ลุงโดม ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ และขอบคุณที่จะให้ของเล่นหนูด้วยค่ะ” หนูน้อยยกมือไหว้ขอบคุณล่วงหน้า
“ลุงโดมเต็มใจและยินดีมากครับ อะไรที่ทำให้น้องเดียร์มีความสุข ลุงโดมทำได้ทุกอย่างครับ”
“อย่ายุ่งกับลูกของฉัน” กันตาดึงลูกสาวเข้ามากอดแน่นอย่างหวงแหนและกลัว กลัวว่าโดมินิกจะพาลูกสาวไปจากตนเอง
หึ!
โดมินิกทำเพียงแค่ขำในลำคอก่อนจะยิ้มอ่อนโยนให้หนูน้อยตรงหน้าแล้วมองไปยังนอกรถที่เคลื่อนตัวช้าๆ ในยามนี้ เมืองไทยเป็นเมืองที่น่าเบื่อที่สุดก็ว่าได้ และขึ้นชื่อเรื่องรถติดที่สุด กว่าจะถึงบ้านพักก็คงมืดค่ำพอดี แน่นอนเขาไม่ชอบเลยที่จะเสียเวลานานๆ บนรถแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมและอดทน เพราะมันคือเรื่องปกติของกรุงเทพมหานคร
ส่วนกันตาได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไรอีก ส่วนหนูน้อยกันติชาที่หล่อนกอดแน่นอยู่ตอนนี้ได้เผลอหลับไปแล้ว เธอจึงเปลี่ยนท่านั่งของลูกให้ล้มตัวลงนอนหนุนตักตัวเองแทน ดูท่าแล้วกว่าจะถึงที่หมายคงนาน เพราะมองไปด้านนอกกระจกรถตอนนี้รถเต็มไปหมด และรถก็เคลื่อนตัวช้าเหลือเกิน