มฮอตและเป็นที่ต้องการของสาวๆ ในจังหวัดเลยก็ว่าได้ สาวๆ เขาสนใจ ส่วนความร่ำรวยนั้นไม่ได้ทำให้เขาสนใจเลยสักนิด ในบ้านหลังใหญ่มีรถยนต์คันหรูเป็นสิบคันจอดเรียงราย แต่เขากลับไม่นึกสนใจอยากจะขับมัน เพราะเขามีบิ๊กไบค์คู่ใจอย่าง Ducati Panigale V4R สีแดงคู่ใจไปไหนไปกัน
“วันนี้จะไปไหนพ่อน่าน” เสียงเหนื่อยๆ ตามวัยของคุณย่าวัย 76 ปี เอ่ยถามหลานชายที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านและกำลังจะผ่านหน้านางไป
“ไปไร่ครับคุณย่า”
ตอบเสียงสุภาพ วันนี้เขาแต่งตัวด้วยเสื้อลายสก๊อตกับกางเกงยีนสีดำ และที่หัวก็มีหมวกแก๊ปสีดำด้วย และด้านในเสื้อสก๊อตก็มีเสื้อกล้ามสีเทาใส่ซ้อนด้านใน
“พอจะมีเวลาคุยกับย่าหน่อยไหมพ่อน่าน”
“มีสิครับ สำหรับคุณย่าผมมีเวลาให้ตลอดแหละครับ งั้นไปคุยกันในห้องนั่งเล่นดีกว่า” เดินมาโอบประคองร่างอวบของคุณย่าเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น และพอเข้ามาในห้องก็รินน้ำชาในกาให้ท่าน ส่วนของตัวเองก็รินน้ำในเหยือกใส่แก้วขึ้นมาดื่มบ้าง
“อือ คุณย่ามีอะไรจะคุยกับผมครับ”
“ปีนี้พ่อน่านอายุเท่าไหร่แล้วลูก”
“ก็สามสิบห้าปีย่างสามสิบหกครับ” เขาโตมากับคุณย่าและคุณอา เพราะพ่อกับแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขาไปเมื่อตอนเขาอายุได้แปดขวบ มีคุณย่าระย้ากับคุณอาปิ่นที่เลี้ยงดูแลเขามาแต่เด็ก
“ก็ไม่น้อยแล้วนะ ย่าว่าถึงเวลาแล้วที่พ่อน่านจะต้องแต่งงานแล้ว”
“แต่งงาน?” เลิกคิ้วถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ใช่ แต่งงาน”
“จะให้ผมแต่งงานได้ยังไงครับ วันๆ ทำแต่งานกับอยู่กับไอ้เกอร์แล้วคุณย่าจะให้ผมแต่งงานได้ยังไง คุณย่าก็รู้ว่าผมไม่มีแฟน ไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยตลอดหลายปีมานี่ อีกอย่างผมก็อยู่แต่ไร่กาแฟ ขับบิ๊กไบค์ เห็นทีจะยากครับ” และไอ้เกอร์ที่น่านน้ำเอ่ยถึงนั้นคือบิ๊กไบค์คู่ใจของเขานั้นเอง เขาตั้งชื่อให้มันว่า ‘เกอร์’
“ดีแล้วที่น่านยังไม่มีแฟน และย่าก็บอกอยู่นี่ไงว่าควรแก่เวลาแล้ว เราน่ะแก่แล้วนะน่าน อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ถ้าเราไม่แต่งงานพ่อเมฆน้องเราก็ไม่ได้แต่งงานกับแฟนเหมือนกัน” ระย้าเอ่ย เพราะเขาบอกหลานชายลูกของลูกสาวแล้วหากว่าน่านน้ำยังไม่แต่งงานเมฆก็ห้ามแต่งงานเหมือนกัน ต้องรอให้พี่ชายแต่งงานก่อน
“เดี๋ยวนะครับคุณย่า ไอ้เมฆจะแต่งงานก็ให้มันแต่งไปสิครับ ทำไมต้องรอให้น่านแต่งงานก่อนด้วย”
“ก็เราเป็นพี่ และตอนเย็นก็ไปบ้านของคุณยายฉวีกับย่าด้วย เพราะคู่หมั้นของเราย้ายกลับมาอยู่ที่น่านแล้ว”
“หา! คู่หมั้น เดี๋ยวนะครับคุณย่า ผมมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน ยังไง”
“ก็ตั้งแต่เด็กนั่นแหละ และตอนนี้หนูดากับครอบครัวก็ย้ายมาอยู่กับคุณยายของเขาแล้ว”
“คุณย่าล้อผมเล่นใช่ไหมครับ” เขาถามท่านพร้อมกับยิ้มขำเล็กน้อย แต่ก็ได้รับคำตอบกลับมาเป็นการส่ายหน้า เขาก็เบ้หน้าทันที
“ผมกับเธอเราไม่รู้จักกันแล้วจะให้แต่งงานได้ยังไงครับ แล้วทำไมผมต้องแต่งงานตอนนี้ด้วย ผมยังไม่พร้อม”
“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม หรือจะรอพร้อมตอนย่านอนในโลงฮึตาน่าน”
“คุณย่า....”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ย่าบอกแต่งงานก็คือแต่งงาน ห้าโมงเย็นกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ด้วยล่ะ ย่าจะรอ ถ้าไม่มาเห็นดีกันแน่ตาน่าน” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นทันที ทิ้งให้หลานชายสุดที่รักนั่งกุมขมับอยู่คนเดียว
เฮอะ!
“แต่งงานงั้นเหรอ ทำไมต้องแต่งด้วย ไม่มีทางหรอก ผมไม่แต่งงานกับคนที่ผมไม่รักหรอกคุณย่า” พูดกับตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินออกจากตรงนี้เหมือนกัน
บ้านหลังใหญ่ที่ปลูกติดกันตอนนี้กำลังเกิดการถกเถียงกัน พอมาถึงบ้านนั่งก้นยังไม่ทันร้อน คุณยายแสงฉวีก็เรียกหลานสาว ลูกสาวกับลูกเขยของตัวเองมานั่งรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเพื่อพูดคุยเรื่องสัญญาของตัวเองกับเพื่อนรักอย่างระย้าทันที
“ไม่! ให้ตายหนูก็ไม่แต่งงานกับไอ้หนุ่มบ้านไร่นั่นเด็ดขาด อีกอย่างหนูมีแฟนแล้วนะคุณยาย”
เธอบอกอย่างใส่อารมณ์ ก็แน่ล่ะ พอมาถึงก็มีคู่หมั้น ใครจะรับได้และใครจะยอมรับ ตอนนี้พิมพ์มาดา ปิ่นหงส์ หรือดา วัย 28 ปี กำลังถกเถียงกับคุณยายคอเป็นเอ็นเลยทีเดียว ใบหน้าสวยรูปไข่ที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง และชุดเดรสรัดรูปแบรนด์เนมของเธอกับเครื่องประดับของเธอที่เป็นเอ็กเซสเซอร์รี่ไม่ได้ทำให้ความงามของเธอยามนี้ลดลงเลย แม้ว่ายามนี้ใบหน้าสวยกำลังบิดเบี้ยวด้วยความโกรธอยู่นั้นก็ตาม
“ยังไงหนูก็ต้องแต่งงานกับพ่อน่าน เพราะหนูคือหลานยายและหนูเป็นหลานคนเดียวของยาย”
“ไม่มีทาง หนูมีแฟนแล้ว คุณแม่ คุณพ่อพูดอะไรหน่อยสิคะ ทำไมเงียบกันคะ” เมื่อพูดไปคุณยายก็ไม่ฟังจึงหันมาขอความช่วยเหลือจากพ่อและแม่
“เรื่องนี้แม่ช่วยหนูไม่ได้จริงๆ ดา” ตองอ่อนเอ่ยขึ้นพร้อมหลบตาลูกสาวที่จ้องมองมา
“คุณพ่อ...” เมื่อแม่หลบตาก็หันไปหาคุณพ่ออย่างคำรณ
“พ่อก็ช่วยหนูไม่ได้เหมือนกัน หนูทำตามที่คุณยายเถอะนะลูก ตอนนี้เราก็ย้ายกลับมาอยู่ที่น่านแล้ว”
คำรณลาออกจากราชการยอมกลับมาอยู่บ้านเกิดภรรยาเพื่อมาช่วยแม่ยายดูแลร้านผ้าไหม และเรื่องนี้ภรรยาและลูกสาวก็เห็นด้วย ร้านผ้าไหมสาขาในกรุงเทพฯ ก็ให้ผู้จัดการดูแลแทน ส่วนพวกเขาย้ายกลับมาดูที่สาขาใหญ่ที่จังหวัดน่าน
“หนูมีแฟนแล้ว ยังไงหนูก็ไม่แต่งงานกับคนที่คุณยายหมั้นให้ค่ะ” เธอยืนยันเสียงแข็ง
“แล้วแฟนที่ว่าของดาน่ะเขาอยู่ไหนตอนนี้ ที่ยายพูดเรื่องนี้เพราะว่ายายเห็นว่ามันถึงเวลาสมควรแล้วที่เราจะต้องออกเรือน อีกไม่กี่ปีก็จะอายุสามสิบแล้วไม่ใช่เรอะแม่ดา” แสงฉวีเอ่ย
“แฟน...คือ...”
จะให้พูดยังไงดี ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีแฟนเลยสักคน จะว่าไปเธอไม่เคยสนใจและไม่เคยคิดจะมีความรักด้วย เพราะชีวิตของเธอมีแต่งานและเพื่อนเท่านั้น ส่วนแฟนเหรอ ไม่เลย ไม่เคยมีเลย และที่บอกไปเมื่อกี้ก็เพราะว่าคิดว่าคุณยายจะถอนหมั้นให้ แต่ตอนนี้เหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์ แฟนที่แต่งเรื่องขึ้นมาก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไรได้เลย
“อย่ามาโกหกยายเลยแม่ดา ยายรู้เรื่องของเราหมดนั่นแหละ เราน่ะไม่มีแฟนเลย ตอนทำงานเป็นหัวหน้าการตลาดเราก็ทำแต่งานไม่สนใจใคร แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟน และพ่อน่านคนนี้ก็คนดียายเลือกไว้ให้เราแล้ว เราก็แค่รอสวมชุดเจ้าสาวก็พอแม่ดา”
“คุณยายจะคลุมถุงชนดาจริงๆ เหรอคะ” คิดว่าลาออกจากงานที่รักแล้วมาทำงานของครอบครัวจะมีความสุข แต่เนี่ยกลับมาโดนคุณยายจับคลุมถุงชน
“แต่งๆ ไปก็รักกันเองแหละแม่ดา ยายเหนื่อยแล้วไปพักผ่อนก่อน แม่อ่อนกับพ่อรนจะไปดูร้านผ้าไหมและโรงงานก็ไปเถอะ ส่วนเราแม่ดาถ้าไม่รู้จะไปไหนก็ไปนวดให้ยาย อ้อ ลืมบอกไปว่าเย็นนี้บ้านนั้นจะมาทานข้าวเย็นที่บ้านเรานะ ถ้าไปร้านและโรงงานก็กลับมาให้ทันด้วยล่ะ แม่ดามาประคองยายหน่อย” พิมพ์มาดาหน้างอลุกมาประคองคุณยายทันที ตอนนี้เธอก็เล่นตามน้ำไปก่อน ส่วนเรื่องแต่งงานค่อยว่ากันอีกที