เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
นานมาแล้วมีนิทานพื้นบ้านเล่าขานกันมา และตัวร้ายในนิทานพื้นบ้านส่วนใหญ่มักเป็น ‘ยักษ์’ ที่ฆ่าคนฆ่าสัตว์กินเป็นอาหาร แต่หารู้ไม่ว่าในปัจจุบันจะมียักษ์ที่เป็นตัวร้ายในนิทานพื้นบ้านแอบแฝงอยู่กับมนุษย์ คุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนที่คุณคุยด้วยและเดินสวนจะเป็นมนุษย์หรือยักษ์ หรืออาจเป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่จำแลงแปลงกายมาใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์
‘มังกรกัณฐ์’ คือชื่อของเขา ปีนี้ชายหนุ่มอายุได้ 108 ปี และไม่ใช่ยักษ์เต็มสายเลือด ในร่างกายของเขามีเลือดของมนุษย์ไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง แม่ที่รักที่ให้กำเนิดเป็นมนุษย์ ถึงแม้แม่ของเขาจะเป็นมนุษย์ แต่ก็มีชีวิตที่เป็นอมตะ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย หลังจากที่ท่านฟื้นจากอุบัติเหตุตอนที่ตั้งครรภ์เขา ตอนนี้พ่อและแม่ได้ย้ายไปอยู่กลางภูเขา ไปใช้ชีวิตส่วนตัวแยกตัวออกจากคนหมู่มากและทิ้งทุกอย่างไว้ให้เขาดูแลบริหารฟาร์มและโรงงานผลิตแปรรูปสัตว์ในฟาร์ม
“คุณมังกรกัณฐ์ นี่คือเอกสารข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่จะเข้ามาตรวจดูที่ดินของเราครับ”
พาทีส่งยื่นแฟ้มเอกสารให้นายน้อยตัวเอง เมื่อก่อนพาทีรับหน้าที่ดูแลและติดตามนาสูร พ่อของมังกรกัณฐ์ แต่ตอนนี้เขาถูกถ่ายโอนมาดูแลนายน้อยอย่างมังกรกัณฐ์ แม้ว่าตอนนี้จะผ่านมาสามสิบกว่าปี แต่พาทีก็ยังหนุ่มแน่นเหมือนเดิม คนงานเก่าๆ ก็ถูกจ้างออกแล้วรับคนงานใหม่หมุนเวียนเข้ามาทำงานในฟาร์มและโรงงานแปรรูปสัตว์ในทุกๆ สิบปี เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความสงสัยในตัวของพาทีและนายใหญ่ของฟาร์มอย่างนาสูรและนายหญิงของฟาร์ม
“ขอบคุณครับลุงพาที” เขาขอบคุณพร้อมรับแฟ้มเอกสารข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินคนใหม่ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องที่ดินของเขาซึ่งมีมากมายหลายพันไร่ เมื่อก่อนมีหนึ่งพันสามร้อยไร่ ตอนนี้มีหนึ่งพันหกร้อยไร่ เพิ่มมาอีกสามร้อยไร่
“เธอจะมาที่ฟาร์มเราพรุ่งนี้ใช่ไหมครับลุงพาที”
“ครับ คุณมังกรกัณฐ์” พาทีตอบ
“ลุงพาทีไปพักเถอะครับ”
“ครับ” แล้วพาทีก็เดินออกจากห้องพักส่วนตัวของนายน้อย ทิ้งให้นายน้อยเปิดอ่านแฟ้มประวัติส่วนตัวของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินคนใหม่เพียงลำพัง
“เจณิสา อวดสกุล อายุยี่สิบห้าปี เป็นคนจังหวัดนครปฐม เป็นลูกคนเดียว พ่อกับแม่เป็นครู อืม...เกิดมาในครอบครัวข้าราชการสินะ” ดวงตาสีเขียวมรกตไล่สายตาอ่านประวัติของหล่อนที่ได้รับมาอย่างละเอียด และอ่านแค่รอบเดียวข้อมูลของเธอก็ถูกเก็บในคลังสมองของเขาเรียบร้อย
ตุ้บ!
เมื่ออ่านประวัติของหล่อนจบก็โยนแฟ้มในมือไปไว้ยังโต๊ะตรงหน้าตัวเองแล้วหยิบซองบุหรี่ออกมาถือเล่นแล้วก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วตวัดมือโบกหนึ่งครั้ง ภาพของเจณิสาก็ฉายขึ้นบนอากาศตรงหน้าตัวเอง ถึงจะเป็นลูกครึ่งมนุษย์และยักษ์ แต่เขาก็ได้เวทมนตร์ทุกอย่างจากคนเป็นพ่อเพื่อเสกสรรทุกอย่างตามใจที่ปรารถนา และตอนนี้เขาก็อยากรู้จักผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่เห็นรูปถ่ายที่ติดแนบมาในประวัติ เขาก็รู้สึกว่ามันมีอะไรดึงดูดจนอยากจะรู้จักหล่อนก่อน
ภาพเปลือยเปล่าของเจณิสาฉายบนอากาศทำให้มังกรกัณฐ์เลิกตาโตกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ไม่คิดว่าการที่เขาแอบส่องหล่อนจะทำให้เห็นภาพอะไรแบบนี้ ร่างเปลือยเปล่าเดินออกมาจากห้องน้ำและเต็มไปด้วยคราบน้ำเกาะตามตัว เขาขยับมือซูมภาพเข้าไปใกล้ยังสองเต้าอวบอูมของเจ้าหล่อนที่มีเม็ดน้ำเกาะที่ยอดอกสีชมพูหวานนั้นของหญิงสาว
อึก!
มังกรกัณฐ์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก รู้สึกคอแห้ง หายใจไม่สะดวกเมื่อเจณิสาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จยังคงเดินตัวเปลือยไปทั่วห้อง ไม่มีแม้แต่ผ้าสักชิ้นปกปิดร่างกาย เขามองดูมันอย่างเพลิดเพลิน ใช่...เพลิดเพลินและทรมานความเป็นบุรุษที่กลางหว่างขา
“อ่า...ให้ตายสิเจณิสา”
เขาก้มมองความปวดร้าวที่กลางหว่างขาตัวเองพร้อมมองร่างเปลือยเปล่าที่กำลังเคลื่อนไหวในอากาศตรงหน้าแล้วก็ยิ่งปวดร้าวทรมานจนต้องรูดซิปล้วงนำความใหญ่โตของตัวเองออกมาจากข้างใน เขาไม่เคยอดอยากหิวโหยกามและไม่เคยอดทนมัน แล้วทำไมเขาต้องอดทนมันด้วย
“อ่า...ฉันจะไม่มีวันใช้แก” ปากหนาเม้มเป็นเส้นตรงพร้อมก้มมองมือสากกร้านของตนที่ล้วงนำเอ็นเนื้อออกมาจากด้านในกางเกงแล้วมองเจณิสาที่ตอนนี้ใส่ชุดนอนตัวบางเรียบร้อยแล้ว
“นรก!” มังกรกัณฐ์สบถออกมาด้วยความหงุดหงิดแล้วก็หายตัวไปยังสถานที่ในภาพอากาศตรงหน้า พอมาอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคยห้องเล็กคับแคบของทางราชการ เขาก็มองไปยังคนที่ตอนนี้ปิดไฟขึ้นไปบนเตียงขนาดเล็กเรียบร้อยและไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังถูกจับตามองในความมืด แม้ในห้องจะมืดสนิท แต่ดวงตาสีเขียวมรกตก็มองเห็นชัดราวกับว่าเป็นกลางวันก็มิปาน
ปากหนาขยับพึมพำร่ายเวทมนตร์แล้วคนที่เพิ่งคลานขึ้นไปนอนบนเตียงก็หลับสนิท แล้วผู้บุกรุกก็เคลื่อนไหวขึ้นไปบนเตียงขนาดเล็กสามฟุตครึ่งที่เจณิสาหลับอยู่ ร่างใหญ่มังกรกัณฐ์เคลื่อนขึ้นไปนอนคร่อมทับคนตัวเล็กเปราะบางในความมืดที่ตนมองเห็นชัดเจนราวกับเป็นเวลากลางวัน
“หอม!” ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอระหงขูดไถเคราสากพร้อมขบเม้มลำคอระหงของหล่อนให้เกิดรอยพร้อมกับมือใหญ่สอดเข้าไปในใต้เสื้อนอนตัวบางของเจณิสาเพื่อกอบกุมสองเต้าที่เห็นก่อนหน้านี้
“อ่า...นุ่มมือ” ความนุ่มนิ่มของเต้าเจณิสาทำให้มังกรกัณฐ์อยากดูดกลืนกินและอยากระรัวปลายลิ้นหยอกเย้ายอดอกสีระเรื่อที่มองเห็นก่อนหน้านี้ เสื้อนอนตัวบางถูกถลกถอดออกโดยเจ้าตัวหลับสนิท เพราะเวทมนตร์ของบุรุษองอาจเหนือร่าง
เพียงแค่อยากอ่านประวัติผู้ที่จะมาตรวจที่ดินของตัวเองเท่านั้น แต่สุดท้ายตอนนี้เขากลับมานอนคร่อมทับบนร่างของเจ้าหล่อนและกำลังจะลักหลับผู้หญิงที่เพิ่งเคยเจอหน้า และแปลกเขาเกิดอารมณ์ปรารถนารุนแรงกับเรือนร่างเปลือยเปล่าของเจ้าหล่อนอย่างแรงกล้า
ความอวบอูมและความสวยงามของสองเต้าที่เปิดเผยตรงหน้าหลังจากถลกดึงเสื้อนอนตัวบางของเธอออกสองเต้าก็เด้งอวดโฉม ยิ่งไปกว่านั้นยอดอกสีหวานของเจณิสากำลังแข็งชันให้ดูดดื่มลิ้มรสของมัน ปากหนาก้มลงไปกลืนกินยอดอกแข็งตึงของหญิงสาวพร้อมดูดเลียและอีกเต้าก็มีมือใหญ่คลึงเฟ้นหนักหน่วงพร้อมกับบดบี้ขยี้ขยุ้มขยำเล่นกับเต้านุ่มนิ่มขนาดพอดีมือใหญ่ของตนเอง
“อ่า...เจณิสา”
มังกรกัณฐ์เอ่ยครางชื่อของคนหลับสนิทใต้ร่าง แต่ทุกการสัมผัสเล้าโลมของเขา เจ้าหล่อนก็ร้องครางตอบสนองแม้จะหลับสนิท แต่หล่อนก็รับรู้ได้ถึงสัมผัส อาจจะรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือความฝันก็ได้ มือใหญ่ข้างที่กอบกุมเคล้นคลึงเต้าเคลื่อนมาสอดเข้าไปในขอบกางเกงเอวยืดของเจณิสาแล้วไปกอบกุมเนินสวาทที่กลางหว่างขาของหญิงสาว
“อวบอูมน่าคลอเคลีย” เขาพึมพำเสียงพร่าเมื่อได้ลูบไล้เนินสตรีอวบอูมของเจณิสาแล้วก็ผละหน้าจากหน้าอกอวบอูมมายังหน้าท้องแบนราบแล้วถลกดึงกางเกงนอนตัวบางของเธอออกทิ้ง
อือ!
เจณิสาบิดตัวร้องครางทั้งๆ ที่ยังหลับสนิท มือน้อยปัดป้องสิ่งน่ารำคาญที่กำลังรบกวนตัวเองเวลานอน ทุกอย่างเป็นไปอัตโนมัติ และนั่นทำให้คนหน้าตายอย่างมังกรกัณฐ์ยิ้มตามกับสัญชาตญาณของหญิงสาว แม้จะหลับเพราะมนตร์สะกดของเขา แต่เจ้าหล่อนก็ยังมีการปกป้องตัวเอง
“สวย...สวยมากเจณิสา” เขาพึมพำกับเนินสวาทอวบอูมกลางหว่างขาของหญิงสาวพร้อมกับก้มหน้าลงไปซุกซบความอวบอูมที่มีสนามหญ้าขึ้นปกคลุมบางๆ ของหญิงสาว มือใหญ่จับรั้งเอวเล็กคอดที่กำลังบิดส่ายหนีรั้งไว้
“อ่า...คืนนี้ฉันจะทำให้เธอเคลิ้มฝันและลิ้มรสความหวานของกามราคะ” เขาพึมพำกับความเป็นสาวของเธอที่ก้มหน้าซุกซบสูดดมกลิ่นความหอมของหล่อน
“อืม...หอม อ่า...อื้ม” เขาลากลิ้นตวัดเลียเนินสวาทอวบอูมพร้อมกับมืออีกข้างที่ว่างก็เอื้อมไปจับกุมเต้าอวบอูมบีบเคล้นไปด้วย เรียวลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกตวัดเลียตามซอกกลีบกุหลาบอวบอูมที่ปิดแนบสนิท เพียงแค่ได้สอดเร่าปลายลิ้นร้อนแทรกถูไถไปตามกลีบสวาทอวบของเจณิสา มังกรกัณฐ์ก็รู้ว่าหล่อนยังไม่เคยผ่านการชอนไชมาก่อน และเขาเป็นคนแรก
“อืม...หวาน” น้ำหวานที่กำลังไหลอาบออกมาจากปากทางรักคับแน่นของเจ้าหล่อนทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ปลายลิ้นสากตวัดกลืนกินน้ำหวานสวาทเหนียวข้นของเจ้าหล่อนที่หลั่งไหลออกมาให้ตนเองพร้อมกับดุนดันปลายลิ้นร้อนชำนาญทแยงปากทางของน้ำ
“อะ...อื้อ” เจณิสาบิดเอวส่ายหนีปลายลิ้นที่รุกเร่าตัวเอง สองมือน้อยกำเกร็งแน่นข้างลำตัว
หึหึ
มังกรกัณฐ์มองมือน้อยทั้งสองที่กำแน่นและเจ้าของมือก็นอนเกร็งยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นและยิ่งไปกว่านั้นความใหญ่โตอลังการที่กลางหว่างขามันตื่นนอนก่อนหน้านี้ยิ่งตื่นกว่าเดิมและเหยียดกายขยายท่อนลำเนื้ออวบใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยเส้นเลือดฝอยขดตัวตามลำกาย
“อ่า...ฉันรู้ว่านายกำลังต้องการอะไรตอนนี้” มังกรกัณฐ์บอกเอ็นเนื้ออวบใหญ่ตัวเองที่เหยียดขยายพร้อมจะทแยงกระแทกเร่าความคับแน่นของเจณิสา ยิ่งได้สัมผัสลิ้มรสความหวานของหญิงสาว มังกรกัณฐ์ก็ยิ่งคลั่งไคล้ในความหวานและความไร้เดียงสาของเจ้าหล่อน มือกอบกุมเต้าทั้งสองด้วยมือเดียว บีบเร่าหนักหน่วงดุดันพร้อมกับปลายลิ้นร้อนระรัวแตะสวาทเม็ดเกสรกลางหว่างขาที่อวบอูมเต่งตึง มันทั้งหวานและสวยจนไม่อาจจะผละหน้าห่างจากตรงนี้ไปได้
“อะ...อ่อย” แม้จะหลับสนิท แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจณิสาตอนนี้เหมือนอยู่ในห้วงความฝัน เธอร้อนไปทั้งตัวจนไม่อาจนอนนิ่งเป็นผักปลาได้ ร่างน้อยบิดเร่าส่ายหนีความทรมาน สองมือน้อยที่กำเกร็งแน่นก็เคลื่อนมาผลักไสหัวของบุรุษที่ซุกกลางหว่างขาตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ผล แรงผลักของเธอเป็นแรงสัมผัสมากกว่าจะผลักไส
“อ่า...หวานมากเจณิสา เธอทำให้ฉัน ‘หิว’ และควบคุมตัวเองไม่ได้รู้ไหม อื้ม...”
มันแปลก แปลกที่เกิดความรู้สึกกับหล่อนรุนแรงมากมายขนาดนี้ ปกติจะไม่เป็นแบบนี้ เขาไม่เคยขาดผู้หญิงและหิวผู้หญิงเลยสักครั้ง เมื่อวานพาทีก็พาผู้หญิงมาปรนเปรอปลดปล่อยไฟราคะไปแล้ว แต่ทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึกรุนแรงขนาดนี้เหมือนกับว่าอดอยากมานับสิบปีก็มิปาน
“อือ...อ่า” เจณิสาหลับตาครางในความมืดพร้อมดิ้นถอยหนีหาทางเอาตัวรอดจากห้วงสวาทของตนเอง แต่ก็ถูกท่อนแขนแข็งแรงของบุรุษแปลกหน้าเหนือร่างกอดรัดแน่นรั้งไว้
หึหึ
เสียงขำแห้งดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาของมังกรกัณฐ์เมื่อเขาผละเปลี่ยนมาคร่อมทับเจ้าหล่อน และกางเกงของเขาก็ถูกถอดทิ้งไปกองกับพื้นห้องของเธอเรียบร้อย ตอนนี้เจณิสาพร้อมแล้วและเขาเองก็พร้อมมาก พร้อมตั้งแต่นั่งดูหล่อนที่ห้องแล้ว
เอวสอบบดเบียดเสียดสีท่อนเนื้อที่แข็งของตัวเองกับหน้าท้องแบนราบเคลื่อนไหวไปมาแล้วถูไถไปยังเนินสวาทอวบอูมพร้อมฟังเสียงครางกระเส่าของสาวเจ้าใต้ร่างไปด้วย สองมือน้อยของเจณิสาที่กำเกร็งตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นจับรั้งหัวไหล่ของเขาไว้แน่น
ขนาดความเป็นบุรุษกับความเป็นสาวที่อาบฉ่ำร่องสวาทของคนตัวเล็กที่แสนจะเล็กนั้นทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและเสียวคลั่งทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สอดใส่ฝากฝังตัวเองในกายหญิงสาว แต่มังกรกัณฐ์ก็อดใจเต้นแรงไปกับสิ่งตรงหน้าไม่ได้ เขาเหมือนโจรที่กำลังลักหลับ ใช่...เขาลักหลับ แต่เขาไม่ใช่โจร เพราะเขาคือมังกรกัณฐ์
“อะ...อื้อ” เจณิสาร้องครางกระเส่าบิดกายอ่อนระทวยเสียวซ่านเมื่ออยู่ใต้ร่างใหญ่ของชายแปลกหน้าที่กำลังกดคร่อมทับร่างตัวเองไม่ให้ขยับดิ้นหนีจากเตียงน้อยของตัวเอง
“ครั้งแรกของเราสองคนกำลังจะเริ่มขึ้นเจณิสา” เขาพึมพำเสียงพร่าเสียวพร้อมกดแก่นเนื้อร้อนที่ดุนดันอยู่ที่เนินสวาทอวบอูมของสาวเจ้ากรีดกรายดุนดันเอ็นเนื้อแข็งร้อนทแยงเข้าไปในร่างสาวเพื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“อะ...เจ็บ!” เจณิสาบิดกายดิ้นเร่าถอยหนีแต่ถูกกอดแน่น เธอทั้งเจ็บทั้งทรมานเหมือนถูกจับแยกฉีกร่างออกจากกัน แต่ปากน้อยก็ถูกปากหนาของคนเหนือร่างปิดกลืนกินเสียงร้องเจ็บทรมานไว้
“อ่า...อื้อ” เสียงครวญครางและเสียงหอบลมหายใจของทั้งสองดังประสานกัน ปากหนาบดเร่าดุนดันปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กของคนตัวเล็ก มังกรกัณฐ์รู้ว่าตัวเองใหญ่โตมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับช่องสวาทที่อุ่นร้อนของเจ้าหล่อน ชายหนุ่มหยุดนิ่งไม่ขยับเอวหนาไหวโยกปล่อยให้ความเป็นสาวที่คับแน่นกลืนกินท่อนเนื้อตัวเองพร้อมทำความคุ้นชินกับตัวเองยามฝากฝังกายอยู่ภายในร่างของหล่อน
“อ่า...อื้อ” น้ำตาที่ไหลอาบทางหางตาของเจณิสาได้แห้งเหือด ความเจ็บปวดทรมานกลางกายความเป็นสาวได้ทุเลาลง แต่มีความรู้สึกร้อนรุ่มที่อธิบายไม่ถูกเข้ามาแทนที่ เธอเผลอจูบตอบปากหนาของคนแปลกหน้าในห้วงฝันตัวเองในขณะที่ยังหลับตาสนิทอยู่
“อ่า...อื้อ” เรียวลิ้นร้อนของมังกรกัณฐ์กำลังล่อลวงปลายลิ้นน้อยที่ต้อนจนจนมุมพร้อมกับตวัดดูดกลืนกินเรียวลิ้นเล็กของหญิงสาว ความหวานของโพรงปากหล่อนทำให้เขาเคลิ้มและหลงไปโดยไม่รู้ตัว เอวหนาก็เริ่มขยับเคลื่อนไหวโยกเร่าคลึงสวาทเมื่อรับรู้ได้ถึงความสุขที่เจ้าหล่อนกำลังโหยหา ความเจ็บปวดที่ถูกบดเบียดในตอนแรกได้เปลี่ยนเป็นความปรารถนาต้องการเอ็นเนื้อมังกรของเขาไปเสียแล้ว
“อ่า...เก่งมากเจณิสา” เขาผละปากหนาออกมาจูบระหว่างคิ้วที่ชื้นเหงื่อของหญิงสาวแล้วก็เริ่มเคลื่อนไหวความร้อนรุ่มของเนื้อตัวเองขูดไถขยับโยกเข้าออกเป็นจังหวะในร่างน้อยที่คับแน่นตอดรัดตัวเอง ไม่ใช่แค่หล่อนที่ทรมาน ท่อนเนื้ออวบใหญ่ของเขาเองก็ทรมานที่ก่อนหน้านี้แช่ตัวนิ่งให้หล่อนตอดรัดคลึงเอาแต่ใจ
“อ่า...ไม่ไหวแล้ว เธอทำให้ฉันอดทนไม่ได้อีกแล้วเจณิสา” เขาอยากจะกระแทกดุดันเอาแต่ใจ แต่ก็ทำแบบนั้นยังไม่ได้ หล่อนยังใหม่และยังไร้ประสบการณ์ เขาต้องถนอมความรู้สึกแรกของหล่อนไว้ และแปลกที่ทำไมเขาต้องใส่ใจความรู้สึกของเจ้าหล่อนด้วย หากเป็นคนอื่น เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะเจ็บยังไง แต่ตอนนี้เขาอยากให้เธอมีความสุขและโหยหาในตัวเขาพอๆ กับที่เขากำลังโหยหากายอุ่นร้อนของหล่อนในตอนนี้
“อ่า...ลึกแค่ไหนฉันก็ไม่พอเจณิสา” แม้จะกระแทกกายลึกมากแค่ไหน แต่ก็ยังรู้สึกไปไม่ถึง มังกรกัณฐ์กอดรัดร่างน้อยอ่อนปวกเปียกขึ้นหาตัวเองจนสองเต้าอวบอูมบดเบียดกับหน้าอกตัวเองที่ยังมีเสื้อปิดขวางกั้นไม่ให้เสียดสีเนื้อกันอยู่ของตนเองและหญิงสาวพร้อมกับบิดเอวซอยถี่จนเนื้อกระทบกันหนักหน่วง
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
ในค่ำคืนที่มืดสนิท นาสูรตื่นนอนกลางดึกเดินออกมาดูดาวประจำตัวของลูกชายแล้วก็อมยิ้มน้อยๆ เมื่อมันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นและเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
“ทำไมตื่นมากลางดึกคะคุณนาสูร” พุดซ้อนตื่นและเดินตามสามีมายังระเบียงห้อง
“ทำไมไม่ใส่เสื้อคลุมฮึ” เขาไม่ตอบ แต่ดุแม่ยอดขมองอิ่มของตัวเองแทนแล้วเดินมาโอบสวมกอดเธอจากด้านหลังให้ความอบอุ่น พุดซ้อนแหงนเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้สามีพร้อมเอนตัวพิงซบอกแกร่ง
“น้องรู้ว่าคุณนาสูรจะกอดให้ความอบอุ่นน้อง น้องเลยไม่ใส่ค่ะ” เธอบอกสามีพร้อมกับกอดท่อนแขนแข็งแรงของเขาที่กอดรัดใต้ราวนมตัวเองแล้วมองดาวบนฟ้า
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงตื่นกลางดึก”
“ดูนั่นสิน้อง ดาวประจำตัวของมังกรกัณฐ์” เขาบอกภรรยาพร้อมกับมองจ้องดวงดาวประจำตัวลูกชายที่ส่องแสงเรืองรองสว่างไสวกว่าดาวดวงอื่น
“ทำไมคะ เกิดอะไรกับลูกรึเปล่าคะคุณนาสูร”
“เกิดสิ แต่เป็นเรื่องดี”
“ยังไงคะ?”
“ก็น้องอยากมีสะใภ้ไม่ใช่เหรอ”
“สะใภ้ อย่าบอกนะคะว่า...อะ...อื้อ” ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกปากหนาของสามีก้มลงมาบดจูบกลืนกินเสียงพูดเสียแล้ว
“อือ...ใช่ อีกไม่นานเราสองคนจะเป็นคุณปู่คุณย่าแล้ว” เมื่อจูบดื่มความหวานของภรรยาจนพอใจก็ผละออกมาเอ่ยตอบ
“แล้วเธอจะรับที่ลูกเราเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งยักษ์ได้เหรอคะ” นี่คือสิ่งที่เธอกังวลมาตลอด
“ความรักจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นมองข้ามตัวตนที่แท้จริงของมังกรกัณฐ์ได้” เขาบอกภรรยาเสียงหนักแน่นและก็พูดต่อ “เหมือนที่ฉันกับน้องยังไงล่ะ น้องยังรับตัวตนที่แท้จริงของฉันได้เลย”
“ก็น้องรักคุณนาสูรนี่คะ”
“เห็นไหม และผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกัน”
“แต่น้องก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดีค่ะ น้องอยากกลับไปอยู่กับลูก” เธอบอกสามี
“ได้สิ ฉันจะพาเธอกลับ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ รอให้มังกรกัณฐ์จัดการทุกอย่างก่อน เราค่อยไปแนะนำตัวเองกับลูกสะใภ้” เขาบอกภรรยา เพราะอยากให้ลูกชายจัดการทุกอย่างก่อน อยากให้ผู้หญิงคนนั้นยอมรับตัวตนของลูกชายก่อน
“แต่...” พุดซ้อนยังกังวลอยู่ดี แต่สามีก็พูดแทรกขึ้นอีกครั้ง
“อย่าห่วงเลย ที่นั่นมีพาทีอยู่ อย่าลืมสิ พาทีสามารถจัดการได้ทุกอย่าง”
“ค่ะ งั้นไปนอนกันนะคะ น้องนอนไม่หลับถ้าไม่มีคุณนาสูรนอนกอด” เธอบอกอ้อนสามี แม้ตอนนี้อายุจะร้อยกว่าปี แต่ผิวพรรณของเธอก็หยุดไว้ที่ยี่สิบต้นๆ และสามีเองก็เช่นกันยังคงหนุ่มแน่นและยังสามารถมีลูกได้อีก แต่เธอไม่อยากมีลูกอีกแล้ว ซึ่งนาสูรเองก็เคารพการตัดสินใจของเธอจึงมีแค่มังกรกัณฐ์แค่คนเดียว
“ผมก็นอนไม่หลับถ้าไม่มีคุณนอนด้วย” แล้วนาสูรก็ช้อนอุ้มร่างเล็กของภรรยาพาเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อนอนต่อ
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
เขาเป็นหมอที่มีรักเดียวมาตลอดหลายสิบปี แอบเฝ้ามองน้องน้อยตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้องน้อยก็หาได้รักเขาแบบชู้สาวไม่ สำหรับจงกลนีแล้วเขาคืออาจารย์หมอหน้านิ่งหน้าเดียว ไร้อารมณ์ทางสีหน้า แม้แต่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่เป็น แต่ก็ตกใจเมื่อเขายิ้มให้ตัวเองคนเดียว จะบ้าเหรอเขาเป็นอาจารย์ของเธอ และเธอกก็เคารพเขามาตลอด จะให้รักได้ยังไงกัน ++++++ “เอ้า...ปากกา เซ็นเอกสารแล้วค่อยนอนต่อก็ได้” “ค่ะ” เธอรับปากกาที่เขายื่นให้พร้อมกับเซ็นชื่อตรงที่เขาชี้มือ “เรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ” “ยังไงคะ?” ถามทั้งๆ ที่นั่งหลับ “ก็เราจดทะเบียนสมรส..
หอบผ้าหอบผ่อนข้ามน้ำทะเลเพื่อมาบอกเขาว่า "ท้อง" กับเขา นึกว่าเขาจะดีใจเธอคิดผิด เพราะสิ่งที่ได้รับกลับมาหลังจากนั่นคือความใจร้ายของเขา ทำไมกัน ทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังเธอนัก --------------- “พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอท้อง” “พี่มาร์คก็พาไวน์ไปตรวจสิคะ และก็พาฝากท้องด้วย ที่ไวน์มาที่นี่เพราะไวน์มาหาพ่อให้ลูก ไวน์ยังไม่ได้บอกทุกคนหรอกค่ะว่าไวน์ท้อง” “ยังไงพี่ก็รับผิดชอบเธอไม่ได้ พี่ไม่ได้รักเธอไวน์ ได้ยินไหม พี่ไม่ได้รักเธอ พี่มีแฟนแล้วและพี่ก็รักเธอมาก ถึงไวน์จะท้อง พี่ก็จะรับแค่ลูก แต่ตัวไวน์ พี่ไม่ต้องการ เรื่องลูกถ้าท้องจริงพี่ยินดีรับแน่นอน” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พูดตามที่สมองประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจยอมรับวรนิษฐ์ได้ เขาไม่ได้รักเธอและไม่เคยคิดจะรักด้วย “หมายความว่ายังไงคะ พี่มาร์คจะไม่รับผิดชอบไวน์เหรอคะ พี่มาร์คได้ไวน์แล้วและพรากพรหมจรรย์ไวน์ไปด้วย” “ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่แคร์พรหมจรรย์กันแล้วไวน์ ไวน์เองก็น่าจะรู้ดีว่ายุคนี้มันยุคไหนแล้ว ไวน์ก็โตที่เมืองนอก ไวน์น่าจะรู้ดี” “สำหรับคนอื่นไวน์ไม่รู้ แต่สำหรับไวน์มันสำคัญมาก ยังไงพี่มาร์คก็ต้องรับผิดชอบไวน์ แต่งงานกับไวน์ ถ้าพี่มาร์ครับผิดชอบ ไวน์จะบอกคุณย่ากับคุณพ่อว่าไวน์ท้อง” “อย่ามาขู่พี่” “ไม่ได้ขู่ ไวน์พูดจริงทำจริง” “คิดว่าพ่อกับคุณย่าจะบังคับพี่ได้งั้นเหรอ จำไว้ว่าพี่ไม่มีวันรักเธอ เรื่องลูกพี่จะรอเขาคลอดแล้วเอามาเลี้ยงเอง ผู้หญิงคนเดียวที่พี่รักคือแพร” พูดจบแล้วเขาก็ลุกเดินออกจากห้องของเธอไปด้วยความเดือดดาล กล้านัก กล้าขู่เขาว่าจะบอกพ่อกับคุณย่า คิดว่าเขาแคร์เขาสนใจรึไง เชิญเลย แต่ถ้าจะให้รับผิดชอบไม่มีทาง เขาไม่ได้รักวรนิษฐ์ --------- “นี่มันอะไรกันไวน์” เมื่อปลายสายกดรับสาย เขาก็กระชากเสียงถามไปในสายทันที “อะไรคะ?” เธอถามเขาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจในความหมายของเขา “ก็หมายศาลไง ฟ้องหย่าเหรอ” “อ้อ...ค่ะ ก็พี่บอกไม่ยอมหย่าเอง ไวน์เลยต้องพึ่งศาล” “นี่เอาจริงเหรอ?” “แล้วไวน์บอกเหรอคะว่าพูดเล่น ถ้าไม่อยากให้ถึงศาลก็ยอมเซ็นใบหย่าให้ไวน์สิคะ เรื่องจะได้จบๆ” “ไม่มีทาง! ยังไงพี่ก็ไม่หย่าหรอก ไม่รักพี่แล้วเหรอ?” เขาถามเธอในท้ายประโยคและหวังว่าเธอจะตอบกลับมาว่า ‘รัก’ แต่กลับตรงกันข้าม
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”