“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
เรือนไม้หลังเก่าที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านออกมา แน่นอนที่นี่คือหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ หมู่บ้านดงขามเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ปกครองกันเอง โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ดูแลให้ความคุ้มครองทุกคน หมู่บ้านเล็กๆ กลางเทือกเขา บรรยากาศดี อบอุ่นไปด้วยไมตรีของชาวบ้านในหมู่บ้าน
“ปวดหัวเป็นบ้า” คนที่เพิ่งย้ายกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน และตอนนี้เพื่อนเที่ยวอย่างเทพก็แต่งงานไปอยู่กับภรรยาที่กรุงเทพฯ ไปเป็นเถ้าแก่ร้านทอง ทิ้งให้เพื่อนอย่างเขาโดดเดี่ยวออกเที่ยวตีกะหรี่ทุกคืน ไอ้พร้อม หรือพร้อม สิงห์คะนอง วัย 30 ปี จากหนุ่มเมืองกรุงทำงานออฟฟิศกลับมาอยู่บ้านดูแลแม่ที่แก่ชราของตัวเอง จะว่าไปแม่เขายังไม่แก่มากหรอก แต่ด้วยความเป็นห่วงจึงกลับมาอยู่ดูแลท่านที่บ้าน เพราะหลังจากที่พ่อตายจากไป ท่านก็อยู่คนเดียว
กลับมาอยู่ที่นี่ เขาเป็นหนุ่มหล่อแบบไม่มีใครมาแย่งซีนเลยก็ว่าได้ ไอ้ขวัญก็มีเมียไปแล้ว ไอ้เทพก็มีเมียแล้ว จะมีแต่เขาที่โสด หล่อ แถมเรียนจบสูงด้วยสิ แน่นอนสาวน้อยสาวใหญ่ในหมู่บ้านต่างจ้องมองหมายตาเขา และเขาก็มีความสุขที่ได้บริหารเสน่ห์ชายของตัวเองแบบนี้ ถือว่าไม่น่าเบื่อกับการกลับมาทำไร่ทำนาที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญแบบนี้
พร้อมจอดรถเครื่องคันเก่าพร้อมดับเครื่องแล้วสะบัดหัวไล่ความมึนเมาในหัวทิ้ง เมื่อคืนไปเที่ยวคาราโอเกะในตัวเมืองมาและไปต่อกับสาวที่มาบริการจนถึงเช้านี่แหละ พอเช้ามาก็รีบกลับมาบ้านมาฟังแม่ที่รักบ่นเหมือนทุกครั้ง แต่พอมองไปบนบันไดที่จะขึ้นเรือนก็ต้องหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินขึ้นบันไดไว้แล้วมองไปยังร่างเล็กระหงที่เดินลงเรือนมา
“ใครวะ” เขาพึมพำกับตัวเองมองหญิงสาวนุ่งผ้าถุงพันผ้าแถบเดินลงมาจากเรือนของตัวเอง ส่วนคนถูกมองจ้องไม่รู้ตัวว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของเจ้าของบ้าน เธอเดินลงส้นเท้าหนักๆ ลงบันไดมาจนถึงพื้นนั่นแหละถึงเห็นเขา
“มาหาใครจ๊ะ” เธอถามเพราะว่าจำอีกฝ่ายไม่ได้ และอีกฝ่ายก็จำเธอไม่ได้เช่นกัน
“ฉันต่างหากต้องถามว่าเธอเป็นใคร มาทำอะไรที่บ้านฉัน” นั่นแหละ คนถามรู้ทันทีว่าคนคนนี้คือไอ้พร้อม หรือพร้อมเพื่อนวัยเด็กของตัวเองและเป็นลูกชายของเจ้าของบ้าน
“ไอ้พร้อมเหรอ”
“เออ...แล้วเธอ?”
“กูคำเกลี้ยงไง” เธอบอกเขาพร้อมกับมองสำรวจร่างสูงใหญ่ ไอ้พร้อมเปลี่ยนไปมาก แม้ว่าชายหนุ่มจะอายุเยอะกว่าตัวเอง แต่เรื่องวัยเด็กอีกฝ่ายไม่เคยทำตัวน่าเคารพ และตอนนี้คงมิแตกต่างดูท่าทางแล้วคงหนักกว่าเมื่อก่อน
“อีคำเกลี้ยง ไม่ใช่และ มึงไม่น่าโตขึ้นมาสวยแบบนี้ แล้วนั่นนมมึงก็โตมาก ไม่อยากเชื่อว่าเป็นมึง” ไอ้พร้อมเองก็ไม่อยากเชื่อว่าคนตรงหน้าคืออีคำเกลี้ยงหรือคำเกลี้ยง ลูกสาวของเพื่อนแม่แน่นอน มองยังไงก็ต่างจากสมัยเด็กมาก
“ทำไมจะไม่ใช่กู ไอ้พร้อม” หล่อนเท้าสะเอวจ้องเอาเรื่องคนตัวโต และยิ่งเกลียด เกลียดสายตาของมันที่กำลังมองมายังอกที่ดุนดันเบียดกันในผ้าที่พันรอบอกอวบอูมของเธอไว้
“มองหน้ากูนี่ ไม่ใช่มองนมกู” เธอพูดต่อพร้อมกับยื่นมือไปเชยคางของพร้อมที่ก้มต่ำมองจ้องอกตัวเองให้แหงนเงยขึ้นมาสบตาตน
“เป็นสาวแล้วนี่หว่ามึง เหมือนจะเต็มวัยด้วยสิ กูเกิดก่อนมึงตั้งห้าปีนะอีคำเกลี้ยง หัดเรียกูพี่บ้าง” ไอ้พร้อมไม่สนใจมารยาทเดินวนรอบตัวคนตัวเล็กอย่างสำรวจ
คำเกลี้ยงกอดตัวเองไว้ให้พ้นสายตาหื่นของอีกฝ่าย คำเกลี้ยง ปรีชา หรืออีคำเกลี้ยง ที่ไอ้พร้อมชอบเรียกสมัยเด็กๆ ปีนี้หล่อนอายุได้ 25 ปีแล้ว แน่นอนถ้าเทียบกับสาวๆ ในหมู่บ้านคือเธอเป็นสาวแก่ ในหมู่บ้านนี้นิยมแต่งงานกันเร็วและมีลูกกันแต่เด็ก แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ
“กูเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่ ว่าแต่มึงเถอะ จะเดินวนดูกูอีกนานไหม และเลิกมองกูด้วยสายตาหื่นๆ ได้แล้วไอ้พร้อม”
“ก็มึงมันน่าเอานี่หว่า ว่าแต่มึงมาทำอะไรที่บ้านกูแต่เช้า”
“มึงขึ้นไปถามป้าแพงจะรู้เอง” เธอไม่ตอบแล้วเดินหนี แต่ยังไปได้ไม่ไกลก็ถูกคนตัวโตเดินตามไปคว้าข้อมือเล็กฉุดรั้งไว้ก่อน
“มึงจะไปไหนอีคำเกลี้ยง ขึ้นไปพร้อมกันสิ กูไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กขี้เหร่อย่างมึงจะโตมาหุ่นเป๊ะกว่ากะหรี่แบบนี้ ว่าแต่มีผัวรึยังล่ะ”
“เรื่องของกู แล้วปล่อยมือกูได้แล้ว” เธอบิดข้อมือตัวเองออกจากอุ้งมือหนาแล้วเดินหนีไปเร็วๆ ทันที
หึหึ
“ทำเป็นรังเกียจไปเถอะอีคำเกลี้ยง” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันไดเรือนไปทันที เพราะคนที่จะให้คำตอบเขาได้ตอนนี้คงอยู่บนบ้าน
พร้อมเดินขึ้นมาบนเรือนก็เห็นแม่กำลังนั่งพับผ้าอยู่ที่ชานเรือนสำหรับรับแขกอยู่ ไอ้พร้อมจึงย่อตัวคลานเข่าเข้าไปหาแม่ที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนเล็กแล้วถามถึงคำเกลี้ยงที่เพิ่งลงจากเรือนสวนตัวเองลงไป ว่าหล่อนมาทำอะไรที่เรือนของเขาในวันนี้
“แม่...อีคำเกลี้ยงมันมาทำอะไรที่นี่” คำเรียกขานอีกฝ่ายที่ติดปากเอ่ยลอดออกมา
เผียะ!
มือของผู้เป็นแม่ละจากผ้าที่พับอยู่มาตีขาของลูกที่นั่งขัดสมาธิตรงหน้าตัวเองทันที
“แม่ตีฉันทำไมเนี่ย”
“ยังไม่รู้ตัวอีก นั่นน้องนะ มาเรียกอีแบบนั้นได้ยังไงพ่อพร้อม”
“เอ้า! ก็ฉันเคยชินปากนี่แม่ แล้วมันมาทำไมแม่”
“ยังจะพูดถึงน้องไม่เพราะอีก”
“งั้นถามใหม่ครับ คำเกลี้ยงมาที่บ้านเราทำไมครับแม่แพงจ๋า...” เขาลากเสียงท้ายประโยคอย่างประชด
“เจอกันแล้วเหรอ น้องจะมาอยู่กับเราสองเดือนน่ะ น้าตามกับน้าจิต พ่อกับแม่ของคำเกลี้ยงไปค้าขายที่หมู่บ้านนาเริงน่ะ เห็นว่าไปรอบนี้สองเดือนเลยให้คำเกลี้ยงมาอยู่กับเรา เพราะเป็นห่วงไม่อยากให้อยู่เรือนคนเดียวกลัวว่าผู้ชายจะเข้ามาปลุกปล้ำรังแก เลยให้มาอยู่กับเรา”
“แสดงว่ามันจะมาอยู่กับเราสองเดือน”
“อีกแล้วนะ เรียกน้องไม่เพราะอีกแล้ว” แพงตำหนิลูกชาย
“ก็ฉันยังไม่ชินนี่แม่ ว่าแต่ทำไมน้าตามกับน้าจิตไม่พาลูกสาวไปด้วย”
“ไปได้ไง เดินข้ามเขาสองลูกเลยนะ อีกอย่างคำเกลี้ยงก็เป็นสาวจะให้ไปแบบนั้นได้ยังไงอันตราย”
“ยังไม่มีผัวเหรอแม่ คิดๆ ดูแล้วอายุก็ไม่น้อยแล้วนะ สาวๆ ในหมู่บ้านอายุเท่ามันมีลูกมีผัวหมดแล้วนะ”
“ยัง คำเกลี้ยงไม่ชอบพอใครสักคน มีผู้ชายมาจีบหัวกระไดไม่เคยแห้ง แต่ไม่เคยได้ใจคำเกลี้ยงไปเลย นี่เป็นสาวแก่ขึ้นคานประจำหมู่บ้านเราไปแล้วมั้ง”
อือ
ไอ้พร้อมพยักหน้ายิ้มมุมปากอย่างมีแผนในหัว
“ยิ้มอะไรพ่อพร้อม แล้วนี่เจอกันกับน้องแล้วใช่ไหม”
“จ้ะ ฉันเจอกันก่อนจะขึ้นมา ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก พอถามถึงรู้ว่าเป็นมัน แล้วแม่จะให้ฉันพาไอ้โทนไปไถนาวันไหน ฉันจะได้เตรียมตัวสั่งลากะหรี่ในเมืองไว้ เพราะถ้าทำนาจะยุ่งไม่ได้ไปหาพวกหล่อน”
“ระวังเป็นเอดส์”
“ฉันป้องกันอย่างดีแม่”
“ดีแค่ไหนก็พลาดได้ถ้ามันจะพลาด เอาตามที่ลูกสะดวกเถอะ นี่จะพาไอ้โทนไปไถนาวันไหนก็จัดการเลย ปีนี้หว่านข้าวแต่หัวปีหน่อยนะลูก จะได้สบายและไปช่วยชาวบ้านในหมู่บ้านเขาด้วย”
“จ้ะแม่ งั้นฉันขอไปนอนพักผ่อนก่อนนะ เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน”
“เมื่อไหร่จะหาเมียเป็นตัวเป็นตนสักที และมีหลานให้แม่อุ้มสักที ดูอย่างพ่อเทพสิ ตอนนี้กำลังมีลูกแล้ว เราสิมีอะไรมั่ง หยุดเที่ยวแล้วมองหาสาวๆ ในหมู่บ้านมาเป็นเมียสักคนเถอะพ่อพร้อม”
“ถึงเวลาก็มาเองแหละเมียน่ะ แม่อย่าห่วงฉันเลย ไปนอนแล้วแม่ ไม่ไหวแล้ว ตาลูกจะปิด อ่า...” เขาพูดพร้อมอ้าปากหาวแล้วคลานเข่าออกไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังห้องของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่นัก ส่วนแพงก็ได้แต่ส่ายหน้ามองตามหลังลูกชายแล้วหันมาสนใจผ้าตรงหน้าตัวเองต่อ
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
เขาเป็นหมอที่มีรักเดียวมาตลอดหลายสิบปี แอบเฝ้ามองน้องน้อยตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้องน้อยก็หาได้รักเขาแบบชู้สาวไม่ สำหรับจงกลนีแล้วเขาคืออาจารย์หมอหน้านิ่งหน้าเดียว ไร้อารมณ์ทางสีหน้า แม้แต่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่เป็น แต่ก็ตกใจเมื่อเขายิ้มให้ตัวเองคนเดียว จะบ้าเหรอเขาเป็นอาจารย์ของเธอ และเธอกก็เคารพเขามาตลอด จะให้รักได้ยังไงกัน ++++++ “เอ้า...ปากกา เซ็นเอกสารแล้วค่อยนอนต่อก็ได้” “ค่ะ” เธอรับปากกาที่เขายื่นให้พร้อมกับเซ็นชื่อตรงที่เขาชี้มือ “เรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ” “ยังไงคะ?” ถามทั้งๆ ที่นั่งหลับ “ก็เราจดทะเบียนสมรส..
หอบผ้าหอบผ่อนข้ามน้ำทะเลเพื่อมาบอกเขาว่า "ท้อง" กับเขา นึกว่าเขาจะดีใจเธอคิดผิด เพราะสิ่งที่ได้รับกลับมาหลังจากนั่นคือความใจร้ายของเขา ทำไมกัน ทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังเธอนัก --------------- “พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอท้อง” “พี่มาร์คก็พาไวน์ไปตรวจสิคะ และก็พาฝากท้องด้วย ที่ไวน์มาที่นี่เพราะไวน์มาหาพ่อให้ลูก ไวน์ยังไม่ได้บอกทุกคนหรอกค่ะว่าไวน์ท้อง” “ยังไงพี่ก็รับผิดชอบเธอไม่ได้ พี่ไม่ได้รักเธอไวน์ ได้ยินไหม พี่ไม่ได้รักเธอ พี่มีแฟนแล้วและพี่ก็รักเธอมาก ถึงไวน์จะท้อง พี่ก็จะรับแค่ลูก แต่ตัวไวน์ พี่ไม่ต้องการ เรื่องลูกถ้าท้องจริงพี่ยินดีรับแน่นอน” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พูดตามที่สมองประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจยอมรับวรนิษฐ์ได้ เขาไม่ได้รักเธอและไม่เคยคิดจะรักด้วย “หมายความว่ายังไงคะ พี่มาร์คจะไม่รับผิดชอบไวน์เหรอคะ พี่มาร์คได้ไวน์แล้วและพรากพรหมจรรย์ไวน์ไปด้วย” “ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่แคร์พรหมจรรย์กันแล้วไวน์ ไวน์เองก็น่าจะรู้ดีว่ายุคนี้มันยุคไหนแล้ว ไวน์ก็โตที่เมืองนอก ไวน์น่าจะรู้ดี” “สำหรับคนอื่นไวน์ไม่รู้ แต่สำหรับไวน์มันสำคัญมาก ยังไงพี่มาร์คก็ต้องรับผิดชอบไวน์ แต่งงานกับไวน์ ถ้าพี่มาร์ครับผิดชอบ ไวน์จะบอกคุณย่ากับคุณพ่อว่าไวน์ท้อง” “อย่ามาขู่พี่” “ไม่ได้ขู่ ไวน์พูดจริงทำจริง” “คิดว่าพ่อกับคุณย่าจะบังคับพี่ได้งั้นเหรอ จำไว้ว่าพี่ไม่มีวันรักเธอ เรื่องลูกพี่จะรอเขาคลอดแล้วเอามาเลี้ยงเอง ผู้หญิงคนเดียวที่พี่รักคือแพร” พูดจบแล้วเขาก็ลุกเดินออกจากห้องของเธอไปด้วยความเดือดดาล กล้านัก กล้าขู่เขาว่าจะบอกพ่อกับคุณย่า คิดว่าเขาแคร์เขาสนใจรึไง เชิญเลย แต่ถ้าจะให้รับผิดชอบไม่มีทาง เขาไม่ได้รักวรนิษฐ์ --------- “นี่มันอะไรกันไวน์” เมื่อปลายสายกดรับสาย เขาก็กระชากเสียงถามไปในสายทันที “อะไรคะ?” เธอถามเขาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจในความหมายของเขา “ก็หมายศาลไง ฟ้องหย่าเหรอ” “อ้อ...ค่ะ ก็พี่บอกไม่ยอมหย่าเอง ไวน์เลยต้องพึ่งศาล” “นี่เอาจริงเหรอ?” “แล้วไวน์บอกเหรอคะว่าพูดเล่น ถ้าไม่อยากให้ถึงศาลก็ยอมเซ็นใบหย่าให้ไวน์สิคะ เรื่องจะได้จบๆ” “ไม่มีทาง! ยังไงพี่ก็ไม่หย่าหรอก ไม่รักพี่แล้วเหรอ?” เขาถามเธอในท้ายประโยคและหวังว่าเธอจะตอบกลับมาว่า ‘รัก’ แต่กลับตรงกันข้าม
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้