“ออกไปให้พ้นจากชีวิตพราว คนอย่างคุณมันไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง” “ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปจากชีวิตเด็ดขาด เพราะผมต้องการให้คุณเป็นเมียน้อยผมต่อไป” ตัวอย่างบางตอน “จะรีบไปไหนเรายังไม่ได้คุยกันเลย” “ปล่อย พราวไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” สาวเจ้าพยายามสะบัดมือหนาที่น่าขยะแขยงหมายจะให้มันหลุดพ้นไปจากแขนของเธอ ทว่าคนที่มือเหนียวปานตุ๊กแกก็ไม่ยอมปล่อยแขนเธอให้หลุดมือไปง่ายๆ ไม่พอแค่นั้นเขายังรวบอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินดุ่มไม่อายสายตาของคนที่อยู่ระแวกนี้แม้แต่น้อย หากเขาไม่อายเธอเองก็จะแหกปากร้องอย่างให้คนช่วยอย่างไม่อายเช่นกัน เพราะไม่อยากจะอยู่แนบชิดกับตะวันวาดแม้แต่นาทีเดียว “ช่วยด้วยค่า ไอ้บ้านี่มันลักพาตัวฉันค่า ช่วยด้วย...” ปากเล็กตะโกนร้องให้คนช่วย ในขณะที่มือน้อยฟาดกำปั้นทุบไปที่แผ่นหลังกว้างไม่ขาดช่วง “แหกปากไปเถอะไม่มีใครช่วยคุณ ที่นี่มีแต่คนของผมทั้งนั้น” ตะวันวาดยังคงเดินเยื้องย่างสบายอารมณ์จนไปถึงลานจอดรถ หลังจากนั้นเขาก็จับพราวจันทร์ยัดเข้าไปในรถตู้ที่นครินทร์จอดรอพวกเขาอยู่แล้ว “ทำชั่วกันเป็นขบวนการจริงๆ” นครินทร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพราวจันทร์สบถขณะมาถึงรถ ไม่รู้ว่าเจ้านายตนไปมีเรื่องอะไรกับหญิงสาวก่อนหน้า แต่เขาก็ต้องพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำหน้าที่ขับรถต่อไปตามที่เจ้านายสั่งเท่านั้น “ถ้าอยากกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยผมขอให้คุณสงบปากสงบคำเอาไว้ดีกว่า” พูดจบตะวันวาดก็ปรับเบาะนอนสบายอารมณ์ พราวจันทร์หันไปมองคนที่นอนอยู่เบาะข้างๆ ด้วยสีหน้าแววตาไม่สบอารมณ์บวกกับความฉงนหนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันวาดจะหลับตาลงได้ในขณะที่เธอยังคงกระวนกระวายใจเพราะความเผด็จการของเขา ท่าทางคงจะทำไม่ดีกับคนอื่นจนชินเป็นนิสัยถึงได้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้เก่งในเวลาที่ต้องบังคับคนอื่น
ในเมืองใหญ่ของกรุงเทพมหานครยามหัวค่ำเป็นเวลาที่ท้องถนนครึกครื้นไปด้วยรถยนต์ ตามข้างถนนหรือร้านค้าร้านอาหารที่เปิดก็ครึกครื้นไปด้วยผู้คนเพราะเป็นเวลาเลิกงานของวันสุดสัปดาห์
สามสาวเพื่อนรักที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านชานเมืองกรุงเทพมหานคร พราวจันทร์ เมขลาและล้อมรัก นัดกันมาที่ที่หนึ่งในย่านห้วยขวางเพื่อสักการะเทพที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะต้องการขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนที่จะเริ่มสมัครงานและเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว
สามสาวฝ่าฝูงชนเข้าไปไหว้องค์เทพอยู่พักใหญ่ก็ออกมาหาอะไรรับประทานเพราะตั้งแต่ออกจากบ้านมาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง หลังจากเดินลัดเลาะริมฟุตบาทอยู่พักใหญ่พวกเธอก็มาหยุดอยู่กันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแฟรนไชส์เจ้าดังที่ตั้งร้านอยู่ในซอยเล็กๆ
“ป้าคะเอาหมี่หมูน้ำตกพิเศษลูกชิ้นสามค่ะ แคปหมูสามถุงนะคะ”
“นั่งเลยลูก อีกสามคิวเดี๋ยวป้าทำให้”
“ค่ะ”เป็นเมขลาหญิงสาวร่างสูงเพรียวเดินเข้าไปสั่งอาหารที่หน้าร้านก่อนจะกลับมานั่งรวมกับเพื่อนทั้งสองที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว
“สั่งแคปหมูมาด้วยเปล่าเม”
“ของโปรดป้าแว่นเพื่อนรักเพื่อนเลิฟจะลืมได้ยังไง”
ที่เมขลาสั่งแคปหมูมาสามถุงไม่ใช่ว่าเธอจะเอามาแบ่งกันคนละถุง แต่เธอสั่งมาให้พราวจันทร์เพียงคนเดียว เพราะรู้ว่าเพื่อนจะรับประทานก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้ไม่อร่อยแน่ หากไม่มีแคปหมูมาคอยเคี้ยวไปกับก๋วยเตี๋ยวในทุกๆ คำ
“เออ..พวกแกเห็นหรือเปล่าตรงที่เราไปไหว้องค์เทพเมื่อกี้ ข้างๆ มีคนไปนั่งดูหมอดูกันเต็มเลย ฉันอยากรู้ว่าหมอที่นี่เค้าแม่นจริงไหม” ล้อมรักสาวเจ้าเนื้อเอ่ยขึ้นมาในระหว่างที่นั่งรออาหาร สงสัยพอสมควรว่าทำไมคนถึงแห่กันมาดูดวงที่นี่มากมายนัก
“ก็คงแม่นจริงๆ นั่นแหละ ไม่อย่างงั้นคนจะรอต่อคิวกันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” เมขลาเชื่ออย่างไม่มีข้อกังขา ด้วยเพราะเธอเองก็เป็นคนเชื่อเรื่องที่เหนือธรรมชาติมากพอตัวอยู่แล้ว อีกทั้งหากเป็นหมอดูที่ไม่แม่นคงไม่มีคนมารอต่อคิวกันมากมายอย่างที่เห็น
“อยากรู้ว่าแม่นไม่แม่น แกก็ไม่ลองไปต่อคิวดูล่ะล้อม” พราวจันทร์หันมาสะกิดไหล่ล้อมรัก
“ฉันไม่รู้จะดูเรื่องอะไร” ล้อมรักนั่งบุ้ยปากส่ายหัว เพราะตอนนี้ในหัวของเธอว่างเปล่าเรื่องการอยากรู้อนาคต
“งานไง เราไปถามเค้ากันดีไหมว่ายื่นสมัครงานแถวไหนแล้วจะมีโอกาสได้งานสูง จะได้ไม่ต้องเสี่ยงยื่นไปหลายที่” เมขลาออกความเห็น
“อืม...ก็ดีนะ” ล้อมรักเริ่มคลายสีหน้าฉงนและเริ่มแสยะยิ้มร่าดวงตามีประกายแห่งความหวัง หากเธอรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าคร่าวๆ จะได้ทำให้เธอวางแผนอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น
“นี่สาวๆ อยากดูดวงกันเหรอ” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวร่างท้วมเดินถือถาดที่วางชามก๋วยเตี๋ยวทั้งสามพร้อมแคปหมูมาให้เหล่าสามสาวด้วยตัวเอง
“ค่ะคุณป้า คุณป้าพอจะรู้ไหมคะว่าหมอดูแถวนี้คนไหนแม่น” ล้อมรักเงยหน้ามองคนที่กำลังวางชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าพวกเธอ
“อยู่ตรงหน้าพวกหนูไง”
“คุณป้าดูดวงเป็นเหรอคะ” เมขลาเริ่มมองแม่ค้าร่างท้วมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“คิดว่าป้าดูเป็นไหมล่ะ ป้าว่าป้าก็พอจะรู้เรื่องของพวกเราอยู่นะ”
สายตาของสามสาวจ้องมองกองถุงแคปหมูกันเป็นตาเดียว เมื่อมันกองอยู่ตรงหน้าของพราวจันทร์เพียงแค่คนเดียวโดยที่พวกเธอไม่ได้บอกก่อน
“ระดับจิตสัมผัสเลยนะเนี่ย” เมขลากระซิบกระซาบกับล้อมรัก ตอนนี้สามสาวเริ่มขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเธอรู้สึกหนาวขั้นมากะทันหัน
“จะกินกันก่อนหรือจะคุยกับป้าก่อนดีล่ะ”
“ขนาดนี้แล้วต้องคุยก่อนแล้วค่ะ” เมขลาไม่ได้สนในชามก๋วยเตี๋ยวที่ส่งกลิ่นหอมเตะจมูกตรงหน้าแล้ว ตอนนี้เธอสนใจมากกว่าว่าแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวคนนี้รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับพวกเธอ
อีกทั้งที่อยากจะคุยตอนนี้ก็เพราะเห็นว่ายังไม่มีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็ต้องถามให้แน่ใจก่อนว่าจะถูกเรียกเก็บค่าครูกันเท่าไหร่ หากเป็นจำนวนที่พวกเธอจ่ายไม่ไหวเธอก็จะขอผ่านปฏิเสธไปก่อน
“แล้วป้าจะเก็บค่าครูคนละเท่าไหร่คะ”
“หนูสะดวกเท่าไหร่ก็เอาเงินไปไว้ที่กระถางผ้าป่าตรงนั้นก็พอ”
แม้ค้าร่างท้วมชี้ไปยังกระถางผ้าป่าที่มีเงินแบงค์ยี่สิบแบงค์ร้อยเหน็บอยู่กับไม้ก้านยาวเรียวเล็กที่เสียบเข้าไว้กับต้นผ้าป่าหญ้าคาใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ที่อยู่ข้างร้านก๋วยเตี๋ยว
สามสาวรู้เช่นนั้นก็พอจะเบาใจเรื่องค่าครูในการดูดวง เพราะพวกเธอก็เป็นแค่เด็กที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ไม่ได้อยากใช้เงินฟุ่มเฟือยโดยที่ไม่จำเป็น
“โอเคค่ะ”
หลังจากทั้งสามเอาเงินไปติดที่ถังผ้าป่าคนละหนึ่งร้อยบาท แม่ค้าร่างท้วมก็พาพวกเธอเดินไปที่หลังต้นโพธิ์ บรรยากาศความเงียบงันเย็นยะเยือกที่สามสาวสัมผัสได้ทำเอาพวกเธอขนลุกมาพร้อมๆ กัน เพราะบรรยากาศหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวและหลังต้นโพธิ์ใหญ่นี้เหมือนเป็นคนละโลกกันก็ว่าได้
สามสาวมองหน้ากันด้วยแววตาฉงน เพราะไม่คิดว่าหลังต้นโพธิ์ใหญ่นี้จะมีโต๊ะดูดวงวางตั้งอยู่ข้างหลังด้วย เดาได้เลยนว่าแม่ค้าคนนี้คงทำสองอาชีพในเวลาเดียวกันแน่นอน
และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นตรงหน้าโต๊ะสีแดงตอนนี้มีเก้าอี้อยู่สามตัวเท่ากับจำนวนของพวกเธอพอดี เหมือนตั้งเอาไว้รอพวกเธออย่างไงอย่างงั้น
“นั่งสิ”
เสียงของป้าขายก๋วยเตี๋ยวเริ่มมีน้ำเสียงที่ต่ำและเชื่องช้าลง นั่นยิ่งเพิ่มความน่าขนลุกให้กับสามสาวเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครกระโตกกระตากพูดถึงความน่ากลัวออกมาได้แต่มองหน้าและใช้สายตาสื่อสารกันเท่านั้น
“อยากยื่นใบสมัครงานอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
พราวจันทร์พยักหน้าหงึกๆ เพราะเธอยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรแม่ค้าร่างท้วมที่กำลังอยู่ในสถานะของหมอดูก็ทักสิ่งที่อยู่ในใจของเธอออกมาแล้ว
“อืมของหนูคนนี้...” แม่ค้าร่างท้วมมองมายังพราวจันทร์
เขาพรากแม่ของเธอไปยังไม่พอ ยังมาพรากอิสระของชีวิตโดยการให้เธอแต่งงานกับเขาอีก ดวงตาของเธอ...มองไม่เห็น เพราะผลพวงจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น อุบัติเหตุที่พรากแม่ของเธอไปตลอดกาล หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะจากโลกนี้ไปพร้อมกับแม่ จะได้ไม่ต้องมาถูกคนเป็นพ่อบังคับให้แต่งงานกับคนที่พรากชีวิตแม่ของเธอไป เพราะต้องการเงินมาใช้หนี้ นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจงใจอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ พูดคุยและติดตามอัพเดตนิยายเรื่องใหม่ๆ ได้ที่ FB: ไรท์เกว
คราแรกเข้ามาทำเป็นรักเพื่อผลประโยชน์ ทว่าความน่ารักอ่อนโยนของเธอก็ทำให้หัวใจที่ถูกทำร้ายจนเหี่ยวเฉากลับมามีความสดชื่นอีกครั้ง ชีวิตรักของธารดาวและแสนรักไม่ได้สวยงามดั่งใจที่หวัง เพราะแผนการร้ายที่ชายหนุ่มเริ่มต้นเอาไว้ มันย้อนกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ของพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดี เมื่อคำว่ารักจากลมปากชายหนุ่มกลายเป็นแค่คำหลอกลวงสำหรับหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องลูกของคนใจร้าย เธอจะจัดการชีวิตยังไงต่อไป ติดตามอ่านเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองได้ในเรื่อง ลวงรักเจ้าสาวบ้านไร่ ได้เลยนะคะ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่ล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัปเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว นะคะ ธารดาวในชุดคลุมท้องสีชมพูหวานยืนโอบกอดหน้าท้องที่เพิ่งนูนออกมาเล็กๆ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเพราะรู้สึกมีความสุขและทุกข์ใจไปในคราวเดียวกัน ไม่ได้อยากส่งพลังงานไม่ดีไปยังลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถลืมความข่มขื่นใจใจที่เพิ่งเจอมาได้เลย “แม่ขอโทษนะลูก แม่จะพยายามเข้มแข็งให้เร็วที่สุด แม่สัญญา” ธารดาวนึกย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เธอและพี่ชายได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในไร่แสงฟ้า ไร่ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากยายของเธอ ชีวิตของเธอเป็นไปอย่างเรียบง่ายในวิถีชีวิตที่ชนบท จนกระทั่งมีใครบางคนเข้ามาในชีวิต เขาให้ทั้งความสุขที่เธอไม่เคยพานพบ และก็ให้ความทุกข์ระทมใจที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนเช่นกัน
“อย่ามาแตะตัวฉัน” พลอยชมพูถอยห่างและส่งเสียงแข็งปรามอีกฝ่ายเมื่อเขากำลังยื่นมือหมายจะเชยคางของเธอ “อย่าหวงตัวไปหน่อยเลย เพราะถ้าคุณหวงตัวกับผม พ่อของคุณนั่นแหละจะเจ็บตัว” นี่หรือคนที่เธอเคยชื่นชมว่าเป็นสุภาพบุรุษ ตอนนี้เขาทำกับเธออย่างป่าเถื่อนและโหดร้าย เพียงเพราะต้องการที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้นพ่อของเธอ ผิดด้วยหรือที่เขาใจร้าย ในเมื่อเขาถูกกระทำให้เป็นแพะรับบาปว่าฆ่าพ่อตัวเองก่อน และเธอ...ก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่เขาจะใช้ในการแก้แค้น เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
“ไม่ขายแล้วโว้ยนิยาย ขายตัวดีกว่า” เพราะคำที่ตะโกนออกไปในตอนที่เมา เป็นผลพวงทำให้เธอได้ป่าวประกาศว่า “ประธานคนนี้สามีของฉัน” ในวันแต่งงาน เธอ นักเขียนนิยายที่เริ่มย่อท้อในการเป็นนักเขียน เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ประสบผลสำเร็จในเส้นทางนี้เสียที เธอนั่งดื่มคลายเครียดแล้วตะโกนว่าอยากขายตัวในขณะที่ไม่มีสติ... เขา ประธานผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนยักษ์ใหญ่ ผู้ที่เชื่อมั่นในรักแรกพบ ในเมื่อคนที่ถูกตาต้องใจเสนอขายตัวมาแล้ว มีหรือเขาจะไม่สนอง... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว
“จำเอาไว้ ถ้าคุณมีลูกเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะพรากลูกคุณไปให้ไกลแสนไกล คุณจะต้องเจ็บปวดทรมานเจียนตาย ให้สาสมกับที่เข้ามาหลอกลวงผม” เพราะคำประกาศิตนี้เธอถึงให้เขารู้เรื่องลูกไม่ได้ ชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ และเนื้อหาในนิยายล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน เจ้าเอยเดินหน้าเศร้ามายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของมานูแอล เธอยืนถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูเรียบร้อยก็เปิดประตูเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปด้านใน “ไปไหนมา” เสียงแข็งที่เอ่ยทักทายทำเข้าเอยเริ่มกำมือกันแน่น ประหม่ากับเรื่องที่จะพูดกับมานูแอลพอสมควร “เอยขอยืมเงินคุณสักห้าหมื่นได้ไหมคะ แล้วเอยจะรีบหามาคืนค่ะ” เธอไม่อยากลงรายละเอียดว่าจะเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาของพ่อ เดี๋ยวจะถูกมองสิ่งที่เธอต้องการจากเขาก็มีเพียงแค่เงินเท่านั้น “หึ่...” มานูแอลละสายตาจากการมองหน้าจอไปแพดในมือ เขาสบถในลำคอเสมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเองและหญิงสาวไปพร้อมๆ กัน เขารู้ความจริงเรื่องที่เธอเข้ามาในชีวิตจเขาเพราะเงินไม่เท่าไหร่ วันนี้หญิงสาวก็แบกหน้ามาขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องเงินอย่างหน้าไม่อาย “ผมไม่ให้ยืม แต่ผมจะให้เป็นค่าตัว แค่คุณนอนอ้าขาให้ผมระบายอารมณ์ ผมจะให้คุณครั้งละสองหมื่น” สิ้นเสียงของมานูแอเสมือนมีก้อนอะไรแข็งๆ ติดอยู่ที่คอของเจ้าเอย เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ทั้งยังต้องพยายามกลั้นน้ำตาเพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกดูถูกค่าความเป็นคน แต่ยังไงเธอก็ต้องยอม “ครั้งนี้ผมจะให้ห้าหมื่นตามที่คุณขอก็แล้วกัน อีกสองชั่วโมงผมจะเข้าไปที่ห้องนอนคุณก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก็แล้วกัน” เจ้าเอยพยักหน้าน้อยๆ รับคำของมานูแอล หลังจากนั้นจึงรีบหันหลังให้เขาและเดินออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่ม เพราะไม่อยากให้เขาได้เห็นน้ำตาจากความอ่อนแอของเธอ
“เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจค่ะ แต่ม่อนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้วค่ะ หัวใจของเค้าเป็นของม่อนมาตั้งแต่แรก แค่ตอนนี้กำลังล่องลอยไม่รู้จุดหมาย แต่ม่อนจะตามหัวใจของเค้ากลับมาอยู่ที่ม่อนเหมือนเดิมให้ได้ค่ะ” เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน “แผล...แอล” หญิงสาวรีบพลิกตัวชายหนุ่มเพื่อดูรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ข้างซ้ายของเขา รอยแผลของเขายังอยู่ เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ว่ายังไงเขาก็คือแอลคนรักของเธอ “ผมไม่ใช่แอล” ลอเลนโซพลิกตัวกลับมาพูดกับหญิงสาวเสียงเข้ม อันที่จริงเขาตื่นก่อนเธอนานแล้วและสามารถออกไปจากบ้านของเธอได้แต่ไม่คิดจะทำ เพราะอยากจะรู้เท่านั้นว่าหากเธอตื่นมาเจอเขาอยู่ข้างๆ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร “ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณมายุ่งกับฉันทำไม” หญิงสาวตวาดเสียงสั่นเพราะโมโหที่เธอจับเขาได้ขนาดนี้ยังจะมาปฏิเสธหน้าด้านๆ มือเรียวกำหมัดกันแน่น ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอจ้องมองค้อนคนข้างกายไม่วางตา “ผมเป็นผู้ชาย คุณเสนอมาผมก็แค่สนองไปก็เท่านั้น อ่อ... ถ้าติดใจครั้งหน้าผมก็น่าจะแอบมาเจอคุณได้” “อย่ามาดูถูกฉันนะ” “ก็คุณ...ทำตัวให้ผมดูถูกเอง ถ้าไม่อยากถูกผมมองอย่างดูถูกอีก ก็อยู่ให้ห่างผมเข้าไว้เข้าใจใช่ไหม” เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของคนที่กำลังมีน้ำตาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกไปจากบ้านฉัน อ๊าย... ฮือๆๆๆ...” ม่อนไหมผลักใบหน้าลอเลนโซเต็มแรง เธอกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บใจและฟุบหน้ากอดเข่าร้องสะอึกสะอื้นไม่ยอมเงยหน้ามองความเป็นจริง
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"