สาวหล่อที่แอบทำให้ใจพัชสั่นไหวได้พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่พัชยังคงมองตามร่างนั้นจนหายไปลับตา “พัช ถ้าแกจะมองคนที่ดาขนาดนั้น ทำไมไม่ขอเบอร์ให้จบ ๆ ไปเลยวะ” “เอ่ออ...ลืมเลย” “จ้า ๆ” ............................................................................................................ “คือ...พลอยอยากถามแม่ว่า แม่เคยคิด คิด ที่จะรังเกียจความรักในแบบของพัชไหมคะ” พัชที่กำลังจะตักกับข้าวถึงกับชะงักมือก่อนจะมองไปทางแม่ที่นั่งยิ้มและมองมาทางพัชด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหนก็ตาม แต่ขอให้รักที่เกิดนั้นเป็นรักที่ไม่ผิดต่อใครและไม่ทำให้ทั้งตัวเราและใครเสียใจก็พอ”
การสอบแข่งขันเปรียบดั่งการต่อสู้ที่ศศินาพัชร์หรือพัชต้องผ่านมันไปให้ได้ แม้หญิงสาวจะมิชอบการแข่งขันเท่าใดนักแต่เพราะนั่นคือความหวังที่มารดาปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้หญิงสาวมุ่งมั่นที่จะทำให้มารดาภูมิใจ
“พัช ลูกเห็นหรือยัง ตอนนี้เขตเรียกตัวลูกแล้วนะ”
เสียงมารดาของพัชเอ่ยบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แม้พัชจะมิได้ดีใจเท่าใดนักแต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของมารดาหญิงสาวจึงอดยิ้มกับโทรศัพท์มือถือไม่ได้
“ค่ะแม่ ตอนนี้พัชกำลังไปรายงานตัวแล้วค่ะ”
“ในที่สุด แม่ก็จะได้เห็นลูกใส่ชุดข้าราชการเสียที”
พัชเผลอมองบนเล็กน้อย ‘ทำไมแม่และคนแถวบ้านถึงอยากให้ลูกหลานรับราชการกันนะ’ แม้จะเอ่ยบ่นกับตัวเองแต่หญิงสาวกลับมิเคยปฏิเสธในสิ่งที่มารดาของเธอต้องการแม้สักครั้ง
“แค่นี้ก่อนนะคะแม่”
“จ๊ะ ๆ เสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านนะ”
“ค่า แม่”
พัชเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบเดินเข้าไปในสำนักงานสถานศึกษาที่หญิงสาวถูกเรียกตัว หลังจากเสร็จจากการรายงานตัวแล้ว หญิงสาวจึงได้ตรงกลับบ้านในทันที
“แม่น้องพัช ๆ”
“มีอะไรหรือพี่”
“ได้ยินมาว่าน้องพัชสอบครูได้งั้นหรือ”
“จ๊ะ น้องพัชเพิ่งถูกเรียกบรรจุจ๊ะ”
“งั้นหรือ ดี ๆ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เป็นครูรัฐจะได้เงินสักเท่าไหร่กันเชียว ดูพี่แอนสิทำงานเอกชน ได้ทั้งเงินเดือน ได้ทั้งเงินพิเศษ นี่ยังไม่รวมเงินสอนพิเศษและเงินโบนัสอีกนะ”
“ดีจังเลยจ้ะ แล้วนี่น้องแอนไปที่ไหนหรือคะวันนี้ ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ก็อย่างว่าแหละ ทำงานเอกชนวันหยุดก็เลยไม่ได้หยุด ต้องทำงานนั่นแหละ”
พัชจอดรถหน้าบ้านก่อนจะลงมาสวัสดีแม่และป้าข้างบ้าน
“น้องพัช เป็นอย่างไรบ้างได้ข่าวว่าถูกเรียกบรรจุแล้วนี่ ได้ที่ไหนกัน”
“อ่อ ได้แถวแม่แจ่มค่ะ”
“แม่แจ่มงั้นเหรอ ตาย ๆ ๆ กันดารเสียขนาดนั้น น้องพัชจะไหวเหรอ”
“ทำไมจะไม่ไหวกันคะ”
“แม่แจ่มทั้งไกลทั้งกันดาร น้องพัชที่มีแม่เคยดูแลมาตลอดประหนึ่งลูกคุณหนู น้องพัชจะไปที่อยู่ที่แบบนั้นได้เหรอ”
“แม้แม่จะดูแลพัชเป็นอย่างดี แต่แม่ก็ไม่เคยสอนให้พัชเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะคะ แม้ที่ที่พัชจะไปนั้นกันดารแต่ผู้คนคงจะน่ารักและจริงใจแน่นอนค่ะ”
“พัช ทานอะไรมาหรือยัง เข้าบ้านไปคุยกันเถอะ”
“ค่ะแม่”
อาหารที่พัชชอบถูกจัดวางไว้เต็มโต๊ะ พัชมองอาหารเหล่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปกอดแม่
“แม่ พัชต้องไปบรรจุบนดอย แม่จะอยู่ได้เหรอคะ”
“ได้สิ แม่ก็คิดเสียว่าลูกไปเข้าค่าย เสาร์-อาทิตย์ลูกก็กลับมาไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ”
ทั้งสองกอดกันก่อนจะนั่งลงรับประทานอาหารด้วยกัน ขณะที่กินข้าวนั้นพัชสังเกตเห็นว่าแม่แอบดีใจจนน้ำตาซึมจนต้องแอบเช็ดน้ำตาอยู่หลายที จนเมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วทั้งสองต่างเดินมามองรูปชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาถูกวางอยู่บนโต๊ะข้างตู้โชว์
“หากพ่อยังอยู่ก็คงจะดี”
“แม้ตอนนี้พ่อจะอยู่บนสวรรค์ แต่พ่อก็มองลงมาและคอยดูแลพวกเราอยู่เสมอนะคะแม่”
“อื่ม”
ทั้งสองยืนกอดกันขณะมองรูปนั้นด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มและคราบน้ำตา
วันที่ต้องไปรายงานตัวยังโรงเรียนที่ต้องบรรจุมาถึง เพื่อน ๆ และญาติพี่น้องได้มาส่งพัชอย่างพร้อมเพรียงกัน รถขับเคลื่อนสี่ล้อสองคันได้มาจอดอยู่หน้าบ้านพัชพร้อมเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน
“พัชเป็นคนแรกในรุ่นเลยนะที่ถูกเรียก”
“ใช่ค่ะแม่ พัชของเราเก่งมาก ๆ”
“พัช เก็บของเสร็จหรือยัง พวกเราจะไปวันนี้นะ”
พลอยและเพื่อน ๆ ของพัชต่างพูดคุยและแซวพัชอย่างเป็นกันเอง
“จ้า ๆ เสร็จแล้ว ๆ”
กระเป๋า 3 ใบถูกนำมาวางไว้ข้างรถ ทุกคนมองกระเป๋านั้นก่อนจะมองพัชสลับกันไปมา
“ไปอยู่ที่กันดารขนาดนั้น ขนไปแค่นี้เองเหรอ”
“แค่นี้ก็พอ ใบแรกเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว ใบที่สองที่นอนหมอนมุ้ง ใบที่สามอาหารยารักษาโรค ส่วนที่ขาดไม่ได้ มอไซค์คู่ใจ”
รถมอเตอร์ไซค์วิบากถูกนำมาจอดไว้ข้างรถขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเก็บของเดินทางกันเถอะ”
การเดินทางเข้าแม่แจ่มแม้จะไม่ได้ลำบากเพราะถนนที่ปูด้วยทางลาดยาง ป่าไม้สองข้างทางที่ให้ร่มเงาอีกทั้งความชุ่มชื้นที่ทำให้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
“พวกเราแวะตลาดกันหน่อยไหม หาซื้อของกินด้วย”
“ดี ๆ”
รถขับเคลื่อนสี่ล้อสองคันได้ขับตามกันมาจอดแถวตลาดข้างอำเภอแม่แจ่ม
“พัช แกอยากได้อะไรเพิ่มไหม”
“ไม่ล่ะ รอขึ้นโรงเรียนก่อนค่อยลงมาซื้ออะไรเพิ่มดีกว่า”
“ก็ดีนะ”
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
พัชที่มัวแต่คุยกับพอใจได้เผลอชนเข้ากับใครบางคน หญิงสาวจึงได้เอ่ยขอโทษในทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ”
สาวหล่อผมสั้นดูเท่ ๆ ที่ทำให้พัชหยุดหายใจไปชั่วขณะ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เสียงหวาน ๆ พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบพัชที่ยังคงมองอยู่เช่นนั้น
“ไอ่ดา เร็วเข้า”
“เอ้อ”
สาวหล่อที่แอบทำให้ใจพัชสั่นไหวได้พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่พัชยังคงมองตามร่างนั้นจนหายไปลับตา
“พัช ถ้าแกจะมองคนที่ดาขนาดนั้น ทำไมไม่ขอเบอร์ให้จบ ๆ ไปเลยวะ”
“เอ่ออ...ลืมเลย”
“จ้า ๆ”
พลอยมองบน เมื่อซื้อของเรียบร้อยแล้วทั้งหมดต่างออกเดินทางกันต่อไป แดดร้อน ๆ ยามบ่ายแก่ ๆ ทำให้ทุกคนในรถต่างหลับบ้างหรือไม่ก็จมดิ่งอยู่ในความคิดของตนเองเมื่อเห็นสภาพถนนหนทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจายไปตามทาง ใบไม้และต้นไม้ด้านข้างถนนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสีแดงจากฝุ่น
“เฮลโล่ ฮ่า ๆ ๆ สภาพ อีกนานไหมถึงจะถึง”
เสียงเพื่อนของพัชที่นั่งหลังรถเอ่ยขึ้น เพราะตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นจนทุกคนที่อยู่ในรถต่างหัวเราะ
“อีกไม่กี่โค้งก็ถึงแล้ว”
“ไม่กี่โค้งนี่คือกี่โค้ง”
“ก็โค้งซ้าย โค้งขวา เดี๋ยวก็ถึง”
“ไอ้บ้า....ฮ่า ๆ ๆ”
จนเมื่อรถขับเคลื่อนสี่ล้อหยุดอยู่หน้าป้ายโรงเรียนที่ใกล้จะพังแหล่ไม่พังแหล่
“โรงเรียน......ถึงซะที”
พลอยบ่นก่อนที่รถจะเลี้ยวขวาเข้าไปด้านใน อาคารเรียนไม้ที่ตั้งอยู่แม้จะไม่ใหม่แต่ก็พอที่จะใช้ได้เรียงรายอยู่ 4 หลังเป็นรูปตัวยู ตรงกลางนั้นคือสนามตะกร้อและสนามบาส รถเคลื่อนเข้าไปอีก 200 เมตรนั่นคือโรงอาหารของนักเรียนที่ตั้งอยู่หลังแทงก์น้ำ ด้านข้างคือบ้านพักไม้สองชั้นสองหลังที่อยู่ติดกัน และท้ายสุดคือบ้านพักครูที่ดัดแปลงให้ด้านล่างเป็นห้องครัว ส่วนด้านบนเป็นห้องพักครู ทุกคนเดินลงมาจากรถก่อนจะยืดเส้นยืดสายและช่วยกันเอารถมอเตอร์ไซค์วิบากลง
“สวัสดีค่ะ ครูใหม่ใช่ไหมคะ”
หญิงสาวร่างเล็กหน้าเก๋ ๆ เดินมาทักทายกลุ่มคนของพัชด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ ครูศศินาพัชร์มารายงานตัวค่ะ ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการอยู่ไหมคะ”
“ผอ. ไปประชุมค่ะ ถ้างั้นพี่ขออนุญาตรับเอกสารแทนนะคะ อ้อ ลืมไปพี่ชื่อ...หนึ่งจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะ น้องชื่อพัชค่ะ”
“พี่หนึ่ง ของเรียบร้อยแล้วจะเอาไงต่อ”
เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พัชต้องหันไปตามเสียง
“อ้าว”
“อ้าว”
สาวหล่อคนที่พัชเจอเมื่อเดินซื้อของในตลาดเอ่ยขึ้นพร้อม ๆ กับพัชก่อนที่ทั้งสองจะส่งยิ้มให้แก่กัน
“น้องมาบรรจุที่โรงเรียนนี้เหรอคะ”
“ค่ะ”
“พี่ชื่ออันดา ชื่อเล่นดา”
“สวัสดีค่ะ เรียกน้องว่าพัชก็ได้ค่ะ”
“ถ้างั้นให้พี่พาไปดูที่พักและรอบ ๆ ก่อนดีไหม”
“ถ้าได้จะขอบคุณมากค่ะ”
พลอยที่เดินมาสมทบแอบสะกิดพัชเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้พัชอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้
“บังเอิญหรือพรหมลิขิตกันนะ”
“พลอย เงียบไปเลย”
ดาเดินเข้ามาทักทายกลุ่มคณะที่มาส่งพัชก่อนจะพาทุกคนชมรอบ ๆ โรงเรียนและดูที่พักรวมถึงพาไปเดินดูรอบ ๆ หมู่บ้านที่มีนักเรียนมาเรียนที่นี่
'คนที่ไว้ใจที่สุดคือคนที่ร้ายที่สุด' หนึ่งคนที่รัก อีกหนึ่งคนที่ไว้ใจรวมหัวกันหลอกเธอจนวาระสุดท้าย ก่อนสิ้นลมหายใจเธอได้อธิษฐานขอโอกาสอีกครั้ง ขอให้เธอได้เจอชีวิตที่ดีกว่านี้
เธอถูกทำร้ายโดยสามีและชู้จนเสียลูกในท้องไป ครานี้เธอกลับได้ลูกโดยไม่ต้องท้องมีหรือที่เธอจะไม่รักและปกป้องเด็กคนนี้ ว่าแต่พ่อของเด็กคือใครกัน….
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"