“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’
ตอนที่1 ธาริกา
“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’ ฝ่ามือของคนเลวกำลังยุ่มย่ามกับการดึงกระโปรงของเธอขึ้นและเขาก็ทำมันสำเร็จจนเหลือปราการชิ้นสุดท้ายคือกางเกงในตัวน้อยที่กำลังจะถูกกำจัดไปให้พ้นทาง
“คุณ..หนูยอมแล้ว..”
“หึ”
“พาไปทำบนโซฟาได้มั้ยคะ” ชายตัวสูงหยัดตัวขึ้นผละออกจากร่างของหญิงสาวแต่ไม่ทันระวังเขาก็โดนของแข็งฟาดเข้าที่กกหูอย่างแรง
ปึก!!!
“เธอ!”
เพล้ง!!!
“อ๊ะ!โอ๊ยย!” เขาโดนตีถึงสองครั้งติดแต่ที่ทำให้เจ็บจนไม่สามารถล่าตัวเธอไว้ได้ทันก็คือก็คือดวงตาของเขาในตอนนี้มืดสนิทจนมองไม่เห็นแสงไฟที่ผลัดเปลี่ยนสีไปมา
.....
สามปีต่อมา
“ทราย คุณมาวินให้เลขาติดต่อมาอีกแล้ว” ฉัตรทอง ผู้จัดการสาวสองบอกดาราในสังกัดของตัวเองเสียงเบา เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้ธาริการำคาญใจ
“ก็ตอบเขาไปเหมือนเดิมค่ะ”
“...”
“มีอะไรเหรอคะ” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมเฉี่ยวหันมองผู้จัดการที่ยืนละล่ำละลักอยู่ ได้โอกาสฉัตรทองจึงบอกสิ่งที่ทางนั้นต้องการกับเจ้าตัว
“คราวนี้ถ้าทรายปฏิเสธอีก เขาจะไม่ขอซื้อแล้วนะ”
“ก็ดีแล้วนี่คะ”
“แต่เขาบอกว่า.. เจอที่ไหนเขาจะไม่ปล่อยทรายอีกแล้ว”
“ชาติหมา” สิ้นคำบอกเล่าของฉัตรทอง หญิงสาวหน้าเหวี่ยงก็สบถออกมาอย่างไม่กลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน แม้แต่ผู้จัดการของเธอเองก็ยังตกใจที่เธอพูดคำหยาบได้ถึงเพียงนี้
“ทรายแก้ว การมีปัญหากับเขาไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ เธออาจหมดอนาคตได้เลย”
“ทรายควรตกลงขายตัวให้เขาใช่มั้ยคะ” ธาริกามองผู้จัดการของเธอผ่านกระจก ถึงจะพูดมาแบบนั้นแต่เธอก็รู้ว่าฉัตรทองหวังดี แต่เธอก็รักศักดิ์ศรีของเธอ ถ้าจะต้องเสียก็ต้องไม่ใช่เพราะผู้ชายที่ชื่อมาวิน ทายาทเจ้าของสังกัดที่เธอติดสัญญาอยู่ตอนนี้
“ก็เขาเปรียบเสมือนกัปตันเรือของเราหนิ มีปัญหากับคนขับเรือในทะเลมีแต่เขาจะกลั่นแกล้งนะ”
“ทะเลที่อื่นก็มี ไม่ใช่แค่ที่นี่”
“สัญญาเหลืออีกตั้งหนึ่งปี จะฉีกหรือไง”
“ไม่มีทางเลือกนี่คะ” หญิงสาวตอบกลับราวกับเรื่องที่พูดอยู่นั้นใช่เรื่องใหญ่
“คุณแขฟ้องอ่วม เอาเงินที่จะถูกฟ้องไว้สร้างบ้านที่เธอฝันไม่ดีกว่าเหรอ”
“ให้ทนไปก่อนใช่มั้ยคะ”
“มันคงไม่ถึงกับต้องกัดฟันหรอกมั้ง” ธาริกาถอนหายใจตัดบทสนธนา เธอคือนางร้ายที่กำลังมีชื่อเสียงในช่วงเวลานี้ งานแสดงเป็นงานที่เธออยากกอดมันไว้แน่น ๆ เพราะมันทำเงินให้เธอได้ราวกับสายน้ำ สำหรับเด็กที่ต้องปากกัดตีนถีบอย่างเธอจึงรักงานที่ทำเงินง่ายไปโดยปริยาย ส่วนฉัตรทองคือผู้จัดการที่ในอดีตโดนเด็กในสังกัดฉีกสัญญา และเพิ่งฟื้นคืนวงการได้หมาด ๆ เพราะดันปั้นอดีตเด็กนั่งดริ้งเป็นนางร้ายชื่อดังได้ แน่นอนว่าอดีตของธาริกาก็เป็นเรื่องกวนใจอยู่ไม่น้อย
“เครื่องประดับที่คุณทรายแก้วต้องใส่นะคะ” ทันทีที่เห็นเครื่องประดับวางลงตรงหน้า ทั้งดาราสาวและผู้จัดการก็สบตากันชั่วแวบหนึ่ง
“ของทรายแก้วต้องเป็นไพลินนี่คะ ไม่ใช่บุษราคัม”
“พอดีผู้ใหญ่ยัดคุณซินดี้เข้ามาก่อนหน้านี้แค่หนึ่งชั่วโมงเองค่ะ เธอขอเครื่องประดับที่เป็นชุดไพลิน”
“ได้ยังไง ตำแหน่งเซ็นเตอร์คือทรายแก้ว และต้องใส่ชุดไพลินโชว์ไม่ใช่เหรอ!” ธาริกาส่งซิกให้ผู้จัดการที่เริ่มหลุดเสียงหนุ่มใส่ทีมงาน
“ตำแหน่งเซ็นเตอร์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นคุณซินดี้ค่ะ”
“อะไรนะ!”
“พี่ฉัตร พอเถอะค่ะ” ธาริกาดึงแขนผู้จัดการที่ขยันสติหลุด ทีมงานคนนั้นไม่สนใจว่าทั้งสองจะโอเคหรือไม่เพราะอย่างไรเธอก็ไม่ได้มีหน้าที่สับเปลี่ยนใครหากไม่มีคำสั่งจากเจ้าของงานมาอีกที
“หลายทีแล้วนะอีซินดี้”
“พอเถอะพี่ฉัตร มันอยากเดินก็ให้มันเดิน เราได้เงินแล้วหนิ”
“แต่ถ้าได้ใส่ชุดไพลินนั่นนะ ช่างภาพเขาต้องสาดแฟลชมาที่เธอแน่นอน” ฉัตรทองยังคงด้อยค่าเครื่องประดับที่ธาริกาจะได้ใส่มันอย่างไม่ลดละ
“เพื่ออะไร ค่าตัวก็เท่าเดิม ดีซะอีกทรายจะได้ไม่แสบตา”
“สองงานแล้วนะที่มันทำแบบนี้”
“ก็เขาเป็นลูกรักผู้ใหญ่นี่คะ” คำพูดของดาราสาวทำเอาฉัตรทองน้อยใจ ที่ไม่มีคอนเนคชั่นอะไรเพื่อปกป้องเด็กของตัวเองได้เลย
“บางทีนะ เราอาจต้องพึ่งบารมีของคุณนาวิน”
“ไม่!”
“ทรายแก้ว ที่ซินดี้มันกร่างก็เพราะมันเป็นเด็กของคุณชาร์ล มันถือว่าไม่มีใครกล้าแตะต้องมันน่ะสิ”
“งั้นพี่ฉัตรก็ติดต่อคุณชาร์ลอะไรนั่นให้ทรายสิคะ จะไปพึ่งนาวินทำไม”
“เออ เนอะ แกนี่ฉลาด”
.....
ธาริกาในชุดเดรสเกาะอกยาวสีดำสนิทตัดกับผิวพรรณที่ขาวเปล่งปลั่งเดินนวยนาดส่งรอยยิ้มหยาดเยิ้มให้ช่างภาพได้เก็บภาพที่ดูดีทุกอิริยาบทของเธอ ชุดเครื่องประดับสีบุษราคัมไม่ใช่ชุดหลักที่งานตั้งใจโปรโมต แต่เมื่อมันอยู่บนลำคอระหงของธาริกาย่อมได้รับความสนใจท่วมท้น
“ชุดต่อไปนี้เป็นคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์วาราลักซ์ชัวรี่นะคะ ซึ่งนางแบบของเราในวันนี้ก็คือ..”
“คุณซินดี้ นางเอกชื่อดังที่สุดในตอนนี้นั่นเองค่ะ” แสงแฟลชย้ายจากธาริกามาหาซินดี้อย่างที่ควรจะเป็น แต่มีสายตาจากดวงตาสีเทาคู่หนึ่งที่ยังไม่ได้ละไปจากเธอ
“ทรายแก้ว ธาริกาครับ”
“อืม”
พรึ่บ
“ว๊าย!” เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น เมื่อธาริกาถูกนางเอกสาวเดินโชว์ชุดไพลินที่ไม่เคยมาซ้อมเดินบนเวทีเหยียบที่ชายชุดเดรสความยาวลากพื้นที่เธอสวม ส่งผลให้เมื่อเธอก้าวเดินเกาะอกบนตัวก็เลื่อนหลุดลงต่ำ ธาริกาต้องล้มตัวนั่งลงสองแขนบังช่วงตัวเพื่อไม่ให้เกิดความอนาจาร
“ซินดี้ไม่ได้ตั้งใจนะคะ” ธาริกามองคนที่ทำเธอตาขวางพร้อมกับมือที่ยกขึ้นปิดสองอก รอเวลาทีมงานหรือผู้จัดการของเธอมาช่วยเหลือ
“อย่าถ่ายนะคะ ห้ามถ่ายนะ”
พรึ่บ
ก่อนที่ฉัตรทองจะมาถึงตัวธาริกาก็มีเสื้อสูทตัวใหญ่มาปกคลุมเธอจากทางด้านหลัง หญิงสาวเงยหน้ามองคนที่ช่วยเหลือเธอแต่เขาดันไม่ใช่สักคนที่เธอคิด
“ขอบคุณนะคะ”
“คุณชาร์ล...” เรียวคิ้วของธาริกาขมวดมุ่นที่ซินดี้เรียกชื่อเขาขึ้นมา
“ทรายแก้ว ตายแล้ว! ลุกขึ้นเดินไหวลูก”
“พี่ฉัตรมาพยุงทรายหน่อยค่ะ ข้อเท้าน่าจะเจ็บ” ไม่ทันที่ฉัตรทองจะได้ทำหน้าที่นั้น ชายหนุ่มเจ้าของเสื้อก็อุ้มเธอออกไปจากหน้างาน
“นั่นคุณชาร์ลหนิ”
“ใช่ คุณชาร์ลจริง ๆ ด้วย” เสียงพูดคุยไล่หลังหลังจากเกิดเหตุการณ์ชุลมุน ซินดี้ยังคงแสดงสีหน้ารู้สึกผิดต่อหน้าสื่อที่ทำธาริกาอับอาย
“ความผิดซินดี้เองค่ะ มันผิดคิว.. ซินดี้ขอโทษทรายแก้วผ่านพวกพี่ ๆ เลยแล้วกันนะคะ”
“อย่าร้องไห้ไปเลยครับ ทรายแก้วเขาแยกแยะได้อยู่แล้วเรื่องแบบนี้มันผิดพลาดกันได้”
แม้ภายนอกจะเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแต่ในใจเธอนั้นยิ้มกว้างอย่างสะใจ ส่วนเรื่องผู้ชายเดี๋ยวค่อยเคลียร์
"ถ้าไม่ใช่เพราะหวงก็เลิกยุ่งกันไปได้มั้ย ฉันจะได้เริ่มต้นใหม่" "อยากเริ่มต้นใหม่ เพื่อจะลืมฉันน่ะเหรอ" อชิรญากวาดสายตามองไปทางอื่นเมื่อที่เขาพูดมันก็คือเรื่องจริง ขอแค่เขาหยุด เธอก็จะลืม "ฉันไม่ชอบเวลามีใครมาพูดว่าได้ผู้หญิงที่ฉันเอามาแล้ว มันดูซ้ำรอย" "กับพี่พระแพงตามระรานเขาแบบนี้ด้วยหรือเปล่า" "พระแพงพูดอะไร"
เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
ซื้อเป็นของขวัญ ติดตาม แชร์ "คุณพาย" พิยดาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า แม้ภายนอกจะดูเป็นอย่างไรแต่ใจเธอนั้นหล่นวูบไปเสียแล้ว "คุณท้องกี่เดือนแล้ว" "นึกว่าใคร คุณเหมนี่เอง สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ" "คุณช่วยตอบคำถามผมที คุณท้องกี่เดือนแล้ว" พิยดาก้าวถอยหลังในขณะที่เหมันต์เดินหน้าเข้าหาเธอ เขาเหมือนเดิมจนทำให้เธอเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยทำด้วยกัน ก่อนที่บาดแผลนั้นจะร้องเตือนตัวเองว่าถ้าเธอยังฝังกลบความรู้สึกนั้นไม่ได้เธอนั่นแหละจะตาย
“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀