“คุณคมน์ฟังหนูนาก่อนค่ะ ได้โปรดฟังหนูนาก่อน” เธอยังคงพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา หวังจะให้เขายอมฟังเสียงนกเสียงกาอย่างเธอบ้าง หากปล่อยเอาไว้อย่างนี้มีหวังเธอกับประสงค์ต้องตายแน่นอน คมน์เวลานี้ไม่เหมือนคมน์ที่เธอเคยรู้จักเลย เขาคือปิศาจร้ายชัดๆ “จะตอแหลอะไรล่ะ จะตอแหลอะไร ฉันไม่เชื่องูพิษอย่างเธอหรอก อุตส่าห์เลี้ยงอย่างดี ทะนุถนอม ยังริอ่านไปนอกใจฉันไปมีอะไรกับไอ้หน้าอ่อนนั่นอีก วันนี้เธอกับชายชู้ได้ตายคามือคาเท้าฉันแน่...ว้าย..โอ๊ย” สิ้นคำพูดของคมน์ ร่างอรชรถูกเหวี่ยงลงบนพื้นห้องอย่างแรง เสียงแสดงความตกใจจึงหลุดออกมาจากลำคอสาว ตามด้วยเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดเมื่อศีรษะของเธอกระแทกโดนมุมโต๊ะตัวเล็กที่วางหนังสือพอดี “สมน้ำหน้า แต่เธอไม่ได้ตายตรงนี้หรอก” เขาไม่รู้สึกสงสารหรือว่าเมตตารุจิเรศแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามสะใจเสียมากกว่า ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนเดินถอยหลังหนีไปสามสี่ก้าว ก่อนจะยกมือนุ่มมาจับบริเวณที่ศีรษะกระแทก มันแค่ปูดขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น “คุณคมน์ไม่มีเหตุผล ทำไมคุณคมน์ไม่ฟังหนูนาก่อนล่ะคะ” น้ำเสียงของเธอตัดพ้อและน้อยใจ “ไม่ฟัง เพราะสิ่งที่ฉันได้ยินมันบอกฉันหมดทุกอย่างแล้ว ร่าน...คำๆ นี้คงไม่เหมาะสมกับเธอเท่าไหร่ น่าจะเหมาะกับคำว่า เสี้ยน หรือไม่ก็คันมากกว่า ถึงได้แวะกลางทางให้ไอ้หน้าอ่อนมันช่วยเกาให้ ทำไม มันหนุ่มกว่าฉัน หรือว่ามันเก่งเรื่องบนเตียงกว่าฉัน ถึงได้หายไปครึ่งค่อนวันแบบนี้ เสี้ยนไม่รู้จักพอเหมือนแม่ของเธอไม่มีผิด”
1
หญิงสาวคนหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง ภายในห้องมืดสนิทไร้แสงไฟ แม้แต่พระจันทร์ที่เคยส่องแสงทุกค่ำคืน คืนนี้กลับถูกเมฆบดบัง น้ำตาของรุจิเรศไหลรินตั้งแต่ถูกพาตัวมาอยู่ห้องนี้ ในความรู้สึกเธอ มันคล้ายกับคุกมืดในหนังเรื่องหนึ่งที่เคยดูเหลือเกิน มีทั้งกลิ่นอับชื้น แมลงสาบที่ไต่ตามขาและแขนของเธอ เสียงหนูที่ดังไม่หยุด นั่นไม่เท่ากับเสียงตุ๊กแกร้องประสานกันหลายตัว เธอไม่รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้อยู่ตรงไหนบ้าง เพราะดวงตาของเธอนั้นมองเห็นอยู่อย่างเดียวคือ ความมืดมิด รุจิเรศจึงเลือกที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เสียงไขกุญแจดังอยู่ตรงประตู ก่อนที่ประตูนั้นจะถูกเปิดออก แสงไฟที่อยู่หน้าห้องส่องกระทบกับดวงหน้าหวาน จนเธอต้องหรี่ตาลงเพื่อลดอาการแสบตา ร่างของบุรุษสูงใหญ่ยืนเด่นตระหง่านอยู่หน้าประตูห้อง จ้องมองมายังร่างสาวไม่ไหวติง ความแค้นเคืองถูกเปล่งประกายวาบวับมาจากดวงตาคู่นั้น
“ป้าพุ่ม เอาตัวคุณหนูสกปรกคนนี้ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย แล้วพาขึ้นไปหาฉันที่ห้อง”
บุรุษคนนั้นสั่งเสียงเย็นเฉียบ คำพูดที่เย็นเฉียบที่ไหลเข้ามาในหูของเธอนั้น ทำให้หัวใจดวงน้อยเกิดความหนาวเหน็บขึ้นฉับพลัน หนาวลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ยิ่งคำพูดของเขาในประโยคท้าย จุดเยือกแข็งของความหนาวบังเกิดขึ้นในจิตใจของเธอทันที เวลาที่เธอไม่อยากให้มาถึง กำลังคืบคลานเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้า พอเขาพูดจบร่างงามสง่าก็หมุนกายเดินออกไปจากหน้าประตูทันที ก่อนที่ร่างของป้าพุ่มจะเดินเข้ามาในห้อง
“ไปค่ะ ไปอาบน้ำ”
ป้าพุ่มหญิงวัยห้าสิบเจ็ดปีเดินเข้ามาหาร่างเล็กที่ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตาม เนื้อตัวมีแต่รอยฝุ่น ทำให้บดบังความขาวของสีผิว
“หนูนาไม่อยากไป” รุจิเรศพูดทั้งน้ำตา สะอื้นไห้ราวกับเด็กหลงทางหาทางกลับบ้านไม่ถูก ใช่ ตอนนี้เออยากกลับบ้านมากที่สุด แม้ว่าที่นั่นจะเป็นนรกสำหรับเธอตั้งแต่เกิดก็ตาม แต่ยังดีกว่าอยู่ที่นี่ อยู่กับคนที่ไม่รู้จัก อยู่กับสถานที่ที่ไม่คุ้น อยู่กับชายร่างใหญ่เจ้าของเสียงดุจน้ำแข็งคนนั้น
“คุณต้องไปค่ะ ถ้าคุณไม่อยากให้พ่อของคุณ หรือว่าคนในครอบครัวของคุณต้องเดือดร้อน”
ป้าพุ่มพูดอย่างใจเย็น น้ำเสียงไม่แข็งกระด้างมากเกินไป แต่ก็ไม่อ่อนหวาน นางพูดด้วยเหตุผล เหตุผลที่จะทำให้รุจิเรศไปกับนางแต่โดยดี
รุจิเรศนึกถึงบิดา นึกถึงครอบครัวที่อีกฝ่ายพูดออกมา ตั้งแต่จำความได้เธอเคยมีคำว่า ครอบครัว กับเขาด้วยหรือ เท่าที่จำได้อ้อมกอดของคนที่เป็นพ่อจะโอบกอดเธอไม่เกินสิบครั้งตั้งแต่เธอเกิดมา พี่สาวฝาแฝดต่างมารดาก็หาได้นับถือว่าเธอเป็นน้องสาวไม่ โขกสับเธอยิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย โดยที่บิดาไม่เคยห้ามปรามเลยสักครั้งเดียว ดีที่ว่าท่านยังให้ที่พักพิง ส่งเสียให้ร่ำเรียนหนังสือ เธอมีความคิดอย่างหนึ่งว่า การศึกษาจะทำให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น หาเงินเลี้ยงตัวเอง
คำว่าบุญคุณทีมีต่อผู้ให้กำเนิด ความรักบิดาที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในหัวใจ แม้ว่าเธอจะไม่เคยได้รับความรักนั้นตอบกลับมา ทำให้เธอตัดสินใจจะมาเป็นนางบำเรอ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของบิดา เป็นการทดแทนบุญคุณที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“หนูนากลัว” เธอพูดออกไปเสียงสั่นเครือ ยังไม่ยอมลุกไปไหน
“ความกลัวคือสิ่งที่คุณต้องเผชิญเมื่ออยู่ที่นี่ อย่าลืมสิคะ คุณพ่อของคุณตกลงอะไรไว้กับคุณคมน์ ถ้าคุณไม่ลุกก็ไม่มีใครว่านะคะ แต่พ่อและครอบครัวของคุณก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ได้เลย”
ป้าพุ่มไม่พูดต่อว่าบิดาและครอบครัวของรุจิเรศต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะนางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สิ่งที่คมน์จะมอบให้กับคนในตระกูล ธนากรดิรก รวมทั้งสาวร่างเล็กคนนี้เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงที่ชื่ออังคณานั้น ไม่รู้ว่าจะมากมายแค่ไหน สิ่งที่นางสัมผัสได้จากคมน์ก็คือ ความโหดเหี้ยมที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม บวกกับความอาฆาตที่เกาะกินในใจของคมน์มานานนับยี่สิบเอ็ดปี มันมากมายนัก มากเกินกว่าที่ใครจะประมาณได้
รุจิเรศค่อยๆ ชันกายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า น้ำตาไหลรินออกมาอีกระลอก เสียงสะอื้นหนักขึ้นกว่าเดิม ป้าพุ่มประคองสาวร่างบางที่มีอาการอ่อนเพลีย ออกไปจากห้องเก็บของที่อยู่ชั้นใต้ดินของบ้านราชพฤกษ์ ตัวหญิงสาวไปขัดสีฉวีวรรณ เพื่อที่คืนนี้รุจิเรศจะต้องสังเวยร่างกายให้กระทิงดุผู้บ้าคลั่งในความแค้น พร้อมจะขวิดกระต่ายน้อยที่เขาหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เกิด เขารอมาถึงยี่สิบเอ็ดปี รอจนกว่าเนื้อกระต่ายน้อยจะหวานได้ที่ เพื่อที่เขาจะได้ชิมและชำระแค้นอย่างสาสมใจ
<><><><><><><><><>
เท้าเล็กๆ ที่เดินตามร่างของป้าพุ่มค่อนข้างสั่น บางครั้งเธอมีความรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างแทบจะยกไม่ขึ้น ดวงตาเศร้ามองบันไดไม้ขัดเงาเนื้อดีที่ทอดตัวสู่ชั้นที่สองของบ้านด้วยหัวใจสั่นไม่เป็นจังหวะ อยากจะหมุนตัวกลับแล้ววิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจคิดอีก ภาระที่เธอแบกไว้บนบ่ามันมากมายเกินกว่าจะหันหลังกลีบ มีแต่เผชิญหน้าและยินยอมเท่านั้น
“คุณคมน์ไม่ชอบให้ใครขัดใจโดยเฉพาะผู้หญิง คุณคมน์สั่งให้ทำอะไรก็ทำเข้าใจมั้ย?”
ป้าพุ่มหันมาบอกสาวร่างเล็กที่ยืนมองนางตาแป๊ว ใสซื่อบริสุทธ์จนนางเองอดที่จะสงสารไม่ได้ หากรุจิเรศไม่ใช่สายเลือดของอังคณาก็จะดีไม่น้อย คมน์อาจจะเมตตาปราณีไม่ใจร้ายกับเธอมากเกินไป จนต้องคลานลงเตียงเหมือนกับหญิงสาวบางคนที่เดินเข้ามาในชีวิตของคมน์ ป้าพุ่มสังเวชในใจยิ่งนักเมื่อมองร่างกายที่เล็กแกนของสาวตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะทนคมน์ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ช็อกตายในครั้งแรกก็ถือว่าเก่งแล้ว
“คุณคมน์ดุเหรอคะป้า?” น้ำเสียงของคนที่ถามออกจะขลาดๆ
“กับบางคนเท่านั้น ตามป้าขึ้นมาได้แล้วคุณคมน์ไม่ชอบคอยผู้หญิงใครนานด้วย”
เป็นอีกเรื่องที่รุจิเรศต้องรู้เอาไว้ คมน์ไม่ชอบคอยผู้หญิงคนไหนนาน เพราะเขาคิดว่าผู้หญิงที่ซื้อมาได้ด้วยเงิน ต้องตรงต่อเวลาทำงานให้เต็มที่กับเงินที่เขาเสียไป ทางทอดยาวของบันไดที่เธอเดินขึ้นไปนั้น ทำไมมันสั้นเหลือเกินในความรู้สึกของเธอ เออยากให้มันมีสักพันขั้นจะได้ประวิงเวลาไว้ให้นานที่สุด มันไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง บันไดเพียงยี่สิบเก้าขั้นเดินไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ถึงแล้ว
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
แรกเริ่มเขา 'ซื้อ' เธอมาเพื่อบำบัดความใคร่ เมียชั่วคราวที่มีไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายแล้ว...เมียชั่วคราวนั่นแหละ ที่อยากได้เป็นเมียจริงๆ ผู้หญิงสู้ชีวิตอย่างนับดาว...ไม่ยอมแพ้โชคชะตาที่นำพาตนเองไปรับบทน่าอดสู เธอถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจที่สุด!! กับการ 'ขายตัว' เขาเหยียดหยามสารพัด ดุถูกจนเธอเจ็บช้ำเจียนตาย เธอเลือกทางหนี เพื่อจบปัญหาน่าปวดหัวครั้งนี้.... ขอเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตแบบใหม่ แต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอ ในเมื่อเขาชิงชังเธอนักหนานี่นา?????
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด