“เรื่องอาภาคุณแม่เอาไว้ก่อนเถอะครับ ตอนนี้มาคิดกันดีกว่าว่าจะทำยังไงให้คินหายดีแล้วกลับมาดูแลกิจการได้ ผมว่าถ้าปล่อยเวลาไปแบบนี้กลัวว่าคนพวกนั้นจะรู้ความจริงว่าตอนนี้คิน...” ภูมินทร์ไม่อยากให้แม่ของเขาใส่ใจกับเรื่องที่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
“หยุดพูดตาภู แม่ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่นอน” สร้อยฟ้ารู้ว่าภูมินทร์จะพูดคำที่เธอไม่ได้อยากฟังออกมาจึงต้องรีบปรามเอาไว้ก่อน เธอจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าตอนนี้ลูกชายคนโตที่รับตำแหน่งประธานของ KPRP.group ไม่สามารถเข้ามาบริหารงานที่บริษัทเพราะเหตุใด
ด้วยรู้ว่าหากความจริงถูกเปิดเผยออกไปตำแหน่งนี้ก็จะตกเป็นของภารดาลูกชายของภาวินี ตามพินัยกรรมที่แม่สามีของเธอเขียนเอาไว้ว่า หากลูกชายคนโตของเธอไม่มีความสามารถที่จะบริหารกิจการได้ ตำแหน่งของประธานใหญ่ก็จะตกเป็นของครอบครัวทายาทอันดับที่สอง คนนั้นก็คือลูกชายของพงษ์น้องชายสามีของเธอ
สร้อยฟ้ายอมให้มันเป็นเช่นนั้นไม่ได้ เพราะสามีของเธอและตัวเธอเองร่วมกันบริหารงานมาอย่างยากลำบากจนบริษัทเติบโต ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องตกเป็นของลูกชายหรือคนที่เธอนับเป็นคนในครอบครัวเท่านั้น และรู้ว่าหากภาวินีและภารดาได้ควบคุมกิจการ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอกับสามีสานต่อมาจากแม่สามีเป็นอันล้มไม่เป็นท่าแน่นอน
รู้ได้ยังไงน่ะหรือ ก็ตั้งแต่ที่พงษ์น้องชายสามีเธอเสียไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ภาวินีก็พาภารดาที่ยังเล็กๆ ไปอยู่กับสามีใหม่ทันที ไม่ยอมทำการทำงานได้แต่ถลุงเงินปันผลของบริษัทไปวันๆ เธอจะให้คนที่เอาแต่เห็นแก่ความสบายมาชุบมือเปิบสิ่งที่ควรจะเป็นของลูกเธอไปไม่ได้
ยิ่งตอนนี้สิ้นสามีของเธอไปแล้ว ลูกชายคนโตก็ไม่เคยโผล่หน้ามาบริหารงาน ภาวินีก็ยิ่งเหิมเกริมขึ้นทุกวัน ไม่เพียงแค่ชอบมาปลุกปั่นผู้ถือหุ้นให้อยู่ข้างตัวเอง ยังเสนอหน้าออกงานในฐานะผู้บริหารของ KPRP.group อยู่บ่อยๆ ที่เธอไม่แจ้งให้คนอื่นทราบว่าภาวินีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัท ก็เพราะไม่อยากให้คนอื่นมานินทาว่าคนในตระกูลของเธอกำลังมีปัญหากัน
“คุณชมพูมาหาค่ะคุณสร้อย เธอรออยู่ที่ซุ้มดอกแก้วค่ะ” อิ่มจันทร์หัวหน้าแม่บ้านวัยกลางคนเข้ามารายงานนายหญิงของบ้านหลังจากรับรองชมพูนุชเรียบร้อยแล้ว
“แม่ไปหาหนูชมพูก่อนนะตาภู” หันมาบอกลูกชาย
“ครับคุณแม่”
สร้อยฟ้ารีบเดินออกจากคฤหาสน์ไปที่ซุ้มนั่งเล่นสีขาวรายล้อมด้วยต้นดอกแก้วที่เธอชอบ เมื่อมาถึงก็เห็นหญิงสาวตัวเล็กตากลมโตหน้าสวยหวานยืนยิ้มให้เธออยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณสร้อย” ชมพูนุชยกมือไหว้เจ้าหนี้ที่แสนใจดีด้วยความนอบน้อม
“ไหว้พระเถอะจะ ทำไมวันนี้มาไวล่ะหนูชมพู ไม่ได้มีสอนที่ไหนเหรอ” สร้อยฟ้ารู้ว่าชมพูนุชทำงานเป็นครูอยู่ที่สถาบันสอนพิเศษ ไม่คิดว่าหญิงสาวจะเข้ามาหาเธอที่บ้านตั้งแต่ช่วงบ่าย
“วันนี้ชมพูสอนแค่ครึ่งวันค่ะ เงินเดือนออกแล้วก็เลยรีบเอามาให้คุณสร้อยค่ะ” หญิงสาวคว้าซองสีขาวออกจากกระเป๋ายื่นไปวางตรงหน้าสร้อยฟ้า
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเอามาให้แล้ว หนูกับแม่ยังต้องจ่ายหนี้ธนาคารอีกตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ” ก่อนที่พ่อของสร้อยฟ้าจะเสีย เขาก็เอาเงินมาคืนเธอครึ่งหนึ่งแล้ว อันที่จริงเธออยากจะยกหนี้ห้าแสนบาทให้กับชมพูนุชไปเพราะเห็นแก่ความสนิทชิดเชื้อที่พ่อของชมพูนุชคอยช่วยงานสามีของเธอตลอดมาอย่างดี แต่สองแม่ลูกก็เลือกที่จะปฏิเสธ
“ยังไงชมพูก็ต้องหามาจ่ายค่ะ ไม่อยากให้พ่อไปอย่างไม่สบายใจ”
“เฮ้อ...เรานี่นะ วันนี้หนูอยู่กินข้าวเย็นกับฉันได้หรือเปล่า ฉันอยากเปลี่ยนสัญญาหนี้ให้หนูสักหน่อย”
“เอ่อ...ชมพูต้องขอโทษด้วยนะคะคุณสร้อย ชมพูนัดกับเพื่อนๆ ว่าจะไปสอนหนังสือให้เด็กๆ ในชุมชนค่ะ” ชมพูนุชรีบปฏิเสธ ด้วยกลัวว่าจถูกสร้อยฟ้าคะยั้นคะยอยกหนี้ให้ เพราะเธอรู้ว่ายังไงแม่ของเธอก็ไม่ยอมแน่
ตลอดเวลาที่พ่อของเธอทำงานกับพัฒน์สามีของสร้อยฟ้า ครอบครัวของเธอก็ถูกครอบครัวของสร้อยฟ้าคอยช่วยเหลือทั้งเรื่องเงินและเรื่องค่ารักษาแม่เธออยู่ตลอด
“ใจหนูนี่ประเสริฐจริงๆ เลยนะชมพู” สร้อยฟ้ารู้สึกเอ็นดูชมพูนุชมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะเธอเป็นเด็กเรียบร้อยนิสัยดีมาตั้งแต่เด็กๆ
ยิ่งเห็นว่าหญิงสาวดูจะเป็นคนดีขึ้นมากในทุกๆ วันเธอก็ยิ่งเอ็นดู มองเห็นชมพูนุชก็ทำให้เธออยากจะมีลูกสาวแต่ติดที่มีได้แค่ลูกชาย เพราะหลังจากคลอดคิรินและภูมินทร์มดลูกของเธอก็ไม่แข็งแรงจนไม่สามารถอุ้มท้องได้อีก
“แย่แล้วครับคุณแม่ หมอธามบอกว่าตอนนี้คินอาละวาดไม่ยอมทานยาไม่ยอมรับการรักษาอะไรทั้งนั้น แถมยังชกหน้าหมอธาม แล้วก็พยายามจะหนีออกจากเกาะให้ได้ด้วยครับ” ภูมินทร์เห็นแม่ตนเดินเข้ากลับมาในโถงนั่งเล่นได้ก็รีบแจ้งเรื่องที่เพิ่งได้รับทราบจากธนากร หมอหนุ่มที่คอยดูแลพี่ชายของเขากับคนเป็นแม่ด้วยท่าทางร้อนใจ
สร้อยฟ้าได้ยินเช่นนั้น อารมณ์ที่ดีอยู่เมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นโมโหทันที
“เพราะอีนังนางแบบนั่นคนเดียว” เธอกำหมัดแน่น หลับตานึกไปถึงพรนัชชา นางแบบสาวที่เคยคบหากับคิริน เธอทั้งหักอกลูกชายของเธอ และหักหลังหนีไปคบกับภารดา จนทำให้คิรินเสียใจจนประสบอุบัติเหตุ และตอนนี้ก็กลายเป็นคนไม่ปกติ
“หรือว่าเราจะต้องทำตามที่เคยปรึกษากันไว้จริงๆ ครับ” ภูมินทร์เริ่มพูดถึงเรื่องที่เขาและแม่เคยปรึกษากับหมอรักษาอาการทางสมองพร้อมกับจิตแพทย์ หากคิรินจิตไม่ปกติเพราะสูญเสียคนรัก ก็ต้องหาความรักใหม่เข้ามาเติมเต็มหัวใจพี่ชายของเขา
“แล้วผู้หญิงที่ไหนจะทนอยู่ดูแลคนที่อารมณ์แปรปรวนอย่างตาคินได้ล่ะ ผู้หญิงคนนั้นคงจะต้องเป็นคนที่อ่อนโยนแล้วก็มีความเมตตาสูงจริงๆ ที่แม่รู้จักก็เห็นจะมีแต่แม่ชีเท่านั้น” ไม่ใช่ว่าสร้อยฟ้าจะไม่คิดเรื่องนี้ แต่เธอจะหาผู้หญิงที่ไหนมายอมทนดูแลคิริน อีกทั้งคนที่จะดูแลคิรินต้องเป็นคนดีอ่อนโยนและไว้ใจได้ เพราะยังต้องปกปิดอาการป่วยของลูกชายเธอให้เงียบที่สุด
“คุณแม่ลืมใครบางคนไปหรือเปล่าครับ”
“ใคร?”
ภูมินทร์มองไปยังซองขาวในมือของคนเป็นแม่ ผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยนเป็นเนื้อแท้ ทั้งไว้ใจที่เขารู้จักก็เห็นจะมีแค่ชมพูนุชเท่านั้น