กำลังสำคัญตัวผิดไปหรือเปล่า? จะบอกให้คุณรู้ไว้นะคะ สามีอ้ายทั้งหล่อ ทั้งรวย และที่สำคัญ ... ใหญ่กว่าคุณ คนอย่างคุณเทียบสามีฉันไม่ติดหรอกค่ะ
ณ คอนโดใจกลางกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง
“พี่คินคะ ตื่นได้แล้วค่ะเช้าแล้ว”
“พี่ขอนอนต่ออีกครึ่งชั่วโมงได้ไหม” คนถูกปลุกให้ตื่นพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“ไม่ได้นะ เดี๋ยวพ่อกับแม่อ้ายรอนาน พี่คินลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย”
ลลิตาพยายามดึงตัวแฟนหนุ่มที่ซุกอยู่ในผ้าห่มให้ลุกจากเตียงนอนอย่างยากลำบาก
การที่แฟนหนุ่มจะมีอาการงอแงไม่อยากตื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก กว่าจะเดินทางมาถึงประเทศไทยนั่งเครื่องบินข้ามวันข้ามคืน แถมมาเจออากาศร้อนของที่นี่ทำให้ปรับตัวแทบไม่ทัน แต่ลลิตาจะมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เพราะพ่อกับแม่ต่างใจจดใจจ่อรอลูกสาวกลับบ้านเช่นกัน
“คืนนี้อ้ายจะไปปาร์ตี้กับพี่ไหม?”
“ไม่เอาดีกว่าค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านดีกว่า อ้ายไม่รู้จักใคร ไปก็ไม่สนุก”
เธอไม่ได้รู้จักกลุ่มเพื่อนภาคินเลยแม้แต่คนเดียว เธอเพิ่งเจอภาคินตอนไปเรียนที่ต่างประเทศ ฉะนั้นเธอจึงเลือกนอนพักอยู่บ้านดีกว่า
“โอเคครับ” ภาคินลูบหัวคนข้างกายอย่างเอ็นดู
ทั้งคู่ขับรถมาแถบชานเมือง เพราะพ่อกับแม่ของลลิตาไม่ชอบบรรยากาศรถติดในเมืองกรุง พวกท่านจึงเลือกมาสร้างบ้านแถบชานเมืองแทน เพื่อหลีกหนีปัญหาเหล่านั้น
รถยนต์คันหรูขับเข้ามาในคฤหาสน์หลังหนึ่ง ภายในเต็มไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติที่ร่มรื่นและมีความเป็นส่วนตัว
“แม่คะ อ้ายกลับมาแล้วค่ะ” ลลิตาพูดกับมารดาเธอด้วยน้ำเสียงดีใจ
“ยัยอ้าย มา มะ มาให้แม่กอดให้หายคิดถึงหน่อยลูก”
คุณหญิงโสภิตลุกจากโซฟาเดินไปหาลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ แม้ว่าเธอจะอายุเข้าเลขห้าแล้ว แต่ผิวพรรณและใบหน้าที่ได้รับการบำรุงดูแลมาอย่างดี ทำให้เธอมีผิวพรรณราวผู้หญิงอายุเลขสี่ก็ไม่ปาน
สองแม่ลูกสวมกอดกันด้วยความคิดถึง หลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี เพราะเจ้าตัวแสบของเธออยากลองใช้ชีวิต ทำงานหาเงินใช้เองช่วงปิดเทอมเสียอย่างนั้น
แม้ว่าเธอและสามีไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก เพราะพวกเขาไม่ได้ขัดสนในเรื่องเงินทอง กระนั้นก็ยอมให้ลลิตาใช้ชีวิตตามที่ต้องการ อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบบังคับลูกสาวด้วย
“อ้ายคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ”
“ปากหวานจังเลยนะเรา แล้วไม่คิดถึงพ่อบ้างหรือไง” ชายวัยกลางคนเดินลงบันไดบ่นน้อยใจกับลูกสาวตัวเอง มาถึงก็เอาแต่กอดแม่ไม่ยอมคลายแถมไม่ถามหาเขาสักคำ
“ก็เราเพิ่งเจอกันไปเดือนที่แล้วหนิคะคุณพ่อ ยังไงตอนนี้อ้ายขอคิดถึงคุณแม่ก่อนน้าา~”
เดือนที่แล้วเป็นงานรับปริญญาของเธอ แต่คุณหญิงโสภิตมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงไม่ได้บินไปร่วมงานด้วย ถึงแม้คุณหญิงโสภิตอยากจะไปขนาดไหน แต่ก็ทนฟังคำคัดค้านสองพ่อลูกไม่ไหว ทั้งคู่ให้เหตุผลไม่ว่ายังไงสุขภาพของเธอก็สำคัญ จึงมีเพียงคุณกัมปนาทและเพื่อนสนิทของลลิตาเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปร่วมแสดงความยินดี
คุณกัมปนาทได้แต่ส่ายหัวให้กับลูกอ้อนของลลิตาช่างเลือกอ้อนได้ถูกคนจริง ๆ
แม้ว่าเขาจะเป็นประมุขของบ้านหลังนี้ แต่ก็เป็นเพียงแค่ในนาม เพราะคนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดจริง ๆ คือภรรยาของเขาต่างหาก
“คุณลุงคุณป้าสวัสดีครับ” ภาคินยกมือไหว้ทั้งสองคนด้วยความนอบน้อม
“ไหว้พระเถอะลูก” คุณกัมปนาทกับคุณหญิงโสภิตรับไหว้พร้อมกัน
“ตาคินอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนไหมลูก วันนี้ป้าลงมือเข้าครัวเองเลยนะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า แต่ขอเป็นโอกาสหน้านะครับ พอดีผมมีธุระต้องเข้าไปบริษัท เอาไว้โอกาสหน้านะครับ”
“พี่คินเขาร้อนวิชาน่ะค่ะคุณแม่” ลลิตาพูดแซวแฟนหนุ่ม
“ไปแซวพี่เขาอีก แล้วเมื่อไหร่เราจะเข้าไปดูแลบริษัทเหมือนอย่างพี่เขาบ้าง” คุณกัมปนาทพูดแซวลูกสาวตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้คำตอบจากบุตรสาว ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาแทน
“เอ๊ะคุณ! ลูกเพิ่งกลับมานะ ให้ลูกพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนไม่ได้หรือไงคะ”
คุณหญิงโสภิตเอ็ดสามี เธอยังไม่อยากให้ลูกสาวไปดูแลบริษัทตอนนี้ เพราะเพิ่งกลับมา เธออยากให้ลลิตาพักผ่อนให้หายเหนื่อยเสียก่อน
ทางด้านคนที่ถูกเอ็ดถึงกับถอนหายใจ เขาก็ยังไม่คิดให้บุตรสาวไปดูแลงานที่บริษัทตอนนี้เช่นกัน แค่พูดแหย่เล่นเท่านั้นเอง
************
ในเมื่อไม่ได้เป็นที่รักของครอบครัว แล้วไหนจะถูกถอนหมั้นอีก ฉะนั้นการแต่งงานครั้งนี้ข้าจะเป็นคนเลือกเอง ต่อให้ต้องแต่งกับแม่ทัพที่ขึ้นชื่อว่า 'ร้ายกาจ' และ 'อัปลักษณ์' ข้าก็ยอม... ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ “หากท่านพ่อท่านแม่ให้ข้าไปแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจอัปลักษณ์นั่น ข้าขอฆ่าตัวตายตอนนี้เสียดีกว่า!” เซียวลี่หงตัดสินใจแล้ว หากให้นางออกเรือนกับชายที่สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากจะซ่อนใบหน้าอัปลักษณ์แบบไหนไว้ แล้วไหนจะเรื่องความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าหน้าตานั่นอีก สู้นางฆ่าตัวตายเสียแต่ตอนนี้เลยดีกว่าที่จะต้องออกเรือนกับแม่ทัพหวงหยางหมิง แม่ทัพอัปลักษณ์ผู้นั้น! “ไม่นะ! หงเอ๋อร์ลูกห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด ท่านพี่ ท่านต้องทำอะไรสักอย่างนะเจ้าคะ” ฟางเหนียงเห็นบุตรสาวตัวเองเอาปิ่นปักผมจ่อคองามถึงกับขาอ่อนทรุดลงกับพื้น จนเหล่าบรรดาคนใช้ต้องมาช่วยพยุงตัวให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ เซียวฟู่ซินถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่า เขาถึงกับยกมือมากุมขมับตนเอง ตนจะทำอะไรได้ในเมื่อพระราชโองการมาแล้ว มีแต่ต้องยอมยกบุตรสาวตัวเองให้ไป ตนเองก็ไม่ยินยอมเท่าใดนัก ในขณะที่ทุกคนกำลังปวดหัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียงคนผู้หนึ่งเท่านั้นที่อยู่ในท่าทางนิ่งสงบนั่งจิบชาอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ไหวติงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่น้อย นางรับรู้ถึงสายตาที่ทุกคนมองมาที่ตัวเอง นิ้วเรียวงามค่อย ๆ วางจอกชาลงพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “มองข้าทำไมกันหรือเจ้าคะ?” ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
แต่งงานกับมู่หนานจือมาเป็นเวลาสามปี ซูป้านเซี่ยคอยดูแลและเอาใจเขามาโดยตลอด แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้รับจากเขาคือความเย็นชาและความรังเกียจ เมื่อคนรักของมู่หนานจือกลับมา เธอก็รู้สึกว่าสามีของเธอยิ่งห่างเหินจากเธอ ในที่สุด เธอไม่สามารถทนต่ออีกต่อไปและเป็นฝ่ายเสนอให้หย่ากัน มู่หนานจือมองตามหลังซูป้านเซี่ยที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้าน ก็พนันกับเพื่อนว่า "ดูเอาเถอะ สักวันหนึ่งเธอจะต้องเสียใจและกลับมาอ้อนวอนแน่ ๆ " ซูป้านเซี่ยได้ยินก็ยิ้มอย่างเย็นชา"มู่หนานจือ ฝันไปเถอะ" ผ่านไปหลายวัน มู่หนานจือบังเอิญพบว่าอดีตภรรยาของตนฉลองการหย่าร้างในบาร์ และจากนี้ไปอีกไม่นาน เธอก็มีแฟนหนุ่มใหม่แล้วด้วย เวลานี้เอง มู่หนานจือถึงเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา เพราะเขาพบว่าผู้หญิงที่เคยรักเขาอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น ตอนนี้ดูเหมือนไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว แล้วเขาควรจะทำอย่างไร
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"ที่รัก ฉันจะชดใช้ให้เธอด้วยทั้งชีวิตของฉัน แต่งงานใหม่กันน๊า!" หลินเอินเอิน "คุณไม่รู้สึกอายเขาบ้างเหรอที่ตามง้อฉันทุกวัน! คุณเป็นหมารึไง!" ป๋อมู่หาน "ที่รัก ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ และเพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น!" หลินเอินเอินหัวเราะ เธอเป็นทั้งทนายชื่อดัง หมออัจฉริยะสากล และแฮ็กเกอร์ระดับแนวหน้า ทำไมเธอต้องแต่งงานใหม่กับไอ้ผู้ชายหมาๆ นั่นละ ช่างน่าขันจริง ๆ "ไม่มีวันแต่งงานใหม่หรอก ใสหัวไปไกลๆ ซะ!"