ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
ปังงงง! เพล้งงง!
“แม่งเอ๊ย! ทำไมเป็นไอ้เหี้ยติณณ์ ไม่ใช่กู!!!”
โครมมมม! ปังงงง! เพล้งงงง!
เสียงโวยวายของคิระดังขึ้นหลังจากที่เขาทุบโต๊ะทำงานราคาแพงที่ดีไซน์ด้วยกระจกหนาจนแตกละเอียดคามือ แถมยังคว้าไม้เบสบอลที่วางอยู่ในห้องนั้นฟาดข้าวของในห้องพังยับจนเศษของข้าวของพวกนั้นกระจุยกระจายไปทั่ว ทำให้ลูกน้องอีก 5-6 คนที่ยืนอยู่ถึงกับก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพราะเขากำลังโกรธจัดจนอยากจะฆ่าใครสักคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ให้ตายคามือ
“โมโหไปก็เท่านั้น อีกไม่กี่วันก็ต้องไปร่วมพิธีแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ของมันอยู่ดี”
“ทำไมถึงเร็วนัก?”
พอได้ยินแบบนั้น คิระก็หันหน้าไปหา ‘มาโคร’ ลูกน้องคนสนิท ซึ่งอีกนัยหนึ่งคือเพื่อนสนิทของเขาที่ผันตัวเองมาเป็นมือขวาติดตามเขาไปทุกที่ด้วยความสงสัยในทันที
ปกติการแต่งตั้งใครขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์คนใหม่ต้องใช้เวลาเตรียมการนานเกือบ 3 เดือนนับจากวันที่สรุปผล แต่ทำไมครั้งนี้ทุกอย่างถึงดูฉุกละหุกไปหมด เหมือนกับว่ามีบางคนชักใยอยู่เบื้องหลัง
“ท่านปู่อีกแล้วใช่มั้ย...”
คิดได้แบบนั้นเขาก็กัดฟันแน่นและพูดออกมาอย่างรู้ทัน คนที่ไม่เคยให้ความยุติธรรมกับหลานทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกันตั้งแต่เด็กจนโต เห็นจะมีก็แค่ปู่ของเขาคนเดียวเท่านั้น!
“ทำไมต้องเป็นมันทุกทีเลยวะ!!!”
เพล้งงงงง~
น้ำเสียงอิจฉาริษยาที่มีมาตั้งแต่จำความได้เล็ดลอดออกมาจากไรฟันที่เจ้าตัวกัดมันแน่นด้วยความโกรธจัด และเขวี้ยงไม้เบสบอสในมือออกไปแบบไม่มีจุดหมายจนมันเหวี่ยงไปโดนภาพครอบครัวในตู้โชว์หล่นลงมาแตกละเอียด พร้อมกับคิดในใจว่าถ้าไม่มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหลานคนโปรดของท่านปู่อย่างมันคอยขวางทางอยู่แบบนี้ ป่านนี้เขาคงได้ทุกอย่างของ ‘Dark Shadow’ มาไว้ในครอบครองตั้งนานแล้ว
แต่เพราะปู่ของเขาที่ฉลาดเป็นกรด ใช้ช่องโหว่ในกฎของแก๊งค์มาทำให้เขาต้องอดทนรอวันที่จะผงาดขึ้นมาอย่างเต็มตัวในนามของหัวหน้าแก๊งค์ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครคัดค้านเลยว่าเขาไม่เหมาะสม จนวันที่ปู่ดึงไอ้เวรนั่นเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย เขาเลยต้องน้อมรับข้อเสนอนั้นอย่างจำยอมเพราะไม่มีใครคัดค้านการเข้าแก๊งค์ของมันเช่นกัน
แล้วสุดท้ายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว.. มติจากที่ประชุมที่เขารอคอยมาแสนนาน ดันกลายเป็นทุกอย่างที่เขาอดทนรอกลับถูกมันแย่งไปในพริบตา
มัน..ที่ไม่เคยสนใจว่าใครในแก๊งค์จะทำอะไร
มัน..ที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อแก๊งค์เลยตั้งแต่ก้าวเข้ามา
ยิ่งไปกว่านั้นที่น่าโกรธ..คือเขาเกือบจะเอาชนะมันได้เพราะคะแนนโหวตจากสมาชิกทุกคนออกมาเท่ากันครึ่งต่อครึ่ง แต่เสียงสุดท้ายของท่านปู่ที่ออกตัวว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกเช่นกัน ดันมาตัดสินให้มันชนะเขาโดยที่ตัวมันไม่ได้เข้าร่วมประชุมและไม่เคยโผล่หน้ามาให้ใครเห็นหัวเลยด้วยซ้ำ
“เมื่อไหร่มึงจะตายๆ ไปซะทีวะ ไอ้เหี้ยติณณ์!!!”
คิระกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด เขาไม่เคยคิดจะนับญาติกับคนที่เข้ามาแย่งทุกอย่างไป และใช้อภิสิทธิ์ของปู่เข้ามาประทับสัญลักษณ์ของ Dark Shadow บนตัวง่ายๆ โดยไม่ต้องพยายามอะไร
เขาเกลียดมัน!
เกลียด..ทั้งที่ไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
เกลียด..ที่ไม่ว่าจะตอนไหนมันก็เป็นหลานรักของปู่เสมอ
เกลียด..ที่มันได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ได้พยายามเท่ากับที่เขาทำ
และเกลียด..จนถ้ามีโอกาสก็อยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ!
พรึ่บบบ!
“ถ้าอยากให้มันตาย มึงก็แค่ลาพักร้อนบินไปทักทายมันไง ไม่เห็นยาก”
แฟ้มประวัติพร้อมรูปถ่ายของคนที่คิระหมายหัวเอาไว้ถูกส่งมาจากมือเพื่อนสนิทแบบเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยแววตาประทุจร้ายในแบบที่เขาชอบ มันเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจ ทำให้คิระรับแฟ้มนั่นมาเปิดอ่านมันด้วยความสนใจ
“หึ... เตโช Nightshade ..งั้นหรอ?!”
ติณณวัชร์ ภัทรเดชา (เตโช)
Nightshade’ s LEADER
Dark Shadow’ s MEMBER
(ข้อมูลอาจถูกบิดเบือน ข่าวไม่ได้กรอง)
KING OF ME
กำลังศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์ (ปี 3)
ธุรกิจส่วนตัว : ZTUDIO / TYN SUPERCAR
ของสะสม : Supercar
งานอดิเรก : แข่งรถ
บุคลิก : นิ่ง...มากกกกกกกก โหด...มากกกกกกกกกก เจ้าชู้...มากกกกกกกก (และอื่นๆ ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติม)
หลายวันต่อมา...
“ไหวแน่นะโมเน่ต์ พี่ว่าคราวนี้มันหนักเอาเรื่องอยู่”
‘พี่เหมียว’ ที่ทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดมหาลัย แต่เบื้องหลังก็ช่วยหางาน Proofreader Freelance ให้กับฉันพูดออกมาอย่างเป็นห่วง เพราะงาน proof ครั้งนี้มันเยอะมากกว่าทุกครั้ง แต่จะทำไงได้เงินทองก็ต้องใช้นี่นะ ไม่งั้นก็อดตายกันพอดี
“ไม่ไหวก็ต้องไหวอ่ะพี่”
“(- -) (_ _)”
ฉันตอบกลับไปสั้นๆ พี่แกก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วเราก็แยกกันหน้าลิฟท์ ก่อนที่ฉันจะเดินย้อนกลับไปที่ตึกอักษรฯ ที่จอดจักรยานคู่ใจเอาไว้
ฟิ้ววว~ ฟิ้ววว~ ฟิ้ววว~
เหอะ..ให้ตาย! ระหว่างที่ฉันกำลังเดินท่ามกลางแสงสลัวใน ม. ตอนใกล้จะสองทุ่ม อยู่ๆ ก็มีรถสปอร์ต 3 คันกับรถตู้ฟิล์มดำทะมึนขับผ่านไปอย่างรีบร้อน เอ่อ..นี่มหาลัยมั้ยไม่ใช่สนามแข่งรถ -_-? ให้เดารถแพงๆ พวกนั้นก็คงไม่พ้นของใครสักคนแก๊งค์เทพเจ้าอย่าง Nightshade อะไรนั่นแหงๆ ฉันเหล่ตามองนิดหน่อยแต่ไม่ได้สนใจอะไรแล้วเดินต่อ แต่ระหว่างทางดันปวดฉี่ขึ้นมาซะงั้น อืม..งั้นแวะเข้าห้องน้ำข้างลานจอดรถนี่ก่อนละกันมีป้าแม่บ้านอยู่ด้วยพอดีนี่นะ
ไวเท่าความคิด ฉันเดินเลี้ยวเข้ามาในห้องน้ำทันที แต่พอป้าเห็นฉันก็ทำหน้าตกใจเลิ่กลั่ก แล้วรีบสาดน้ำราดลงที่พื้นห้องน้ำอย่างรีบร้อน ก่อนที่ฉันจะเห็นคราบเลือดจางๆ ปนมากับน้ำที่ไหลผ่านไปและหลุดปากถามอย่างไม่คิดอะไร
“มีเรื่องกันหรอคะป้า?”
“ปะ..เปล่าหรอกจ้ะหนู ไม่มีอะไร...”
ป้าส่งยิ้มแหยๆ มาให้ฉัน แล้วรีบออกแรงขัดพื้นที่มีคราบเลือดจางๆ อยู่หลายต่อหลายครั้ง ดูหนักอยู่เหมือนกันแฮะแต่คงไม่ตายหรอกมั้ง
พอเห็นป้าแกก้มตาก้มตาขัดพื้นไปฉันเลยเดินมาเข้าห้องน้ำห้องถัดไป แต่ยิ่งเดินลึกเข้ามาก็เจอกระดุมเสื้อนักศึกษาหญิงหล่นกระจายเต็มพื้นไปหมด หึ.. หลักฐานคาตาขนาดนี้จะบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้ละ ส่วนท่าทางเลิ่กลั่กของป้าแกกับรถที่พุ่งออกไปด้วยความเร็วเมื่อกี๊แบบนั้น ให้เดาไอ้แก๊งค์เทพเจ้านั่นมีเอี่ยวด้วยแหงๆ แต่ช่างเหอะ.. ฉันรีบจัดการตัวเองแล้วไปเอาจักรยานปั่นกลับห้องทันที จะได้รีบเคลียร์งานในคลาส กับงาน proof ให้จบๆ ไปคืนนี้จะได้นอนมั้ยไม่รู้ แต่ก็ยังดีที่วันนี้มันวันศุกร์ เพราะงั้นฉันยังมีเวลาปั่นงาน proof วันเสาร์ อาทิตย์อีกตั้งสองวัน
@ ร้านบะหมี่ลุงตี๋
“ลุง เหมือนเดิม!”
ฉันตะโกนสั่งบะหมี่แล้วเดินไปตักน้ำมานั่งรอ ลุงตี๋เจ้าของร้านแกก็ตะโกนตอบกลับมาอย่างคุ้นเคย
“ได้เลยไอ้โม รอแป๊บ”
เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แถมร้านนี้ก็เป็นร้านประจำที่กินทุกวันไม่เบื่อตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมฉันเลยแวะจัดซะหน่อย แต่สมัยนี้คนในเมืองคงกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกันไม่เป็นหรอกมั้ง ต้องไปกินตามห้างนู่นแต่ฉันไม่มีตังค์เยอะขนาดนั้นหรอก
...ก็ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ วันที่ตัดสินใจหนีจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่ฮาร์ดคอร์สุดละ ดูนีโมมากไปไงเลยอยากจะเผชิญโลกกว้าง ถ้าไม่ได้บะหมี่ลุงไม่โตมาจนทุกวันนี้หรอกเอาจริงๆ
“อย่ากลับดึกนัก ยังไงเอ็งก็เป็นผู้หญิงนะเว้ย!”
ลุงตี๋วางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะแล้วบ่นๆ ฉันนิดหน่อย แต่แกก็พูดไปงั้นอ่ะไม่มีหรอกแค่สไตล์คนแก่เป็นห่วงลูกหลานน่ะ
“ก่อนกลับเดี๋ยวล้างชามให้นะ” ฉันบอกออกไปเพราะทำแบบนี้ประจำอยู่แล้วแต่ลุงแกขัดประจำเหมือนกัน
“เรียนไปเถอะทำเองได้ ใกล้จบแล้วนี่” ลุงตี๋พูดพร้อมกับมองเอกสารในถุงผ้าที่ฉันแบกกลับมาด้วยอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องพูดมากหรอก ไม่อยากฟัง” ฉันแกล้งๆ พูดเล่นไปงั้น ลุงแกก็ขำๆ แล้วเอามือมาผลักหัวก่อนจะบ่นๆ ออกมาแล้วเดินกลับไปทำบะหมี่ต่อ
“กวนตั้งแต่เล็กจนโตนะเอ็งเนี่ย”
“เอ้า ใครสอนล่ะ!”
ฉันตะโกนตามหลังไป แล้วลุงตี๋แกก็เดินผิวปากไปอย่างอารมณ์ดี หึ.. ถ้าใครถามเรื่องครอบครัวฉัน..คนเดียวที่ดูแล้วน่าใช่ก็ลุงแกนี่แหละ ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกหลานแกก็เถอะนะ :)
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
ก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาพาฉันมาเจอกับอะไร... ทำไมอยู่ๆชีวิตฉันถึงต้องมาข้องเกี่ยวกับพวกคนรวยที่เป็นถึงทายาทมหาวิทยาลัยชื่อดังสองแห่งอย่าง Destinesia และ Vania ที่กำลังมีเรื่องบาดหมางจนแทบจะฆ่ากัน มิหนำซ้ำตัวฉันเองและใครบางคนในความทรงจำที่ฉันกำลังตามหา ก็ดันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาที่ว่า ปัญหา...ที่ต้องแลกด้วยชีวิต ความสูญเสีย...ที่ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองก็มีส่วนในเรื่องนี้
หลีซินแพทย์ศัลยกรรมในยุคปัจจุบันได้ทะลุมิติเข้าร่างสตรีลูกขุนนาง ที่มีความเอาแต่ใจ อารมณ์ร้ายเป็นใหญ่ แต่ทว่าสตรีนางนี้ ต้องแต่งงานกับหยางอ๋องผู้มีลูกติดฝาแฝดชายหญิง
เพื่อค่ารักษาของพ่อ ฟางจิ้งหร่านยอมแทนที่น้องสาว แต่งงานกับชายผู้เสื่อมเสียชื่อเสียงและหูหนวก คืนแรกของวันแต่งงาน เธอค่อยๆ ถอดชุดทีละชิ้น ด้วยความคาดหวัง... แต่กลับได้ยินเพียงคำเตือนเย็นชาจากเขา "การแต่งงานของเราเป็นแค่สัญญา" อยู่ข้างกายชายเจ้าอารมณ์คนนี้ ฟางจิ้งหร่านต้องระมัดระวังทุกเมื่อ โดยกลัวว่าจะทำเขาไม่พอใจเข้า ทุกคนรอคอยดูเธอเสียหน้า... แต่ใครจะไปคิดว่า สามีคนนี้กลับกลายเป็น"ที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด"ของเธอ จนกระทั่งวันที่สัญญาครบกำหนด ฟางจิ้งหร่านถือกระเป๋าเตรียมตัวจะจากไป... ชายคนนั้นกลับมีดวงตาแดงก่ำ กระซิบขอร้องว่า "อย่าไป..."
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เว่ยหลินหลางบุตรีราชครูเว่ยอี้ ฝาแฝดคนพี่ที่ถูกปกปิดไร้สิ้นตัวตนว่าไม่เคยถือกำเนิดบนผืนแผ่นดิน ด้วยนางเกิดมาพร้อมดวงชะตาอันแข็งกล้าเป็นดวงล้มบัลลังก์หงส์ของแคว้นต้าโจว นางจึงถูกส่งตัวไปพำนักอยู่ที่หอดวงดาวให้ผู้คุมกฎเลี้ยงดู และนางก้าวออกจากหอดวงดาวในรอบ 17 ปี เพื่อกลับมาล้มบัลลังก์หงส์ที่ทำลายตระกูลของนางจนล่มสลาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการก้าวออกมาจากหอดวงดาวครั้งนี้ ทำให้นางได้พานพบกับดาวคู่ชะตา ซึ่งเป็นนักรบปีศาจผู้เลื่องลือและก้าวขึ้นครองบัลลังก์ของแคว้นเทียนอวี๋อันยิ่งใหญ่ ลี่หยวนฮ่องเต้ผู้มีสมญานามฮ่องเต้อำมหิต ข้าจะต้องค้นหาและตามไปช่วยนางให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ข้ามทะเลทราย มหาสมุทรนับหมื่นลี้ ข้าก็จะนำหัวใจของข้ากลับคืนมาเคียงคู่ที่ ตำหนักเย่วเชียงแห่งนี้ด้วยกันดั่งเดิม!!!!
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ]
© 2018-now MeghaBook
บนสุด