ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
ปังงงง! เพล้งงง!
“แม่งเอ๊ย! ทำไมเป็นไอ้เหี้ยติณณ์ ไม่ใช่กู!!!”
โครมมมม! ปังงงง! เพล้งงงง!
เสียงโวยวายของคิระดังขึ้นหลังจากที่เขาทุบโต๊ะทำงานราคาแพงที่ดีไซน์ด้วยกระจกหนาจนแตกละเอียดคามือ แถมยังคว้าไม้เบสบอลที่วางอยู่ในห้องนั้นฟาดข้าวของในห้องพังยับจนเศษของข้าวของพวกนั้นกระจุยกระจายไปทั่ว ทำให้ลูกน้องอีก 5-6 คนที่ยืนอยู่ถึงกับก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพราะเขากำลังโกรธจัดจนอยากจะฆ่าใครสักคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ให้ตายคามือ
“โมโหไปก็เท่านั้น อีกไม่กี่วันก็ต้องไปร่วมพิธีแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ของมันอยู่ดี”
“ทำไมถึงเร็วนัก?”
พอได้ยินแบบนั้น คิระก็หันหน้าไปหา ‘มาโคร’ ลูกน้องคนสนิท ซึ่งอีกนัยหนึ่งคือเพื่อนสนิทของเขาที่ผันตัวเองมาเป็นมือขวาติดตามเขาไปทุกที่ด้วยความสงสัยในทันที
ปกติการแต่งตั้งใครขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์คนใหม่ต้องใช้เวลาเตรียมการนานเกือบ 3 เดือนนับจากวันที่สรุปผล แต่ทำไมครั้งนี้ทุกอย่างถึงดูฉุกละหุกไปหมด เหมือนกับว่ามีบางคนชักใยอยู่เบื้องหลัง
“ท่านปู่อีกแล้วใช่มั้ย...”
คิดได้แบบนั้นเขาก็กัดฟันแน่นและพูดออกมาอย่างรู้ทัน คนที่ไม่เคยให้ความยุติธรรมกับหลานทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกันตั้งแต่เด็กจนโต เห็นจะมีก็แค่ปู่ของเขาคนเดียวเท่านั้น!
“ทำไมต้องเป็นมันทุกทีเลยวะ!!!”
เพล้งงงงง~
น้ำเสียงอิจฉาริษยาที่มีมาตั้งแต่จำความได้เล็ดลอดออกมาจากไรฟันที่เจ้าตัวกัดมันแน่นด้วยความโกรธจัด และเขวี้ยงไม้เบสบอสในมือออกไปแบบไม่มีจุดหมายจนมันเหวี่ยงไปโดนภาพครอบครัวในตู้โชว์หล่นลงมาแตกละเอียด พร้อมกับคิดในใจว่าถ้าไม่มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหลานคนโปรดของท่านปู่อย่างมันคอยขวางทางอยู่แบบนี้ ป่านนี้เขาคงได้ทุกอย่างของ ‘Dark Shadow’ มาไว้ในครอบครองตั้งนานแล้ว
แต่เพราะปู่ของเขาที่ฉลาดเป็นกรด ใช้ช่องโหว่ในกฎของแก๊งค์มาทำให้เขาต้องอดทนรอวันที่จะผงาดขึ้นมาอย่างเต็มตัวในนามของหัวหน้าแก๊งค์ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครคัดค้านเลยว่าเขาไม่เหมาะสม จนวันที่ปู่ดึงไอ้เวรนั่นเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย เขาเลยต้องน้อมรับข้อเสนอนั้นอย่างจำยอมเพราะไม่มีใครคัดค้านการเข้าแก๊งค์ของมันเช่นกัน
แล้วสุดท้ายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว.. มติจากที่ประชุมที่เขารอคอยมาแสนนาน ดันกลายเป็นทุกอย่างที่เขาอดทนรอกลับถูกมันแย่งไปในพริบตา
มัน..ที่ไม่เคยสนใจว่าใครในแก๊งค์จะทำอะไร
มัน..ที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อแก๊งค์เลยตั้งแต่ก้าวเข้ามา
ยิ่งไปกว่านั้นที่น่าโกรธ..คือเขาเกือบจะเอาชนะมันได้เพราะคะแนนโหวตจากสมาชิกทุกคนออกมาเท่ากันครึ่งต่อครึ่ง แต่เสียงสุดท้ายของท่านปู่ที่ออกตัวว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกเช่นกัน ดันมาตัดสินให้มันชนะเขาโดยที่ตัวมันไม่ได้เข้าร่วมประชุมและไม่เคยโผล่หน้ามาให้ใครเห็นหัวเลยด้วยซ้ำ
“เมื่อไหร่มึงจะตายๆ ไปซะทีวะ ไอ้เหี้ยติณณ์!!!”
คิระกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด เขาไม่เคยคิดจะนับญาติกับคนที่เข้ามาแย่งทุกอย่างไป และใช้อภิสิทธิ์ของปู่เข้ามาประทับสัญลักษณ์ของ Dark Shadow บนตัวง่ายๆ โดยไม่ต้องพยายามอะไร
เขาเกลียดมัน!
เกลียด..ทั้งที่ไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
เกลียด..ที่ไม่ว่าจะตอนไหนมันก็เป็นหลานรักของปู่เสมอ
เกลียด..ที่มันได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ได้พยายามเท่ากับที่เขาทำ
และเกลียด..จนถ้ามีโอกาสก็อยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ!
พรึ่บบบ!
“ถ้าอยากให้มันตาย มึงก็แค่ลาพักร้อนบินไปทักทายมันไง ไม่เห็นยาก”
แฟ้มประวัติพร้อมรูปถ่ายของคนที่คิระหมายหัวเอาไว้ถูกส่งมาจากมือเพื่อนสนิทแบบเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยแววตาประทุจร้ายในแบบที่เขาชอบ มันเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจ ทำให้คิระรับแฟ้มนั่นมาเปิดอ่านมันด้วยความสนใจ
“หึ... เตโช Nightshade ..งั้นหรอ?!”
ติณณวัชร์ ภัทรเดชา (เตโช)
Nightshade’ s LEADER
Dark Shadow’ s MEMBER
(ข้อมูลอาจถูกบิดเบือน ข่าวไม่ได้กรอง)
KING OF ME
กำลังศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์ (ปี 3)
ธุรกิจส่วนตัว : ZTUDIO / TYN SUPERCAR
ของสะสม : Supercar
งานอดิเรก : แข่งรถ
บุคลิก : นิ่ง...มากกกกกกกก โหด...มากกกกกกกกกก เจ้าชู้...มากกกกกกกก (และอื่นๆ ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติม)
หลายวันต่อมา...
“ไหวแน่นะโมเน่ต์ พี่ว่าคราวนี้มันหนักเอาเรื่องอยู่”
‘พี่เหมียว’ ที่ทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดมหาลัย แต่เบื้องหลังก็ช่วยหางาน Proofreader Freelance ให้กับฉันพูดออกมาอย่างเป็นห่วง เพราะงาน proof ครั้งนี้มันเยอะมากกว่าทุกครั้ง แต่จะทำไงได้เงินทองก็ต้องใช้นี่นะ ไม่งั้นก็อดตายกันพอดี
“ไม่ไหวก็ต้องไหวอ่ะพี่”
“(- -) (_ _)”
ฉันตอบกลับไปสั้นๆ พี่แกก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วเราก็แยกกันหน้าลิฟท์ ก่อนที่ฉันจะเดินย้อนกลับไปที่ตึกอักษรฯ ที่จอดจักรยานคู่ใจเอาไว้
ฟิ้ววว~ ฟิ้ววว~ ฟิ้ววว~
เหอะ..ให้ตาย! ระหว่างที่ฉันกำลังเดินท่ามกลางแสงสลัวใน ม. ตอนใกล้จะสองทุ่ม อยู่ๆ ก็มีรถสปอร์ต 3 คันกับรถตู้ฟิล์มดำทะมึนขับผ่านไปอย่างรีบร้อน เอ่อ..นี่มหาลัยมั้ยไม่ใช่สนามแข่งรถ -_-? ให้เดารถแพงๆ พวกนั้นก็คงไม่พ้นของใครสักคนแก๊งค์เทพเจ้าอย่าง Nightshade อะไรนั่นแหงๆ ฉันเหล่ตามองนิดหน่อยแต่ไม่ได้สนใจอะไรแล้วเดินต่อ แต่ระหว่างทางดันปวดฉี่ขึ้นมาซะงั้น อืม..งั้นแวะเข้าห้องน้ำข้างลานจอดรถนี่ก่อนละกันมีป้าแม่บ้านอยู่ด้วยพอดีนี่นะ
ไวเท่าความคิด ฉันเดินเลี้ยวเข้ามาในห้องน้ำทันที แต่พอป้าเห็นฉันก็ทำหน้าตกใจเลิ่กลั่ก แล้วรีบสาดน้ำราดลงที่พื้นห้องน้ำอย่างรีบร้อน ก่อนที่ฉันจะเห็นคราบเลือดจางๆ ปนมากับน้ำที่ไหลผ่านไปและหลุดปากถามอย่างไม่คิดอะไร
“มีเรื่องกันหรอคะป้า?”
“ปะ..เปล่าหรอกจ้ะหนู ไม่มีอะไร...”
ป้าส่งยิ้มแหยๆ มาให้ฉัน แล้วรีบออกแรงขัดพื้นที่มีคราบเลือดจางๆ อยู่หลายต่อหลายครั้ง ดูหนักอยู่เหมือนกันแฮะแต่คงไม่ตายหรอกมั้ง
พอเห็นป้าแกก้มตาก้มตาขัดพื้นไปฉันเลยเดินมาเข้าห้องน้ำห้องถัดไป แต่ยิ่งเดินลึกเข้ามาก็เจอกระดุมเสื้อนักศึกษาหญิงหล่นกระจายเต็มพื้นไปหมด หึ.. หลักฐานคาตาขนาดนี้จะบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้ละ ส่วนท่าทางเลิ่กลั่กของป้าแกกับรถที่พุ่งออกไปด้วยความเร็วเมื่อกี๊แบบนั้น ให้เดาไอ้แก๊งค์เทพเจ้านั่นมีเอี่ยวด้วยแหงๆ แต่ช่างเหอะ.. ฉันรีบจัดการตัวเองแล้วไปเอาจักรยานปั่นกลับห้องทันที จะได้รีบเคลียร์งานในคลาส กับงาน proof ให้จบๆ ไปคืนนี้จะได้นอนมั้ยไม่รู้ แต่ก็ยังดีที่วันนี้มันวันศุกร์ เพราะงั้นฉันยังมีเวลาปั่นงาน proof วันเสาร์ อาทิตย์อีกตั้งสองวัน
@ ร้านบะหมี่ลุงตี๋
“ลุง เหมือนเดิม!”
ฉันตะโกนสั่งบะหมี่แล้วเดินไปตักน้ำมานั่งรอ ลุงตี๋เจ้าของร้านแกก็ตะโกนตอบกลับมาอย่างคุ้นเคย
“ได้เลยไอ้โม รอแป๊บ”
เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แถมร้านนี้ก็เป็นร้านประจำที่กินทุกวันไม่เบื่อตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมฉันเลยแวะจัดซะหน่อย แต่สมัยนี้คนในเมืองคงกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกันไม่เป็นหรอกมั้ง ต้องไปกินตามห้างนู่นแต่ฉันไม่มีตังค์เยอะขนาดนั้นหรอก
...ก็ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ วันที่ตัดสินใจหนีจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่ฮาร์ดคอร์สุดละ ดูนีโมมากไปไงเลยอยากจะเผชิญโลกกว้าง ถ้าไม่ได้บะหมี่ลุงไม่โตมาจนทุกวันนี้หรอกเอาจริงๆ
“อย่ากลับดึกนัก ยังไงเอ็งก็เป็นผู้หญิงนะเว้ย!”
ลุงตี๋วางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะแล้วบ่นๆ ฉันนิดหน่อย แต่แกก็พูดไปงั้นอ่ะไม่มีหรอกแค่สไตล์คนแก่เป็นห่วงลูกหลานน่ะ
“ก่อนกลับเดี๋ยวล้างชามให้นะ” ฉันบอกออกไปเพราะทำแบบนี้ประจำอยู่แล้วแต่ลุงแกขัดประจำเหมือนกัน
“เรียนไปเถอะทำเองได้ ใกล้จบแล้วนี่” ลุงตี๋พูดพร้อมกับมองเอกสารในถุงผ้าที่ฉันแบกกลับมาด้วยอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องพูดมากหรอก ไม่อยากฟัง” ฉันแกล้งๆ พูดเล่นไปงั้น ลุงแกก็ขำๆ แล้วเอามือมาผลักหัวก่อนจะบ่นๆ ออกมาแล้วเดินกลับไปทำบะหมี่ต่อ
“กวนตั้งแต่เล็กจนโตนะเอ็งเนี่ย”
“เอ้า ใครสอนล่ะ!”
ฉันตะโกนตามหลังไป แล้วลุงตี๋แกก็เดินผิวปากไปอย่างอารมณ์ดี หึ.. ถ้าใครถามเรื่องครอบครัวฉัน..คนเดียวที่ดูแล้วน่าใช่ก็ลุงแกนี่แหละ ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกหลานแกก็เถอะนะ :)
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
โปรย: มาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อน ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโจรที่เคยเข่นฆ่าผู้คนไปทั่ว ซ้ำร้ายเขายังต้องการล้างแค้นแทนพ่อโดยใช้หัวใจเป็นเดิมพัน ........................ ไรต์มีนิยายพื้นบ้านมาฝากอีกแล้วค่า เน้นการใช้ชีวิตประจำวัน เนื้อเรื่องไม่หวือหวาส่วนใหญ่เกิดจากจินตนาการของไรต์มากกว่าเหตุการณ์ในยุคนั้น ใครชอบแนวนี้ไรต์ฝากกดหัวใจกดติดตามกันด้วยนะคะ หญิงสาวที่ตื่นมาตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวไปรับพระราชทานปริญญาบัตร แต่กลับต้องย้อนไปอยู่ในยุค 60 ในร่างหญิงปัญญาอ่อนที่มีความทรงจำอันน้อยนิด มีพ่อเป็นอดีตโจรที่ขาพิการ ครอบครัวยากจน กับค่าแรงวันละเจ็ดบาท แล้วเช่นนี้เธอจะทำให้ครอบครัวกินอยู่อิ่มท้องได้อย่างไร พระเอกนางเอกเรื่องนี้มีการแก้แค้นเอาคืนไม่ได้เป็นคนดีบริสุทธิ์นะคะ ทุกคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบางส่วน.... คำแก้วเดินออกมาถึงทางห้าแยกที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสี่แจและหมู่บ้านอื่น ๆ ก็เจอกับชายฉกรรจ์สามคนยืนขวางอยู่ตรงหน้า คำแก้วเดินต่ออย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว “เฮ้ย! มีคนเดินมาทางนี้ว่ะ” “ลูกพี่มันแบกหมูป่าตัวเบ้อเร่อมาด้วย” “เอาของมีค่าทั้งหมดมาจากมันให้ได้” “แต่มันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เองนะลูกพี่” “พ่อมึงสอนให้โจรอย่างพวกมึงใจดีกับพวกผู้หญิงเหรอวะ” คนที่เป็นหัวหน้าแก๊งตวาดเสียงดังจนคำแก้วต้องเงยหน้ามอง ดวงตากลมไหวสั่นเล็กน้อย เข้ามาสิจะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตให้ ปืนก็มี มีดก็มี กลัวอะไรล่ะ หักแขนหักขาคนก็ได้ด้วย “มะ ไม่ได้บอกครับ” คนที่เป็นลูกน้องตอบเสียงสั่น แล้วพวกมันก็ก้าวเท้าไปขวางหน้าคำแก้วไว้ “เอาของมีค่าจากตัวมึงมาให้หมด รวมถึงหมูป่าด้วย” ลูกน้องหนึ่งในสองคนพูดขึ้น แปลกใจที่ในกระบุงมีผลไม้หลายอย่างที่พวกเขาไม่เคยกิน “ไม่มี” คำแก้วตอบเสียงห้วน มองชายทั้งสามด้วยแววตาไม่สะทกสะท้าน เธออยากเห็นโจรตัวเป็น ๆ วันนี้เธอก็ได้เห็นแล้ว พวกมันใช้ผ้าขาวม้าคลุมหน้าไว้ ยุคสมัยนี้ตำรวจคงทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ “ปากดีซะด้วย กูชอบว่ะ จะมีผู้หญิงสักกี่คนวะที่ไม่กลัวโจรอย่างพวกกู ฮ่า ๆ ๆ” เรืองว่าพลางหัวเราะเสียงลั่น ในมือถือปืนเคาะฝ่ามืออีกข้างเล่นไปพลาง ๆ แล้วสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม “จับตัวมันไว้” ลูกน้องทั้งสองกรูเข้าไปจับตัวคำแก้วไว้ คำแก้วปล่อยหมูและกระบุงลงบนพื้นดิน เรืองก้าวเท้ายาวเข้ามาใกล้ ดึงผ้าขาวม้าออกจากหน้าเธอ สายตาคมกริบมองใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด “นี่มันลูกสาวคนโตของไอ้เสือเข้มนี่หว่า มึงกล้าออกมาป่าคนเดียวได้ยังไงวะ” เขาใช้ปลายกระบอกปืนเชยคางของคำแก้วขึ้น แล้วพิศมองใบหน้าเธอนิ่ง คำแก้วจ้องตามันกลับอย่างไม่ลดละ โจรพวกนี้อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับที่ทำร้ายพ่อของเธอก็เป็นได้ ถึงได้รู้จักเสือเข้ม ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนหลบอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลมากนักถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินว่าสาวน้อยคนที่เขาเดินตามออกมาจากป่าเป็นลูกของไอ้เสือเข้ม แต่เขาได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตของเสือเข้มเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางปัญญาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเข้าป่าไปล่าสัตว์คนเดียวได้อย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวสัตว์ป่า หรือแม้แต่โจรพวกนี้ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เดินตามเธอมา คราแรกเขาแค่อยากรู้ว่าเธอเป็นคนของหมู่บ้านไหนกันแน่ เพราะเขาไม่เคยเห็นหน้า และกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายจึงเดินตามมาอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวคนที่เขาตามหามานาน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ในชาติก่อน นางได้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติเป็นเวลาห้าปี แต่ความดีความชอบทางการทหารกลับถูกน้องหญิงยึดไป คู่หมั้นที่นางรักหมดใจนั้นกลับนิ่งเฉยและร่วมมือกับอีกฝ่ายผลักนางตกลงสู่ห้วงลึกจนต้องเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจในคืนที่หนาวเย็น หลังจากได้เกิดใหม่ นางสาบานว่าจะทำให้ทุกคนที่รังแกนางได้รับผลกรรมที่สาสม เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวที่เสแสร้งและผู้ชายเจ้าชู้ นางยิ้มเยาะ : ความดีความชอบทางทหาร? รางวัล? คู่หมั้น? เอาไปให้หมด นางหันหลังกลับและคุกเข่าในงานเลี้ยงในวังอย่างน่าตกใจโดยชี้ตรงไปยังมุมมืดที่มีอ๋องอวี้นั่งอยู่บนรถเข็น“ขอฝ่าบาททรงโปรดพระราชทานการสมรสระหว่างหม่อมฉันกับอ๋องอวี้เพคะ” ทุกคนต่างตกตะลึง อ๋องอวี้เซียวจือ ขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้และมีนิสัยเย็นชา เป็นคนที่ทุกคนหลีกเลี่ยงเสมือนปีศาจที่มีชีวิต ทุกคนหัวเราะเยาะนางว่าคงบ้าไปแล้ว ถึงรนหาที่ตายเช่นนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางเห็นถึงความโดดเด่นและพลังที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวชายคนนี้ นางช่วยให้เขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งและรักษาขาที่เป็นพิการ เขาสัญญาว่าจะให้ชีวิตที่มั่นคงแก่นางและเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดให้นาง เมื่อน้องหญิงที่แอบอ้างนำความดีความชอบทางทหารของนางไปอวดความเก่งกล้า และแม่แท้ ๆ ยังคงใช้กลอุบายควบคุมชะตากรรมของนาง… นางและอ๋องอวี้ร่วมมือกันวางแผนอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เปิดโปงกลโกงและแสดงความกล้าหาญในสนามรบ! จนกระทั่งอ๋องอวี้ยืนขึ้นได้อีกครั้งและมีอำนาจครอบครองราชสำนัก จนกระทั่งนางแสดงตราประทับที่แท้จริงข และให้ทหารทั้งหลายยอมรับ ทุกคนเพิ่งรู้สึกตระหนักว่า คนที่พวกเขาเคยทิ้งไปไม่ต่างจากขยะนั้น ทั้งคู่ได้จับมือกันแล้วครองแผ่นดินไว้ด้วยแล้ว
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY