ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
‘ฮ๊าย ไฮ ฮายยย Hi! สาวๆ Myztery Girls ที่ตื่นเช้ามารับความสดใส พร้อมเช็คดวงประจำวันเช่นเคยกับ Myztery Horo ที่รู้ลึก! รู้จริง! รู้ยันติ่งรูขุมขนว่าชะตาชีวิตของคุณจะเป็นยังไง?!
ช่วงเช้านี้เอาแบบพอหอมปากหอมคอนะคะ เรามาเริ่มที่ชีวิตประจำวันทั่วไปจากวันเกิดที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ขอบอกเลยค่ะ! สาวๆวันเสาร์สีม่วงต้องกรี๊ดกร๊าดจนแทบขาดใจ เพราะออร่าความสว่างไสวในชีวิตของคุณนั้นนนน...กระทบเข้าตาแม่หมอ Myztery ของเราเข้าอย่างจัง!!!’
ตริ๊ด!
“ยังไม่เลิกฟังอะไรทำนองนี้อีกไง๊ -_-”
“เอ้าโรส! ทำไมทำงี้เนี่ย ลิซฟังอยู่นะ”
ระหว่างที่ฉันกำลังเข้าครัวทำอาหารเช้าให้พี่สาวสุดที่รักอย่าง ‘โรส’ หรือ ‘โรเซ่’ ที่เดินสะลืมสะลือออกจากห้องมาในวันหยุดหลังจากเราเพิ่งจะเปิดเทอมไปได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าตัวก็ดันมือบอนมากดปิด Live ของคลับดูดวงที่โด่งดังที่สุดในโลกออนไลน์อย่าง ‘Myztery Horo’ ที่ฉันฟังทุกวันซะได้ แถมเมื่อกี๊เค้าบอกวันเสาร์ซึ่งเป็นวันเกิดของฉันจะมีออร่าแพรวพราวซะด้วยไง =_=^
“แล้วจะเช็คทุกวันให้ได้อะไร คราวก่อนก็ไม่ได้แม่นเท่าไหร่”
พูดไปโรสก็หยิบขนมปังโฮลวีทเปล่าๆที่เพิ่งเด้งออกจากเครื่องปิ้งขนมปังไปกินแบบไม่สนใจอะไร
“ใครบอก แม่นจะตาย ของลิซนี่แม่นอย่างกับตาเห็น วันก่อนลื่นหัวเกือบทิ่มตรงล็อบบี้คอนโด โอ้โห ใจหายแว๊บเลย”
ว่าไปแล้วก็ยังเสียวสันหลังอ่ะ เกิดหัวฟาดพื้นไปก็พอดีกัน ไม่ทันได้เจอเนื้อคู่หรือพบรักแท้กับใครเค้าหรอกนะฉัน -_-!
“ซุ่มซ่ามเหมือนเคย ก็แม่บ้านถูพื้นอยู่ไง ไม่เกี่ยวกับดวงมั้ง”
“ใช่ดวงแน่นอนโรสแม่หมอรับประกัน ช่วงนี้ลิซมีดวงเกิดอุบัติเหตุตลอดเลยจริงๆนะ ยิ่งที่ ม. จะเดินตกบันไดตั้งหลายทีละอ่ะ”
“ก็เปลี่ยนไปใช้ลิฟท์ซะ -.-”
โรสยังคงทำหน้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้สักนิด ทั้งที่โชคชะตาอุตส่าห์ลิขิตให้มาเป็นฝาแฝดกับฉันแล้วนะเนี่ย คิดดูสิ ใครที่ไหนจะมีบุญจับมือมาเกิดพร้อมกัน ต่างตรงที่หน้าเราไม่เหมือนกันก็เท่านั้น
“โนวววจ้ะ ลิซกลัวลิฟท์ค้างอ่ะ ยอมตกบันไดดีกว่าหลอนในที่แคบแบบนั้น แต่โล่งอกไปทีที่แม่หมอ Myztery เค้ามีเครื่องรางให้พกติดตัวไว้เลยรอดมาได้ทุกครั้ง”
“ถ้าหมายถึงก้อนหินหน้าคอนโดที่พกไว้ให้เจ้าที่ไปคุ้มครองนั่น....”
“อ๊ะๆ อย่ามาทำเสียงแบบนั้นเชียว ไม่งั้นเช้านี้แซนด์วิชโคลสลอว์ไก่จะไม่ตกถึงท้องจริงๆด้วย เพราะลิซจะงอน กินคนเดียวให้ท้องแตกตายไปเลยนะเอาสิ๊ -3-”
ฉันกอดอกมองโรสด้วยสีหน้าเอาเรื่องเลยด้วย แต่โรสเองพอกินขนมปังหมดแผ่นก็ยังทำหน้าตาไม่ใส่ใจอยู่ดี
“อื้ม แต่ฟ้องพ่อกับแม่นะ เอาดิ”
“เย้ยยย อย่าพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่อาจจะบินมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวสิ นี่อาจจะเป็นเรื่องหลอนประจำสัปดาห์เลยนะ ลิซไม่พร้อมจะเจอพ่อกับแม่เลยอ่ะ =[]=!”
ใช่... ฟังไม่ผิดหรอก ส่วนเหตุผลที่ไม่อยากเจอเพราะพ่อกับแม่น่ะ เอาแต่จ้องจะถามเรื่อง...
“เมื่อไหร่ลูกลิซจะมีแฟนสักทีล่ะจ๊ะะะ ^_^”
แล้วอย่างกับเข้ามาอยู่ในความคิดของฉัน พอโรสที่กำลังเทนมลงในถ้วยซีเรียลเห็นการตอบสนองที่หวาดผวาพอพูดถึงพ่อกับแม่แบบนั้น ก็ล้อออกมาทันที
“เห๊อะ! แหงสิ โรสล้อได้เพราะมีเฮียโยอยู่ในใจแล้วนี่”
กึก!
ซวยละ =[]=! พูดจบฉันก็เพิ่งขึ้นได้ว่าพลาดเข้าเต็มเปา ในขณะที่โรสกระแทกกล่องนมในมือลงบนเคาน์เตอร์ครัวทันทีจนเกิดความเงียบระหว่างเรา
“เอ่อคือ...”
งื้อออ เอาไงดีอ่ะ เอาไงดี ไอ้ลิซบ้า! ทำไมปากไวไปพูดถึงคนที่บังอาจปฏิเสธความรักอันยิ่งใหญ่ของพี่สาวตัวเองซะได้ =[]=!
“เสร็จยังอ่ะแซนด์วิช”
“โรสคือ...”
ฉันเลิ่กลั่กพูดอะไรไม่ออก เพราะท่าทางที่สะลึมสะลือของโรสก่อนหน้านี้มันมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาแบบน่ากลัวสิ้นดี
“คนใจร้ายแบบนั้น ชาตินี้ก็ไม่เจอหรอกเนื้อคู่อ่ะ”
“โรส ลิซขอโทษนะ T/T อ่ะ...นี่”
หมับ! ตึงงง!
พูดจบโรสก็คว้าแซนด์วิชจากมือฉันแล้วเดินหน้านิ่งๆเข้าห้องนอนตัวเองไปทันที เฮ่อออ! ปากไม่ดีแต่เช้าเลยนะ วีคนี้มันมีแต่เรื่องซวยหรอเนี่ย ไหนเช็คดวงและวิธีแก้กับแม่หมอต่อซิ ยังทันมั้ยเนี่ย ไม่ใช่เลยไปวันอาทิตย์แล้วนะ =_=^
‘…แหม หนักหน่อยนะคะสาววันศุกร์ ต่อไปก็มาถึงวันเสาร์สีม่วงแห่งความพีคประจำวันนี้!! ที่แม่หมอ Mystery ถึงกับขนลุกพอเซ้นส์อันเฉียบคมสัมผัสได้ถึงพลังอันแรงกล้าจากเนื้อคู่ของคุณ!’
เอ๋... เนื้อคู่หรอ O_O?!
ได้ยินแบบนี้ฉันนี่ทิ้งทุกอย่างในมือ ถลาเข้าไปหามือถือที่วางอยู่เลยจ้ะ เนื้อคู่ๆ ทีนี้พ่อกับแม่ก็ไม่ต้องมาตั้งคำถามอะไรพวกนั้นแล้วสิ เปิดเสียงให้สุดไปเล้ย ไหนคะเนื้อคู่อยู่ไหน อะไรยังไงซิ >_
‘นั่นแน่...เชื่อว่าต้องมีคนตาโตแน่นอน ย้ำอีกครั้งว่าเนื้อคู่จริงไม่ใช้ Stand-in นะคะ OMG! เพราะช่วงนี้ดาวอังคารโคจรอ้อมดาวศุกร์ไปแท็กมือกับดาวเสาร์ที่กำลังส่งยิ้มให้ดาวยูเรนัสซึ่งก็กำลังกิ๊กกั๊กกับดาวพุธอีกที ทำให้สาวๆ Myztery ของเราได้รับอานิสงส์จากพลังความชื่นมื่นของดวงดาว ก่อตัวเป็นคำทำนายที่ทรงพลังจากแม่หมอ Myztery ดังนี้....’
กรี๊ดดดดด ตื่นเต้นๆ นานๆจะมีคำทำนายเนื้อคู่แบบคนอื่นเค้าบ้าง ยิ้มหน้าบานจนเมื่อยแก้มแล้วอ่ะ ฟีลลิ่งแฮปปี้จงปกคลุมมาที่ตัวเราเดี๋ยวนี้ >_
‘อะแฮ่ม! ยินดีด้วยค่ะ สาววันเสาร์ที่เหี่ยวเฉามาแรมปี ด้วยอำนาจแห่งความรักในกาแล็คซี่นี้ เนื้อคู่ของคุณอาจเดินผ่านมาแบบไม่รู้ไม่ชี้ วังวนของวันเวลาจะพาให้ต้องพบ ต้องเจอ พวกคุณจะเข้ากันได้ดี วิธีสังเกตก็ไม่ยาก ผู้ชายถืออาวุธนั่นแหละ เป็นจอมโจรกระชากใจตัวดี’
หืม.... ผู้ชายถืออาวุธหรอ O_O?
พอได้ฟังคำทำนายของแม่หมอ ก็เล่นเอาฉันหยุดคิดและตาโตขึ้นมาทันที ฮะ! =[]=! อย่าบอกนะว่า...
นี่เราจะมีแฟนเป็นคนในเครื่องแบบหรอเนี่ย อร๊ายยยย เท่ระเบิดระเบ้อ แค่คิดก็ปลื้มปริ่มไปถึงหัวใจ งั้นทำแซนด์วิชสิบอันไปเลยไป ซ้อมไว้ไปเป็นคุณนายตำรวจ ลิซ่าจัดไป!!!
แต่เอ๊ะ! สิบอันคงไม่พอ สิบห้าไปเลยถ้างั้น แจกจ่ายให้เพื่อนร่วมงานของคุณแฟนกินกันทั้ง สน. เอาให้ ผบ.ตร. เลื่อนยศให้แฟนทำแทนตำแหน่งนั้นไปเลยค่า ยะฮู้ววว แฮปปี้จริงจัง >_
Rrrrrrrrrrrrr….
แล้วระหว่างที่ฉันกำลังเร่งรีบอยู่กับการผลิตแซนด์วิชโคลสลอว์ที่ได้รับพลังขับเคลื่อนจากความรัก ก็มีสายเรียกเข้ามาขัด Live ที่แม่หมอกำลังทำนายดวงคนเกิดวันอาทิตย์ต่อซะงั้น
- H. BEAT -
“ค่าาาเฮีย ตอนนี้ลิซไม่ว่าง”
ฉันกดเปิด Speaker Phone แล้วกรอกเสียงลงไปเพราะกำลังวุ่นวายกับการซ้อมเป็นคุณนายตำรวจ แล้วปลายสายก็ตอบกลับมาสั้นๆ
[หิว มีไรกินมั้ย]
“โห่ เอาอีกละ หนูกลับมาได้ไม่เท่าไหร่ก็จะกลายเป็นเบ๊เฮียอีกแล้วหรอคะ -3-”
เจ้าของเสียงเข้มๆนั่นคือ ‘เฮียบีท’ รุ่นพี่ที่เมกา แต่ที่จริงตอนอยู่ที่นู่นยังมีคนอื่นอีกนะ นอกจากฉัน โรส และเฮียบีท ก็ยังมีเฮียโยกับเฮียพายที่เราค่อนข้างสนิทกันอ่ะ แต่พวกเฮียๆทั้งสามเค้ากลับไทยมาก่อน ฉันกับโรสเพิ่งตามมาทีหลัง
[อ๊อง เร็วดิ๊ ข้าวเช้าทำยัง?]
น้ำเสียงคาดคั้นจากเฮียบีทดังขึ้นอีกครั้ง อ๋อ ข้าวเช้าหรอคะ มีเต็มโต๊ะไปหมดเลยค่าาา เห็นว่าอนาคตเฮียบีทต้องรู้จักคุณแฟนของหนูหรอกนะ ถ้างั้นจะแบ่งให้ก็ได้อ่ะ
“ทำแล้วค่าาา มีเยอะเลยนะ มาสิมาๆ”
ออดดดดดดด!
แล้วสิ้นสุดคำพูดของฉัน เสียงกริ่งที่หน้าประตูห้องก็ดังขึ้นทันทีอย่างไม่รอให้เสียเวลา ส่วนจะเป็นใครไม่ต้องเดาจ้า รวดเร็วทันใจยังกับวาร์ปมา
“นี่ เอาไปเลยเฮีย หนูทำไว้เพียบ”
“อื้มมม มีเยอะ...เลยนะ =_=^”
ถึงจะทำหน้าเหมือนจิตตกแต่เชื่อเหอะ เฮียบีทก็แค่ประหลาดใจกับประติมากรรมแซนด์วิชโคลสลอว์ที่ฉันตั้งใจสรรค์สร้างมันขึ้นมาเท่านั้นแหละ
“นี่เฮียบีท ลิซจะเล่าไรให้ฟัง เมื่อเช้า...”
“คำทำนายว่า? เอาแบบรวบรัดนะ แม่หมอนั่นเวิ่นเว้อฉิบหายอ่ะ”
เฮียบีทพูดมาทั้งที่ยังยัดแซนด์วิชเข้าปากอย่างรู้ทัน คงเพราะตั้งแต่พวกฉันกลับมา เฮียแวะมากินข้าวเช้าที่นี่ประจำ เลยต้องมาฟัง Myztery Horo เป็นเพื่อนฉัน คิกๆ
“ก็...แม่หมอบอกว่าหนูจะเจอเนื้อคู่แล้วด้วย ^_^ เฮียคิดว่าไง เค้าบอกว่าเนื้อคู่หนูเป็นตำรวจด้วยนะ”
“ดี บรรลัยกันทั้ง สน. ก็งานนี้”
...อะจึ๋ย!
“นี่ เฮียบีท เอาดีๆสิคะ -.-” ฉันส่งสายตาพิฆาตที่สุดในชีวิตออกไปแล้วนะ แต่เฮียก็ยังลอยหน้าลอยตากลับมา
“ก็ดีไง แซนด์วิชหร่อยดี”
“หนูหมายถึงเนื้อคู่ต่างหากล่ะ”
เอ๊ะ! เฮียนี่ ลักษณะจะอยากมีเรื่องกับผู้หญิงแสนซนและบอบบางอย่างฉันคนนี้จริงๆงั้นสิ
“มีก็ดี จะได้โตสักที”
“นี่ก็โตแล้วนะ”
“ตัวอ่ะโต แต่สมอง...”
เฮียไม่พูดต่อและมองมาแบบ... อื้ม ได้ๆ ไอ้สายตาแบบนั้นไม่ใช่แค่เฮียบีทหรอก แต่พวกเฮียทุกคนชอบมองมาอย่างกับคอยติกันตลอดเวลาที่ฉันไปขอคำปรึกษาทุกทีอ่ะ
“เอ้อออ แล้วอย่ามาให้หนูสอนภาษาซีนะ ไม่ต้องกินละเอามานี่”
หมับ!
ฉันพูดและคว้าแซนด์วิชจากมือเฮียบีทคืนมาทันที อ๋อหรอ ขนาดยังพูดไม่จบยังรู้เลยว่าจะว่าหนูอ๊องอ่ะ เมื่อก่อนไม่รู้หรอกนะว่าแปลว่าไร ดีที่พอมีความรู้เรื่อง IT อยู่บ้างเลย Search google จนเข้าใจ เชอะ!
“อย่ามางก”
ป๊อก! หมับ!
ฉันคว้าแซนด์วิชในมือคืนมาไม่ทันไร ก็โดนกำปั้นใหญ่ๆของเฮียเขกหัวไปที แล้วดึงมันคืนกลับไปกินต่อหน้าตาเฉย
“เห๊อะ งั้นจ่ายค่าแซนด์วิชมาเลย 3 อัน 500”
“ถุย โคลสลอว์มังกรไง๊ อร่อยก็ไม่อร่อย”
เอ้า! เฮียบีทบ่นอุบอิบออกมา ก็ไหนเมื่อกี๊บอกอร่อยดี นี่คนดีหรือคนบ้า เปลี่ยนใจไวยิ่งกว่า 5G เนี่ยฮะ =_=^ น่าเบื่อจริงๆเลย ขี้เกียจพูดด้วยละ เอาเวลาไปเช็คสีนำโชคประจำวันดีกว่า
คนเกิดวันเสาร์
สีที่ช่วยเสริมเรื่องสิริมงคล โชคลาภ เงินทอง : สีแดง, สีน้ำตาล
...เอ๋ O_o? สีแดงกับสีน้ำตาล แค่เปิดเรื่องมาทั้งตัวฉันก็ไม่เห็นจะมีสีอะไรพวกนั้นเลยอ่ะ อ๋อรู้ละ! สีแดงที่คิดได้และใกล้ตัวที่สุดตอนนี้ก็ต้อง...ผ้ากันเปื้อนไปเลยจ้า อยู่ไหนน้า...ผ้ากันเปื้อนสีแดง อ๊ะ เจอละ! ส่วนสีน้ำตาลก็เป็นสลิปเปอร์แล้วกันนะ แค่นี้ก็ครบเซ็ตจ้า แล้วก็นะ... จุ๊ๆๆ อื้มมมม เริ่มมาละ ฟีลลิ่งความสวยและรวยมาก เริ่มก่อตัวขึ้นแล้วววว >_
สีที่ช่วยเรื่องการงาน : สีส้ม, สีเหลือง
อืม...อันนี้ยังเรียนไม่จบเลยอ่ะ ข้ามไปก่อน เอาไว้ทำงานจะประโคมสีส้มเหลืองทั้งตัวไปออฟฟิศเลยจ้าาา เจ้านายต้องหลงรัก เพื่อนร่วมงานต้องภักดี แค่คิดก็ยิ้มแก้มปริ อนาคตพนักงานดีเด่นและเป็นที่รักของพวกพ้องยืนอยู่นี่ คิกๆๆ^_^
สีที่ช่วยเรื่องความรัก : สีม่วง
กรี๊ดดดดด อันนี้แม่นเป๊ะ นอกจากความรักของชาววันเสาร์สีม่วงจะปัง! ปัง! ปัง! สีม่วงก็ยังเป็นสีนำโชคที่มีเงื่อนงำและน่าค้นหา บอกเลย ณ จุดนี้...ว่าที่คุณนายตำรวจอินกับสีนี้มากค่ะ >_
สีที่ช่วยเสริมเรื่องผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือ : สีน้ำเงิน, สีฟ้า
โอ๊ะโอว... วันนี้โรสใส่ชุดนอนสีฟ้าพอดีเลยน้า ถึงจะโดนเหวี่ยงนิดหน่อยไปเมื่อเช้า แต่คนเดียวที่ไม่ทอดทิ้งเราก็คือคนใกล้ตัวอย่างพี่สาวสุดที่รักนี่นา ^_^
สุดท้ายละ อันนี้หนักใจและระแวงมากเลยอ่ะ...
สีกาลกิณี : สีดำเหลือบเทาประกายขาวไล่เฉดสามสี เป็นเภทภัยที่อันตรายที่สุดเท่าที่เคยพบมา
หืม O_o? เดี๋ยวนะ สีดำเหลือบเทาประกายขาวไล่เฉดสามสีที่ว่านั่นน่ะ...ว๊ากกกกก ชัดเลย! ชัด! เลย!!!
โอ้โห นี่รุ่นพี่ค่ะ ชื่อ ‘ภาระ’ เฮียบีทใส่เสื้อสีนี้เดินเข้าห้องมาได้ไง! ในที่สุดความอัปยศอดสูก็ครอบงำคอนโดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอันสดใสของลิซ่าและโรเซ่จนได้ ม่ายยยยยย!
หมับ!
“เฮียหยุด! งั่มๆๆๆ ไม่ต้องกินละ ออกไปจากห้องหนูเลยนะ เฮียเป็นตัวกาลกิณีสำหรับวันนี้ค่ะ ดูววววว!!!”
เห็นแบบนั้นฉันนี่กระชากแซนด์วิชอันใหม่ที่เฮียเพิ่งจะหยิบเข้าปากมากินซะเองแล้วไล่เฮียกลับไป ส่วนหน้าเฮียตอนนี้น่ะหรอ...
“ใส่สีผิดชีวิตเปลี่ยนอีกแล้วสินะกู =_=^”
พูดจบเฮียแกก็โกยแซนด์วิชโคลสลอว์ของฉันแล้วโบกมือบ๊ายบายเดินออกจากห้องไป
ตึงงง!
โธ่! แล้วทีนี้จะทำยังไง สงสัยต้องล้างห้องชุดใหญ่ ต้องเรียกเจ้าอาวาสมาพรมน้ำมนต์มั้ยเนี่ย โอ๊ยยย อยู่ดีไม่ว่าดี ดันเอาเฮียบีทเข้ามาสร้างรอยด่างพร้อยให้ที่อยู่อาศัยของตัวเองซะได้นะเจ้าลิซ เฮ้อออออ.....!
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
หลี่เหมยลี่ นักธุรกิจสาวร่างท้วม เจ้าของฉายา ‘เจ้าแม่เงินล้าน!’ ได้หลุดเข้าไปเป็นตัวละครในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านจบ และกลายเป็นหนึ่งในคนที่จะต้องถูกตัวร้ายอันดับหนึ่งอย่าง เว่ยเหวินจิ้ง ทรราชผู้ล่มแคว้น ส่งไปเป็นเมียน้อยพระเอก!! นางจึงต้องงัดทุกความสามารถ ใช้ทุกกลยุทธ์ที่มีเพื่อเอาตัวรอดจากการเป็นเครื่องมือในครั้งนี้… ‘โลกจริงมันช่างง่ายดาย… แต่การมีชีวิตรอดในโลกนิยายนี่สิ! มันช่างยากเย็นยิ่งนัก’ *นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการและความชอบส่วนตัวของไรท์เท่านั้น มิได้อิงหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงหรือประวัติศาสตร์แต่อย่างใด ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ* นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณ อีโรติค NC20+ นะคะ
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด