ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
คุณเคยเฝ้ามองใครคนหนึ่ง แบบที่เขาไม่เคยรู้ตัว ไม่เคยสนใจ ไม่เคยแม้แต่จะจดจำ...ความทรงจำที่มีร่วมกันมาหรือไม่ ?
หรือบางที...เขาอาจจดจำ
แต่ในขณะเดียวกัน...ก็โดนบางอย่างบิดเบือนมันไป
ฉันในตอนนี้...กำลังเฝ้ามองผู้ชายคนหนึ่ง
เขา...ผู้เป็นที่รัก และที่นับถือของใครต่อใคร
เขา...ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเกินกว่าที่ใครจะเทียบได้
เขา...ผู้มีจิตใจอ่อนโยนมากมายเหลือเกิน นั่นทำให้ฉันคลั่งไคล้
ใช่...ฉันชอบเขา ชอบรอยยิ้ม ชอบความใจดีตั้งแต่แรกเจอ ชอบความเอาใจใส่ในเรื่องเล็กน้อยแม้เรายังไม่รู้ประสาอะไร
ฉันชอบเรือนร่าง ชอบดวงตา สีผม และทุกๆอย่าง จนวันนึงความชอบแปรเปลี่ยนมาเป็นความรัก ตามเหตุและผลของเวลาที่นำพาให้เราได้กลับมาใกล้
และไม่ว่าจะเนิ่นนานแค่ไหน... เสียงในใจของฉันก็ยังตะโกนออกไปดังมาก ว่าฉันรักเขาเกินกว่าจะรักใคร
ฉัน...รักเขา รักทุกอย่างที่เป็นเขา
ทุกๆอย่างของเขาควรต้องเป็นของฉัน เขาเคยให้สัญญาเอาไว้...
แล้วอยู่ๆวันนึง ก็มีคนมาแย่งเขาไป!
ย้อนเวลากลับไป 1 ปีก่อน...
“หึ...เธอมีทางเลือกอื่นด้วยรึไง”
เสียงเข้มของ 'เฮย์โซ' ลูกบุญธรรมอีกคนของคนที่ดำรงตำแหน่งสภาสูงสุดอย่าง 'ท่านเซนจิ' เช่นเดียวกับฉันพูดขึ้นมา ก่อนจะหย่อนบุหรี่ที่คาบไว้ลงในเสาดับ ตาก็จ้องมองบรรยากาศรอบๆ Castle ฝั่งสภากฎอย่างเย่อหยิ่งและทระนงตัวยิ่งกว่าใคร จนแววตาน่ารังเกียจนั่น มันไปหยุดที่คนสองคนซึ่งกำลังฟาดฟันกันอยู่ในพื้นที่ซ้อมขนาดย่อมท่ามกลางสายตาชื่นชมของใครต่อใคร
“อย่ายุ่งกับเขา”
แม้ไม่ได้ตะโกนออกไป แต่โทนเสียงฉันมันก็แฝงไปด้วยสัญญาณเตือน ถ้าหมอนี่คิดจะทำตัววุ่นวาย
“เธอหมายถึงไอ้คิระ?”
ให้ตายเถอะ...
“หมอนั่นจะเป็นตายยังไงก็ช่าง แต่นายรู้ดีว่าห้ามยุ่งกับใคร”
ฉันตอบกลับเสียงยียวนของคนที่ไม่รู้สึกรู้สากลับไป บอกตามตรง...ถ้าไม่ใช่เพราะเฮย์โซถือเป็นสมาชิกอีกคนในครอบครัวใหม่ ฉันว่าหมอนี่เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญที่สุดในโลกก็ว่าได้
“หวงมันจังนะ ทั้งที่จะทำร้ายมันซะเอง”
“หุบปากไปซะ! ไม่มีใครไปตกลงอะไรกับนาย”
ใช่...เพราะก่อนหน้านี้ใครบางคนยื่นข้อเสนอที่ชวนคิดหนักมาให้ และหมอนี่ก็มั่นใจมากซะด้วยว่าจะฉันรับมัน แต่เพราะความเจ้าเล่ห์ในตาคู่นั้น ฉันถึงยังไม่ได้ให้คำตอบอะไร
“แน่ใจจริงๆน่ะเหรอ...ว่าจะไม่?”
คำถามกระตุ้นความคิดส่งมาพร้อมริมฝีปากที่กระตุกยิ้มมุมปากได้ใจ
หึ...บ้าจริงๆ นี่ท่านเซนจิเคยรู้บ้างมั้ย ว่าหมอนี่มันร้ายกาจมากขนาดไหน
“เธอทนดูรักษาการแต่งงานกับมันในฐานะเพื่อนเจ้าสาวได้?”
“บอกให้หุบปากไง!”
คราวนี้ฉันตวัดสายตาขึ้นไปจ้องหน้าเฮย์โซทันควัน พอหมอนี่ปากพล่อยพูดเรื่องงี่เง่าพรรค์นั้น แต่ปฏิกิริยาที่เฮย์โซตอบกลับมา หมอนี่กลับยิ้มอ่อนแล้ววางมาดนิ่งเฉย แถมยังเอื้อมมือข้างหนึ่งที่ล้วงกระเป๋าอยู่มาลูบหัวฉัน ทำเหมือนว่าตัวเองไร้พิษสงใดๆอย่างที่ชอบแสดงออกเวลาอยู่ต่อหน้าใครต่อใครเหมือนเคย
“เม็ดเดียวเรื่องจบฟาเดีย อย่างน้อยเธอก็เป็น...เหมือนน้องสาวตัวน้อยๆ ที่พี่ชายอย่างฉันต้องช่วยเหลือ จริงมั้ย?”
พรึ่บ!
พอปล่อยหมอนี่ลามปามด้วยการเล่นหัว แถมส่งสายตาสำรวจเรือนร่างฉันได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็ปัดมือหนาบนหัวตัวเองออกอย่างหงุดหงิด
“เคยมีใครบอกนายมั้ย ว่านานไปหางจะโผล่!”
เฮย์โซพอได้ฟังก็ยังมีหน้าเอื้อมมือมาจับแก้มฉันด้วยท่าทางเหมือนจะเอ็นดูอีกครั้ง ก่อนส่งเสียงเย็นเฉียบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มมาให้
“แล้วเคยมีใครบอกเธอมั้ยล่ะ ว่าการอยากได้อะไรแล้วไม่ได้มันมา เป็นวิถีของคนโง่!”
พรึ่บ!
“จิ๊!”
พูดจบหมอนี่ก็สะบัดมือแล้วเดินออกไป ทิ้งฉันให้จ้องมองใครคนนั้นอย่างคิดหนักผ่านกระจกใส ที่เหมือนจะห่างแค่เอือมมือ แต่ในอีกไม่กี่วัน...เขาก็กำลังจะยิ่งไกลออกไป
หลายเดือนก่อนหน้านั้น...
@ Treatise University
“คิดไรอยู่ เหม่อเชียว”
มือหนาของ 'เฮียเชน' คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนคนปัจจุบันเอื้อมมาลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน แต่ฉันกลับรู้สึกเฉยๆกับสัมผัสนี้ พลางคิดว่าถ้าฉันสามารถสลับมือเฮียเชนเป็นมือใครอีกคนที่นั่งตรงข้ามกันได้...ก็คงดี
“เดียแค่ง่วงๆอะ”
อาจฟังดูใจร้ายถ้าฉันพูดบางอย่างออกไป แต่เหตุผลที่ฉันคบกับเฮียเชนตอนนี้ ก็เพราะมันทำให้เรา... หมายถึงฉันกับใครคนนั้น ได้ใกล้ชิดกันมากเข้าไปอีก
“กาแฟมั้ย?”
และนี่ไงล่ะ เสียงที่ฉันอยากได้ยิน
“เอาสิ เฮียแม็คเลี้ยงเหรอ :)”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดวงตาฉันตอนนี้มันแพรวพราวแค่ไหน ฉันรู้ตัวฉันดี และความมีหวังพวกนี้ มันก็มีโอกาสอยู่กับฉันแค่...ไม่กี่นาที
“ได้นะ จะไปซื้อให้ฟาร์ดาพอดี”
พรึ่บ!
“วันนี้มือยุกยิกชอบกลนะเนี่ย”
ฝ่ามือหนาของเฮียแม็คถูกเลื่อนไปยีผมสีดำสนิทของคนที่กำลังบ่นอุบอิบที่นั่งเยื้องออกไป ยิ่งจ้องมองเรือนผมสีดำสนิทนั่นเท่าไหร่ ฉันยิ่งมั่นใจว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่เปลี่ยนสีผมไปเรื่อย เพราะไม่ต้องการให้มันซ้ำกับใคร
'ฟาร์ดา' คือคำเรียกแทนตัว 'เฟรย่า' เป็นชื่อที่ผันมาจากชื่อจริงของเธออย่าง 'ฟาริดา' หรืออีกนัยหนึ่ง มันคือชื่อที่แม่บุญธรรมผู้สูงศักดิ์ของเธอใช้เรียกให้คล้องจองกับชื่อเล่นของฉัน 'ฟาเดีย' เพราะเราเป็นพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา
แต่สำหรับฉัน เฟรย่าก็คือเฟรย่า ฉันไม่ได้อินกับการมีพี่สาวชื่อคล้ายๆกัน เพราะสิ่งที่เธอแสดงออกอยู่ทุกวันนี้ หรือแม้แต่ทุกสิ่งที่เธอมี มันคือความเห็นแก่ตัวไม่จบไม่สิ้นที่คนตรงหน้าหลงลืมมันไป
“ก็คิดถึง ไม่ได้?”
สีหน้านิ่งเรียบแต่แววตาบอกชัดว่าเฮียแม็คตั้งใจพูดมันออกไปแค่ไหน ทำให้พี่เฟรย์อมยิ้มเขินๆออกมา แต่ต่อให้มันดูอบอุ่นเท่าไหร่ ข้างในตัวฉันกลับยิ่งร้อนเป็นไฟ
“กูเอาโคล่าเพรสโซ่”
เสียงทุ้มของเฮียเชนพูดขึ้นมา แล้วรู้อะไรมั้ย อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกรำคาญพี่สาวตัวเองมากๆน่ะ...
“เดียเอาแฟร์รี่เบอร์รี่”
“เอาด้วย”
หึ... ใช่! แม้แต่กาแฟที่ฉันชอบ พี่เฟรย์ที่เคยได้ลองมันแค่ครั้งเดียว ก็ชิงเลือกมันไปเป็นเมนูประจำตัวจนวันนี้ไง
“เค สรุปโคล่าเพรสโซ่ 1 แฟร์รี่เบอร์รี่ 2”
“แล้วซอลท์เท็ดคาราเมลอัฟโฟกาโตล่ะ เฮียลืมเหรอ?”
ฉันตะโกนตามหลังไป พอเฮียแม็คก้าวขาจากโต๊ะจะเดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ซึ่งอยู่ไม่ไกล เฮียแม็คพอได้ฟังก็หันกลับมาพยักหน้ายิ้มๆ
“นั่นดิ ต้องสี่แก้วใช่มะ”
“อื้ม :)”
แค่นี้เอง แค่ยิ้มแค่นี้ ใจฉันก็เตลิดไปถึงไหนต่อไหน และที่ถามแบบนั้นเพราะมันเป็นเมนูโปรดของเขาไง ฉันเลยจำมันได้ขึ้นใจ ผิดกับบางคน...
“แหวะ! ชื่อก็ยาว ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน”
“กูเห็นมึงขโมยกินไอติมมันทุกทีอ่ะ”
นั่นสินะ เฮียเชนพูดถูก ซอลท์เท็ดคาราเมลอัฟโฟกาโตเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มีไอติมวานิลลา on top อยู่ข้างบน และเฮียแม็คไม่เคยได้กินมันเลยสักครั้ง เพราะเขาเอาแต่เสียสละให้ใครบางคน ทั้งที่ความจริง เฮียแม็คชอบกินไอติมวานิลลามาก...มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“ไรมึงไอ้เชน ก็พอไอติมมันละลายลงไปผสมกาแฟ รสชาติแม่งชวนแหวะจะตาย”
แต่ถึงพี่เฟรย์จะไม่อินกับเมนูนั้นเลย เฮียแม็คก็มองมันเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้น เรียกได้ว่าเธอ...ไม่ว่าจะทำอะไร เฮียแม็คก็ไม่เคยรำคาญใจเลยสักอย่าง
“จะบอกว่าพยายามปกป้องกันงั้นใช่มั้ย?”
เฮียแม็คที่หยุดฟังพูดมาขำๆ สายตาเอ็นดูพี่เฟรย์มากที่ส่งมานั้น มันยิ่งสร้างความวุ่นวายใจให้ฉันมากกว่าเดิม โดยเฉพาะนาทีที่พี่เฟรย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ลอยหน้าลอยตาตอบไป
“ใช่ เป็นความห่วงใย กลัวบางคนไม่ได้กินของอร่อยไง ^^”
“ถุย อย่ามาหวานกันแถวนี้ กูจะสำลักความสุขตาย”
เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านหลัง และพอเราทุกคนหันไป ผู้มาเยือนก็คือ 'เฮียเวย์' หรือ 'รันเวย์ Nightshade' หนึ่งในสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าที่ช่วงนี้กำลังโด่งดังในมหาลัย ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวนั่งลงมาอย่างไม่ถือตัวอะไร
“แล้วมัน?”
“เห็นมั้ยล่ะ”
เฮียเวย์ตอบกลับพี่เฟรย์ด้วยท่าทางชิลๆ ก่อนจะหันไปพยักหน้าฝากเฮียแม็คสั่งกาแฟอย่างรู้กันแล้วเฮียแม็คก็เดินออกไป
ส่วนมันที่ว่า...คือ 'เตโช Nightshade' แต่ไม่มานั่นแหละดีละ เพราะถ้าว่ากันตามตรง ฉันไม่สะดวกญาติดีกับบุคคลที่กำลังถูกกล่าวถึงเท่าไหร่
“มึงก็อีกคน กลัวเค้าไม่รู้รึไงว่าถ่ายเป็นแต่รูป.....”
แกร๊ก!
ก็นะ... Memory Card จากมือเฮียเวย์ถูกสไลด์มาบนโต๊ะ พร้อมกันกับที่สายตาคู่นั่นจะโฟกัสมาที่ฉัน ทั้งที่ปากก็พูดกับเฮียเชนที่วันก่อนยืมกล้องเขามาชวนฉันไปถ่ายรูป และถ้าให้เดา เฮียเชนคงจะลืมถอดเมมออกล่ะมั้ง
“เฮ้ย! อย่ามามองแฟนกู”
เฮียเชนตอบกลับขำๆแล้วแกล้งเอามือมาบังไม่ให้ฉันกับเฮียเวย์สบตากัน เพราะแม้ในโต๊ะที่เรานั่งกันอยู่ เขาจะดูเป็นคนธรรมดา แต่แววตาของคนในร้านที่มองมา ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพเจ้า Nightshade น่ะ หน้าตาดี บุคลิกดี ฐานะดี แค่นี้ก็เป็นกระแสโด่งดังไปทั่วทั้ง ม. นั่นแหละนะ
“อย่าไปหลงกลมันเชียวนะเดีย”
เฮียแม็คที่เดินกลับมาที่โต๊ะพูดกับฉัน ซึ่งเป็นจังหวะที่ฉันกดมือเฮียเชนลงไม่ให้บังสายตา ก่อนจะยิ้มกว้างและพยักหน้าให้กับคำพูดนั้น
“อื้ม”
ชอบจัง... ฉันชอบมากเลยนะ คำพูดแบบนี้จากเขาน่ะ :)
“ถ้าไอ้เตมันมา กลัวมีคนเอาไปฟ้องไอ้คิระว่ะ”
“เหรอ ปากเก่งจังนะมึงอ่ะ”
คำทักทายของเฮียเวย์และเฮียแม็คที่โต้ตอบกันทำให้ฉันยิ้มตาม พอเห็นสีหน้าหมั่นไส้ของเฮียแม็คที่โดนแขวะเบาๆ
เพราะ 'คิระ' ที่ว่า...คือเพื่อนสนิทของเฮียแม็คไงล่ะ ส่วนเตโชเป็นเพื่อนสนิทของเฮียเวย์ สองคนนี้แม้โดยสายเลือดจะเป็นญาติกัน แต่มันก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์แฮปปี้อย่างที่คิดหรอกนะ
“หึ...ไว้วันหลังจะนัดพวกมันมาเจอกันหน่อย”
พี่เฟรย์พูดขึ้นมา แต่มันก็เป็นแค่การพูดไปงั้นๆแหละ เพราะเราทุกคนต่างรู้ดี ว่าคนสองคนที่กำลังถูกกล่าวถึงอยู่ตอนนี้ เหมือนเส้นขนานที่ยากจะมีวันมาบรรจบกันด้วยดี
“ถ้าถึงวันนั้น มึงกับกูก็คงต้องเลือกข้าง”
เฮียเวย์พูดมาเสียงเข้มแล้วมองไปที่เฮียแม็ค เฮียแม็คเองก็พยักหน้าตอบกลับเขาเช่นกัน แต่ไม่เว้นช่วงให้ใครพูดอะไรต่อ คำพูดที่ฉันนึกรังเกียจที่จะต้องฟังมันมากๆ ก็ดังมาจากปากคนที่ฉันไม่ค่อยจะชอบหน้าทันทีเหมือนกัน
“ถ้า Nightshade กับ Dark Shadow ต้องฆ่าฟันกัน ก็ต้องข้ามศพรักษาการไปก่อน ฝากไปบอกเพื่อนซี้พวกนายด้วยแล้วกัน!”
คำพูดนั้นทำให้ทั้งเฮียแม็คและเฮียเวย์เงียบไป และที่ฉันบอกว่าเกลียด รังเกียจ... ก็เพราะท่าทางทระนงตัวในฐานะที่ตัวเองถือครองอย่าง 'รักษาการ' นั่นแหละ ที่มันน่าหมันไส้!
เพราะมันชวนให้นึกถึง...
การมาของครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง...
ที่เปลี่ยนชีวิตพวกฉันไปตลอดกาล!
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY