ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
คุณเคยเฝ้ามองใครคนหนึ่ง แบบที่เขาไม่เคยรู้ตัว ไม่เคยสนใจ ไม่เคยแม้แต่จะจดจำ...ความทรงจำที่มีร่วมกันมาหรือไม่ ?
หรือบางที...เขาอาจจดจำ
แต่ในขณะเดียวกัน...ก็โดนบางอย่างบิดเบือนมันไป
ฉันในตอนนี้...กำลังเฝ้ามองผู้ชายคนหนึ่ง
เขา...ผู้เป็นที่รัก และที่นับถือของใครต่อใคร
เขา...ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเกินกว่าที่ใครจะเทียบได้
เขา...ผู้มีจิตใจอ่อนโยนมากมายเหลือเกิน นั่นทำให้ฉันคลั่งไคล้
ใช่...ฉันชอบเขา ชอบรอยยิ้ม ชอบความใจดีตั้งแต่แรกเจอ ชอบความเอาใจใส่ในเรื่องเล็กน้อยแม้เรายังไม่รู้ประสาอะไร
ฉันชอบเรือนร่าง ชอบดวงตา สีผม และทุกๆอย่าง จนวันนึงความชอบแปรเปลี่ยนมาเป็นความรัก ตามเหตุและผลของเวลาที่นำพาให้เราได้กลับมาใกล้
และไม่ว่าจะเนิ่นนานแค่ไหน... เสียงในใจของฉันก็ยังตะโกนออกไปดังมาก ว่าฉันรักเขาเกินกว่าจะรักใคร
ฉัน...รักเขา รักทุกอย่างที่เป็นเขา
ทุกๆอย่างของเขาควรต้องเป็นของฉัน เขาเคยให้สัญญาเอาไว้...
แล้วอยู่ๆวันนึง ก็มีคนมาแย่งเขาไป!
ย้อนเวลากลับไป 1 ปีก่อน...
“หึ...เธอมีทางเลือกอื่นด้วยรึไง”
เสียงเข้มของ 'เฮย์โซ' ลูกบุญธรรมอีกคนของคนที่ดำรงตำแหน่งสภาสูงสุดอย่าง 'ท่านเซนจิ' เช่นเดียวกับฉันพูดขึ้นมา ก่อนจะหย่อนบุหรี่ที่คาบไว้ลงในเสาดับ ตาก็จ้องมองบรรยากาศรอบๆ Castle ฝั่งสภากฎอย่างเย่อหยิ่งและทระนงตัวยิ่งกว่าใคร จนแววตาน่ารังเกียจนั่น มันไปหยุดที่คนสองคนซึ่งกำลังฟาดฟันกันอยู่ในพื้นที่ซ้อมขนาดย่อมท่ามกลางสายตาชื่นชมของใครต่อใคร
“อย่ายุ่งกับเขา”
แม้ไม่ได้ตะโกนออกไป แต่โทนเสียงฉันมันก็แฝงไปด้วยสัญญาณเตือน ถ้าหมอนี่คิดจะทำตัววุ่นวาย
“เธอหมายถึงไอ้คิระ?”
ให้ตายเถอะ...
“หมอนั่นจะเป็นตายยังไงก็ช่าง แต่นายรู้ดีว่าห้ามยุ่งกับใคร”
ฉันตอบกลับเสียงยียวนของคนที่ไม่รู้สึกรู้สากลับไป บอกตามตรง...ถ้าไม่ใช่เพราะเฮย์โซถือเป็นสมาชิกอีกคนในครอบครัวใหม่ ฉันว่าหมอนี่เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญที่สุดในโลกก็ว่าได้
“หวงมันจังนะ ทั้งที่จะทำร้ายมันซะเอง”
“หุบปากไปซะ! ไม่มีใครไปตกลงอะไรกับนาย”
ใช่...เพราะก่อนหน้านี้ใครบางคนยื่นข้อเสนอที่ชวนคิดหนักมาให้ และหมอนี่ก็มั่นใจมากซะด้วยว่าจะฉันรับมัน แต่เพราะความเจ้าเล่ห์ในตาคู่นั้น ฉันถึงยังไม่ได้ให้คำตอบอะไร
“แน่ใจจริงๆน่ะเหรอ...ว่าจะไม่?”
คำถามกระตุ้นความคิดส่งมาพร้อมริมฝีปากที่กระตุกยิ้มมุมปากได้ใจ
หึ...บ้าจริงๆ นี่ท่านเซนจิเคยรู้บ้างมั้ย ว่าหมอนี่มันร้ายกาจมากขนาดไหน
“เธอทนดูรักษาการแต่งงานกับมันในฐานะเพื่อนเจ้าสาวได้?”
“บอกให้หุบปากไง!”
คราวนี้ฉันตวัดสายตาขึ้นไปจ้องหน้าเฮย์โซทันควัน พอหมอนี่ปากพล่อยพูดเรื่องงี่เง่าพรรค์นั้น แต่ปฏิกิริยาที่เฮย์โซตอบกลับมา หมอนี่กลับยิ้มอ่อนแล้ววางมาดนิ่งเฉย แถมยังเอื้อมมือข้างหนึ่งที่ล้วงกระเป๋าอยู่มาลูบหัวฉัน ทำเหมือนว่าตัวเองไร้พิษสงใดๆอย่างที่ชอบแสดงออกเวลาอยู่ต่อหน้าใครต่อใครเหมือนเคย
“เม็ดเดียวเรื่องจบฟาเดีย อย่างน้อยเธอก็เป็น...เหมือนน้องสาวตัวน้อยๆ ที่พี่ชายอย่างฉันต้องช่วยเหลือ จริงมั้ย?”
พรึ่บ!
พอปล่อยหมอนี่ลามปามด้วยการเล่นหัว แถมส่งสายตาสำรวจเรือนร่างฉันได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็ปัดมือหนาบนหัวตัวเองออกอย่างหงุดหงิด
“เคยมีใครบอกนายมั้ย ว่านานไปหางจะโผล่!”
เฮย์โซพอได้ฟังก็ยังมีหน้าเอื้อมมือมาจับแก้มฉันด้วยท่าทางเหมือนจะเอ็นดูอีกครั้ง ก่อนส่งเสียงเย็นเฉียบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มมาให้
“แล้วเคยมีใครบอกเธอมั้ยล่ะ ว่าการอยากได้อะไรแล้วไม่ได้มันมา เป็นวิถีของคนโง่!”
พรึ่บ!
“จิ๊!”
พูดจบหมอนี่ก็สะบัดมือแล้วเดินออกไป ทิ้งฉันให้จ้องมองใครคนนั้นอย่างคิดหนักผ่านกระจกใส ที่เหมือนจะห่างแค่เอือมมือ แต่ในอีกไม่กี่วัน...เขาก็กำลังจะยิ่งไกลออกไป
หลายเดือนก่อนหน้านั้น...
@ Treatise University
“คิดไรอยู่ เหม่อเชียว”
มือหนาของ 'เฮียเชน' คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนคนปัจจุบันเอื้อมมาลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน แต่ฉันกลับรู้สึกเฉยๆกับสัมผัสนี้ พลางคิดว่าถ้าฉันสามารถสลับมือเฮียเชนเป็นมือใครอีกคนที่นั่งตรงข้ามกันได้...ก็คงดี
“เดียแค่ง่วงๆอะ”
อาจฟังดูใจร้ายถ้าฉันพูดบางอย่างออกไป แต่เหตุผลที่ฉันคบกับเฮียเชนตอนนี้ ก็เพราะมันทำให้เรา... หมายถึงฉันกับใครคนนั้น ได้ใกล้ชิดกันมากเข้าไปอีก
“กาแฟมั้ย?”
และนี่ไงล่ะ เสียงที่ฉันอยากได้ยิน
“เอาสิ เฮียแม็คเลี้ยงเหรอ :)”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดวงตาฉันตอนนี้มันแพรวพราวแค่ไหน ฉันรู้ตัวฉันดี และความมีหวังพวกนี้ มันก็มีโอกาสอยู่กับฉันแค่...ไม่กี่นาที
“ได้นะ จะไปซื้อให้ฟาร์ดาพอดี”
พรึ่บ!
“วันนี้มือยุกยิกชอบกลนะเนี่ย”
ฝ่ามือหนาของเฮียแม็คถูกเลื่อนไปยีผมสีดำสนิทของคนที่กำลังบ่นอุบอิบที่นั่งเยื้องออกไป ยิ่งจ้องมองเรือนผมสีดำสนิทนั่นเท่าไหร่ ฉันยิ่งมั่นใจว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่เปลี่ยนสีผมไปเรื่อย เพราะไม่ต้องการให้มันซ้ำกับใคร
'ฟาร์ดา' คือคำเรียกแทนตัว 'เฟรย่า' เป็นชื่อที่ผันมาจากชื่อจริงของเธออย่าง 'ฟาริดา' หรืออีกนัยหนึ่ง มันคือชื่อที่แม่บุญธรรมผู้สูงศักดิ์ของเธอใช้เรียกให้คล้องจองกับชื่อเล่นของฉัน 'ฟาเดีย' เพราะเราเป็นพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา
แต่สำหรับฉัน เฟรย่าก็คือเฟรย่า ฉันไม่ได้อินกับการมีพี่สาวชื่อคล้ายๆกัน เพราะสิ่งที่เธอแสดงออกอยู่ทุกวันนี้ หรือแม้แต่ทุกสิ่งที่เธอมี มันคือความเห็นแก่ตัวไม่จบไม่สิ้นที่คนตรงหน้าหลงลืมมันไป
“ก็คิดถึง ไม่ได้?”
สีหน้านิ่งเรียบแต่แววตาบอกชัดว่าเฮียแม็คตั้งใจพูดมันออกไปแค่ไหน ทำให้พี่เฟรย์อมยิ้มเขินๆออกมา แต่ต่อให้มันดูอบอุ่นเท่าไหร่ ข้างในตัวฉันกลับยิ่งร้อนเป็นไฟ
“กูเอาโคล่าเพรสโซ่”
เสียงทุ้มของเฮียเชนพูดขึ้นมา แล้วรู้อะไรมั้ย อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกรำคาญพี่สาวตัวเองมากๆน่ะ...
“เดียเอาแฟร์รี่เบอร์รี่”
“เอาด้วย”
หึ... ใช่! แม้แต่กาแฟที่ฉันชอบ พี่เฟรย์ที่เคยได้ลองมันแค่ครั้งเดียว ก็ชิงเลือกมันไปเป็นเมนูประจำตัวจนวันนี้ไง
“เค สรุปโคล่าเพรสโซ่ 1 แฟร์รี่เบอร์รี่ 2”
“แล้วซอลท์เท็ดคาราเมลอัฟโฟกาโตล่ะ เฮียลืมเหรอ?”
ฉันตะโกนตามหลังไป พอเฮียแม็คก้าวขาจากโต๊ะจะเดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ซึ่งอยู่ไม่ไกล เฮียแม็คพอได้ฟังก็หันกลับมาพยักหน้ายิ้มๆ
“นั่นดิ ต้องสี่แก้วใช่มะ”
“อื้ม :)”
แค่นี้เอง แค่ยิ้มแค่นี้ ใจฉันก็เตลิดไปถึงไหนต่อไหน และที่ถามแบบนั้นเพราะมันเป็นเมนูโปรดของเขาไง ฉันเลยจำมันได้ขึ้นใจ ผิดกับบางคน...
“แหวะ! ชื่อก็ยาว ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน”
“กูเห็นมึงขโมยกินไอติมมันทุกทีอ่ะ”
นั่นสินะ เฮียเชนพูดถูก ซอลท์เท็ดคาราเมลอัฟโฟกาโตเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มีไอติมวานิลลา on top อยู่ข้างบน และเฮียแม็คไม่เคยได้กินมันเลยสักครั้ง เพราะเขาเอาแต่เสียสละให้ใครบางคน ทั้งที่ความจริง เฮียแม็คชอบกินไอติมวานิลลามาก...มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“ไรมึงไอ้เชน ก็พอไอติมมันละลายลงไปผสมกาแฟ รสชาติแม่งชวนแหวะจะตาย”
แต่ถึงพี่เฟรย์จะไม่อินกับเมนูนั้นเลย เฮียแม็คก็มองมันเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้น เรียกได้ว่าเธอ...ไม่ว่าจะทำอะไร เฮียแม็คก็ไม่เคยรำคาญใจเลยสักอย่าง
“จะบอกว่าพยายามปกป้องกันงั้นใช่มั้ย?”
เฮียแม็คที่หยุดฟังพูดมาขำๆ สายตาเอ็นดูพี่เฟรย์มากที่ส่งมานั้น มันยิ่งสร้างความวุ่นวายใจให้ฉันมากกว่าเดิม โดยเฉพาะนาทีที่พี่เฟรย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ลอยหน้าลอยตาตอบไป
“ใช่ เป็นความห่วงใย กลัวบางคนไม่ได้กินของอร่อยไง ^^”
“ถุย อย่ามาหวานกันแถวนี้ กูจะสำลักความสุขตาย”
เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านหลัง และพอเราทุกคนหันไป ผู้มาเยือนก็คือ 'เฮียเวย์' หรือ 'รันเวย์ Nightshade' หนึ่งในสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าที่ช่วงนี้กำลังโด่งดังในมหาลัย ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวนั่งลงมาอย่างไม่ถือตัวอะไร
“แล้วมัน?”
“เห็นมั้ยล่ะ”
เฮียเวย์ตอบกลับพี่เฟรย์ด้วยท่าทางชิลๆ ก่อนจะหันไปพยักหน้าฝากเฮียแม็คสั่งกาแฟอย่างรู้กันแล้วเฮียแม็คก็เดินออกไป
ส่วนมันที่ว่า...คือ 'เตโช Nightshade' แต่ไม่มานั่นแหละดีละ เพราะถ้าว่ากันตามตรง ฉันไม่สะดวกญาติดีกับบุคคลที่กำลังถูกกล่าวถึงเท่าไหร่
“มึงก็อีกคน กลัวเค้าไม่รู้รึไงว่าถ่ายเป็นแต่รูป.....”
แกร๊ก!
ก็นะ... Memory Card จากมือเฮียเวย์ถูกสไลด์มาบนโต๊ะ พร้อมกันกับที่สายตาคู่นั่นจะโฟกัสมาที่ฉัน ทั้งที่ปากก็พูดกับเฮียเชนที่วันก่อนยืมกล้องเขามาชวนฉันไปถ่ายรูป และถ้าให้เดา เฮียเชนคงจะลืมถอดเมมออกล่ะมั้ง
“เฮ้ย! อย่ามามองแฟนกู”
เฮียเชนตอบกลับขำๆแล้วแกล้งเอามือมาบังไม่ให้ฉันกับเฮียเวย์สบตากัน เพราะแม้ในโต๊ะที่เรานั่งกันอยู่ เขาจะดูเป็นคนธรรมดา แต่แววตาของคนในร้านที่มองมา ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพเจ้า Nightshade น่ะ หน้าตาดี บุคลิกดี ฐานะดี แค่นี้ก็เป็นกระแสโด่งดังไปทั่วทั้ง ม. นั่นแหละนะ
“อย่าไปหลงกลมันเชียวนะเดีย”
เฮียแม็คที่เดินกลับมาที่โต๊ะพูดกับฉัน ซึ่งเป็นจังหวะที่ฉันกดมือเฮียเชนลงไม่ให้บังสายตา ก่อนจะยิ้มกว้างและพยักหน้าให้กับคำพูดนั้น
“อื้ม”
ชอบจัง... ฉันชอบมากเลยนะ คำพูดแบบนี้จากเขาน่ะ :)
“ถ้าไอ้เตมันมา กลัวมีคนเอาไปฟ้องไอ้คิระว่ะ”
“เหรอ ปากเก่งจังนะมึงอ่ะ”
คำทักทายของเฮียเวย์และเฮียแม็คที่โต้ตอบกันทำให้ฉันยิ้มตาม พอเห็นสีหน้าหมั่นไส้ของเฮียแม็คที่โดนแขวะเบาๆ
เพราะ 'คิระ' ที่ว่า...คือเพื่อนสนิทของเฮียแม็คไงล่ะ ส่วนเตโชเป็นเพื่อนสนิทของเฮียเวย์ สองคนนี้แม้โดยสายเลือดจะเป็นญาติกัน แต่มันก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์แฮปปี้อย่างที่คิดหรอกนะ
“หึ...ไว้วันหลังจะนัดพวกมันมาเจอกันหน่อย”
พี่เฟรย์พูดขึ้นมา แต่มันก็เป็นแค่การพูดไปงั้นๆแหละ เพราะเราทุกคนต่างรู้ดี ว่าคนสองคนที่กำลังถูกกล่าวถึงอยู่ตอนนี้ เหมือนเส้นขนานที่ยากจะมีวันมาบรรจบกันด้วยดี
“ถ้าถึงวันนั้น มึงกับกูก็คงต้องเลือกข้าง”
เฮียเวย์พูดมาเสียงเข้มแล้วมองไปที่เฮียแม็ค เฮียแม็คเองก็พยักหน้าตอบกลับเขาเช่นกัน แต่ไม่เว้นช่วงให้ใครพูดอะไรต่อ คำพูดที่ฉันนึกรังเกียจที่จะต้องฟังมันมากๆ ก็ดังมาจากปากคนที่ฉันไม่ค่อยจะชอบหน้าทันทีเหมือนกัน
“ถ้า Nightshade กับ Dark Shadow ต้องฆ่าฟันกัน ก็ต้องข้ามศพรักษาการไปก่อน ฝากไปบอกเพื่อนซี้พวกนายด้วยแล้วกัน!”
คำพูดนั้นทำให้ทั้งเฮียแม็คและเฮียเวย์เงียบไป และที่ฉันบอกว่าเกลียด รังเกียจ... ก็เพราะท่าทางทระนงตัวในฐานะที่ตัวเองถือครองอย่าง 'รักษาการ' นั่นแหละ ที่มันน่าหมันไส้!
เพราะมันชวนให้นึกถึง...
การมาของครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง...
ที่เปลี่ยนชีวิตพวกฉันไปตลอดกาล!
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
คุณหนูใบ้ที่ถูกข่มเหงรังแกหลังจากฟื้นขึ้นมากลับกลายเป็นสาวนักธุรกิจที่ทะลุมิติมาเข้าร่าง ในเมื่อชีวิตเก่าเจ้าของร่างอาภัพนักชีวิตใหม่นี้ฉู่เสวียนหนี่ขอสาบานว่าจะทำให้ดีเอง! *********** ผลจากการโหมงานหนักทำให้ฉู่เสวียนหนี่สิ้นใจตายคาโต๊ะทำงาน เดิมที่คิดว่าความตายคือจุดจบ...แท้จริงแล้วมันคือจุดเริ่มต้น เพราะวิญาณของเธอได้ทะลุมิติเข้ามายังยุคโบราณล้าหลัง เหมือนชะตากลั่นแกล้งไม่ผิดเพี้ยน ฉู่เสวียนหนี่ดันเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของคุณหนูสามที่ชีวิตสุดแสนบัดซบ ได้รับผลข้างเคียงจากพิษแมงมุม คู่หมั้นที่เคยถูกหมายตาไว้ยื่นหนังสือถอนหมั้น หนำซ้ำยังถูกอุบายลวงญาติริษยาต้องออกจากจวนไปอาศัยกับแม่ชีที่อาราม
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
เธอถูกบังคับแต่งเข้าตระกูลเสิ่น ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเย่ชิงซีจะสามารถให้กำหนดลูกของคุณชายเสิ่น เสิ่นเซียวเหยาได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในอาการหมดสติ เดิมที่เธอคิดว่าเธอคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายไปแบบนี้ตลอดชีวิตนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีเจ้าชายนิทราของเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้! ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา "คุณเป็นใคร?" "ฉันเป็นภรรยาของคุณ..." เสิ่นเซียวเหยามีสีหน้างุนงง "ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายมาจัดการเรื่องหย่า" ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเสิ่นเข้ามาหยุดเขาไว้ เธอคงจะกลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีที่โดนทิ้งในวันที่สองหลังจากการแต่งงานไปแล้ว ต่อมาเธอตั้งครรภ์และวางแผนว่าจะออกไปจากตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เย่ชิงซียืนยัน"เสิ่นเซียวเหยา คุณรังเกียจฉันมากนักไม่ใช่เหรอ ฉันต้องการหย่า!" เขาลดท่าทีที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดลงและเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน "ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็เป็นคนของผม คิดจะหย่างั้นเหรอไม่มีทางน่ะ!"
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด