“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
วิธวินท์ เตชะอัครา (วาโย)
KING OF GJB
กำลังศึกษา : คณะอัญมณี สาขาธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ (ปี 2)
ทายาท AKR Jewelry
งานอดิเรก : ออกแบบเครื่องประดับ
บุคลิก : เจ้าชู้ ขี้เล่น กวนมากกก นิ่งบ้างกับคนไม่รู้จัก
“ลิซเรียนที่อื่นก็ได้นะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนพูดขึ้น พร้อมกับแววตาที่จ้องมาเหมือนรู้ทันว่าฉันกำลังคิดอะไร หลังจากนั่งอ่านประวัติของใครคนหนึ่งที่ฉันคุ้นเคย ผ่านหน้าเพจ Facebook ของเหล่าแฟนคลับ Nightshade แก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัยที่ลิซ่า น้องสาวฝาแฝดของฉันตั้งใจว่าจะกลับไปเรียนให้ได้หลังจบ High School จากที่นี่
‘เฮียพายุ’ กับ ‘เฮียวาโย’
2 ใน 5 สมาชิก Nightshade คือรุ่นพี่กลุ่มเดียวกันกับพวกฉัน ที่นับจากวันนั้น..วันที่พวกเขาเรียนจบและย้ายกลับไปไทย เราก็ไม่เคยได้เจอกันแบบตัวเป็นๆ มาปีนึงได้แล้ว มากสุดก็คุยกันใน Line Group บ้าง ไม่ก็ตามกด Like รูป หรือ status ใน IG, Facebook กันก็แค่นั้น
“...ไม่เป็นไร”
ฉันตอบลิซไปแล้วพับจอ Notebook ปิดลงช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาในห้อง ลากกระเป๋าเตรียมเก็บของเงียบๆ แล้วลิซก็เดินตามเข้ามา
“โรสโอเคจริงๆ ใช่มั้ย? ลิซรู้มันนานแล้ว แต่ลิซว่าโรสดู....”
“(- -) (_ _)”
แววตาที่ดูกังวลกับท่าทางขี้เกรงใจถูกส่งมาให้ฉันตามสไตล์น้องสาวขี้เป็นห่วงที่มีมาเสมอ ฉันเลยพยักหน้าตอบกลับไปและส่งยิ้มไปให้เพื่อให้ลิซคลายกังวล แม้ในใจมันจะหน่วงๆ ภาพวันนั้น เสียงนั้น จะแล่นอยู่ในหัวซ้ำๆ ทุกวันก็เถอะ
“บอกว่าไม่เป็นไรไง ไม่รีบเก็บของ ตกเครื่องอดกลับไทยไม่รู้ด้วยนะ”
ฉันแกล้งพูดให้ลิซตื่นเต้นไปงั้น เพราะรู้ว่าถ้าไม่ตัดบท ลิซมันต้องดึงดราม่าแน่ๆ ก็ยัยนี่เล่นทำหน้าตาแบบนี้ แล้วก็พูดประโยคนี้ซ้ำๆ มาเป็นร้อยรอบได้แล้วมั้งตั้งแต่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะกลับไปเรียนที่นั่นอ่ะ
“งื้อออ งั้น..เค้าไปก่อนนะ เค้าไปเก็บของก่อน เดี๋ยวไม่ทัน~”
แล้วก็เป็นไปตามที่คิดเป๊ะ พอได้ฟังลิซมันก็รีบวิ่งออกจากห้องฉันไปเลยไอ้ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยเมื่อกี๊หายเกลี้ยง เรื่องกระโตกกระตากจนบางทีไม่ค่อยจะมีสติต้องยกให้เลยจริงๆ เพราะแบบนี้นี่ไงถึงปล่อยให้ไปคนเดียวไม่ได้ แม้ว่าสุดท้ายการกลับไทยของฉันมันจะไม่เป็นผลดีกับใจตัวเองสักเท่าไหร่..
ย้อนกลับ 1 ปีก่อน…
พิธีจบการศึกษา High School
ตึก ตึก ตึก..
“โรสๆ เดี๋ยวโรส...!”
ฉันหันกลับไปตามเสียงเรียกของใครคนหนึ่งในชุดครุยพะรุงพะรังที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา พร้อมกับเรียกชื่อฉันดังลั่นจนคนบรรดาแขกในงานต่างก็หันไปมอง
“ว่าไงพี่ ใจเย็นดิเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป”
พอเห็นว่าเป็น ‘พี่ริว’ รุ่นพี่ที่รู้จักกันวิ่งเข้ามาแล้วหยุดตรงหน้าฉันแบบหอบๆ ฉันเลยเอ่ยปากแซวออกไป แล้วเขาก็หลุดยิ้มออกมาแบบขำๆ
“หึ.. ถ่ายรูปกัน เรานี่มันหาตัวยากฉิบ”
“หาเจอก็บ้าแล้วพี่ โรสเพิ่งมาเหยียบที่นี่ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ มาๆ กล้องไหนพ่อซุปตาร์?”
ฉันตอบกลับไปแล้วหันไปหาช่างภาพของพี่ริวที่วิ่งตามมาอีก 3-4 คนได้ ไม่รู้จะเล่นใหญ่อะไรเบอร์นั้น แล้วพวกเขาก็รัวชัตเตอร์แข่งกันใหญ่เลย เรียกว่ายิ้มกันจนเมื่อยปากกว่าจะยอมหยุด
แชะ! แชะ! แชะ!
“อ่ะ พี่ให้”
แล้วอยู่ๆ พี่ริวก็ยื่นกุหลาบช่อใหญ่มาให้ฉัน แถมยังคว้ามงกุฎดอกไม้ในมือช่างภาพคนหนึ่งมาใส่ให้ฉันแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่นและน้ำเสียงที่ดูตั้งใจ
“คบกันมั้ย?”
“หื้ม..” พอได้ฟังแบบนั้นฉันก็ออกอาการแปลกใจ และเลิกคิ้วสงสัยออกไปจนพี่ริวถึงกับประหม่าขึ้นมาทันที
“คือพี่..แอบชอบเรามานานแล้วว่ะ -////-”
พี่ริวพูดออกมาตามสไตล์ห้าวๆ ของเขาที่เรามักจะคุยกันแบบนี้เสมอ ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะไม่เคยมีสักครั้งที่ฉันคิดเกินเลยกับพี่ริวไปมากกว่านั้น
“พี่ริวคือโรส...”
หมับ! พรึ่บ!
“เพื่อนยืนรอมัวแต่มาอ่อยผู้ชาย!”
ฉันยังพูดไม่ทันจบ ร่างของฉันก็ปลิวไปตามแรงดึงจนตัวเซ ก่อนที่เจ้าของมือนั้นจะพูดขึ้นมาเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยแววตาไม่พอใจออกมาจนเห็นได้ชัด แล้วแค่แว๊บเดียวเท่านั้น..แววตาคู่นั้นก็ปรับกลับไปเป็นเรียบเฉยตามสีหน้าของเขา
“เบาดิเฮีย เจ็บ!” ฉันบ่นอุบอิบออกไป พอมือใหญ่ของเฮียโยกำข้อมือฉันกระชากเอาๆ แล้วเขาก็ตอบกลับมา
“ไอ้พายรอถ่ายรูป”
“เฮียก็ไปก่อนดิ อีกแป๊บเดี๋ยวโรสตามไป”
พอหันไปเห็นพี่ริวยืนทำหน้านิ่งๆ อย่างรอคำตอบ ฉันเลยบอกเฮียโยแล้วกำลังจะเดินกลับไปหาพี่ริว แต่เฮียก็มาคว้าแขนฉันไว้อีก แถมยังส่งเสียงเข้มออกมาเหมือนไม่พอใจ
“ต้องไปเดี๋ยวนี้!”
“แต่โรสยังคุยธุระไม่...”
“มีผัวละ”
ฉันกำลังจะอธิบาย แต่อยู่ๆ เฮียโยก็โพล่งขึ้นมา พร้อมกับหันไปหาพี่ริวด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่รู้ไปโกรธใครมา เล่นเอาพี่ริวอึ้งกิมกี่มองฉันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อทันที ที่จริง..อย่าว่าแต่พี่ริวเลย ฉันเองก็ตกใจในคำพูดเฮียเหมือนกัน
“ห๊ะ?!”
“ยัยนี่มีผัวแล้ว รู้เรื่องนะ!” เฮียโยพูดออกไปเสียงดังลั่นจนรอบข้างหันมอง แล้วลากฉันออกจากวงล้อมของคนที่เดินซอกแซกไปมาแบบไม่สนใจอะไร
“ไอ้เฮียบ้า พูดบ้าไรเนี่ย”
ฉันถามออกไปแบบเดาใจเฮียไม่ถูก มีผัวแล้วเนี่ยนะ? ตั้งแต่โตมายังไม่เคยเสียเวอร์จิ้นให้ใครเลยนะเว้ย! จะไปเอาผัวตัวเป็นๆ ที่ไหนมาฟะ -.-?
แล้วไอ้ท่าทางหงุดหงิดของเฮียที่ดูยังไงก็ไม่ใช่แค่รอฉันถ่ายรูปเนี่ยคืออะไร? เพราะถัดออกไปบรรดาสาวๆ ในสต็อคของเขาก็ยืนออกันอยู่ตั้งมากมายจะเลือกถ่ายกับใครไปก่อนก็ได้ไง เมาแดดป้ะวะเฮียเนี่ย?!
“...ชอบไอ้ริว?”
พอลากฉันมาได้สักพัก เฮียโยก็หยุดเดินตรงช่องใต้บันได แล้วหันมาจ้องหน้าฉัน ถามออกมาแบบไม่พอใจ
“ชอบไม่ชอบแล้วจะทำไม?”
ฉันตอบคำถามเฮียกลับไปแบบงงๆ ปกติเราก็ไม่ค่อยพูดกันดีๆ เท่าไหร่อยู่แล้ว ออกแนวจะเป็นคู่กัดกันมากกว่าด้วยซ้ำ
“ไม่เห็นจะเท่ตรงไหน”
เฮียโยมองฉันนิดหน่อยแล้วหันหนี ก่อนจะพูดลอยๆ แล้วทำหน้าไม่สนใจ พร้อมกับขยับชุดครุยให้เข้าที่เข้าทางแบบลวกๆ ฉันเลยแย้งกลับไป
“โห พี่ริวนี่ขวัญใจสาวๆ เลยเหอะ”
ฉันพูดแล้วเอื้อมมือไปช่วยจัดชุดครุยให้ แล้วก็เอามือปัดคราบเลอะๆ บนชุดออกแบบไม่ต้องเดา คราบแป้ง คราบรองพื้นขนาดนี้ แสดงความยินดีกันท่าไหนไม่รู้ดิ ถ้าขืนให้เฮียทำต่อได้เละกว่าเดิมน่ะสิ คนอะไรไม่มีระเบียบเลยสักนิด! แล้วพอได้ยินฉันพูดแบบนั้น เขาก็ส่งสายตาเซ็งๆ กับน้ำเสียงแบบเดิมกลับมา
“น่ารำคาญฉิบหาย”
“หรอ หมายถึงตัวเองรึไง?”
เฮียพูดจบฉันก็สวนกลับไป แล้วแกล้งทำเป็นเลิกคิ้วสงสัย ถามจริงไปกินไรผิดมา พาลจัด! หรืออากาศมันร้อน ชุดครุยมันแน่นไปใช่มั้ย?
ป๊อก!
“หมั่นไส้!” แล้วเฮียโยก็เอามือมาเขกหัวฉันเบาๆ ไปที แต่ก็ยังทำหน้าบึ้งอยู่แบบนั้น ฉันเลยโวยวายกลับไปบ้าง
“เฮ้ย แกล้งอยู่ได้ ไหนอ่ะเฮียพายรอถ่ายรูป?”
พอฉันหันซ้ายหันขวามองหาเฮียพาย อยู่ๆ เฮียโยก็เอามือมาคว้ามงกุฎดอกไม้บนหัวฉันไป แล้วโยนมันลงถังขยะที่อยู่โคตรไกลแบบแม่นพอดีเป๊ะ
พรึ่บ! ตึง!
“อะไรของเฮีย พี่ริวอุตส่าห์ให้มา”
ฉันขมวดคิ้วบ่นออกไปอย่างเริ่มจะเซ็งๆ กับไอ้ท่าทางพาลๆ ของคนตรงหน้าละ แต่เขากลับมองมาเฉยๆ แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร แถมยังชี้ไปที่ซุ้มขายมงกุฎดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ พร้อมกับพูดออกมา
“อยากได้ไปเลือกเอาใหม่ ซื้อให้”
“เพื่อ? มันก็ไม่เหมือนกันอยู่ดีมั้ย” ฉันตอบกลับไป แล้วมองไปที่ซุ้มนั้นนิดหน่อย ไม่ใช่มงกุฎดอกไม้ที่ไม่เหมือนกัน แต่หมายถึงความตั้งใจของคนให้ไง..ที่มันต่างกัน
“ทำไม เสียดายที่โยนของมันทิ้ง?” เฮียโยจ้องหน้าฉันแล้วถามออกมา ฉันเลยพยักหน้าตอบไปตรงๆ
“(- -) (_ _) ก็..ประมาณนั้น” แล้วเขาก็ยิ่งทำหน้าไม่พอใจออกมา
“สรุปชอบมัน?”
“ไม่ได้ชอ...”
พรึ่บบบ!
ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างฉันกับเฮีย แถมยังตั้งใจกระแทกไหล่ฉันจนเซถอยออกมานิดหน่อย แล้วจีบปากจีบคอพูดกับเฮีย เกาะแขนเขาเป็นปลิง ก่อนจะเอาหน้าอกหน้าใจถูๆ ไถๆ ไปมาอย่างน่าละอายไม่ยอมหยุด
“รุ่นพี่..อยู่นี่เอง ลิลลี่รอนานแล้วนะคะ”
ถึงน้ำเสียงจะแอ๊บแบ๊วมากมายขนาดนั้น แต่เซ้นส์ผู้หญิงด้วยกันฉันมองก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มันงูพิษชัดๆ! เฮียนี่ก็แปลก ตาบอดรึไง? หรือเน้นใหญ่อย่างเดียวก็ไม่รู้!
“เอ่อ..แหะๆ ลิลลี่ ไปรอตรงนู้นก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ตามไปนะ”
หึ.. ชัดเลย! โดนอ้อนนิดอ้อนหน่อยเสียงเฮียนี่หวานขึ้นมาเชียว แล้วผู้หญิงคนนั้นก็มุดหน้าลงไปซบเฮียจนรองพื้นติดชุดครุยเฮียเป็นเทือก เออ! เพิ่งปัดรอยเก่าออกไปเมื่อกี๊ ให้ตาย!
“งื้อออ แน่ใจนะคะว่าไม่ได้หนีมากกใครอ่ะ”
เสียงหวานออดอ้อนถูกส่งไปให้เฮีย แต่สายตาอาฆาตเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อถูกส่งมาให้ฉัน เฮียแม่งก็เอาแต่ฟินกับสัมผัสแนบแน่นนั่นอยู่ได้ เอามือลูบหัวยัยนั่นแถมทำหน้าเคลิ้มออกมาจนน่าหงุดหงิด -.-!
“แน่สิคะ ไม่เอาสิ ไม่ดื้อนะคะ รอแป๊บเดียวนะ”
พอเฮียเจรจา ผู้หญิงคนนั้นก็พยักหน้าออกมาอย่างจำยอมแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ก่อนจะออกแรงดันตัวเฮียให้ถอยหลังชนผนังแล้วพุ่งตามเข้าไปอย่างรีบร้อน
พลั่กกก! พรึ่บ!
“ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นขอลิลลี่ Kiss ทีสิคะ นะๆ”
“เดี๋ยวลิลลี่ พี่ว่า...อืมมม”
พูดจบผู้หญิงคนนั้นก็โน้มคอเฮียโยลงมาจูบทันทีโดยไม่รอฟังว่าเฮียจะพูดอะไร จนฉันที่ยืนมองเหตุการณ์นี้ถึงกับหันหน้าหนี คือมันก็เคยมีให้เห็นบ้างตามงานปาร์ตี้ และทุกทีฉันจะเป็นฝ่ายเลี่ยงออกไป แต่แบบที่ชัดตำตา แถมมายืนขวางทางไม่ให้ฉันออกได้แบบนี้ มันไม่มากเกินไปหรอสำหรับฉันที่ชอ....
“อื้อ..รุ่นพี่~”
หึ! ถ้าแค่ผู้หญิงคนนั้นจูบเขาฝ่ายเดียว ฉันก็คงไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่เหมือนตอนนี้เฮียโยเองก็เคลิ้มตามไป จูบตอบจนยัยนั่นถึงกับหลุดครางออกมา แถมยังรุกเข้าไปแบบรวดเร็วและร้อนแรงขึ้นจนฉันที่ยืนดูมันถึงกับ....
พรึ่บบบ! พลั่กกก!
ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีฉันก็ออกแรงกระชากสองคนนี้ออกจากกันจนกระเด็นไปคนละทิศละทางแล้ว ก่อนจะตะคอกออกไปเสียงดังลั่นจนเราทุกคนต่างก็เงียบไปตามๆ กัน
“ให้เกียรติครุยที่ใส่หน่อยดีป้ะ?! ไม่งั้นก็ถอดแล้วเอากันใต้บันไดไปเลยไป!!!”
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
เพื่อช่วยชีวิตแฟนสาวของเขา มือขวาของหลินเทียนจึงพิการ แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้มาคือการทรยศของแฟนสาวและเพื่อนสนิทของเขา ขณะที่หลินเทียนกำลังรู้สึกสิ้นหวัง เขาก็ได้พบกับคนคนหนึ่งซึ่งทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คนนั้นมีชื่อว่าหลิวอีเตา เป็นหมอในตำนาน หลินเทียนไม่เพียงแต่ได้กลายเป็นศิษย์ของแพทย์ผู้ไร้เทียมทานผู้นี้ แต่ยังได้รับมรดกอันมหาศาลจากดร.หลิวอีกด้วย จากนั้นเป็นต้นมา หลินเทียนโต้กลับทุกทาง กำจัดอุปสรรคต่าง ๆ จะกระทั่งไปถึงจุดสุดยอดของชีวิต
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หยุนม่านชิง บุตรสาวของฮูหยินเอกจากจวนโหวหวยอัน ซึ่งถูกสลับตัวตอนอายุยังน้อย และเติบโตในชนบท เมื่อนางได้กลับมาที่จวนท่านโหวหวยอัน นางคาดหวังความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว แต่ไม่คาดคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตาจวนโหวถูกยึดครองโดยหยุนโหรวเจียที่เป็นลูกสาวปลอม ในการวางแผนของลูกสาวปลอมและคู่หมั้นของนาง หยุนม่านชิงต้องแต่งงานในฐานะอนุภรรยา ต้องทำตัวนอบน้อมและก้มหัวให้ทุกคนเพื่อเอาใจคนในบ้าน นางคิดว่าจะได้ความรักและความสามัคคีในครอบครัว แต่กลับต้องถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องจนถึงแก่ชีวิตเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับมาสู่วันที่เปลี่ยนโชคชะตาของนาง หยุนม่านชิงไม่ยอมอดทนอีกต่อไป นางค่อยๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวปลอม ไม่ได้ต้องการความรักที่เป็นเพียงภาพลวงอีก และได้เรียกคืนทุกสิ่งที่เป็นของนางทีละนิดเมื่อนางตัดสินใจที่จะตัดขาดจากจวนท่านโหวอย่างสิ้นเชิง คนทั้งจวนกลับคุกเข่าขอร้องไม่ให้นางจากไป!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY