เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
@ Treatise Univ.
(ภาคฤดูร้อนก่อนเปิดเทอม)
ตึงงงง!
“ไอ้ห่าเชนแม่งคึกเหี้ยไรชวนพวกกูลงซัมเมอร์วะ เสียเวลาปิดจ๊อบฉิบหาย!”
กระเป๋าเป้ใบใหญ่ถูกโยนลงตรงหน้าฉันพร้อมกับเสียงบ่นอุบอิบของไอ้ดิว ส่วนไอ้หมิวกับไอ้พอร์ชก็ลากสังขารเดินตามมาด้วยท่าทางไร้วิญญาณ
“ชวนห่าไร แม่งเผด็จการ!”
“หึ...”
ฉันหลุดขำในลำคอพอได้ยินคำพูดประชดประชัน ก็จริงของพอร์ชมัน..จะเรียกว่าชวนก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะเชนมันเล่นมัดมือชกทุกคนด้วยการลงทะเบียนเรียนซัมเมอร์พร้อมจ่ายค่าเทอมให้พวกเราเสร็จสรรพ
ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่พวกมันนอยด์กันอยู่ตอนนี้ ก็เพราะเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองมีชื่อลงเรียนซัมเมอร์เมื่อไม่กี่วันก่อน ไอ้หมิวที่กำลังแพ็คกระเป๋าจะไปชะอำ กับไอ้ดิวที่มีนัดกับสาวๆ ก็ต้อง Cancel กลางคัน หนักกว่านั้นคือไอ้พอร์ชที่ต้องหาไฟล์ทด่วนบินกลับจากฮ่องกงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาด้วยซ้ำ จนสภาพมันตอนนี้ แค่ทิ้งตัวลงนั่งก็สลบเป็นตายอยู่ข้างฉันไปแล้วเรียบร้อย
“ขำไรไอ้เฟรย์ มึงรู้เห็นกับมันใช่มั้ยฮะ เก็บเงียบเลยนะไม่บอกกูสักคำเนี่ย!” หมิวมันหันมาชี้หน้าฉันแล้วทำหน้าตาเอือมระอาพร้อมจับผิด ก็นะ...
“แค่เดินผ่านไปถ่ายรูปแถวนั้น โทษมัน อย่าลามมา”
พูดจบฉันก็ชี้เป้าไปที่ตัวปัญหาที่เพิ่งจะเดินเข้ามา แต่เชนมันกลับทิ้งตัวลงนั่งทำหูทวนลมไม่สนใจจนไอ้ดิวถึงกับกุมขมับโอดโอยออกมายกใหญ่
“มึงเดินผ่านไปถ่ายรูปแถวห้องลงทะเบียนแล้วลากยาวไปถึงห้องการเงินเลยเนี่ยนะ ทีหลังช่วยห้ามมันได้มั้ยว้าาา น้องพิ้งค์กูจีบโคตรนาน เปย์ไปก็ไม่ใช่น้อย เสียระบบหมดล๊าววววว อ๊ากกก T^T”
“พอ! งอแงเหี้ยไร ตั้งใจเรียนไป โตขึ้นจะได้ไม่ลำบาก”
ถึงจะพูดติดตลกออกมาขำๆ แต่แววตาเชนมันก็ดูเหมือนกำลังหนักใจกับอะไรบางอย่างจนเห็นได้ชัด
“สัส! บ่นเป็นพ่อพวกกูเลยนะ ไปเลยมึงสองตัวอ่ะ ซื้อกาแฟมาโด๊ปหน่อยดิ๊”
พอร์ชส่งเสียงอู้อี้ออกมาทั้งที่ยังหลับตาด้วยท่าทางล้าขั้นสุด ดูจากสภาพคงต้องสงเคราะห์มันหน่อยล่ะนะ น่าสงสารซะไม่มี
“อืม ขึ้นก่อนเลยถ้างั้น”
พรึ่บ!
ฉันตกปากรับคำแล้วคว้ากระเป๋าลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ เชนมันก็ลุกเดินตามมาเงียบๆ ผิดวิสัยที่น่าจะร่าเริงพอได้แกล้งไอ้สามคนนั้นแบบนี้
“ไม่ถามนะ”
พอเดินมาได้สักพักฉันก็พูดลอยๆออกไป เพราะรู้ว่าเราต่างเข้าใจในความหมายนั้นดี ปกติฉันไม่ใช่คนที่ชอบจุ้นจ้านเรื่องของใครเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเชนที่สนิทกว่าเพื่อนคนไหนยิ่งไม่ต้องขยายความอะไรให้ยืดยาว
“ก็ไม่ได้อยากให้รู้ป่ะวะ”
มันตอบกลับมาแล้วนิ่งไป ก่อนจะทิ้งตัวนั่งรอที่โต๊ะ out door หน้าร้านกาแฟด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย อืม หนักอยู่..แต่คงไม่ถึงตาย ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็คงเล่าเองนั่นแหละ
กริ๊ง กริ๊ง~
กรี๊ดดดดดดดดดด
‘รุ่นพี่คะ ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ’
‘ได้สิครับ อัพแล้วแท็กมานะ’
แชะ!
‘กล้องนี้ด้วยค่ะรุ่นพี่’
‘จ้ะ ได้จ้ะ มาพี่กดให้น้า’
แชะ!
‘อร๊ายยยย เค้าจับโทรศัพท์กูอ่ะมึงงง’
‘กรี๊ดดดด รุ่นพี่คะ จับเครื่องนี้ด้วยค่ะ’
‘ครับ ได้สิ’
‘กรี๊ดดดดด ขอบคุณนะคะ’
‘ชู่ววว ไม่ต้องกรี๊ดพี่ไม่ได้จี๊ดขนาดนั้น’
เฮ่อออออ!
ทันทีที่ผลักประตูเข้ามาในร้าน ก็เหมือนฉันก้าวข้ามพรมแดนความสงบสู่ความวุ่นวาย เสียงกรี๊ดและเสียงโหวกเหวกดังก้องไปทั่วจนร้านที่เคยเงียบสงบกลายเป็นหนวกหูจนน่าหงุดหงิด
แต่ถามว่าแปลกใจมั้ยก็ไม่ ถ้าให้เดาว่าคนที่มีอิทธิพลต่อเสียงหวีดจนแสบแก้วหูพวกนี้เป็นใคร คำตอบง่ายๆ ก็ Nightshade ไง แต่ถ้าให้เจาะจงว่าคนกลางวงล้อมนั่นคือใคร... จำเป็นต้องใส่ใจมั้ย? มาซื้อกาแฟรึเปล่า
พรึ่บบบ!
ฉันเดินฝ่าวงล้อมความวุ่นวายนั้นเข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์แบบเซ็งๆ ท่ามกลางสีหน้าไม่พอใจของเหล่าแฟนคลับ Nightshade ที่เสี้ยวนาทีพอฉันเดินปาดหน้าก็ส่งสายตาจิกกัดกันกะเอาตาย -.-
กลับมาที่คำถามเดิมต้องสนมั้ย? ก็ไม่อยู่ดีไง เพราะถ้าให้เดินอ้อมวงล้อมแปดร้อยเอเคอร์มาที่หน้าเคาน์เตอร์คงเหนื่อยตาย ถามจริง..เรียนโรงเรียนหญิงล้วน หรือย้ายมาจากดาวไหน ไม่เคยเจอผู้ชายกันรึไง
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ ^_^”
“เอา..เอสเพรสโซ่โทนิค เมลโล่มอคค่า โคล่าเพรสโซ่ ฮันนี่บอมบ์ แล้วก็...”
“...แฟร์รี่เบอร์รี่”
ขวับ!
“ฮู่ววว อย่าได้ทักเชียว”
ฉันถอนหายใจแล้วพูดขัดออกไปพอเห็นว่าคนที่พูดแทรกขึ้นมาเป็นใคร จริงๆ หมอนี่นี่แหละเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ฉันไม่ตื่นเต้นกับการเจอ Nightshade ตัวเป็นๆ เท่าไหร่ แถมยังเป็นคนแนะนำแฟร์รี่เบอร์รี่ให้ จนฉันติดงอมแงมจนถึงทุกวันนี้ไง
“ไอ้เชนไปไหน?”
“บอกว่าไม่คุยเว้ย”
ฉันสวนกลับไปแล้วเมินใส่ ไม่ใช่เพราะกลัวโดนแฟนคลับ Nightshade มาถล่มหรืออะไร แค่..ไม่รู้ต้องใช้คำไหน รำคาญที่รู้จักคนดังได้มั้ย? รู้สึกชีวิตมันจะวุ่นวายถ้าออกตัวว่าเคยซี้จนตบหัวกันได้
“หึ...แน่ใจ?”
แล้วร่างสูงที่ยืนข้างกันก็หลุดขำในลำคอเหมือนสะใจ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากและเลิกคิ้วออกมายกใหญ่
“ไสหัวไปเลยไป”
ฉันกัดฟันพูดแล้วกลอกตาใส่ คิดว่าหมอนี่สำนึกมั้ยให้ทาย? ถึงจะยอมเดินห่างออกไป แต่ท่าทางที่ดูสะใจไม่น้อยมันบอกชัดว่าไอ้บ้านั่นกวนประสาทขนาดไหน แล้วไอ้แจ๊คเก็ตสีดำนั่น จะใส่ทุกวันไม่ซักเลยรึไง -_-?
กรี๊ดดดดด
‘รุ่นพี่คะ รุ่นพี่ยิ้มหน่อยน้าาา มองกล้องนี้หน่อยค่า~’
‘อร๊ายยย วันนี้รุ่นพี่เข้า Ztudio มั้ยคะ ออกมาข้างนอกบ้างสิคะ >_<”
‘เสาร์นี้รุ่นพี่ว่างมั้ยค้าาา~’
เออ เอาเข้าไป..ทั้งไอ้บ้านั่น ทั้งความเบียดเสียดหน้าเคาน์เตอร์ที่น่าอึดอัดจะตาย วันนี้มันจะมีใครทำอะไรถูกใจฉันบ้างมั้ยเนี่ย =_=?
ฉันยืนอุดอู้อยู่ข้างเคาน์เตอร์อย่างข่มใจ ไม่ใช่ไม่มีที่นั่งแต่มันไม่รู้จะนั่งยังไง เพราะไอ้วงล้อมตรงหน้านี่มันทั้งใหญ่และวุ่นวายจนโต๊ะกับเก้าอี้กระจัดกระจายมั่วไปหมด
“เอสเพรสโซ่โทนิค เมลโล่มอคค่า โคล่าเพรสโซ่ ฮันนี่บอมบ์ แฟร์รี่เบอร์รี่ได้แล้วค่าาา~”
“ช็อกโกแลตซิกเนเจอร์ได้แล้วค่าาา~”
เสียงตะโกนของพนักงานสองคนที่ดังแข่งกับเสียงกรี๊ดในร้านทำให้ฉันละสายตาจากความชุลมุนของใครต่อใครที่กำลังรุมคนกลางวงล้อมนั่นจนน่าจะขาดอากาศตายหันกลับมารับแก้วกาแฟที่สั่งไว้จนเต็มมือ
แต่แค่หมุนตัวก้าวขาออกจากเคาน์เตอร์มาได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีแรงปะทะมหาศาลจากคนที่พยายามจะแทรกตัวเข้าไปในวงล้อมนั้นแล้วโดนผลักจนเซถอยออกมากระแทกกับฉัน ลำพังแก้วกาแฟในมือฉันน่ะไม่เป็นไร แต่แก้วช็อกโกแลตของลูกค้าอีกคนที่โดนกระแทกเหมือนกันดันเสียหลักพุ่งเข้ามาคว่ำใส่จนฉันเปียกโชกในพริบตา
พลั่กกก! ซ่าาาา!
“จิ๊!”
แล้วความอดทนของฉันก็หมดลงทันที เพราะเกลียดที่สุดคือความสกปรกเลอะเทอะแบบนี้ และหนวกหูจนกำมือแน่นเลยล่ะตอนนี้ไอ้ภาพความวุ่นวายและอะไรที่มันขัดตาเพราะคนทำสำนึกไม่ได้เนี่ย
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
“โอ๊ย / ว๊าย / อร๊าย”
ฉันวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินฝ่าวงล้อมที่น่าอึดอัดเข้าไปจนถึงกลางวงจนเจอแผ่นหลังของร่างสูงในยูนิฟอร์มมหาลัย ก่อนจะคว้าแขนหมอนั่นอย่างแรงให้หมุนตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากัน แล้วเอื้อมมือไปกระชากเนคไทดึงคอเสื้อหมอนั่นลงมาพร้อมกับตะคอกออกไป
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ไปหว่านเสน่ห์ที่อื่นไม่ได้รึไง?!!”
“......”
แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมร้านทั้งร้านทันที เช่นเดียวกับที่คนหันมาก็ดูจะทำหน้างงๆ และดูอึ้งไป
“ขะ..ขอโทษครับ”
สายตาของคนตัวสูงก็ก้มลงสำรวจเสื้อสูทที่เปียกโชกของฉัน ก่อนจะมองย้อนไปข้างหลังจนน่าจะพอประเมินสถานการณ์ได้
“เจ็บตรงไหนมั้ย เอาของผมไปใส่ก่อนก็ได้”
หมับ! พรึ่บบบ!
“อุ่ย...”
ฉันปัดออกทันทีที่มือหนาถูกเลื่อนมาโดนตัว ก่อนที่หมอนั่นจะชะงักไปแล้วยกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้แต่ก็แอบอมยิ้มทำตาปริบๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
จิ๊!
“อ้อ...”
ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาทะเล้นนั่นแล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอออกไป แล้วร่างสูงก็เหมือนจะนึกได้ รีบกุลีกุจอถอดเสื้อสูทของตัวเองออกและยื่นมันมาให้ ฉันเลยสะบัดเนคไทหมอนี่ที่อยู่ในมือออกไป พร้อมถอดสูทที่โคตรจะเลอะของตัวเองปาใส่หมอนี่เต็มแรง
พรึ่บบบ!
“ไปซักมาคืนด้วย!”
“คะ..ครับ รับทราบครับ ^^”
พรึ่บบบ!
พูดจบฉันก็คว้าสูทตัวใหญ่ที่ถูกเสนอให้มาคลุมร่างตัวเองไว้ เพราะช็อกโกแลตมันซึมเข้ามาข้างในจนเกือบจะเห็นชั้นในอยู่ละ ก่อนจะหมุนตัวเดินฝ่าสีหน้าที่อึ้งทึ่งกันยกใหญ่ของคนรอบข้าง แต่ก็ถูกคว้าแขนไว้ด้วยมือใหญ่ที่แค่ออกแรงกระชากเบาๆ ก็รั้งตัวฉันไว้โดยไม่ต้องพยายามอะไร
หมับ! พรึ่บ!
ฉันสะบัดมือหนานั่นออกอีกครั้ง ไอ้หมอนั่นก็ทำตาปริบๆ แล้วส่งยิ้มกว้างหว่านเสน่ห์มาให้
“เอ่อ..ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ^^”
ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนหน้าหมอนั่น กับน้ำเสียงที่ดูร่าเริงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนแบบนั้นฉันยิ่งหัวร้อนตัวสั่น ไอ้ท่าทางทีเล่นทีจริงที่ทำอยู่ คือหมอนี่สำนึกผิดสุดในชีวิตแล้วรึไง!
พรึ่บบบบ!!!
‘เฮ้ยยย O[]O’
ฉันกระชากเนคไทหมอนี่ แล้วดึงคอเสื้อลงมาอย่างแรงอีกครั้ง จนเหล่าแฟนคลับตาโตเดือดร้อนกันพัลวัน ก่อนจะกัดฟันพูดออกไปสั้นๆ
“น่ารำคาญ!!!”
พลั่กกกก!
พูดจบฉันก็ผลักร่างสูงเทอะทะนั่นออก แล้วเดินมาคว้าแก้วกาแฟเปิดประตูร้านออกมาอย่างไม่พอใจ
“ผอมลงรึไง เสื้อตัวใหญ่ขึ้นเยอะ”
เชนมันเข้ามารับแก้วกาแฟในมือฉันไป แล้วเอ่ยปากพูดบางอย่างที่ไม่เข้าหูชวนให้อารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมขึ้นมาใหม่
“อยากใส่ตาย” ฉันตอบกลับไปแล้วมองสภาพตัวเองที่โคตรเละจนอยากกลับไปอาบน้ำใหม่ -.-
“คาบเดียวเอง ทนไป”
พูดจบเชนมันส่งสายตาเป็นเชิงให้ติดกระดุมเสื้อสูทปิดส่วนที่เปียกโชกไว้
“พูดง่าย ไม่ลองโดนเองดูบ้าง”
ฉันบ่นๆ ออกไป แล้วเอื้อมมือมาติดกระดุมพร้อมกับจ้องหน้าเชนอย่างรู้อยู่แล้วว่ามันจะพูดอะไร แล้วก็ใช่อย่างที่คิดจนได้
“หมดฤดูจำศีลแล้วรึไง ถึงออกมาอาละวาดได้ ฮ่ะๆ”
แล้วเชนมันก็เดินขำนำไป ส่วนฉันก็ปรายตามองคนในร้านที่ก็กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้าซ้ำๆ อยู่ได้
เหอะ! ไม่ได้อยากรู้จักแต่ก็ดันจำได้
ประธานชมรมวารสาร...
ทายาทเจ้าของมหาลัย...
เลโอ Nightshade!
————————————————
รฐนนท์ ธีระธาดา (เลโอ)
Journal Club’s PRESIDENT
KING OF IE
กำลังศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ (ปี 2)
ทายาทเจ้าของมหาลัย Treatise Univ.
บุคลิก : เฟรนด์ลี่ น่ารัก คึกคัก รักทุกคน
โหมดธรรมดาใจดีขี้อ้อน connection เหลือล้น
โหมดทำงานจริงจังจนเปลี่ยนเป็นคนละคน (สมาชิกชมรมรู้ดี -_-)
งานอดิเรก : ไม่มี
ของสะสม : ไม่มี
สเปคสาวในฝัน : ไม่มี เอ้ย จริงๆ ก็มี แต่ไม่บอกหรอก
ปล.ไม่ต้องกรี๊ดพี่มาทุกวันนนน รวั๊กนะะะ
————————————————
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
บทนำ หมอพุฒตาล ศัลยแพทย์ทั่วไป เรียนจบด้วยเกรดนิยมอันดับหนึ่ง เธอกลายเป็นหมอผ่าตัดมือหนึ่งของโรงพยาบาล ด้วยชีวิตที่คิดอุทิศให้กับวงการแพทย์ ทำให้หมอพุฒตาลไม่เคยข้องแวะกับชายใด แม้จะมีหนุ่มเข้ามาจีบไม่เว้นวัน เมื่อบิดาของเธอเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ เพราะการผ่าตัดที่ล่าช้า เนื่องมาจากช่วงเวลานั้น ขาดหมอเฉพาะทาง เหตุผลนี้จึงเป็นแรงผลักดัน ทำให้เธอตั้งใจเรียนศัลยแพทย์ จนฝีมือด้านการผ่าตัดการวินิจฉัยโรคของหมอพุฒตาล เป็นที่ยอมรับของเพื่อนหมอ และคนไข้ที่มารับการรักษา เมื่อเธอทำงานได้สองปีสิ่งที่ไม่คาดฝันกับชีวิตก็เกิดขึ้น เมื่อมารดาเข้ามาหาเธอถึงห้องพักแพทย์ในโรงพยาบาล สิ่งที่มารดาต้องการคือการให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อน เมื่อนางกู้ยืมเงินเขามาส่งเสียให้เธอเรียน ใครเล่าจะรู้ว่าหมอมือหนึ่งอย่างเธอ จะต้องมาแต่งงานใช้หนี้ผู้ชายที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เงินสิบล้านกับดอกเบี้ยอีกเท่าตัวทางเลือกของหมอพุฒตาล คือการแต่งงานกับชายแปลกหน้าเพียงเท่านั้น เตชิน หนุ่มไฮโซรูปหล่อ เห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องบำเรอ เขามองความรักเป็นแค่เรื่องล้อเล่น เที่ยวเตร่ไปวันๆ ส่วนธุรกิจของครอบครัวเขาทิ้งให้เตชิต พี่ชายเพียงคนเดียวรับผิดชอบ ความอดทนของผู้เป็นมารดาได้สิ้นสุดลง เมื่อเตชินเที่ยวเตร่ไม่เอาการเอางาน นางจึงยื่นคำขาดด้วยการให้เขาแต่งงานกับหมอพุฒตาล เตชินฟังแค่ชื่อของเธอ เขาถึงกับขำออกมา ชายหนุ่มไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงเฉิ่ม ๆ แบบนั้นเป็นอันขาด ที่สำคัญเขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่เมื่อมารดายื่นคำขาดคือการริบทรัพย์ ทั้งบัตรเครดิตและรถสปอร์ตคันหรู เมื่อไม่มีทางเลือก ชายหนุ่มจำใจยอมตกลงแต่งงาน ซึ่งแน่นอนผู้หญิงคนนั้นต้องทนเขาไม่ได้ และเธอต้องขอหย่าภายในสามเดือน เขาจะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เธอดู เธอจะได้รู้ว่าไม่ควรวิ่งเข้ามาในกองเพลิง ที่เขาก่อเอาไว้ เพราะมันพร้อมที่จะเผาเธอให้มอดไหม้ไปในพริบตา!! ************************* ฝากภาค 2 รุ่นลูก ด้วยนะคะ บำเรอรักคุณหมอจ้า*************
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
หยุนม่านชิง บุตรสาวของฮูหยินเอกจากจวนโหวหวยอัน ซึ่งถูกสลับตัวตอนอายุยังน้อย และเติบโตในชนบท เมื่อนางได้กลับมาที่จวนท่านโหวหวยอัน นางคาดหวังความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว แต่ไม่คาดคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตาจวนโหวถูกยึดครองโดยหยุนโหรวเจียที่เป็นลูกสาวปลอม ในการวางแผนของลูกสาวปลอมและคู่หมั้นของนาง หยุนม่านชิงต้องแต่งงานในฐานะอนุภรรยา ต้องทำตัวนอบน้อมและก้มหัวให้ทุกคนเพื่อเอาใจคนในบ้าน นางคิดว่าจะได้ความรักและความสามัคคีในครอบครัว แต่กลับต้องถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องจนถึงแก่ชีวิตเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับมาสู่วันที่เปลี่ยนโชคชะตาของนาง หยุนม่านชิงไม่ยอมอดทนอีกต่อไป นางค่อยๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวปลอม ไม่ได้ต้องการความรักที่เป็นเพียงภาพลวงอีก และได้เรียกคืนทุกสิ่งที่เป็นของนางทีละนิดเมื่อนางตัดสินใจที่จะตัดขาดจากจวนท่านโหวอย่างสิ้นเชิง คนทั้งจวนกลับคุกเข่าขอร้องไม่ให้นางจากไป!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด