“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
‘รอฉันนะ..นิลลา’
เคร้งงง~
อีกแล้วสินะ.. ครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เสียงของใครบางคนดังขึ้นในหัวฉันซ้ำๆ และตามมาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ น้ำเสียง..ที่แสนจะคุ้นเคย ความรู้สึกบางอย่าง..ที่ดูเลือนรางแต่ก็ชัดเจนจนอธิบายไม่ถูก
“นิล..นิลลา เป็นไรรึเปล่าลูก?”
ฉันสลัดความคิดในหัวออกทันทีที่ถูกแม่เขย่าแขนเรียกสติ พอหันไปเห็นคิ้วสวยที่เริ่มขมวดเข้าหากันของแม่ และช้อนที่กระจัดกระจายอยู่ในจานข้าวก็ทำให้ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาว่าคงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเหม่อลอยไปอีกแล้ว
“ปะ..เปล่าค่ะแม่ นิลสายแล้วขอตัวก่อนนะคะ”
เพราะรู้ว่าถ้าบอกไปน่าจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ฉันเลยแกล้งทำท่าดูนาฬิกาแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเฉยๆ แต่แม่ก็ยังมองมาด้วยสีหน้าแอบเป็นกังวลอยู่ดี
“เดี๋ยวสินิล วันนี้ลูกดู…”
“นิลรักแม่นะคะ”
ฟรืดดด~
ฉันตัดบทด้วยการลุกจากโต๊ะกินข้าวไปหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ แล้วรีบคว้ากระเป๋าเดินออกจากคอนโดทันที ขืนอยู่ต่อก็คงไม่วายทำให้แม่คิดมากอีกเพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในวันที่ออกจากโรงเรียนประจำตอนเรียนจบ ม.ต้น ชีวิตของฉันมันค่อนข้างสับสนจากเดิมไปหมด บางทีรู้สึกเหมือนติดค้างอะไรกับใครเอาไว้แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ฉันเองก็ไม่รู้ต้องทำยังไงเหมือนกัน แล้วถ้าแม่รู้ว่าผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมันยังไม่หายสนิทคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ พนันได้เลย
ใช่.. ฉันเคยเกิดอุบัติเหตุ
รถตู้ของที่บ้านที่ไปรับฉันกลับจากโรงเรียนประจำเมื่อ 4 ปีก่อน ถูกชนเข้าอย่างแรงด้วยรถทัวร์คันใหญ่ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นคือหัวของฉันกระแทกเข้ากับตัวรถจนสติดับวูบไปในทันที พอฟื้นขึ้นมาอีกทีฉันก็พบว่าตัวเองหลับไปนานอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ
ช่วงที่ฉันฟื้นบอกตามตรงว่าความทรงจำในโรงเรียนประจำของฉันมันเลือนรางมากจริงๆ จำได้ว่าเคยไปอยู่แต่ก็จำใครไม่ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่พ่อกับแม่ขอความร่วมมือคุณครูที่ดูแลฉัน ให้ลองทดสอบความจำด้วยการชวนเพื่อนๆ แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ฉันก็ค่อยๆ จำทุกคนได้ตามลำดับแม้จะยังไม่สนิทใจเท่าไหร่ก็ตาม มันเหมือนรู้ว่าคนนี้เคยเป็นเพื่อน แต่รายละเอียดเชิงลึกไม่ชัดเจน ไม่รู้จะมีใครเข้าใจฉันไหม เหอะๆ =_=^
และหลังจากที่การทดสอบความจำนั่นจบลง หมอก็ได้ข้อสรุปว่าฉันปกติดี แต่แปลก..ที่ฉันก็กลับรู้สึกว่ามีเสียงนิรนามดังขึ้นในหัวอยู่เรื่อยๆ มันไม่ใช่ทุกวัน แต่ก็มีมาบ่อยครั้งตลอดช่วงเรียน ม.ปลาย โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเสียงของใคร และนั่นมันชวนให้คิดได้ว่ามีบางอย่างที่อาจจะเลือนหายไปจากความทรงจำของฉัน ทั้งที่คิดว่าจำมันได้ทั้งหมดแล้วแท้ๆ
พอขับรถออกจากคอนโดมาได้ไม่นานฉันก็มาถึงมหาลัย ไม่รู้ทำไมถึงหยุดคิดเรื่องเสียงนั่นไม่ได้เลย ฉันเลยสะบัดหัวไปมาซ้ำๆ อยู่ในรถจนมึนไปหมด.. ตั้งสติหน่อยนิลลา! นี่เพิ่งเปิดเทอมวันแรกเองนะ ฟุ้งซ่านแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกันเล่า!
“นิลลาเพื่อนรักกกกกก~”
ทันทีที่ฉันก้าวขาลงจากรถ น้ำเสียงที่คุ้นเคยของเจด้าก็ดังขึ้นจนแสบแก้วหู แหงล่ะ..ก็ไอ้ด้ามันเล่นแหกปากลั่นจนคนแถวนี้หันมองเป็นตาเดียว
“คือถ้ามึงจะตะโกนขนาดนี้อ่ะนะ!”
ผลัวะ!
“ฮ่ะๆๆ เดี๋ยวดิ ยังใส่อยู่อีกหรอไอ้นี่อ่ะ”
ฉันหยิบกระเป๋าฟาดใส่มันเบาๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะขำออกมา แล้วไอ้ด้ามันก็ชี้มาที่สร้อยคอของฉันพร้อมกับถามออกมาอย่างสงสัย สร้อยที่ดีไซน์ธรรมดาๆ แต่โดดเด่นด้วยจี้เล็กๆ สีฟ้า รูปทรงค่อนข้างแปลก เงาวิบวับเหมือนเพชร แต่จิ๋วๆ แบบนี้ดูคล้ายเศษอัญมณีมากกว่าล่ะมั้ง
“ไม่รู้ดิ ก็ใส่แบบนี้ทุกวันไม่เคยถอด”
ฉันตอบกลับแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็มันเป็นแบบนี้จริงๆ นี่นา เวลาเห็นตัวเองในกระจกทีไรก็มีสร้อยเส้นนี้อยู่ด้วยทุกที
“หรือว่าจริงๆ แล้วมึงเป็นทายาทธุรกิจเพชรพลอยเหมือนในซีรี่ย์ที่กูดู เผยตัวตนออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
อืมนะ.. เรื่องแอคติ้งเล่นใหญ่ตะกายดาวไว้ใจยัยนี่ได้เลย เจด้าชี้นิ้วมาที่ฉันแล้วส่งสายตาจับผิดแบบทีเล่นทีจริงออกมา ฉันเลยบ่นๆ กลับไป แต่ก็แอบขำในท่าทางของมันอยู่เหมือนกัน
“เลอะเทอะมึงอ่ะ ไม่เชื่อไปถามแม่ดิ อยู่ที่คอนโดนู่นอ่ะ”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ แต่จะว่าไป..ฉันได้สร้อยเส้นนี้มายังไงก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันแฮะ -_-?
“อ้าว แม่มาเยี่ยมหรอ จะมาชวนไปงานประมูลเพชรรึเปล่าน้ารอบนี้~”
ป๊อก!
“งื้อออ >_< อย่าบอกนะว่าตัดชุดราตรีคอยแล้วอ่ะ!”
“เลิกเพ้อ! ไปเรียนได้แล้วไอ้บ้า”
ไอ้ด้ายังคงแซวฉันอยู่แบบนั้นไม่หยุด ฉันเลยเขกหัวมันเบาๆ ไปทีหนึ่งแล้วเดินหนี เรื่องติงต๊องขอให้บอกเถอะ ถึงบางเวลาบุคลิกมันจะดูนิ่งๆ ดุๆ แต่เบื้องหลังก็อย่างที่เห็นอ่ะนะ โคตรจะบ๊อง ฮ่ะๆ
อ้อ..ลืมบอกไปว่าเจด้ากับฉันสนิทกันตั้งแต่ช่วงเรียน ม.ปลาย เอาจริงๆ ทั้งชีวิต เพื่อนสนิทที่เหลืออยู่ก็มีแค่ยัยนี่คนเดียวแหละมั้ง ถึงจะรู้จักกันแค่ 3 ปีแต่เหมือนอยู่ด้วยกันมา 10 ปี รู้ไส้รู้พุงกันหมด เขาว่ากันว่าช่วงเรียน ม.ปลายเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดแล้วก็คงจะจริง
ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็อย่างที่บอกว่าฉันเคยอยู่โรงเรียนประจำ ฉันใช้เวลาช่วงวัยเด็กตั้งแต่ประถมจนถึง ม.ต้น อยู่ที่นั่นก็จริง แต่ตอนนี้ความทรงจำมันก็เลือนรางมากพอๆ กับจำนวนเพื่อนที่ค่อยๆ แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง แต่มีไอ้ด้าคนเดียวก็เหมือนมีเพื่อนสิบคนอ่ะ ถึงจะพูดมากไปหน่อยก็เถอะนะ แต่โคตรสบายใจเวลาอยู่ด้วย หรือเพราะฉันเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วด้วยก็ไม่รู้สิ
“เออมึง กดไลค์เพจสุดฮอต กับ IG ร้อนฉ่าของเด็ก ม. เรายัง? ไหนเอามือถือมาดูดิ๊”
นั่นไงไม่ทันขาดคำ.. แล้วฉันก็ปลดล็อคมือถือตัวเองส่งให้เจด้าอย่างว่าง่าย ยัยนี่มีความสามารถพิเศษจริงๆ นะ ตาจ้องมือถือกดนั่นกดนี่ไปเรื่อย แต่เดินไม่สะดุดบันไดหัวทิ่มเลยสักขั้น แถมตั้งแต่มันได้มือถือฉันไป หน้าฉันมันยังแทบไม่เงยขึ้นมามองเลยด้วยซ้ำ ส่วนปากก็พูดอะไรงุ้งงิ้งคนเดียวไม่หยุด
“อันนี้เพจหลัก ม. นี่เพจคนหล่อบอกต่อยาวๆ แล้วก็นี่เพจสาว HOT ขวัญใจหนุ่มหล่อพ่อรวย แล้วก็...”
“มึง จองที่ให้หน่อยนะ กูไปห้องน้ำแป๊บ”
ฉันหันไปบอกไอ้ด้าก่อนจะเดินเลี่ยงตรงมาทางห้องน้ำเลย ไอ้ด้ามันก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง จริงๆ ก็ไม่ได้ปวดมากหรอกแต่ทำธุระให้เสร็จๆ ไป ก็ยังดีกว่าต้องเดินเข้าเดินออกตอนอาจารย์สอนแหละนะมันเสียสมาธิ
- ปิดปรับปรุงชั่วคราว –
เอิ่ม -_-? พอเดินมาถึงหน้าห้องน้ำ ฉันก็หยุดมองป้ายตั้งเตือนตรงหน้าแบบเอือมๆ ปิดปรับปรุงห้องน้ำเนี่ยนะเอาจริงดิ? ถามจริงใครคิดเนี่ย?! เขามีแต่ Facility ครบครันในวันเปิดเทอมแต่นี่ฉีกกฎด้วยประการทั้งปวง มหาลัยประหลาด!
‘อ๊ะ อ๊าาา อื้อ รุ่นพี่’
‘อืมมม’
พั่บ พั่บ พั่บ~
‘อ๊าาา อื้อ รุ่นพี่ รุ่นพี่พะ พายุคะ อ๊าาา’
พลั่กกก ตึงงง!
‘หุบปาก! กล้าดียังไงมาเรียกชื่อฉัน!’
‘คะ..คือฉัน คือ..’
‘ไสหัวไปซะ!’
‘ตะ..แต่’
‘บอกให้ออกไป!!!’
What?! อย่าบอกนะ O_O?!
แล้วจังหวะที่ฉันกำลังจะเดินกลับ ก็มีน้ำเสียงวาบหวามดังออกมาจากในห้องน้ำหญิงทำให้ฉันเลือกจะหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำนี้แทนที่จะหมุนตัวกลับไปเข้าเรียน ก็ไม่ได้อยากจะเผือกเรื่องของคนอื่นนักหรอกนะแต่การใช้ห้องน้ำมหาลัยทำเรื่องอย่างว่าแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้มันใช้ได้ซะที่ไหนกัน ถ้ามันไม่ไหวทำไมไม่ไปทำกันที่อื่นจะมาเรียนหาสวรรค์วิมานอะไรกันวะเนี่ย?!
แกร๊ก แอ๊ดดด~
ฉันกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปฉะพวกคนไม่มีหัวคิดในห้องน้ำ แต่คนข้างในดันเปิดประตูออกมาซะก่อน ผู้หญิงหน้าตาจัดว่าดีแต่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหัวกระเซิงคนหนึ่งกำลังหัวเสียและดูตกใจพอสมควรที่เจอฉัน ฟังจากเมื่อกี๊ก็พอจะเดาออกว่ายัยนี่คงอายไม่น้อยเลยแหละที่โดนไล่ออกมา
“ธะ..เธอ บ้าเอ๊ย!”
พอผู้หญิงคนนั้นเห็นฉันก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก รีบจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทางแล้ววิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามองฉันสักนิด เรียกว่าใส่ตีนผีวิ่งหนีไปเลยก็ว่าได้ ฉันเลยละสายตาจากผู้หญิงคนนั้นและไม่ลังเลที่จะผลักประตูเข้าไปเพื่อฉะคนไม่รู้กาลเทศะอีกคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำทันที
แล้วพอประตูเปิดออกก็เจอผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งยืนหันหน้าเข้ากับผนังด้วยท่าทีนิ่งเฉย แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากพูดอะไรออกไป ก็มีควันบุหรี่จางๆ ลอยขึ้นมาต่อหน้าต่อตา ฉันเลยได้แต่ยืนอึ้งอย่างทำตัวไม่ถูก O[]O!
ควันบุหรี่ลอยขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า.. หมอนี่สูบบุหรี่ในห้องน้ำที่ยังไม่เปิดหน้าต่างระบายอากาศงั้นหรอ?! พอคิดได้แบบนั้นสัญชาตญาณของฉันก็สั่งให้ถอยหลังหนีทันทีแบบไม่ต้องคิด แต่ไม่ทันที่ฉันจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ อาการแพ้ควันบุหรี่อย่างรุนแรงก็ทำให้ฉันสำลักออกมาทันที
“แค่กๆ ๆ ๆ ฮึก...”
ทั้งที่มือฉันคว้าลูกบิดประตูได้แล้วแท้ๆ แต่ร่างกายฉันดันหมดแรงไปดื้อๆ มึนหัว อยากจะอาเจียนขึ้นมาแบบฉับพลัน ยิ่งเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ฉันยิ่งรู้ดีว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก
“จิ๊ อะไรนักหนาวะ บอกให้ออกไป!”
ผู้ชายคนนั้นตวาดออกมาดังลั่นเพราะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งมีซัมติงด้วยเมื่อกี๊ แค่กๆ โธ่เอ๊ย! ขืนเป็นแบบนี้ฉันได้ตายกันพอดี ถ้าจะมีใครช่วยได้คงมีแต่หมอนี่คนเดียว แต่เขาไม่หันมาชายตามองฉันสักนิดเลยไง
“แค่กๆ ๆ นะ..นาย ช่วย..ด้วย”
พรึ่บบบ!
สิ้นสุดประโยคของฉัน เหมือนแอบเห็นรางๆ ว่าผู้ชายคนนั้นหันกลับมาซึ่งเป็นจังหวะที่ร่างของฉันทรุดฮวบลงกับพื้นพอดี แล้วสติของฉันก็ดับวูบไปทันตาโดยไม่ทันได้เห็นหน้าเขาชัดๆ เลยด้วยซ้ำ...
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
ก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาพาฉันมาเจอกับอะไร... ทำไมอยู่ๆชีวิตฉันถึงต้องมาข้องเกี่ยวกับพวกคนรวยที่เป็นถึงทายาทมหาวิทยาลัยชื่อดังสองแห่งอย่าง Destinesia และ Vania ที่กำลังมีเรื่องบาดหมางจนแทบจะฆ่ากัน มิหนำซ้ำตัวฉันเองและใครบางคนในความทรงจำที่ฉันกำลังตามหา ก็ดันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาที่ว่า ปัญหา...ที่ต้องแลกด้วยชีวิต ความสูญเสีย...ที่ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองก็มีส่วนในเรื่องนี้
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ตระกูลซูล่มสลาย จวนเจิ้นกั๋วทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตในคืนเดียว ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งถูกน้องสาวหลอกใช้ ถูกชายเจ้าชู้เล่นตลก ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แคว้นเป่ยเหลียงสิบกว่าปี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับศัตรู คนทั้งแคว้นเซิ่งถังต่างก็ด่าทอยกใหญ่ ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งต้องยืนมองน้องสาวกับรักแรกของตนสนิทสนมกัน ครองโลก ส่วนตัวเองกลับโดนประหารชีวิต เลือดสาดตะวัน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง… ซูเฉิงอิ้งถือดาบกลับมา ฟาดแรก… ตัดสายเลือด ฟันน้องสาวอกตัญญู ฟาดที่สอง… ตัดความรัก ฟันรักแรกที่หน้าเนื้อใจเสือ ฟาดที่สาม… ตัดคำพูด ฟันทุกเสียงนินทาของเป่ยเหลียงที่บิดเบือนความจริง ฟาดที่สี่… ตงฟางไป๋เยว่ “หรือว่าฮูหยินอยากจะฆ่าสามีผู้นี้ด้วยหรือ” ซูเฉิงอิ้ง“หุบปาก…”
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
หลินเจียอีหญิงสาวในศตวรรษที่21ตกตายด้วยโรคระบาด วิญญาณของเธอได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ14 ที่มีชื่อเดียวกับเธอซึ่งสิ้นใจตายระหว่างเดินทางกลับบ้านเดิมของมารด ********* หลินเจียอีลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพบ้านที่ไม่คุ้นชิน เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้เข้ารักษาตัวจากอาการติดเชื้อโรคระบาดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เหตุใดถึงมาโผล่ในบ้านทรงโบราณ รอบกายเธอเต็มไปด้วยผู้คนแต่งตัวล้าสมัย ต่อมาเธอค้นพบว่าตนเองได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ 14 ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับเธอ แต่ชะตากรรมของเด็กสาวผู้นี้ช่างน่าสงสารนัก บิดาเพิ่งลาโลก แม่โดนฮุบสมบัติแล้วถูกขับไล่ออกจากตระกูล ต้องระหกระเหินพาเจ้าของร่างที่ถูกทุบตีจนสิ้นใจระหว่างทางกลับมาบ้านเดิมที่แสนยากจนข้นแค้น ****ไม่มีฉากอีโรติก เริ่มล็อกเหรียญตอนที่ 25 ก่อนเข้าไปอ่านเนื้อหานิยายอ่านคำเตือนก่อนนะคะ (สำคัญมาก) 1. กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพให้เกียรตินักเขียนและนักอ่านท่านอื่น หากแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายหรือมุ่งประเด็นด่าทอนักเขียนเพื่อระบายอารมณ์ ความคิดเห็นจะถูกลบออก!! 2. นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน บุคคลและสถานที่ที่เกิดขึ้นไม่มีอยู่จริงในโลก เนื้อหาในนิยายมีทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุสมผล บางตอนอาจมีฉากที่รุนแรง (ต่อสู้) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 3. ตัวละครในนิยายมีทั้งดีและเลวแต่กต่างกันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ห้ามคัดลอกดัดแปลงแก้ไขนิยายเรื่องนี้ทุกกรณี หน่วยเงินตรา 1000 อีแปะ 1 ตำลึงเงิน หน่วยวัดตวงน้ำหนัก 1 ชั่ง 500 กรัม หน่วยเวลา 1 จิบน้ำชา ระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ 1 เค่อ 15 นาที 1 ก้านธูป 30 นาที 1 ชั่วยาม 2 ชั่วโมง 12 ชั่วยาม 24 ชั่วโมง ยามจื่อ 23.00-24.59 ยามโฉ่ว 01.00-02.59 ยามอิ๋น 03.00-04.59 ยามเหม่า 05.00-06.59 ยามเฉิน 07.00-08.59 ยามซื่อ 09.00-10.59 ยามอู่ 11.00-12.59 ยามเว่ย 13.00-14.59 ยามเชิน 15.00.16.59 ยาวโหย่ว 17.00-18.59 ยามชวี 19.00-20.59 ยามห้าย 21.00-22.59
© 2018-now MeghaBook
บนสุด