องค์ชายที่เกิดมาพร้อมกับความโชคร้ายไม่มีผู้คนรักใคร่ หว่านหนิง สาวน้อยผู้จะมาพลิกชะตาชีวิต ขององค์ชายให้สามารถเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ได้หรือไม่ พบกับเรื่องความฟินแบบหน้าตาย ขององค์ชายที่ไม่มีใครรัก
ตำหนักร้อยดาวหากมีดาวร้อยพันส่องสว่างกลับหามองเห็นไม่ ภายใต้ดวงตาเย็นชานั้นไม่ได้มีสิ่งใดให้ลังเลที่จะถอยห่างออกไป
“องค์ชาย”ร่างใหญ่ถอยห่างนอนขดตัวชิดข้างฝา ไร้คำพูดตอบกลับ
พรุ่งนี้จะมีหน้าไปคุยกับใครในเมื่อคืนนี้ไร้การร่วมหออย่างที่ควรจะเป็นอย่างดีคงต้องปิดปากเงียบ หรือหากจะร้ายหน่อยก็คงถูกตราหน้า
หว่านหนิงนอนนิ่งไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว จะอย่างไรเล่าในเมื่อบุรุษผู้นี้ ไร้ผู้คนรักใคร่เอ็นดูตลอดชีวิต แทบจะไม่ยิ้มหัว มีเพียงตัวเองที่จมอยู่กับตัวเองก็เท่านั้นจะให้มีปฏิกิริยารักใคร่ชอบพอใครตอบกลับคงไม่มีทางหว่านหนิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
ดึงผ้าผืนใหญ่ห่มคลุมร่างกายของตัวเอง อากาศหนาวจัด อีกคนยังนอนขดตัวไม่แม้จะเฉียดใกล้ร่างบอบบางของหว่านหนิงให้ระคายเคือง
ค่ำคืนเหน็บหนาวผ่านไปอย่างกล้ำกลืน หว่านหนิงตื่นเช้าขึ้นมา องค์ชายห้าก็นั่งในท่าเตรียมพร้อมอาบน้ำออกมานั่งรอไร้สาวใช้หรือขันทีช่วยแต่งกาย หว่านหนิงหยิบ เสื้อคลุมและหมวก ไปยืนตรงหน้าสายตาหมางเมินจนเกือบจะเป็นเย็นชาแต่งเข้ามาในตำหนักร้อยดาว แต่เหมือนร้างไร้ซึ่งดาวมีเพียงความมืดมิด ประตูหน้าต่างถูกปิดตายฝุ่นสีเทาเกาะอยู่ไปทั่วบริเวณเหมือนไม่เคยได้มีใครเข้ามาปัดกวาด ไร้ซึ่งสาวใช้
หว่านหนิงจำต้องไปแต่งตัวให้อย่างเสียไม่ได้ก็ในเมื่อแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเขาแล้วหน้าที่ดูแลเขาไม่อาจละเลย
“องค์ชาย จะเสวยเลยไหม”
เมื่อสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยท่าทีเขายังนิ่งเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดใด หากใบหน้าไม่ได้หล่อเหลาราวกับเทพมาจุติอย่างที่เป็นอยู่จะนับว่า คนคนนี้เหมือนกับซากศพที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดใดเป็นแน่ ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดริมฝีปากซีดจาง หยิบหมวกจากมือของหว่านหนิงมาสวม
“สาวใช้ไม่เคยนำอาหารมาที่นี่ ข้าจำต้องไปหาที่กินเอง เจ้าเข้ามาในตำหนักวันแรกอาจยังไม่รู้ เช่นนั้นห้องเครื่องคงพอจะมีอะไรให้เจ้าได้พออิ่มท้อง”
คำพูดเรียบเฉยไม่ได้แสดงความเห็นใจเพียงแต่แนะนำตามมารยาทหรือก็จะไม่อยากให้หว่านหนิงคาดหวังอะไร
ตำหนักใหญ่เป็นรองเพียงตำหนักของฮ่องเต้แต่ไร้ซึ่งสาวใช้และขันที นางกำนัลยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วยังไร้ซึ่งเครื่องเสวยอีกหรือนี่
หว่านหนิงตกนรกหรือไรจึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ ในเมื่อเป็น บัญชาของฝ่าบาทเสด็จพ่อขององค์ชายห้าลี่หยางเหมือนจะโยนบาปเคราะห์ให้กับหว่านหนิงหรืออาจเป็นบัญชาสวรรค์ ก็ในเมื่อเป็นลูกสาวคนโตในตระกูลขุนนาง แต่ตอนนี้ไร้ยศฐา เพราะบิดาทำผิดมีโทษถึงประหารแต่ด้วยมารดา เป็นถึงองค์หญิงจึงถูกละเว้นโทษตาย
การแต่งงานครั้งนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหว่านหนิงก็ยังคงใช้ชีวิตปกติเมื่อบิดาได้จากไป การแต่งงานครั้งนี้กับองค์ชายที่ถูกรังเกียจ ไร้คนรักใคร่ห่วงใยอีกทั้งยังไม่มีใครคบหาสมาคม บรรดาองค์ชายทั้งหลายก็ต่างหลีกหนีให้ไกล จึงขัดเสียไม่ได้อย่างนั้นหรือ
ลี่หยางก้าวขายาวๆ ออกจากตำหนักร้อยดาว เขาต้องทำงานเหมือนประหนึ่งขุนนางชั้นผู้น้อย ทุกวันตอนเช้าต้องออกไปก้าวขายาวๆออกจากตำหนักร้อยดาว เขาต้องทำงานหนักเหมือนประหนึ่งขุนนางชั้นผู้น้อยทุกวันในตอนเช้าต้องออกไปถวายงานกับฝ่าบาท คอยชงชาผสมนำอุ่น ยกเครื่องเสวยทั้งๆ ที่เป็นองค์ชาย องค์ชายคนอื่นในวังหลวงร่ำเรียนเที่ยวเล่นสนุกสนาน แต่เขาต้องทำงานเยี่ยงขันทีไร้ศักดิ์คนหนึ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ไม่ต่างจากขันทีชั้นผู้น้อย สีของอาภรณ์โดยมากล้วนหาสีสดใสได้ไม่ กลับมีเพียงสีทึมทึบยิ่งเพิ่มความหม่นหมองให้กับใบหน้า
หว่านหนิงแต่งตัวเสร็จก็ได้ยินเสียงท้องร้องโคลกคลาก พาตัวเองเดินออกไปข้างนอก นางกำนัลสองคนนั่งหมอบอยู่ที่ประตูทางเข้าตำหนัก
“นายหญิง ฝ่าบาทมีบัญชาให้เราสองคนมาคอยรับใช้”หว่านหนิงยิ้มน้อยๆ
“ดีเลยข้ากำลังหิว”สองคนมองหน้ากันไปมา เหมือนกำลังจะช่างใจว่าจะพูดกับหว่านหนิงว่าอย่างไรดี
“ฮองเฮา มีบัญชาแต่ไหนแต่ไรตำหนักร้อยดาวไม่ให้ใครยกเครื่องเสวย นายหญิงเพิ่งมาคงไม่รู้”พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ในเมื่อเขาเพิ่งจะพูดไป หว่านหนิงเดินออกจากตำหนักมุ่งตรงยังห้องเครื่อง
...ตำหนักฮ่องเต้...ที่กว้างใหญ่
ลี่หยางนั่งร่างอักษรอยู่บนโต๊ะสีหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ใดใด
“ตามธรรมเนียมรุ่งเช้าหลังจากแต่งงานต้องพาชายาเข้ายกน้ำชาให้ฮองเฮาวันนี้เจ้าไม่ต้องมาชงชาให้ข้าเหมือนเช่นทุกวัน”ฮ่องเต้ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยมันคือประโยคบอกเล่า
“ไม่จำเป็น พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ลี่หยางไม่ได้มีความสำคัญ ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะลี่หยางไม่ได้สำคัญอะไรเพียงนั้น อีกอย่างเป็นการรบกวนเวลาพัก ผ่อนของฮองเฮา”
หมายความอย่างนั้นจริงๆ
ฮ่องเต้วัยกลางคนเพียงแต่พยักหน้าขึ้นลงแล้วไม่ได้สนใจอะไรอีกก้มหน้าก้มตาอ่านฎีกาปล่อยให้ ลี่หยางนั่งร่างราชสานส์สำหรับใช้ในงานต่างๆ ตรงหน้า ที่กองเป็นภูเขา
หว่านหนิงรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดเมื่อออกมาจากห้องหับที่ฝุ่นจับเขรอะขนาดนั้น เห็นที่ต้องออกแรงกันหน่อยกว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ใจคิดในเมื่อเตรียมใจเตรียมกายมาแล้วจะกลัวสื่งใดกันเล่า
“เจ้าสองคน ชื่ออะไรบ้าง”เอ่ยปากชวนสาวใช้คุยรู้จักกันไว้แม้ไม่คิดที่จะสนิทกับพวกนางแต่ว่าในยามนี้ เหมือนตัวคนเดียวโดยแท้ องค์ชายห้าผู้เป็นสามีก็เฉยชา เสียจนน่าใจหาย
“ข้าน้อยอิงไถ”พูดขึ้นดังๆอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ข้าน้อยกุ้ยอิง”กุ้ยอิงกับส่งเสียงเบาหวิว
“ดี อย่างงั้นข้าเรียกพวกเจ้าเสี่ยวไถกับเสี่ยวกุ้ย นำข้าไปที่ห้องเครื่องเถิด”ทั้งสองหันมองหน้ากัน
“ข้าน้อยมิกล้าเราสองคนเป็นเพียงสาวใช้จะเดินนำนายหญิงได้อย่างไร”
ย่อตัวลงข้างหน้า หว่านหนิงยิ้ม เพียงทดสอบพวกนางว่าจะถูกสั่งมาให้ปฏิบัติกับหว่านหนิงเช่นไร ในเมื่อที่คาดหวังไว้แต่เดิม แย่กว่านี้ คิดว่าพวกนางคงไม่ได้เคารพย้ำเกรง เพราะองค์ชายห้าไม่ได้มีอำนาจในการปกครองใคร
สายตาของหว่านหนิงสะดุดเข้ากับ ร่างสูงโปร่ง ในอาภรณ์สะอาดสะอ้านพู่และป้ายหยกบ่งบอกฐานะว่าไม่ธรรมดา เสี่ยวกุ้ยกับเสี่ยวไถ ประสานมือข้างเอวย่อตัวลงทันที
“ถวายพระพรองค์รัชทายาท” หว่านหนิง ย่อตัวลงช้าๆใบหน้างดงามงามราวกับสตรีช้อนตามองใบหน้าของหว่านหนิง ความเสียดายบังเกิดขึ้นในใจ ไยต้องเป็นองค์ชายห้าผู้นั้นด้วย
“เจ้าเองหรือ ชายาพี่ห้า”
“หม่อมฉัน จงหว่านหนิงถวายพระพร ไท่จือ”โบกมือช้าๆ ให้ลุกขึ้น
“เสียดาย”หว่านหนิงยิ้มมุมปาก
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้