หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
“หย่ากันเถอะ”
แต่งงานกันมาสามปี ฝ่ายชายยังคงพูดน้อยเหมือนเดิม คำพูดที่เย็นชาสามคำ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลยสักนิด
หนานซ่งยืนอยู่ด้านหลังอวี่จิ้นเหวิน จ้องเงาหลังที่สูงใหญ่ราวกับต้นสนของเขา มองหน้าตาที่เย็นชาไร้อารมณ์ความรู้สึกสะท้อนอยู่ในหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน รู้สึกแค่ว่าหัวใจดวงนึงเย็นจี๊ดจนสุดขั้วหัวใจ
สองมือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำแน่น สั่นเทาไปหมด
ประโยคที่เธอกลัวที่สุด ในที่สุดก็หลุดออกมา
ฝ่ายชายหันตัวมา เห็นหน้าได้ชัดมากขึ้น ใบหน้าที่เพอร์เฟคใบหน้าหนึ่ง มีขอบมุมความคมหล่อที่ชัดเจน แม้ว่าจะเผชิญมาสามปีแล้ว แต่ก็ยังคงทำให้เธอใจเต้นอยู่ไม่น้อย
“ไม่หย่า ได้ไหม?”
หนานซ่งเค้นคำพูดนี้ออกมาจากในลำคอด้วยความอย่างยากลำบาก แววตาสั่นกระเส่า แต่กลับยังคงเต็มไปด้วยความหวัง
อวี่จิ้นเหวินกลางคิ้วขมวดเข้าหากัน คิ้วตาที่เย็นชาหยุดชะงักลงบนใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางของฝ่ายหญิง สุดท้ายก็จ้องมองดวงตาที่แดงระเรื่อของเธอ คิ้วขมวดกันแน่น
แม้ว่าจะเป็นหน้าสด หนานซ่งก็ยังคงสวย เธอไม่ใช่สาวสวยที่เห็นโครงหน้าชัดเจน แต่ผิวขาวนวล ใสซื่อไร้เดียงสา เป็นรูปลักษณ์ที่ดูสบายตา
ดวงตากลมโตของเธอจ้องเขาตาใสทั้ง ๆ แบบนี้ แววตาเต็มไปด้วยความวิงวอน ไฝหนึ่งเม็ดใต้หางตาขวา ผมยาวสลวยปล่อยตรงลงบริเวณหู อ่อนโยนไร้ซึ่งความก้าวร้าว
แต่ในสายตาของชายหนุ่ม นี่คือผู้หญิงที่อ่อนโยนแต่ก็เรียบง่ายและน่าเบื่อ
ในฐานะที่เป็นภรรยา เธอไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลย แต่เขาแค่ไม่ได้รักเธอเท่านั้น
เมื่อสามปีก่อนเขาประสบอุบัติเหตุ ท่อนบนเป็นอัมพาต หมอบอกว่าเขาอาจจะยืนไม่ได้ตลอดไป และในตอนนั้นเอง ที่เขาถูกบีบบังคับให้เลิกกันกับผู้หญิงอันเป็นที่รัก แม่บังคับให้เขาไปนัดบอด ต้องหาภรรยาที่เป็นหมอมาดูแลเขาไปตลอดชีวิต เขาเลือกพยาบาลคนนึงหนึ่งในคนที่นัดบอด นั่นก็คือลู่หนานซ่ง เธอไม่มีภูมิหลังอะไร และเธอก็เป็นคนเงียบด้วย
“คุณอยู่กับผมมาสามปีแล้ว แล้วก็ดูแลผมมาสามปีแล้ว เงินห้าสิบล้านนี้ถือค่าชดเชยให้กับคุณล่ะกัน”
ตอนที่เขาพูดคำพูดแบบนี้แสงในแววตากลับไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ยิ่งมองไม่เห็นความรู้สึกรักที่มีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย “หรือ คุณต้องการอย่างอื่น...”
“ทำไม?”
หนานซ่งพูดแทรกเขาเป็นครั้งแรก เบ้าตาที่เริ่มแดงเต็มไปด้วยความยึดติด แล้วก็... ไม่อยากจะยอมรับ “ทำไมถึงต้องขอหย่าตอนนี้”
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครบรอบแต่งงานสามปีของพวกเขา เธอเตรียมการวางแผนเอาไว้มากมาย ถึงขนาดที่เธอยังคิดอีกด้วยว่า อีกสามปีต่อมา อีกยี่สิบสามปีต่อมา นั่นก็คือตลอดชีวิตแล้ว
“คุณก็รู้ คนที่ผมรักไม่ใช่คุณ”
น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาแฝงไปด้วยความเยือกเย็นอย่างไร้ที่สิ้นสุด ถึงขนาดที่เขาไม่แม้แต่จะให้ความหวังกับเธอเลยแม้แต่น้อย “ซวนซวนกลับมาแล้ว ผมจะแต่งงานกับเธอ”
หนานซ่งราวกับถูกสายฟ้าผ่าเข้ากลางหัว ร่างกายที่ผอมบางไม่สามารถรับความหนักอึ้งขนาดนี้ได้ สั่นเทาขึ้นมาทันที
ชีวิตแต่งงานที่เธอดูแลรักษามันมาตลอดสามปี กลับไม่อาจต้านทานคำพูดประโยคเดียวของอีกฝ่ายได้เลย... “ฉันกลับมาแล้ว”
“คุณผู้ชาย...”
พ่อบ้านตรงเข้ามารายงานด้วยความรีบร้อน “คุณจั๋วอาเจียนอาหารที่เพิ่งจะกินเข้าไปออกมาอีกแล้วครับ แถมยังกระอักเลือดอีกด้วย!”
ใบหน้าที่เงียบขรึมของชายหนุ่มสั่นไหวเล็กน้อย เขาเดินอ้อมหนานซ่งตรงไปที่ห้องรับแขกทันที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “เตรียมรถ ไปโรงพยาบาล”
ผ่านไปไม่นาน อวี่จิ้นเหวินก็อุ้มผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องรับแขก ผู้หญิงคนนั้นรูปร่างซูบผอม บนตัวยังคลุมด้วยผ้าห่มปักผืนบาง ซึ่งเป็นผ้าที่หนานซ่งปักด้วยตัวเอง
สีหน้าขอเธอซีดเผือด มองออกว่าอยู่ในอาการป่วย ราวกับจะจากโลกนี้ไปได้ทุกเมื่อ คนทั้งคนซบพิงอยู่ในอ้อมกอดของอวี่จิ้นเหวิน เสียงเบามาก “พี่จิ้น คุณลู่เธอ...”
อวี่จิ้นเหวินหยุดฝีเท้าลงตรงมุมบันได ก่อนจะหันไปพูดกับหนานซ่ง “รายละเอียดของการหย่าทนายความจะไปเจรจากับคุณเอง เชิญคุณย้ายออกจากบ้านภายในสามวันด้วย”
จากนั้น เขาก็อุ้มผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาในอ้อมแขน อุ้มเธอลงไปข้างล่างอย่างไม่หันกลับมาอีก
หนานซ่งยืนอยู่ตรงทางลงบันได จั๋วซวนนอนอยู่ในอ้อมกอดของอวี่จิ้นเหวิน เงยหน้าขึ้นมามองหนานซ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยแสงแห่งชัยชนะ
ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง ผู้หญิงที่ป่วยคนนี้พูดกับเธออย่างยิ้มแย้ม “ฉันเข้ามาอยู่ในบ้านอย่างโจ้งแจ้ง เธอคืนเขามาให้ฉันซะ”
จนกระทั่งร่างของพวกเขาหายลับไป หนานซ่งถึงได้ล้มทรุดลงไปราวกับร่างกายไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลอาบหน้าอย่างเงียบ ๆ เธอกอดตัวเองเอาไว้ รู้สึกเพียงว่าร่างกายหนาวจับใจ
สิบปี
นับตั้งแต่วินาทีที่เขาช่วยเธอออกมาจากนรกจนถึงตอนนี้ เธอก็ติดตามเขามาตลอดสิบปี แล้วก็รักเขามาตลอดสิบปีแล้วเหมือนกัน ชีวิตของคนเรามันจะมีสักกี่สิบปีกัน
แต่ไม่รักก็คือไม่รัก ต่อให้จะยอมขนาดไหน เธอก็ไม่สามารถทำให้ผู้ชายคนนี้รู้สึกหวั่นไหวได้ ไม่สามารถทำให้เขารักเธอได้เลยแม้แต่น้อย
“จิ้นเหวิน นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะร้องไห้ให้กับคุณ”
หนานซ่งยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาที่เย็นเฉียบทิ้งไป ก่อนจะลุกขึ้นมาจากพื้น ผู้หญิงที่เดิมทีอ่อนแอ เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชาอย่างถึงที่สุด ในตาสะท้อนความมุ่งมั่นเด็ดเดียว
ถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้ว
หนังสือข้อตกลงการหย่าถูกวางเอาไว้อยู่บนหัวเตียงในห้องนอนใหญ่ มันโดดเด่นสะดุดตามาก
หนานซ่งเปิดไปหน้าสุดท้ายตรง ๆ เห็นลายเซ็นที่คุ้นเคย แววตาของเธอเป็นประกายวิบวับ เธอลูบเบา ๆ ไปยังชื่อ “อวี่จิ้นเหวิน” อย่างระมัดระวัง รู้สึกแน่นจมูกขึ้นมา
เธอสูดจมูก กลั้นน้ำตาที่กำลังจะออกมาให้กลับไป ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อของตัวเองลงไปบนนั้นอย่างไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์ ลู่หนานซ่ง
ในเมื่อเริ่มต้นด้วยชื่อนี้ งั้นก็ต้องจบสิ้นด้วยชื่อนี้เช่นกัน
หนานซ่งวางตราประทับอันหนึ่งอยู่บนหัวเตียง ตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุจนถึงการซื้อหยกชิ้นนี้ เธอต้องใช้เวลาไปเกือบหนึ่งปี นี่เป็นของขวัญครบรอบสามปีที่เธอตั้งใจเตรียมเอาไว้ให้กับเขา
อันที่จริงตลอดสามปีมานี้เธอก็เคยมอบของขวัญให้กับเขามากมาย ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่ได้เตรียมอย่างไม่ได้ตั้งใจเลยสักชิ้น แต่ปลายทางสุดท้ายกลับถูกทิ้งเอาไว้อยู่ในตู้เสื้อ หรือไม่ก็โยนทิ้งลงไปในถังขยะไปตรง ๆ มันก็เหมือนกับความจริงใจที่เธอมีต่อเขา
ทันทีที่เดินออกมาจากบ้าน รถหรูสีดำคันหนึ่งก็จอดอยู่ริมถนน หนานซ่งขึ้นไปบนรถ ก่อนจะพูดอย่างนิ่ง ๆ “ฉันหย่าแล้ว”
ที่นั่งคนขับ ผู้ชายที่สวมแว่นกันแดดสีชายิ้มออกมาอย่างร้าย ๆ “ยินดีด้วย คุณได้รับอิสระกลับคืนแล้ว”
เขายื่นโน้ตบุ๊คมาให้กับหนานซ่ง “ถึงเวลากลับมาเป็นตัวเองได้แล้ว พวกเราต่างกำลังรอการกลับมาของคุณ”
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที