“น้าภพของพริวไม่เห็นแก่ตรงไหนเลย” “ตอนนี้ยังไม่แก่ แต่อีกสักสิบปีข้างหน้าก็อายุนำพริวไปตั้งโยชน์แล้ว ถึงตอนนั้นพริวจะยังรักคนแก่คนนี้หรือเปล่า หืม...” ดวงตาคมกริบทอดมองแม่สาวน้อยวัยทีนคนสวยของเขาอย่างลึกซึ้ง “ไม่รู้สิคะ พริวขอดูความประพฤติก่อน ถ้าน้าภพนอกลู่นอกทางก็ไม่แน่” ดวงตาซุกซนสบตาเขาอย่างยั่วเย้า “แก่ป่านนั้น แค่พริวคนเดียวน้าก็คงหมดแรงตายคาอกแล้วมั้ง” “คำก็แก่สองคำก็แก่ เห็นพริวรักคนที่หน้าตาหรืออายุเหรอคะ นี่ต่างหาก...” เด็กสาวใช้นิ้วชี้จิ้มลงที่หน้าอกข้างซ้ายของเขา “พริวรักน้าภพที่ตรงนี้ที่...หัวใจ” ชายหนุ่มยิ้มอบอุ่น ลูกเลี้ยงสาวของเขาช่างน่ารักเหลือเกิน โอ้ย...เขาอยากรักเด็กขึ้นมาอีกแล้ว “แล้วพริวอยากรู้ไหมว่านอกจากหัวใจแล้วน้าอยากรักพริวที่ตรงไหนอีก” ดวงตาเจ้าเล่ห์ลุกวาว ***************************************** ‘ธนภพ’ พระเอกเรื่องนี้มีดีที่ดีกรีความหื่น และแซ่บเว่อร์ไม่แพ้ใคร ส่วน ‘ภาวิดา’ นางเอกของเราถึงจะอายุยังน้อยแต่นางก็ไม่ได้ไร้เดียงสาหน่อมแน้มจนน่าหมั่นไส้เสียทีเดียว ฉะนั้นใครที่ไม่นิยมแนวประมาณนี้จะผ่านไปก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่ก่อนผ่านแนะนำว่าให้ลองอ่านตัวอย่างก่อนสักนิด และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจตีจากกันไปทั้งที่ยังไม่รู้จักกันนะคะ น้าภพขอร้อง (แอบกัดผ้าเช็ดหน้าตาปรอย)
ธนภพ อดิโรจน์ ทอดสายตามองเด็กสาวที่กำลังยืนสะอึกสะอื้นจนตัวโยนอยู่ตรงรูปภาพหน้าโลงศพของภรรยาผู้ล่วงลับของเขาอย่างน่าสงสาร ภาวิดา จำรูญรักษ์ หรือ พริว คือลูกเลี้ยงสาววัย 17 ของเขา
เธอผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเช่นเดียวกับเขา ประภาพรรณ ภรรยาของธนภพเป็นมารดาของเด็กสาวเพิ่งเสียชีวิตอย่างกระทันหันไปเมื่อไม่กี่วันก่อนด้วยอุบัติเหตุ และวันนี้สวดวันสุดท้าย แน่ละ คนที่เพิ่งกำพร้าแม่ย่อมรู้สึกใจหายและว้าเหว่เป็นธรรมดา
ประภาพรรณเป็นแม่หม้ายลูกติด สามีของเธอเสียชีวิตไปตอนที่ภาวิดาเพิ่งสามขวบเท่านั้น สองแม่ลูกไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก จนกระทั่งเขามาพบประภาพรรณเข้าในงานเลี้ยงบริษัทของเธอและตกหลุมรัก ก่อนตัดสินใจอยู่กินฉันสามีภรรยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสพร้อมรับหนูพริวมาอยู่ร่วมบ้านของเขา และเมื่อภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอย่างกระทันหัน เด็กสาวก็กลายเป็นกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรโดยปริยาย
“กลับบ้านเราเถอะหนูพริว” เขาแตะที่บ่าของเด็กสาวเบาๆ เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำที่เปื้อนคราบน้ำตาก็ทำให้ใจกระตุกด้วยความสงสารขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“พริวคิดถึงแม่ค่ะน้าภพ” เด็กสาวสะอื้นโผเข้ากอดร่างสูงตรงหน้าเพื่อหาหลักยึดหัวใจ เธอไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากคนตรงหน้าซึ่งอยู่ในฐานะพ่อเลี้ยง และเป็นคนเดียวในโลกที่เธอพอจะพึ่งพิงได้ “พริวไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่มีเลย”
ธนภพโอบรั้งร่างที่สั่นสะท้านไว้อย่างสงสารจับใจ แต่กระนั้นอกอวบอิ่มของวัยสาวแรกรุ่นที่เบียดกระแซะเข้าหาอกแกร่งของหนุ่มฉกรรจ์ก็เริ่มก่อกวนตะกอนบางอย่างในหัวใจขึ้นมาอย่างเงียบๆ เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงตรงหน้าก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของภรรยาผู้เป็นที่รักของเขา เป็นลูกเลี้ยงที่เขาต้องรับผิดชอบชีวิตเธอนับจากนี้ แต่ก็นั่นแหละ
ยัยหนูพริวโตเป็นสาวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
“น้าภพจะไม่ทิ้งพริวไปอีกคนใช่ไหมคะ” เสียงหวานฉะอ้อนถามปนสะอื้น
“เด็กโง่ น้าภพจะทิ้งหนูได้ยังไง มานี่มา น้าเช็ดน้ำตาให้ก่อน” เขาใช้ปลายนิ้วปาดไล้หยาดน้ำใสๆ ให้เธออย่างทะนุถนอม โครงหน้าหวานถอดแบบจากมารดา แต่ภาวิดาสวยจิ้มลิ้มน่ารักกว่า และสาวกว่ารูปร่างแม้จะผอมเพรียว แต่กลับมีส่วนเว้าส่วนโค้งของอิสตรีที่ชวนมอง แก้มใสๆ แดงระเรื่อชวนให้เขาอยากประทับริมฝีปากข้างแก้มเนียนๆ นั้นเหลือเกิน
บ้า! เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เมียตายยังไม่ทันเผา ก็รู้สึกบ้าๆ กับลูกเลี้ยงสาวเสียแล้ว แถมเจ้าหล่อนยังอายุแค่ 17 ห่างจากเขาตั้งเกือบรอบ ไม่เรียก บ้ากามจะเรียกว่าอะไรได้ ไอ้เฒ่าหัวงูเอ้ย ชายหนุ่มสบถด่าตัวเองในใจ
“กลับบ้านเรากันเถอะ น้าเหนื่อยแล้ว หนูเองก็ควรพักผ่อน พรุ่งนี้เรายังต้องตื่นแต่เช้าอีกนะ” สาวน้อยวัยใสพยักหน้าอย่างว่าง่าย เธอหันไปมองรูปถ่ายมารดาอีกครั้งก่อนยอมให้พ่อเลี้ยงหนุ่มประคองไปขึ้นรถกลับบ้านด้วยกัน
“หิวไหมคะคนดี” ธนภพหันไปถามเสียงอ่อนโยน แต่กลับพบว่าลูกเลี้ยงสาวนั่งสัปหงกไปเสียแล้ว ดูเถอะ หลับคอพับคออ่อนท่าทางเหนื่อยมาก น่าจะเหนื่อยร้องไห้นั่นแหละ แถมต้องตื่นเช้า อดหลับอดนอนอีกก็น่าจะหมดแรงอยู่เหมือนกัน จังหวะหนึ่งจู่ๆ เด็กสาวก็เอนกายซบลงมาที่บ่าของเขาพอดิบพอดี ธนภพสะดุดลมหายใจตัวเองอย่างเสียศูนย์ไปนิดนึง กลิ่นหอมกรุ่นจากเรือนผมของเธอแตะจมูกชวนให้เขาชะลอรถให้ช้าลงโดยไม่รู้ตัว ผมยาวคลอเคลียที่แขนล่ำบึ้กทำให้นึกอยากก้มลงดอมดมเหลือเกิน
ไม่ได้นะ! อยากติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์หรือไงวะ นี่มันลูกสาวของเมียแกนะเว้ย เลิกคิดเลยไอ้ภพ เลิกคิด!
เขาเสมองไปนอกหน้าต่าง พยายามขยับตัวน้อยที่สุดเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะตื่น สองมือกำพวงมาลัยไว้แน่นไม่ยอมให้มือว่างไปทำมิดีมิร้ายใครได้ อยากจะบ้าตาย ใครใช้ให้เขามีลูกเลี้ยงสวยขนาดนี้เนี่ย กรรมของเวร
รถเก๋งของเขาเคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นช้าๆ คนขี้เซาก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ไม่ว่าเขาจะปลุกยังไงแม่ตัวยุ่งก็ไม่ยอมลืมตา ธนภพถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจำใจช้อนอุ้มร่างสวยเข้าบ้าน ราวกับแกล้งเมื่อคนขี้เซากระแซะเข้าหาอกแกร่งราวกับต้องการความอบอุ่น แต่คนถูกซุกไซ้นี่สิ ร้อนไปหมดทั้งร่าง
โอ้ย แม่คุณเอ้ยจะแกล้งกันไปถึงไหน ลักหลับลูกเลี้ยงตัวเองนี่จะผิดมากไหมเนี่ย...
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาสลัดความคิดอกุศลจากสมอง ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดเกินเลยกับลูกเลี้ยงสาวเลยสักครั้ง อาจเพราะความว้าเหว่ที่เสียภรรยาคู่ใจไป ทำให้ไขว้เขวเช่นนี้ และแม่หนูพริวตัวน้อยนี่ก็มีส่วนคล้ายกับประภาพรรณมาก ทำให้เขาอยากจะยึดเธอเป็นตัวแทนภรรยาผู้ล่วงลับ แต่นั่นเป็นไปไม่ได้...
“แม่ขา...พริวคิดถึงแม่ค่ะ” เสียงหวานละเมอเบาๆ ก่อนอิงศีรษะซบที่ ซอกคอหนา ทำเอาธนภพขนลุกซู่ นึกร่ำๆ อยากเปลี่ยนใจพาเธอเข้าไปในห้องเขาแทน จะกวนใจฉันไปถึงเมื่อไหร่กันนะยัยตัวยุ่งนี่ เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไร้ความรู้สึกนะ
โปรยปราย ครั้งหนึ่งเขาเคยไล่ส่งเธอให้ออกไปจากชีวิตไม่ต้องมาให้เห็นหน้า แล้วเธอก็หายไปสมใจเขาจริงๆ ทำให้เขารู้ว่ามันเหงาแค่ไหนที่ไม่มีเธออยู่ ครั้งนี้เธอกลับมาเป็นคนใหม่ที่ไม่สนใจไม่คอยวิ่งไล่ตามกวนใจเขาอีกต่อไป กลับเป็นเขาเองที่อยากเข้ามาวุ่นวายวอแว และทวงคืนเธอกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า เมื่อวันนี้ข้างกายเธอไม่ได้มีแค่เขาแต่มีหนุ่มอีกหลายคนที่อยากเข้ามาท้าชิงหัวใจเธอเช่นกัน แถมเจ้าตัวแสบก็ทำเหมือนไม่อยากใกล้พี่ชายตัวร้ายอย่างเขาอีกแล้ว แม้ต้องอยู่บ้านเดียวกันก็ตาม แต่เธอก็เอาแต่หลบหน้าชนิดที่ว่าหากเขาเข้าประตู เธอก็จะปีนหน้าต่างหนีออกไปไม่ให้เขาได้พบง่ายๆ เหมือนวันเก่า แถมมีกองหนุนคือพ่อแม่ของเขาที่ในอดีตเคยอยากจับเขาคลุมถุงชนแต่งกับลูกเพื่อนรักใจจะขาด แต่มาวันนี้ กองเชียร์กลับแปรพักตร์มารับบทเป็นกองห้าม “แกจะรักใครก็รักไปพ่อกับแม่ไม่ว่า ไม่ขัดขวาง เพียงบอกมาคำเดียวว่ารักพวกเราจะไปสู่ขอให้” จิรายุยิ้มกริ่มสมใจ แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นอยู่เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็หายไปเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของแม่ “ยกเว้นคนเดียวที่แกห้ามแตะต้องเด็ดขาดคือหนูดรีมของฉัน คนนั้นฉันจะเก็บไว้ให้ผู้ชายดีๆ ที่ไม่ใช่แก!” อ้าวแม่! แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ล่ะที่เขาจะได้หัวใจเธอกลับมาครองอีกครั้งกันเล่า... เรามาลุ้นกันว่ารากรักที่มันหยั่งลึกในใจสองหนุ่มสาวคู่นี้ มันจะเหนียวแน่นแข็งแรงพอให้เขาทั้งสองได้ลงเอยกันได้ไหมนะ มาเอาใจช่วยกันค่า
เธอแค่อยากลองใจโดยการให้ของขวัญสุดพิเศษกับคนรัก แต่...เขาดันไม่ดีใจ แล้วมาบอกให้เราอยู่ห่างกันสักพัก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอท้องลูกของเขา ผัวเฮงซวยเอ๊ย!!! อยากไปก็ไป ฉันจะหาพ่อใหม่ให้ลูก ไปแล้วอย่ามาหอนทีหลังนะ ชิ! "นี่พี่จะโทษว่ามี่ตั้งใจปล่อยท้องงั้นเหรอ" "เปล่า พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ว่า...พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานหรือมีลูกตอนนี้ มี่เข้าใจพี่หน่อยได้ไหม" มิรันดาสะอึกเมื่อได้ฟังเหตุผลห่วยแตกของเขา คำว่าไม่พร้อมนั่นคืออะไร "พี่ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่พร้อมมีลูก แต่พร้อมจะไปจากมี่ นี่หรือเปล่าที่พี่อยากให้มี่เข้าใจ" หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตาที่ไหลรินกลบภาพคนรักตรงหน้าจนมองไม่เห็นความรักในดวงตาคู่นั้นอีกแล้ว คนหนึ่งหมดรัก หมดใจ แต่อีกคนกลับยังรักหมดใจ ใครควรเจ็บกว่าถ้าไม่ใช่เธอ "พูดกันให้รู้เรื่องตอนนี้เลยดีกว่า ในเมื่อพี่รู้ว่ามี่กำลังจะมีลูก พี่ก็ยังอยากไปอยู่ใช่ไหม" คำถามนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนปฏิเสธไม่ได้ มิรันดาเหยียดยิ้มทั้งน้ำตา เพียงแค่มองตาเธอก็ได้คำตอบจากเขา อยู่กันมาสี่ปีไม่นับที่คบกันมาตอนสมัยเรียนอีก เธอรู้ใจเขาทุกอย่าง แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รู้สึกยังไง ไม่ต้องพูดออกมาด้วยซ้ำ "งั้นพี่ก็ไปเถอะ อยากจะอยู่ห่างแค่ไหน เอาที่พี่สบายใจเลย ไม่ต้องห่วงมี่ ของขวัญชิ้นนี้ในเมื่อพี่ไม่ต้องการงั้นก็ทิ้งไปเถอะ"
“ผมยังไม่อยากมีลูก...” นพรดาสะดุดลมหายใจ หัวใจหนาววูบจนชาไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเขา “บอสไม่อยากมีลูก หรือไม่อยากมีลูกกับเก้ากันแน่” “ก็ทั้งสองอย่าง ผมยังไม่พร้อมจะมีลูกหรือมีใครเข้ามาในชีวิตตอนนี้” นพรดาเม้มริมฝีปากแน่น ใจสั่นรัวๆ เมื่อได้ยินถ้อยคำแสลงหูจากปากคนไร้หัวใจ “เอาเถอะ ถ้าคุณมีลูกกับผมจริง เราค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน ถ้าคุณอยากเก็บเด็กไว้แต่เลี้ยงเองไม่ไหวหรือไม่อยากเลี้ยง ผมจะเอาเด็กมาเลี้ยงเอง” ถึงยังไงพ่อกับแม่ของเขาก็อยากมีหลานอยู่แล้วคงไม่ขัดข้องอะไร “แต่ถ้าคุณไม่ต้องการเก็บเด็กไว้ ผมก็ไม่ว่า และเคารพการตัดสินใจของคุณ แล้วก็จะให้เงินคุณก้อนหนึ่งเป็นค่าชดเชยในสิ่งที่คุณต้องเสียไป ถือว่าเป็นความรับผิดชอบจากผมแล้วกัน” นพรดาหันขวับไปมองเขาตาเขม็ง ในใจเริ่มเดือดปุดๆ “แล้วถ้าเก้าไม่ยอมเลือกสองทางนี้ล่ะคะ” “แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะ” “ถ้าเก้าบอกว่าต้องการคุณกับทะเบียนสมรสหนึ่งใบในฐานะเมียและแม่ของลูกคุณล่ะคะ บอสจะว่ายังไง” “ฝันไปเถอะ” “นั่นไม่ใช่คำขอร้อง แต่เป็นประโยคบอกเล่า” “ผมขอเตือนคุณไว้สักอย่างนะนพรดา หากคุณโลภมากและเรียกร้องสถานะเกินตัว คุณก็จะไม่ได้อะไรจากผมเลย แม้แต่ความเป็นพ่อของเด็กถ้าหากว่าคุณท้องขึ้นมาจริงๆ” “ได้ค่ะ งั้นคุณก็จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีแล้วกันนะคะ ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณอีก และคุณเองก็ไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกร้องอะไรจากฉันเหมือนกัน แล้วถ้าฉันเกิดมีลูกขึ้นมาจริงๆ ฉันก็จะบอกเขาว่าพ่อเขาตายไปแล้ว แต่ถ้าลูกอยากมีพ่อ ฉันก็จะหาพ่อใหม่ให้เขาสักคน อืม...แบบนี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ” อย่านะ...อย่ามาเสียดายทีหลังก็แล้วกันคนใจร้าย!
“ท้อง! อย่าบอกนะว่าลูกผม!” ราวกับถูกลากไปตบกลางสี่แยก จารุพัชรรู้สึกหน้าชาเห่อไปทั้งแถบแม้จะยังไม่โดนตบก็เถอะ เธอมีอะไรกับเขาตั้งหลายยกขนาดนั้นแล้วจะให้เป็นลูกใครล่ะ “ลูกแมวมั้งคะ” พอเห็นสายตาเขียวปั๊ดที่พร้อมจะขย้ำหัวเธอได้ทุกเมื่อ “อยู่ในท้องฉันก็ต้องเป็นลูกฉันสิคะ! ลูกฉันคนเดียว” “คุณเป็นปลากัดหรือไง ถึงได้จ้องตากันแล้วท้องเองได้” ก็ถ้ากัดได้ เธอก็อยากกัดหัวเขาเนี่ยแหละคนแรก กวนประสาทดีนัก “ก็คุณบอกฉันเองเมื่อกี้ว่า...อย่าบอกนะว่าท้องลูกผม ฉันก็ไม่บอกแล้วนี่ไงจะเอาอะไรอีกคะ” พูดมาขนาดนี้ เธอก็พอรู้แล้วล่ะว่าเขาไม่ได้ต้องการเธอกับลูก ยังดีที่เขาไม่ใจร้ายบอกให้เธอไปเอาเด็กออก แค่นี้ก็บุญแล้ว “เฮ้อ...ถ้าคุณห่วงว่าฉันกับลูกจะมาทำให้ชื่อเสียงพระเอกซุปเปอร์สตาร์ของคุณต้องพังพินาศล่ะก็ ขอให้คุณสบายใจได้ เพราะฉันไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นแน่ ต่อไปฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก คราวนี้ฉันรับรองได้ ส่วนลูกในท้อง ฉันจะเลี้ยงเขาเอง ไม่ไปรบกวนคุณหรือทำให้แฟนสาวไฮโซของคุณเข้าใจผิดแน่ๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ” “พูดจบหรือยัง” ธิเบศเอ่ยด้วยเสียงเย็นเฉียบ ตาเหยี่ยวคมจัดของเขาจ้องหน้าเธอราวกับจ้องเหยื่อพร้อมขย้ำได้ทุกเมื่อ “จบก็ได้ค่ะ เป็นอันว่าคุณเข้าใจแล้วเนอะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” จ้องอะไรเบอร์นั้นนะ ตาดุชะมัด รีบชิ่งหนีก่อนจะโดนกินหัวดีกว่า “เดี๋ยว!” มือที่เตรียมเปิดประตูรถชะงักกึก “คะ...คุณมีอะไรอีกคะ” “ผมบอกคุณซักคำหรือยังว่าจะไม่รับผิดชอบลูก” “หา!” เธอหูฝาดไปใช่ไหม เขาจะรับผิดชอบลูกในท้องเธองั้นเหรอ เป็นไปได้หรือเนี่ย “ถ้าเขาเป็นลูกผมจริงๆ ผมจะรับผิดชอบเขาแน่” “หืม...” หมายความว่าไงวะเนี่ย ยิ่งฟังก็ยิ่งงง “เดี๋ยวนะคะ คุณบอกว่าถ้าเขาเป็นลูกคุณจริงๆ แปลว่าคุณไม่เชื่อว่าเด็กในท้องฉันเป็นลูกคุณงั้นสิ ฉันเข้าใจถูกไหม” “อืม...ก็ทำนองนั้น” คราวนี้ยิ่งกว่าโดนลากไปตบกลางสี่แยก แต่เหมือนโดนเขาสาดหน้าด้วยน้ำกรดซ้ำเข้าไปอีกถังใหญ่ จนหัวใจปวดแสบปวดร้อนไปหมด ตาบ้านี่คิดว่านอกจากเขา เธอยังไปนอนกับคนอื่นจนท้องแล้วมาโมเมว่าเป็นลูกเขาอย่างนั้นเหรอ… ++++++++++++++++++++++++++++
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"