‘ผู้หญิงที่คาถาเลือก คือผู้หญิงที่ถูกกลั่นกรองมาแล้วว่าเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นเธอควรดีใจที่ตัวเองไม่มีจุดบกพร่องและควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี’
“ณิ วันนี้ตอนเย็นจะได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหญ่แล้วใช่มั้ย?” เสียงสาวรุ่นๆ เอ่ยถามร่างบางที่นั่งปลูกดอกไม้อยู่บริเวณสวนหน้าบ้าน เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนพร้อมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปล้างมือ
“ฉันไม่อยากไป”
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไมเธอถึงไม่ไป…”
“เขาไม่ได้เรียกฉัน คัดตัวรอบที่แล้วเธอเป็นคนเดียวที่ผ่านส่วนพวกเราเดี๋ยวก็แยกย้ายกันกลับแล้ว” นิ่มบอกด้วยรอยยิ้ม “ฉันกับคนอื่นๆ ช่วยกันเก็บของใส่กระเป๋าไว้ให้แล้ว”
“ฉันให้นิ่มไปแทน ฉันไม่อยากไปแล้ว”
“รู้ว่าไม่คิดจะไปอยู่ที่นั่นแล้วจะเสนอตัวมาทำไม เธอก็รู้ว่าถ้าคุณคาถาเลือกใครก็ต้องป็นคนนั้นไม่มีตัวตายตัวแทนทั้งนั้น”
“ถ้าไม่คิดอยากไปอยู่กับเขาจะมาเสนอตัวเล่นๆ ให้เสียโอกาสคนอื่นทำไม” ผู้หญิงอีกคนเดินมาหยุดข้างนิ่มพร้อมเอ่ยดวยน้ำเสียงติดตำหนิ
“ฉันไม่ได้เต็มใจมา บอกหลายครั้งแล้ว”
“ช่างเถอะ กฏก็มีนะให้ใช้ความสามารถของตัวเองเราอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกใจคุณคาถาเขาถึงไม่เลือก” นิ่มหันไปบอกแพงเพราะไม่อยากให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันเนื่องจากการมาพักอยู่ที่นี่ต่างมีกฏข้อบังคับต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตาม
“ไปล้างไม้ล้างมืออาบน้ำแต่งตัวรอไป คุณคาถาเขาจะมารับเธอด้วยตัวเองนะ” นิ่มพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน คณิกาจึงหยัดกายลุกขึ้นยืนมองไปรอบบ้านสองชั้นขนาดกลาง
ก่อนหน้านี้เคยมีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่เกือบยี่สิบกว่าคนซึ่งต่างล้วนสมัครเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อรอการคัดเลือกและถูกคัดออกไปหลายคนจนเหลือเพียงห้าคนและเมื่อหลายวันก่อนเป็นการคัดตัวครั้งสุดท้ายและคณิกาคือผู้หญิงที่ผ่านการคัดเลือกครั้งนี้
การคัดเลือกที่ว่าคือการคัดเลือกหญิงสาวที่จะไปอยู่ใช้ชีวิตกับชายหนุ่มทายาทเศรษฐีพันล้านเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในวัยสามสิบต้นๆ คาถา พันธุ์วิเศษ คือชื่อของเขาที่เหล่าสาวๆ ต่างรู้จัก ชายหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยที่อยู่ในวัยทำงานและกำลังเลือกหาภรรยาจากการคัดกรองทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง
เพราะอยู่ในช่วงวัยทำงานจึงทำให้เขาไม่มีเวลามามองหาหญิงสาวที่ถูกใจ จึงต้องเปิดรับสมัครสาวโสดที่บริสุทธิ์มาคัดกรองด้วยตัวเองผ่านทางเลขาที่คอยดูแลเรื่องให้ คัดจากเหล่าผู้สมัครทั้งหมดให้เหลือเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าคนนั้นต้องตรงตามคุณสมบัติที่เขาวางไว้
“ถอยไม่ได้ เดินต่อก็ไม่รู้จะไปได้ถึงไหน” หญิงสาวรำพึงกับตัวเองแล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านขึ้นไปบนห้องนอนส่วนตัวถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าแล้วเดินไปเปิดน้ำใส่อ่างตามด้วยลงไปนอนแช่น้ำ
หญิงสาวคนอื่นที่มาสมัครนั้นต่างมาด้วยความเต็มใจที่จะได้เป็นผู้หญิงของคาถา ต่างจากเธอคณิกาผู้หญิงที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะต้องไปอยู่กับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมักหน้ากันมาก่อน
คณิกาหรือณิ หญิงสาววัยยี่สิบปีที่เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ กลับมาบ้านได้เพียงวันเดียวแม่แท้ๆ ก็ปรี่เข้ามาบอกว่าบ้านเราล้มละลายมีหนี้ท่วมหัวหากอยากสบายนี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดที่แม่หาให้ได้ในตอนนี้ และมันไม่ใช่แค่เธอจะสบายแต่ครอบครัวจะสบายด้วยนี่คือสิ่งที่แม่เธอบอกมา
แม่ไม่ได้เสนอทางเลือกให้อย่างเดียว แม่ยังบีบบังคับเธอด้วยคำพูด (ขู่) ต่างๆ ยกสารพัดเรื่องมากล่าวอ้างกับเธอรวมถึงเรื่องการทดแทนบุญคุณ
เธอที่เพิ่งเรียนจบไม่ได้มีเงินพอจะไปสร้างตัวได้แถมพวกท่านยังส่งเสียเธอเรียนจนจบ เธอไม่มีทางเลือกอื่นและนี่ก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
“ณิ ทำอะไรอยู่” นอนคิดอะไรเพลินๆ ไปราวสิบนาทีก็มีเสียงดังมาจากห้องนอน แกร่ก! สักพักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมร่างของนิ่มที่เดินมาหยุดข้างอ่างอาบน้ำ
“…”
“คุณคาถามาถึงแล้วนะ เขาบอกว่าจะขึ้นมาหา…” นิ่มพูดจบพอดีกับที่มีผู้ชายร่างสูงเดินเข้ามาในห้องน้ำ คณิกายกมือขึ้นมาปิดหน้าอกกับนั่งยกขาตั้งชันทันที ดวงตากลมใสจ้องมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาด้วยสายตาหวาดหวั่นยิ่งโดนเขาจ้องก็ยิ่งประหม่า
“ออกไป” เขาปัดมือไล่นิ่มที่ก็ยอมเดินออกไปอย่างว่าง่าย ส่วนตัวเขาเดินมานั่งยองข้างอ่างอาบน้ำที่คณิกานั่งแช่ตัวอยู่ “วันนี้ผมว่างพอดี เลยอยากมารับคุณด้วยตัวเอง”
“อ่อ” พยักหน้ารับเบาๆ มือยังคงปิดส่วนนั้นของตัวเองอยู่ ใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นเมื่อได้จ้องมองใบหน้าของเขาใกล้ขนาดนี้ เธอเคยเห็นคาถามาแล้วแต่ส่วนมากจะเห็นจากการวิดีโอคอลหรือรูปภาพมากกว่านับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจอตัวจริง
“ตัวจริงคุณน่ารักกว่าในกล้องอีกนะ” นี่ก็เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นเธอตัวจริงเช่นกัน มือหนายื่นไปจับปอยผมที่หล่นมาปรกหน้าคณิกาขึ้นทัดใบหูให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ”
“เราจะนั่งคุยกันอยู่แบบนี้เหรอครับ?”
“คุณคาถาช่วยออกไปก่อนได้มั้ยคะ ณิขออาบน้ำแปปเดียว”
“ถ้าผมบอกว่าไม่ได้ล่ะครับ”
“ณิคงต้องนั่งอยู่แบบนี้จนกว่าคุณจะออกไป”
“แบบนั้นคุณคงตัวเปื่อย แต่ผมจะออกไปรอข้างล่างนะครับเพื่อความสะดวกและความสบายใจของคุณ” พูดพร้อมบีบแก้มนุ่มๆ ของเด็กสาวอย่างเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องไป คณิกาถอนหายใจออกมาแรงๆ แล้วรีบลุกขึ้นไปยืนอาบน้ำถูตัวใต้ฝักบัวแทน
แต่งตัวเรียบร้อยเป็นชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงยาวคลุมเข่าสีขาว เป็นชุดที่ถูกบังคับว่าต้องใส่หากได้รับคัดเลือกเป็นผู้หญิงของคาถาและแน่นอนว่าเป็นชุดที่เขาซื้อและส่งมาให้เธอเอง คณิกาเลือกที่จะปล่อยผมลงมา ปะแป้งที่หน้า ทาผิว พรหมน้ำหอมเล็กน้อยแล้วจึงเดินลงไปยังชั้นล่าง
“สวัสดีค่ะ…” ลงมาชั้นล่างก็พบว่าคาถากำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ เธอจึงเอ่ยทักทายเขาเพราะก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ทักทาย ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมตบลงบนโซฟาข้างกาย คณิกาจึงเดินไปหย่อนสะโพกนั่งลงข้างเขาอย่างว่าง่าย
“เดินทางวันนี้เลยพร้อมมั้ย?”
“ณิพร้อมค่ะ แต่ว่าคุณคาถาจะไม่เหนื่อยเอาเหรอคะเพิ่งมาถึงเองนะ” เขานั่งเครื่องบินมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมารับเธอเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องขึ้นเครื่องต่อจึงกลัวว่าเขาจะเหนื่อยจากการเดินทางหากจะกลับไปตอนนี้
“งั้นผมต้องนอนค้างที่นี่สักคืนสินะ” ขยับแขนไปโอบเอวบางไว้
คณิกาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับการถูกมือผู้ชายแตะตัว แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแต่หันไปมองหน้าเขา “ณินอนกับผมนะครับ” คาถาพูดต่อ ขยี้มวนบุหรี่ใส่จานด้านหน้าจนมันดับแล้วหันกลับมามองหญิงสาวในอ้อมแขน
“ค่ะ” มายืนอยู่จุดนี้แล้ว เธอคงไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความต้องการของเขา คณิกายิ้มอ่อนๆ ให้คาถาที่กำลังมองหน้าเธออยู่ ฝ่ามือหนาขยับขึ้นมากดท้ายทอยเธอไว้ก่อนจะประกบปากลงไปอย่างไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"