/0/20488/coverbig.jpg?v=2f67c7d7d1849977d16a4a8b2cea3d56)
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
สายลมในฤดูหนาวที่พัดโชยมาปะทะผิวกาย ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้ว รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ ภายในเรือนใหญ่ใจกลางสวนบุปผานานาพันธุ์ ปรากฏร่างของสตรีที่มีดวงหน้างาม แต่ทว่ายามนี้กลับหม่นหมอง นางกำลังยืนเหม่อมองออกไปยังเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย ไม่ว่านางจะมองไปยังสถานที่ใด นางก็มักจะเห็นภาพในอดีตแวบผ่านเข้ามา ทำให้หัวใจของนางรู้สึกบีบรัดยิ่งนัก เหตุใดชีวิตคู่ของนางกับเขา ถึงมีจุดจบเช่นนี้ได้ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาก็รักนาง ให้เกียรตินางมาตลอด และนางเองก็รักเขาเช่นกัน แม้ทั้งสองจะไม่เคยแสดงความรู้สึกจริงๆ ออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็นเลยก็ตาม
“นายหญิง…กลับเข้าห้องเถิดนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวต้องลมหนาวแล้วจะไม่สบายเอาได้ พักนี้ท่านยิ่งนอนน้อยอยู่ด้วย”
ซู่เอ๋อสาวรับใช้ข้างกายของสตรีที่มีรูปโฉมงดงามตรงหน้า เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หนึ่งเดือนมาแล้วที่เซี่ยโหว หรือท่านแม่ทัพเซี่ยจากไป ทว่าไม่มีวันไหนเลย ที่ฮูหยินใหญ่จะไม่มายืนเหม่อมองออกไปทางประตูจวนเช่นนี้ ซู่เอ๋อรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก
“ข้าอยากจะยืนอยู่ที่นี่อีกสักพัก” ราวกับว่านางยังคงรอคอยใครบางคนให้กลับมา แต่ทว่าผู้ที่นางกำลังรอคอยนั้นไม่อาจหวนกลับคืนมาได้อีกแล้ว
“นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยอนุญาตให้นายหญิงกลับสกุลเดิมได้แล้วนะเจ้าคะ”
เพราะเรือนที่ไร้เจ้าของ ย่อมมีแต่ความหม่นหมอง หลานชายที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของท่านผู้เฒ่าเซี่ย อดีตแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเจิ้ง บัดนี้เหลือเพียงแค่ชื่อเสียงอันดีงามให้ได้กล่าวถึงเพียงแค่นั้น นั่นเป็นเพราะเขาได้พลีชีพในสนามรบไปเสียแล้ว คุณหนูของนางต้องมาตกพุ่มม่ายตั้งแต่ยังสาว นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยย่อมเห็นใจ จึงเขียนหนังสือหย่าให้คุณหนูของนางได้กลับไปยังสกุลเดิม
“ข้าไม่กลับ ข้ารู้สึกผิดต่อเขายิ่งนัก” จ้าวฟางเซียนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ทว่าฟังดูแล้วหนักแน่น
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน วันนั้นที่อี้จง ลูกน้องคนสนิทของสามีได้กลับมาจากชายแดน พร้อมกับข่าวร้ายที่นางไม่อยากได้ยิน ป้ายประจำกายเปื้อนเลือดของเซี่ยเฟยหลงถูกส่งมาให้แก่นาง จ้าวฟางเซียนรับมาด้วยมือที่สั่นเทา พลันน้ำตาอุ่นร้อนก็ไหลลงมาอาบใบหน้างาม นางพยายามกลั้นสะอื้น และฟังสิ่งที่อี้จงกำลังจะพูด
อี้จงได้บอกเล่าถึงเรื่องราวความรัก และความเข้าใจผิดที่เซี่ยเฟยหลงมีต่อนาง รวมไปถึงคำสั่งเสียที่ท่านแม่ทัพฝากมาบอกกล่าวต่อนางผู้เป็นภรรยา ทำให้จ้าวฟางเซียนถึงกับทรุดนั่งลงไปบนพื้นแล้วร่ำไห้ออกมา เสียงร่ำไห้ของนางนั้นช่างน่าเวทนายิ่งนัก จนทำให้พวกบ่าวสาวรับใช้ภายในเรือน พากันหลั่งน้ำตาออกมาเช่นเดียวกัน สาวรับใช้ของจ้าวฟางเซียนรีบประคองนางก่อนที่จะเป็นลมไป
ตลอดระยะเวลาที่จ้าวฟางเซียนได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับเซี่ยเฟยหลงมา จ้าวฟางเซียนรู้ดีว่าเขามีบางอย่างติดอยู่ในใจ ราวกับว่าไม่ยอมเปิดใจให้นางได้เข้าไป แท้จริงแล้วเกิดจากความเข้าใจผิดนั่นเอง หากเขาถามนางออกมา แล้วนางกับเขาได้พูดคุยกันดีๆ นางคงจะไม่รู้สึกเสียดาย และเสียใจมากมายถึงเพียงนี้
จ้าวฟางเซียนคือคุณหนูรอง บุตรีคนที่สามของจ้าวหวังเหล่ย นายท่านใหญ่แห่งจวนสกุลจ้าว ตระกูลคหบดีแห่งเมืองหนานจาง ก่อนหน้านี้เคยเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม และมีบุคลิกร่าเริงสดใสสมกับวัย แต่ทว่าหลังจากออกเรือนมายังตระกูลเซี่ย ตระกูลแม่ทัพแห่งเมืองหนานจง ความสดใสร่าเริงที่เคยมีก็ค่อยๆ เลือนหายไป
จริงอยู่ที่การแต่งงานของทั้งสองตระกูล เป็นเรื่องของสัญญาที่ต้องตอบแทน แต่ทว่าความรู้สึกของสองหนุ่มสาวที่มีต่อกันในภายหลังนั้นช่างลึกซึ้ง หากไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิด ที่เซี่ยโหว หรือคุณชายใหญ่เซี่ยเฟยหลงมีต่อบุตรีของตระกูลจ้าวมาก่อนแล้ว ชีวิตคู่ของทั้งสองหนุ่มสาวคงจะมีความสุขและราบรื่นมากกว่านี้
ครั้นได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน แม้เซี่ยเฟยหลงจะมีท่าทีเย็นชาต่อภรรยา แต่ทว่าลึกๆ ภายในใจแล้ว เขากลับรักใคร่นาง และให้เกียรตินางโดยที่นางไม่รู้ตัว จ้าวฟางเซียนเองก็แอบมีใจรักใคร่สามี โดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวเช่นกัน สุดท้ายกว่าที่ทั้งสองจะรู้ว่าตนรักใคร่อีกฝ่ายมากเพียงใด ก็เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเสียแล้ว มิอาจหวนกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้อีก
“นายหญิง…”
ซู่เอ๋อครวญออกมาด้วยความเศร้า เสียงของสาวรับใช้คนสนิททำให้สติของจ้าวฟางเซียนกลับคืนมา นางหันไปส่งยิ้มจางๆ ให้แก่ซู่เอ๋อ
ซูเอ๋อดึงร่างบางของคุณหนูเข้ามาโอบกอดเอาไว้ ร่างบางในอ้อมกอดสั่นไหว คุณหนูของนางกำลังร่ำไห้ออกมา ซู่เอ๋อร์กลั้นสะอื้น หากยามนี้นางไม่เข้มแข็ง แล้วคุณหนูของนางจะมีผู้ใดคอยปลอบโยนกันเล่า หากได้กลับสกุลเดิมย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่จะทำเช่นไรให้คุณหนูของนางยอมกลับไป
หลังจากวันคืนพ้นผ่าน จ้าวฟางเซียนมีแต่อาการแย่ลง นางตรอมใจจนกินอาหารได้เพียงน้อยนิด วันๆ ก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย แม้ผู้ใดจะมาเยือนนางก็ไม่ขอพบหน้า แม่สามีเห็นลูกสะใภ้ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เช่นเดียวกับที่นางเคยพบเจอ ด้วยความเห็นอกเห็นใจ จึงลองมาเกลี้ยกล่อมให้สะใภ้คนดี กลับไปอยู่สกุลเดิม ที่นางทำหาใช่เป็นการขับไล่ไสส่งอีกฝ่ายไม่ แต่เป็นเพราะนางอยากให้ลูกสะใภ้ได้ออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ จะมีประโยชน์อันใด ที่จะมาอยู่ในสถานที่ที่ไร้ซึ่งสามีอยู่แล้ว แม้พวกตนจะดีต่อนางเพียงใด แต่จะให้เหมือนคนข้างหมอนได้เช่นไร
“เซียนเอ๋อร์…เจ้ากลับไปสกุลเดิมเสียเถิด นายท่านผู้เฒ่าทำหนังสือหย่าให้เจ้ากับหลงเอ๋อร์แล้ว บัดนี้เจ้าเป็นอิสระแล้วนะลูก”
จางหลี่น่าบอกสะใภ้ออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นางมองสตรีที่เคยมีรูปโฉมงดงาม ทว่ายามนี้กลับซูบโทรมและผ่ายผอมจนน่าตกใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีหวังสะใภ้ของนางผู้นี้ คงได้สิ้นใจตามบุตรชายของนางไปเป็นแน่
“ข้าไม่ไปเจ้าค่ะท่านแม่…ข้าจะรอท่านพี่อยู่ที่นี่”
จ้าวฟางเซียนตอบออกมาน้ำเสียงแหบแห้ง เซี่ยฮูหยินถึงกับถอนหายใจออกมา นางบีบมือลูกสะใภ้เบาๆ ก่อนที่จะยื่นมือไปลูบลงบนเรือนผมที่ยามนี้ไร้ความนุ่มนวลเช่นเดิม
“ปล่อยวางเสียเถิดนะเซียนเอ๋อร์…หลงเอ๋อร์เขาไปดีแล้ว”
นางเองก็เป็นหญิงหม้ายเช่นกัน ชีวิตภรรยาของแม่ทัพ น้อยนักที่จะมีความสุขเช่นสตรีอื่น นางเข้าใจหัวอกของลูกสะใภ้เป็นอย่างดี เพราะชีวิตนางก็พบเจอแต่ความสูญเสียมาถึงสามครั้งสามครา แต่ทว่านางกลับไม่รู้สึกเสียดาย เพราะที่ผ่านมานางได้มอบความรักให้แก่สามี และบุตรชายผู้ล่วงลับทั้งสองอย่างเต็มที่แล้ว
จ้าวฟางเซียนส่ายหน้าไปมา นางออกเรือนมาแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่คนของสกุลเดิมอีกแล้ว ไม่ว่าสกุลจ้าวจะยินดีต้อนรับนางกลับไปหรือไม่ แต่ใจนางก็มิอาจหวนกลับไปได้ จางหลี่น่ามองลูกสะใภ้ด้วยแววตาเวทนา นางถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ ก่อนที่จะหันไปมองสาวรับใช้คนสนิทของจ้าวฟางเซียน นางกำชับให้สาวรับใช้คนสนิทของลูกสะใภ้ ว่าให้ดูแลนายหญิงของตนให้ดี แล้วจึงออกจากเรือนนี้ไปด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
ผ่านไปไม่ถึงเจ็ดวัน หลังจากที่จางหลี่น่ามาเยี่ยมจ้าวฟางเซียน ตระกูลจ้าวที่ได้รับจดหมายจากท่านผู้เฒ่าตระกูลเซี่ย ก็ได้เดินทางมาจากเมืองหนานจาง ครั้นนายท่านใหญ่จ้าวหวังเหล่ยและฮูหยินใหญ่หวงฟางหรง ได้เห็นบุตรีที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงก็รู้สึกเวทนา ต่างก็โทษว่าเป็นความผิดของพวกตน ที่ยินยอมให้จ้าวฟางเซียนออกเรือนมากับเซี่ยเฟยหลง ชีวิตของทหารไหนเลยจะยืนยาว
เฉกเช่นที่จ้าวฟางหรู บุตรีคนโตของพวกตนเคยกล่าว ว่านางจะไม่มีวันยอมออกเรือนกับตระกูลแม่ทัพเป็นอันขาด เพราะการได้ออกเรือนมากับบุรุษที่ทำหน้าที่จับดาบปกป้องบ้านเมือง โอกาสน้อยนักที่อีกฝ่ายจะมีชีวิตยืนยาว สุดท้ายแล้วชีวิตของผู้เป็นภรรยา คงจะหนีไม่พ้นตกพุ่มม่ายตั้งแต่ยังสาว เช่นเดียวกับบุตรสาวคนเล็กของพวกตน ที่กำลังประสบพบเจออยู่ในยามนี้
“เซียนเอ๋อร์…กลับบ้านเรากันเถิดนะลูก” หวงฟางหรงบอกบุตรสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ท่านปู่บอกว่าให้พวกเรามารับเจ้า ตัดใจจากที่นี่เสียเถิดหนา”
จ้าวหวังเหล่ยกลั้นใจกล่าวออกมาบ้าง สภาพของบุตรสาวในยามนี้ช่างน่าเวทนายิ่งนัก เด็กน้อยที่เคยสดใสยามที่อยู่จวนสกุลจ้าวหายไปไหนเสียแล้ว
“ท่านพ่อ…ท่านแม่ ข้าไม่กลับเจ้าค่ะ ข้าจะรอท่านโหวอยู่ที่นี่” จ้าวฟางเซียนหันหน้าไปมองบิดามารดา ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จ้าวหวังเหล่ยกับหวงฟางหรงหันหน้ามามองกันทันที หวงฟางหรงยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นสะอื้น จ้าวหวังเหล่ยโอบไหล่ที่กำลังสั่นไหวของภรรยาเอาไว้ แล้วบีบไหล่นางเบาๆ เป็นเขาเองที่ผิดต่อบุตรี หากเขาไม่ยินยอมให้จ้าวฟางเซียนออกเรือนมายังตระกูลแม่ทัพในวันนั้น เหตุการณ์เช่นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น เซียนเอ๋อร์กับบุตรเขยของเขา ช่างมีความรักที่ลึกซึ้งเหลือเกิน ทว่าเสียดายที่วาสนาตื้นเขินยิ่งนัก
“เซียนเอ๋อร์… พี่เขาไม่อาจกลับมาได้แล้วลูก แต่พี่เขาจะคอยเฝ้ามองเจ้าอยู่บนสวรรค์ หากเจ้ายังคงทุกข์ระทมอยู่เช่นนี้ เจ้าคิดว่าเขาจะจากไปอย่างสงบสุขหรือ” จ้าวหวังเหล่ยตัดสินใจเอ่ยออกมา
“ไม่…เขาจะกลับมา หากเขากลับมาไม่ได้…ข้าก็จะเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง”
จ้าวฟางเซียนหันไปมองบิดานัยน์ตาแดงก่ำ ก่อนที่นางจะตอบเขาออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง สองสามีภรรยาถึงกับถอนหายใจหนักๆ ออกมา หากพวกเขาดึงบุตรสาวให้กลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้ ก็คงต้องสูญเสียบุตรสาวไปตลอดกาลแน่แล้ว
“เซียนเอ๋อร์…เจ้าฟังแม่ให้ดีนะลูก ชีวิตของลูกยังต้องก้าวเดินต่อไป เจ้ายังเยาว์วัยยังมีโอกาสได้พบเจอผู้คนอีกมากมาย แล้วลูกคิดว่าพี่เขาจะมีความสุขหรือ ถ้าเจ้าจะตามเขาไปจริงๆ น่ะ กลับบ้านเราเถิดหนา พี่ชายพี่สะใภ้ของเจ้าก็รอคอยเจ้าอยู่ที่นั่น หากเจ้าไม่อยากออกเรือนไปกับผู้ใดอีก แม่ก็จะไม่บังคับฝืนใจเจ้า” หวงฟางหรงบอกจ้าวฟางเซียนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ทว่าจ้าวฟางเซียนกลับไม่ยอมรับฟัง นางส่ายหน้าไปมาน้ำตาไหลพรากอาบใบหน้า มองดูแล้วน่าเวทนายิ่งนัก จ้าวหวังเหล่ยรู้สึกเจ็บปวดใจที่ช่วยเหลืออันใดบุตรสาวไม่ได้เลย สองสามีภรรยาตัดสินใจรั้งอยู่ที่จวนตระกูลเซี่ย จนกว่าจะเกลี้ยกล่อมจ้าวฟางเซียนให้กลับไปกับพวกเขา
ท่านผู้เฒ่าเซี่ยไม่ได้กีดกัน เขาเองก็รู้สึกผิดต่อหลานสาวของจ้าวหยวนจงเช่นกัน ผู้ใดจะรู้ว่าอนาคตลูกหลานของเขา จะต้องพลีชีพในสนามรบเช่นเดียวกัน ตระกูลเซี่ยคงจะสิ้นสุดลงแค่เขาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอันใด เขาถึงต้องมาเสียบุตรชายและหลานชายไปในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
ยามดึกสงัดในค่ำคืนหนึ่ง ลมหนาวที่พัดโชยมาสามารถทำให้ร่างกายของคนด้านชาได้ จ้าวฟางเซียนกำลังยืนเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ภาพของสามีที่เคยซ้อมฟันดาบอยู่ด้านนอก ผุดเข้ามาในห้วงความคิด เขาเบือนหน้ามองมายังนางที่กำลังมองออกไป ใบหน้าคมคายหล่อเหลาไร้ซึ่งรอยยิ้ม แต่ทว่าแววตาของเขาที่มองมายังนาง กลับทำให้จ้าวฟางเซียนรู้สึกอบอุ่น
หญิงสาวหลั่งน้ำตาลงมา จะให้นางจากไปได้เช่นไร ในเมื่อที่ผ่านมานางยังไม่เคยบอกเขาเลย ว่านางรักเขาเช่นกัน หากเขาไม่เข้าใจนางผิด หากนางกับเขาพูดคุยกันให้มากกว่าที่เคย เหตุการณ์วันนี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่ นางจะยังคงรู้สึกเสียใจอยู่เช่นนี้หรือไม่ จ้าวฟางเซียนอยากรู้เหลือเกิน นางแหงนหน้ามองดวงจันทร์ พลางอธิษฐานอยู่ภายในใจ
‘สวรรค์...หากท่านมีเมตตา ได้โปรดมอบโอกาสให้สตรีที่โง่เขลาเช่นข้า ได้กลับไปพบกับสามีผู้เป็นที่รักยิ่งของข้าอีกสักหน ครานี้ข้าจะรักเขาให้เต็มที่ ให้สมกับที่เขารักและให้เกียรติข้าเสมอมา’
จ้าวฟางเซียนหลับตาอธิษฐานซ้ำไปซ้ำมาอยู่นานเกือบหนึ่งก้านธูป จึงยอมตัดใจเดินกลับไปนอนบนเตียง ร่างกายของนางหนาวเหน็บจนรู้สึกด้านชา ก่อนจะข่มตาให้หลับลง ภาพของสามีก็ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึง น้ำตายังคงไหลลงมาราวกับสายธาร นางผล็อยหลับไปท่ามกลางความอ่อนล้า
เสียงตีฆ้องร้องบอกยามเหม่าดังขึ้นมาจากทางด้านนอก ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงพลิกกายไปมา ไม่นานนักเสียงของสาวรับใช้และบ่าวรับใช้ในเรือนก็ดังจอแจ สาวรับใช้คนสนิทเข้ามาปลุกสตรีร่างเล็กที่กำลังนอนอยู่ ให้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานสกุลจ้าว จ้าวฟางเซียนสะดุ้งสุดตัว ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆ กาย ที่นี่หาใช่เรือนที่นางเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ไม่ ไม่ใช่…นี่คือเรือนที่นางเคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เยาว์วัยต่างหาก
“รีบลุกขึ้นไปล้างหน้าก่อนเถิดเจ้าค่ะคุณหนูรอง นายหญิงใหญ่กำชับมาว่า วันนี้ต้องออกเดินทางไปสุสานตระกูลจ้าวกันแต่เช้านะเจ้าคะ” ซู่เอ๋อบอกคุณหนูของนาง พลางหยิบผ้าห่มขึ้นมาพับ จัดหมอนที่คุณหนูรองนอนเมื่อคืนที่ผ่านมาให้เป็นระเบียบ
จ้าวฟางเซียนลุกขึ้นจากเตียงไปล้างหน้าบ้วนปากอย่างงุนงง วันนี้เป็นวันที่ต้องเดินทางไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสานตระกูลจ้าวเช่นนั้นหรือ ไม่ใช่ว่ายามนี้นางกำลังทุกข์ระทมอยู่ที่จวนตระกูลเซี่ยเช่นนั้นหรอกหรือ แล้วนี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น หรือว่านางจะตายไปแล้ว หากตายไปแล้ว เหตุใดถึงได้ยังกลับมาอยู่ในจวนตระกูลจ้าว อีกทั้งยังได้พบกับซู่เอ๋อ สาวรับใช้คนสนิทของนางอยู่อีกเล่า
ไหนจะเรื่องที่ซู่เอ๋อเพิ่งบอกนางเมื่อครู่ว่า วันนี้จะต้องเดินทางไปยังสุสานบรรพบุรุษตระกูลจ้าวอีก หากเป็นวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนมิใช่หรอกหรือ หรือสวรรค์รับฟังคำอ้อนวอนของนาง ให้นางได้ย้อนกลับมายังอดีตเช่นนั้นหรือ จ้าวฟางเซียนคิดทบทวนอยู่ภายในใจ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามที่จ้าวฟางเซียนเคยประสบพบเจอมาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยามที่พี่หญิงใหญ่สวมใส่อาภรณ์สีแดง ทำให้บิดาบ่นจนนางต้องกลับไปเปลี่ยนเป็นสีขาวนวล พี่รองทำผลส้มหลุดมือ พี่ชายใหญ่สะดุดล้ม และพี่สามทำถ้วยน้ำชาคว่ำ เหตุการณ์ต่างๆ ทำให้จ้าวฟางเซียนเชื่อว่า ตนเองได้ย้อนเวลากลับมายังอดีต กลับมาก่อนที่นางจะได้ออกเรือนไปกับเซี่ยเฟยหลง
สวรรค์ได้มอบโอกาสให้นางกลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีตแล้ว ชีวิตนี้นางอยากจะทำให้ดีที่สุด ถึงแม้ท้ายที่สุดแล้วปลายทางของนาง จะต้องกลายเป็นสตรีที่ต้องเดียวดายอีกครั้ง แต่นางก็จะไม่เสียดายหรือเสียใจเลย ขอเพียงแค่ให้เซี่ยเฟยหลง สามีที่แสนดีของนาง คลายความเข้าใจผิด และได้รับรู้ว่านางนั้นก็รักเขาเช่นกัน… แค่นั้นก็เพียงพอ จ้าวฟางเซียนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง