แค่คุณรักผมหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็เพียงพอ ที่เหลือผมจะเติมให้เต็มร้อย
แค่คุณรักผมหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็เพียงพอ ที่เหลือผมจะเติมให้เต็มร้อย
ต้นหนุ่มตกงานประจำรักคุด รีบเดินอย่างว่องไวเพื่อมาทำอาชีพเสริม เขายิ่งรีบเหมือนยิ่งช้าเพราะผู้คนเดินกันควักไข่ว ในบริเวณถนนคนเดินที่เชียงใหม่ ต้นใช้เวลาเดินทางราวสามสิบนาที ก็มาถึงร้านนวดฝ่าเท้าข้างทาง
"มาเร็วเข้าประจำที่เลย ลูกค้านั่งรอเต็มไปหมดแล้ว" ป้าทองคำตะโกนเสียงดัง พร้อมกับจัดที่ให้ลูกค้า และต้นหมอนวดหนุ่มวัยยี่สิบสาม
"ครับป้า"ต้นรีบนำกระเป๋าไปเก็บไว้และมานั่งประจำตำแหน่ง ซึ่งลูกค้าหนุ่มชาวอันเจียนั่งรออยู่
"สวัสดีครับ"ต้นทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เขาพอพูดได้บ้างเพราะจบชั้น ม.6 มา
ลูกค้าหนุ่มชาวอันเจียยิ้มให้ต้น และมองต้นนิ่งชั่วครู่ จนทำให้ต้นเริ่มรู้สึกเขินอาย
"นวดกี่ชั่วโมงครับ"ต้นรีบถามเพราะจะได้เริ่มทำงาน
" 1 ชั่วโมงครับ"
เมื่อได้รับคำตอบแล้ว ต้นจึงจัดแจงนำผ้าชุ่มน้ำ บรรจงเช็ดเท้าอย่างช้าๆจนสะอาด หลังจากนั้นต้นก็ชะโลมน้ำมันนวดคลึงเบาๆบริเวณเท้าทั้งสองข้าง
"นวดหนักๆหน่อย"หนุ่มอันเจียพูดขึ้น
"ยังไม่ได้นวดครับ แค่เริ่มต้นชะโลมน้ำมันก่อน"ต้นฝืนยิ้มให้ลูกค้าแถมคิดในใจว่า โดนงานหินอีกแล้ว ถึงว่าทำไมป้าทองคำไม่นวดเอง
หลังจากชะโลมน้ำมันที่ฝ่ามือเสร็จ ต้นจึงเริ่มออกแรงหนักขึ้น จนเป็นที่พอใจของหนุ่มอันเจีย ส่วนต้นก็รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ก็อดทนเพราะต้องทำเพื่อเงิน มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ต้นนวดฝ่าเท้าไปเรื่อยๆและไม่ได้มองหนุ่มอันเจียเลย ถึงจะเห็นครั้งแรกว่าหล่อ ขาว ตี๋ แต่มาสดุดกับคำว่าหนักๆ และต้องออกแรงพอสมควร โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือต้องรีดทั้งฝ่าเท้า หน่อง แต่ก็มีบ้างที่เขาใช้ไม้กดจุด แต่จางหนุ่มอันเจียไม่รู้สึกเจ็บอะไร กลับกันเขารู้สึกสบายเท้า
จางเหม่อมองผู้คน ที่เดินไปมาบริเวณตรงหน้าเขา มีทั้ง อันเจีย ฝรั่ง และคนไทยที่มากที่สุด เขามองด้วยความเพลิดเพลินใจ สบายเท้าและกาย เมื่อต้นเริ่มมานวด คอ บ่า ไหล่ ให้เขา จางหลับตาพริ้มด้วยรู้สึกว่ามันคลายเมื่อยได้ลงเยอะ แต่แล้วความเพลิดเพลินก็ได้หายไป
"เสร็จแล้วครับ" ต้นบอกกล่าว แล้วยืนรอรับเงิน
"เท่าไรครับ" จางหยิบกระเป๋าเงินออกมา
"150 บาท ครับ"
จางควักเงินในกระเป๋าให้ 200 บาทแล้วยื่นให้ต้น
"ไม่ต้องทอน ทิป"
"ขอบคุณครับ"ต้นยกมือไหว้แล้วยิ้ม
จางก็เช่นกันยิ้มให้ต้น แล้วเขาก็เดินจากไปในท่ามกลางฝูง ส่วนต้นก็ยืนมองจนจางจนลับสายตา
"ไอ้ต้นยืนเหม่อหาอะไรมาทำงานต่อ เห็นไหมลูกค้าฝรั่งนั่งรออยู่" ป้าทองคำยืนท้าวเอวบ่นแล้วถอนหายใจ
"ครับป้า" ต้นรับคำแล้วรีบเก็บผ้าที่ใช้เสร็จไปวางไว้ หลังจากนั้นล้างมือแล้วมานั่งที่เดิม ส่วนลูกค้าก็เป็นฝรั่งหญิงสูงอายุ
"ทำไมวันนี้มาช้าจัง"นารีเพื่อนสาววัยใกล้เคียงถามอย่างสงสัย
"ติดงานที่ร้านออกมาไม่ได้เลย"ต้นหันมามองหน้านารี
"ดีแล้วนึกว่าติดผู้"นารีพูดพลางยิ้มติดตลกเพื่อเบี่ยงความรู้สึกของต้น
"บ้าจะติดได้ไง พึ่งอกหัก" ต้นค้อนนิดหน่อย
"ให้มานวดนะ ไม่ได้ให้มาคุยกัน เสียงดังรบกวนลูกค้า" ป้าทองคำตะโกนสุดเสียงเพราะอยู่ไกล
เมื่อทั้งสองได้ยินเช่นนั้นเลยหยุดชะงัก มองตากันนิดนึงแล้วอมยิ้ม แล้วทำการนวดฝ่าเท้ากันต่อไป ไม่คุยกันแม้แต่น้อย
" ว่าไง ต้น วันนี้ได้กั่ชั่วโมงแล้ว " นนท์หนุ่มวัยยี่สิบหก ซึ่งมาช้ากว่าต้นอีก มานั่งใกล้ๆเพื่อมานวดลูกค้ารายใหม่ ที่พึ่งมาเป็นฝรั่งหนุ่มใหญ่
"สี่ชั่วโมงครับพี่"ต้นหันมาพูดด้วย ทั้งๆที่พึ่งโดนว่าเมื่อครู่
" อ๋อ เหรอ พี่นวดที่ร้านได้ 5 ชั่วโมง นี่ชั่วโมงที่หกนะ"
" ครับ"ต้นแค่พยักหน้าและไม่พูดต่อ ด้วยความรำคาญที่นนท์ชอบคุยทับ และเกรงใจป้าทองคำเดี๋ยวตะโกนด่าอีก
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆในความคิดหมอนวดทั้งหลาย จนถึงห้าทุ่มหมดเวลางาน บรรดาหมอนวดต่างช่วยกันเก็บเก้าอี้สิ่งของเข้าที่เข้าทาง หลังจากนั้นรับเงินแล้วแยกย้ายกันไป
"ไปไหนต่อต้น"นารีเพื่อนสาวตะโกนถามแล้วเดินมาหา
"ว่าจะไปกินข้าวแล้วกลับห้องเลย ไปด้วยกันไหมช่วงนี้เหงาอยู่คนเดียว"ต้นชวน และ ตีสีหน้าเศร้า
"เราก็อยากไป แต่โน้น"นารีโบ้ยปาก
"อ๋อ ผัวมารอนี่เอง"ต้นอมยิ้ม
"วันหลังเดี๋ยวจะไปหาที่ร้านนะ บ่าย" นารียกมือขึ้นแล้วรีบวิ่งไปหาสามีที่นั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซค์
"ไปแล้วนะต้น ลูกค้านัด"นนท์เดินมาบอกและจากไป
ต้นมองตามแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่วนต้นก็เดินไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งมีผู้คนไม่มากเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้ากำลังเก็บข้าวของ ต้นเดินมาเรื่อยๆจนถึงประตูเชียงใหม่ และขึ้นไปบนลานที่ขายอาหาร ต้นเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ
"วันนี้กินอะไรจ๊ะต้น"วาสสาวใหญ่รีบถามทันที
"หมี่เหลืองเกี้ยวครับพี่"ต้นเดินไปตักน้ำใส่แก้ว แล้วมานั่งที่โต๊ะ ซึ่งเหลืออยู่ที่เดียว
สักพักตาลสามีของวาสก็นำก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟ พร้อมกับถามไถ่
"วันนี้เป็นไงบ้าง"
"ก็พอได้นะพี่"ต้นพลางเติมเครื่องปรุง ใส่น้ำตาลเยอะหน่อย ส่วนพริกไม่ใส่เพราะไม่กินเผ็ด
"ตาลมารับออเดอร์ลูกค้าหน่อย "วาสตะโดนเรียก
ตาลเลยรีบเดินไปในทันที เพราะเขาค่อนข้างกลัวเมียพอสมควร
เมื่อต้นปรุงรสเสร็จ จึงจัดการหมี่เกี้ยวตรงหน้าในทันที ด้วยความหิวเขาจึงมุ่งแต่กิน ไม่ได้สนใจอะไรรอบข้าง แต่แล้วเขาต้องหยุดกินเพราะเสียงคุ้นหูเรียก
"ต้น ฝากลูกค้านั่งด้วย ไม่มีที่ว่างเลย"ตาลพาลูกค้าชาวอันเจียมาอยู่ตรงหน้าด้วย
ต้นเงยหน้าขึ้น และเขาก็ประหลาดใจ เพราะคนที่อยู่ตรงหน้า คือหนุ่มอันเจียที่เขาพึ่งนวดให้เมื่อหัวค่ำ
"ได้ครับ"ต้นยิ้มให้จาง ส่วนจางก็ตอบรับไมตรีโดยการยิ้มกลับ
เมื่อจางนั่งลงเขาก็ไม่ปรุงอะไรเลย กินในทันทีโดยไม่สนต้นที่มองด้วยความแปลกใจ เพราะมันจืดมากๆ ถ้าให้ต้นกินเขาก็ไม่สามารถกินได้
ในระหว่างที่จางกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ต้นก็อิ่มพอดีเขาจึงลุกขึ้นเดินไปจ่ายเงินให้วาส
"อิ่มมากเลยพี่ เดี๋ยวมาอุดหนุนใหม่"
"จร้า ขอบใจมาก"
หลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้นจึงข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อกลับห้อง ที่ไม่มีใครอยู่รอการกลับมาของต้น ในขณะที่เขากำลังเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนจากด้านหลัง
"รอด้วย หยุดก่อน"
ต้นหยุดชะงักทันทีและหันไปมอง และนั่นก็คือหนุ่มอันเจียคนเดิมอีก เขาครุ่นคิดว่าหนุ่มอันเจียคนนี้จะเรียกให้หยุดดทำไม
"มีอะไร"ต้นมีสีหน้าสงสัย
"โรงแรมที่ผมอยู่ไปทางนี้ เราจะได้ไปด้วยกัน"จางยิ้มให้และเดินมาหยุดตรงหน้าต้น
"ก็ได้"ต้นยิ้มและงงงวยพอสมควร จู่ๆหนุ่มอันเจียมาขอเดินไปด้วยกัน
"งั้นไปเลย"จางพยักหน้าชวนและเดินนำไป
ส่วนต้นก็ก้าวเท้าเดินตามให้คู่กัน ต่างคนต่างเงียบมองข้างทางที่ผับบาร์ยังเปิดอยู่
"คุณชื่ออะไร"จู่ๆจางก็ถามขึ้น
"ต้น"
"ด้วน"จางพยายามเลียนสำเนียงให้เหมือน
ต้นแอบยิ้มแล้วคิด ชื่อต้นอยู่ดีๆกลายเป็นด้วนซะแล้ว
"ไม่ใช่ ต้น"ต้นพยายามพูดช้าๆ
"ต้วน"
"ต้น"
"ต้น ต้น ต้น"ในที่สุดจางก็พูดได้ชัดขึ้น
"ใช่เลย ออกเสียงแบบนี้แหล่ะ"ต้นยิ้มให้
"ผมชื่อจางนะ"
"จาง"ต้นพูดตามอย่างชัดถ่อยชัดคำ
"โอ้ว ต้นเก่งจัง ว่าจะสอนซักหน่อย"จางมีสีหน้าประหลาดใจ
"ไม่ได้เก่งหรอก ต้นดูซีรี่อันเจียบ่อย ดูแบบซับไทย"
"ต้นชอบดูซีรี่เหมือนผมเลย แล้วชอบเรื่องอะไร"จางได้เรื่องที่จะคุยต่อ
ส่วนต้นไม่รู้จะบอกชื่อเรื่องเป็นภาษาอันเจียว่าอะไรดี เพราะเขาจำได้แต่ชื่อไทย รักไม่มีข้อแม้ ถ้าบอกไปจางก็คงไม่รู้จัก และในทันใดต้นก็คิดออก ถ้าบอกชื่อดาราไปจางต้องรู้จักแน่ๆ
"จำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่จำดาราได้ ชื่อ มงมงกับหยันหยัน"
จางอมยิ้ม เพราะเขาก็ดูเรื่องนี้แบบผ่านๆ และได้ยินได้ฟังมาสมควร
"อันเจียอง "
"อันเจียอง พอได้ไหม"ต้นหันมาถาม
"พูดได้อีกแหล่ะ ผมพูดภาษาไทยได้คำเดียวเอง"
"คำอะไรเหรอ"ต้นถามด้วยท่าทีสงสัย
"ก็ต้นไง ชัดไหม"จางพูดอย่างหน้าตาย
"เอ่อ"ต้นพูดไม่ออกได้แต่หันหน้าไปทางอื่น
"วันหลังต้นต้องสอนผมพูดหลายๆคำนะ"
"จะสอนอย่างไง เราไม่ได้อยู่กัน"ต้นหันมามองไหม
"ก็นี่ไงเราเริ่มอยู่ด้วยกันแล้ว เดี๋ยวก็เจอกันบ่อยๆ แลกเบอร์ ไลน์ กันก่อน มาที่ไทยใช้ไลน์ได้ ถ้าผมกลับอันเจีย ต้นก็สมัครเมาท์แชท เราก็คุยกันได้แล้วเห็นไหม"
จางพูดจบ ต้นถึงกับอึ้งไปไม่ถูก คิดไม่ออกจะบอกอย่างไรดี ต้นเริ่มงงจากลูกค้าอยู่ดีๆมาขอเป็นเพื่อน
"ว่าไง ไม่อยากเป็นเพื่อนผมเหรอ เงียบไปเลย"จางหน้าเศร้า
"เปล่า"
"งั้นเรามาสาบานเป็นเพื่อนกัน จนวันตายเลยนะ"
"ฮือ ไม่ต้องถึงสาบานหรอก"ต้นถึงกับอึ้งอีกครั้ง
"ดีจัง ผมมีเพื่อนคนไทยแล้ว เพราะผมมาสองวันแล้วเหงามาก จะได้มีเพื่อนคุย"จางยิ้มไม่หุบ
ทั้งสองเดินเลาะตามไหล่ทาง พูดคุยกันจนถึงหน้าโรงแรมที่จางอยู่
"ถึงแล้ว นี่ไงโรงแรมที่ผมอยู่"จางชี้ไปที่ทางโรงแรม
ต้นมองเข้าไปข้างในโรงแรม ซึ่งมองจากข้างนอกความหรูก็ระดับกลางๆค่อนไปทางหรู
"ขึ้นไปคุยกันข้างบนไหม"จางยืนจ้องหน้า
"พรุ่งนี้ต้องไปทำงานนะ "ต้นปฏิเสธทันที
"ใช่ด้วย ถ้าอย่างนั้นเราขอเบอร์หน่อย พรุ่งนี้จะได้โทรหา ว่าอยู่ที่ไหน เราจะได้ไปนวดตัว เพราะรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว" จางหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมเมมเบอร์
ต้นก็บอกแต่โดยดีเพราะอย่างน้อยก็ได้ลูกค้า ส่วนวันพรุ่งนี้ต้นก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกัน ว่าจะมีงานให้ทำหรือเปล่า จึงเป็นเรื่องราวดีๆที่ต้นเจอคืนนี้
เมื่อต้นบอกเสร็จ จางก็โทรทันที เพราะกลัวต้นแกล้งบอกเบอร์ผิด หลังจากนั้นเสียงมือถือของต้นก็ดังขึ้น จางจึงกดปิดและเมมเบอร์
"ต้นเมมเบอร์ผมด้วย เดี๋ยวลืมถ้าเราโทรไปต้นจำไม่ได้ ต้นใช้เบอร์นี้สมัครไลน์หรือเปล่า"
"ฮือ ใช่"ต้นหยิบมือถือออกมาพร้อมบันทึกชื่อว่าจางเป็นภาษาไทย
ส่วนจางบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ ton หลังจากนั้นเขาก็ค้นหาไลน์ทางเบอร์ ก็เห็นชื่อและหน้าต้นเป็นภาษาอังกฤษ
"ขึ้นแล้ว ต้น ต้น"จางยิ้มระรื่น
"ถ้าอย่างนั้นต้นกลับก่อนนะ"ต้นเอ่ยขึ้น
"ห้องต้นไกลไหมเราเดินไปส่งได้นะ"
"ไม่ต้องหรอกส่งกันไปกันมาไม่ถึงซักที แล้วมันก็ไม่ไกลหรอก"
"ถ้างั้นคืนนี้ต้นนอนนี่ พรุ่งนี้ค่อยกลับแต่เช้า เดี๋ยวเราเดินไปส่ง"จางยิ้มและเบิกตาขึ้นมองต้น
"ไม่เป็นไรหรอกกลับได้ชินได้"ต้นก็ค้องใจอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ไม่ดีก็ชวนขึ้นห้อง ซึ่งต้นก็ไม่อยากจะคิดในแง่ไม่ดี ซึ่งต้นกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ แต่แล้วเสียงของจางก็ดังขึ้น
"ก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกัน บ่าย"จางโบกมือให้ แล้วเดินเข้าไปในโรงแรม บางครั้งแอบหันมามองต้น จางรู้สึกถูกชะตากับต้น อยากอยู่ใกล้ๆต้น จางอดแปลกใจไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนมาประเทศไทย จางก็มีแฟนเป็นผู้หญิง แต่พึ่งเลิกลากันไป
ส่วนต้นก็เดินไปเรื่อยๆพลางคิดถึงรักเก่าที่จากกันไป โดยไม่ได้บอกลาหายไปเป็นเดือน ซึ่งต้นก็พยายามหักห้ามใจไม่ให้คิด เพราะแฟนเก่าของต้นไม่ได้แสนดีจนน่าจดจำ มีแต่สร้างเรื่องให้ต้นแก้ปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
นางเคยมอบความรัก ความภักดี ให้เขาด้วยความจริงใจ แต่เขากลับตอบแทนนางด้วยการทรยศ หักหลัง สกุลของนางต้องล่มสลาย ยามที่สวรรค์มอบโอกาสให้นางได้หวนคืนชะตา นางจึงตั้งมั่นไม่ขอหวนกลับไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเขาอีก เพียงแต่นางพยายามหลีกหนี คนหน้าหนากลับพยายามไล่ตาม ใช้ความเจ้าเล่ห์ทั้งหลอกล่อบีบคั้นจนนางไร้หนทางหลีกหนี ในเมื่อมิอาจหลีกหนีเช่นนั้นครั้งนี้นางก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า สตรีสกุลหลิวจะไม่ยอมโง่เขลาเป็นครั้งที่สอง "กู่เหว่ยหยวน ตลอดชีวิตของข้า สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุด คือมอบใจให้บุรุษชั่วช้าเช่นเจ้า หากสวรรค์มีจริง ไม่ว่าจะกี่ภพชาติอย่าได้พบกันอีกเลย"
เรื่องของอารียาคุณครูสาวใหญ่วัย35กับหนุ่มน้อยลูกติดผัววัย19ที่ชื่อโจ โจเป็นเด็กช่างอาชีวะสายโหดและหื่นกาม เธอมักจะโดนลูกชายแอบลวนลามอยู่บ่อยๆ ทว่าเธอกลับเป็นสาวหัวโบราณที่ไม่กล้าแม้ปริปากบอกสามี ด้วยความกลัวว่าบ้านจะแตกสาแหรกขาดอารียาเลยปล่อยเลยตามเลย แค่คำพูดห้ามปรามทำให้คุณแม่พลาดท่าเสียทีให้ลูกเลี้ยงไปจนได้ เธอโดนโจจับกดจนเสร็จสมอารมณ์หมายไปหลายหนจนตัวเองก็ติดใจเสียดื้อๆ ในที่สุดอารียาก็ต้องจำใจมีผัวถึงสองคนอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน คนแรกคือผัวที่ถูกต้องตามกฏหมาย อีกคนคือลูกติดผัวที่หื่นเสียเหลือเกิน
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ในคืนแต่งงาน เธอไม่ได้พบเจ้าบ่าว ชายแปลกหน้าที่บุกเข้ามา ทำลายทุกอย่างของเธอ แม่สามีทั้งทุบตีและดูหมิ่น สามีเย็นชาและไร้ความปรานี อีกทั้งยังมีหญิงอื่นหัวเราะเยาะและอวดโอ้ เธอจึงถูกไล่ออกไปจากบ้าน ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นทนายความมือหนึ่ง ที่สามารถใช้เอกสารฟ้องร้องชายที่ทำลายชีวิตเธอได้ แต่เธอไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือเศรษฐีที่มีชื่อเสียงในเมืองใหญ่ คนผู้นี้ผ่านผู้หญิงมาหลายคนแต่ไม่เคยผูกพันกับใครเลย มีความสะอาดอย่างมาก อารมณ์แปรปรวน เป็นคนดื้อรั้นและเผด็จการ บังคับให้เธอแต่งงานกับเขา ทำทุกวิธีทางที่เขาจะทำได้ เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิม...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด