+++++++++++++++ “แอบฟังแล้วคิดว่าฉันจะปล่อยผ่านไปง่ายๆ งั้นเหรอ” “ฉันไม่ได้แอบ” “แต่เธอได้ยิน” “ช่วยไม่ได้นายกับแฟนนายอยากจะคุยเรื่องลับๆ ของพวกนายตรงนี้เอง และฉันขอบอกไว้ตรงนี้ว่าไม่ได้แอบฟัง” “ใครสน” โรมไม่พูดเปล่าแต่มือหนากับหยิบแว่นตาทรงกลมออกจากใบหน้าของคนตัวเล็ก กลิ่นน้ำหอมเจือจางที่ลอยมาแตะจมูกของคนตัวโต ยัยพิษสุนัขบ้านั้นตัวหอมชะมัด สายตาคมคู่ดุจ้องมองใบหน้าสวยใสไร้กรอบแว่นตาอย่างใกล้ชิดพิจารณา ราวกับถูกใบหน้าสวยหวานตรงหน้านั้นต้องมนต์สะกดเข้าอย่างจัง “แว่นฉันนั้นนายจะเอาไปไหน เอาคืนมานะ” “รับปากกับฉันว่าเธอจะไม่เอาเรื่องที่ได้ยินไปพูดที่ไหน ห้ามเอาเรื่องของฉันไปเผยแพร่เด็ดขาด” โรมเอ่ยกับคนตรงหน้าเสียงเข้ม “ทำไมรับไม่ได้ อายเหรอ” นานิลเอ่ยอย่างเชิดหน้า นี้เหรอโรม บริหารปี 3 ที่สาวๆ คลั่งไคล้นักหนา แต่น่าเสียดายหน้าตาก็ดี แต่ไม่คิดจะหน้าตัวเมีย “ไม่ใช่...เรื่องของเธอ แค่ทำตามที่ฉันสั่ง” “เป็นใครมาสั่งฉัน” เธอสวนกลับเขาทันที แต่นั้นกับถูกฝ่ามือหนาบิดเข้าที่เอวเล็ก นานิลถึงกับรู้สึกได้ “ไม่รับปาก แต่จะพยายามปิดปากให้เงียบละกัน” นานิลเชิดหน้าใหเกับเขา เธอตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่าไม่รับปาก นั้นยิ่งทำให้โรมนั่นหัวเสียอยู่ไม่น้อยกับคำตอบของนานิล สายตาคมเข้มสำรวจใบหน้าสวย จมูกโด่งคมสันโน้มเข้าหาอย่างใกล้ชิด จมูกโด่งคมสันโน้มแตะเข้าที่จมูกคนตัวเล็ก ทั้งสองสบตารับรู้ลมหายใจอุ่นๆ ตาคมสบตาเข้ากับนัยน์ตาคู่สวยเปล่งประกายตรงหน้า “จะว่าไปของแปลกๆ อย่างเธอก็น่าสน น่าลองดีเหมือนกันนะ” รอยยิ้มอันร้ายกาจผุดขึ้นมาบนใบหน้า อยากสั่งสอน หรืออยากลอง ในเมื่อตนมองปากบางจิ้มลิ้มตรงหน้าไม่ไหว เห็นทีน่าจะอย่างหลังมากกว่า
โรม รัชพงศ์ หนุ่มหล่อเบ้าหน้าฟ้าประทาน หยิ่งนิ่ง ใบหน้าแสนจะเย็นชา
“แอบฟังแล้วคิดว่าฉันจะปล่อยผ่านไปง่ายๆ งั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้แอบ”
“แต่เธอได้ยิน”
“ช่วยไม่ได้นายกับแฟนนายอยากจะคุยเรื่องลับๆ ของพวกนายตรงนี้เอง และฉันขอบอกไว้ตรงนี้ว่าไม่ได้แอบฟัง”
“ใครสน” โรมไม่พูดเปล่าแต่มือหนากับหยิบแว่นตาทรงกลมออกจากใบหน้าของคนตัวเล็ก กลิ่นน้ำหอมเจือจางที่ลอยมาแตะจมูกของคนตัวโต ยัยพิษสุนัขบ้านั้นตัวหอมชะมัด สายตาคมคู่ดุจ้องมองใบหน้าสวยใสไร้กรอบแว่นตาอย่างใกล้ชิดพิจารณา ราวกับถูกใบหน้าสวยหวานตรงหน้านั้นต้องมนต์สะกดเข้าอย่างจัง ปากนิดรับกับปลายจมูกเชิดๆ ทรงสวย โรมใกล้ชิดกับคนตรงหน้าถึงกับสายตาพล่ามัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คนหาเรื่องถึงกับเสียการควบคุมไปชั่วขณะ แต่ก่อนที่ร่างสูงจะคิดเลยเถิดไปมากกว่านี่นั้น
“แว่นฉันนั้นนายจะเอาไปไหน เอาคืนมานะ”
“รับปากกับฉันว่าเธอจะไม่เอาเรื่องที่ได้ยินไปพูดที่ไหน ห้ามเอาเรื่องของฉันไปเผยแพร่เด็ดขาด” โรมเอ่ยกับคนตรงหน้าเสียงเข้ม
“ทำไมรับไม่ได้ อายเหรอ” นานิลเอ่ยอย่างเชิดหน้า นี้เหรอโรม บริหารปี 3 ที่สาวๆ คลั่งไคล้นักหนา แต่น่าเสียดายหน้าตาก็ดี แต่ไม่คิดจะหน้าตัวเมีย ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ นี้แหละหนอคน
“ไม่ใช่...เรื่องของเธอ แค่ทำตามที่ฉันสั่ง”
“เป็นใครมาสั่งฉัน” เธอสวนกลับเขาทันที แต่นั้นกับถูกฝ่ามือหนาบิดเข้าที่เอวเล็ก นานิลถึงกับรู้สึกได้
“ไม่รับปาก แต่จะพยายามปิดปากให้เงียบละกัน” นานิลเชิดหน้าใหเกับเขา เธอตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่าไม่รับปาก นั้นยิ่งทำให้โรมนั่นหัวเสียอยู่ไม่น้อยกับคำตอบของนานิล สายตาคมเข้มสำรวจใบหน้าสวย จมูกโด่งคมสันโน้มเข้าหาอย่างใกล้ชิด
จมูกโด่งคมสันโน้มแตะเข้าที่จมูกคนตัวเล็ก ทั้งสองสบตารับรู้ลมหายใจอุ่นๆ ตาคมสบตาเข้ากับนัยน์ตาคู่สวยเปล่งประกายตรงหน้า
“จะว่าไปของแปลกๆ อย่างเธอก็น่าสน น่าลองดีเหมือนกันนะ” รอยยิ้มอันร้ายกาจผุดขึ้นมาบนใบหน้า อยากสั่งสอน หรืออยากลอง ในเมื่อตนมองปากบางจิ้มลิ้มตรงหน้าไม่ไหว เห็นทีน่าจะอย่างหลังมากกว่า
++++++++++++ ใบหน้าอันหล่อเหลาโน้มเข้าหาหวังจะจูบคนตัวเล็ก แต่เธอกับหลับตา “หยี่ สกปรกปาก ไม่รู้ไปจูบกับใครมาบ้าง” “ไง...ไม่อยากร่วมด้วยเหรอ” “เฮ้ย... กล้าดียังไงมาว่าฉันอยากร่วม ปากสกปรกแบบนี้กรุณาถอยไปไกลๆ” “ว่า ฉัน” “ที่นี่มีหมาอีกตัวไหมละ” ร่างบางที่กำลังจะสาวเท้าหนีกับถูกมือหนากระชากเข้าหาตัว “หึ...พูดผิดพูดใหม่ได้นะคนสวย ฉันให้โอกาสเธอพูดอีกที” ใบหน้าอันหล่อเหลาของหนุ่มเพลย์บอยเสยิ้มให้กับคนตรงหน้า มะปรางถึงกับถอยหนี “อย่านะ...นี้นายคิดจะทำอะไร” “ก็เห็นแวดๆ อยากลองไหมละ ห้องนั้นยังว่างนะ” รามไม่พูดเปล่า แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาผิวเนียนใส จมูกโด่งกับโน้มเข้าหาคนตัวเล็ก !! ตึก ตึก !! ด้านมะปรางที่ถูกรามเข้าใกล้ในระยะประชิดตัว ร่างบางถึงกับใจสั่นเต้นแรงขึ้นมาอย่างทราบสาเหตุ “งั้นเหรอ” เธอเอ่ยกับเขาอย่างท่าทาย !! โป๊ก !! แต่นั้นกับรองเท้าส้นสูงไซส์ 37 กับเตะเข้าส่วนสำคัญของคนตัวสูงถึงกับทรุดตัวลงกับพื้นเขาจุกขดจนตัวงอ “อึก...โอ้ย เธอ...ยัย” รามที่ถูกยัยหน้าสวยบ้าพลังเตะเข้าส่วนสำคัญถึงกับหน้าแดงตัวงอ “ชวนเข้าห้องไม่ใช่เหรอ อ่อนแบบนี้ ห้องไหนดีละ ห้อง ICU หรือห้องดับจิต” มะปรางไม่พูดเปล่าร่างบางเอ่ยจบก็โบกมือบายๆ ให้กับผู้ชายปากเสียด้วยสีหน้าสะใจ เหอะมีอย่างที่ไหนมาชวนฉันเข้าห้องด้วย รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว รู้จักสนิทหรือไงถึงได้มาชวนฉันเข้าไปเล่นสยิวในห้อง บ้าไปแล้วไหม ร่างบางเดินสะบัดตัวไปอย่างสวยๆ ด้านรามที่ถูกสาวสวยเตะเข้าเจ้ามังกรยักษ์ถึงกับหน้าแดง อ่า...ยัยบ้านี้ กล้าดียังไงเตะเขาไอ้นั้นแทบหัก แล้วยังมีหน้ายิ้มเยาะเยิ้ยสะใจ เจ็บตัวไม่เท่า เจ็บหนักตรงที่มาว่าเขาอ่อนนี้สิ หึ...! เกิดมาพึ่งเคยพบเคยเจอ สวยสเปคเลยแต่บ้าพลังชิบหาย รามน้อยไม่หักก็บุญเท่าไหร่แล้ว “หึ...ฝากไว้ก่อนเถอะ” ยัยนี้เด็กคณะไหนว่า สวยคับ สวยชิบหาย แต่ร้ายไม่เบา เท้านี้จะหนักไปไหนเหอะ หึ...แบบนี้แหละสเปคเลย เล่นตัว ยากๆ แบบนี้แหละชอบครับ ชอบมาก คอยดูเถอะอย่าหลงเสน่ห์รามคนนี้ขึ้นซะมาละ ระวังจะหาว่าพี่รามไม่เตือน ของหวงนายรุ่นพี่เป็น ผลงานเซต ราม น้องชายแฝด โรม (พยศรักร้ายนายมาดนิ่ง โรม x นานิล) มีให้อ่านจบเรื่อง มะปราง เพื่อนสนิท โรราน้องสาว โรม ราม (หวงรักร้ายนายวิศวะ โรรา x ดีเทล) มีให้อ่านจบเรื่อง ราม เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับ แทคิณ (เสี่ยงรักร้ายนายเพื่อนสนิท แทคิณ x พรีน เพื่อนนานิล) มีให้อ่านจบเรื่อง นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้เขียน ไม่มีเจนตนามุ่งร้ายต่ออาชีพ สร้างความเสียหาย แตกแยก ชื่อ ตัวละคร สถานที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเหตุการณ์สมมติเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มาอ่านฟินๆ จิกหมอนไปกับคิมได้เลยคะ อายุต่ำกว่า18 ปีควรได้รับคำแนะนำ
“ช่วยหน่อย พาฉันออกไปจากตรงนี้” “แล้วฉันจะได้อะไรจากนาย” พรีนต่อลองกับเขาคนหน้าขรึม “เธอ....” สายตาคมคู่ดุจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาเสียเวลาที่เธอต่อลองกับเขามากพอแล้ว “เหอะ คิดว่าหล่อ เป็นไอดอลแล้วไง ใช่ว่าสาวๆ จะชอบนายจะทุกคนหรอกนะ” พรีนเอ่ยพร้อมเชิดหน้าใส่แทคิณ ไอดอลแล้วไง ถึงนายนี้จะหล่อตรงสเปกฉันมากก็เถอะ เล่น ตัวไปสิคะ ใบหน้าอันหล่อเหลาโน้มเข้าหาคนตรงหน้า พร้อมกับหลุดรอยยิ้มที่มุมปาก “ไม่ชอบ เกลียดฉัน” เขาแสยิ้มถามคนตรงหน้า “ก็ไม่ขนาดนั้น” “จะช่วยไม่ช่วย” เขาเอ่ยเสียงเข้ม แต่นั้นภายในหัวของพรีนกับคิดอะไรขึ้นมา “ฉันไม่เคยช่วยใครฟรี อะไรดีน๊า นาฬิกานั้นก็แบรนด์หรู แหวนที่นิ้วนายนั้นก็สวย” นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ของคนใบหน้าสวยจงใจเหลือบมองที่แขนและข้อมือของเขามาอย่างตั้งใจ นาฬิกานั้นก็สวย แหวนที่ใส่ในนิ้วนั้นก็แบรนด์ดังด้วยสิ แต่น่าเสียดายที่เธอมีมันหมดแล้ว “อะไร ดีน๊า ที่สาวๆ ทั้งประเทศอยากได้จากนายกัน” เธอเอ่ยอย่างเชิดหน้า เหอะเขาคงคิดว่าฉันอยากได้ อย่างสาวๆ คนอื่นๆ อยากได้ละสิ ในเมื่อเขาให้โอกาสแล้ว แต่เธอกับไม่เลือกมัน ได้เขานี้แหละจะยัดเยือดสิ่งนี้ให้เธอเอง !! พรึบ !! มือหนากระชากแขนคนตรงหน้าเข้าแนบชิดตัว ตาจ้องตา จมูกโด่งคมสันโน้มแตะเข้าที่จมูกเรียวคนตัวเล็ก ทั้งสองสบตารับรู้ลมหายใจอุ่นๆ ตาคมสบตาเข้ากับนัยน์ตาคู่สวยเปล่งประกายตรงหน้า “ในเมื่อไม่ยอมเลือก ฉันจะเลือกให้เธอเอง” รอยยิ้มอันร้ายกาจผุดขึ้นมาบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ริมฝีปากอันร้ายกาจประทับลงที่ปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มลงอย่่าง อ่อนโยน จูบนี่ฉันพรีนรดาอย่างฉันลืมไม่ลง
เขาเป็นคนรักใครรักยาก ในเมื่อเธอเข้ามาทำให้รักแล้ว ยากที่จะปล่อยเธอไป "มาทำให้ฉันรัก แล้วคิดจะออกไปจากฉันง่ายๆ งั้นเหรอ ไม่มีวัน" พูดจบ มือหนาก็กระชากคนตัวเล็กเข้ามาระดมจูบเข้าใบหน้าสวย อย่างหนักหน่วง จูบที่ดิบเถื่อน และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นคนรักใครรักยาก แต่ในเมื่อยัยตัวแสบเข้ามาทำให้รักแล้ว ก็ยากที่จะปล่อยเธอไป ปากหยักหนาถอนจูบออกจากคนตัวเล็ก และอุ้มเดินไปยังลานจอดรถ "...พี่ธีร์นี้พี่จะทำอะไร ปะ...ปล่อยฉันนะ" "ของเคยๆ กันอยู่จะกลัวไปทำไม" ธีร์ณัฐจ้องมองคนตรงหน้าที่แสนจะพยศ "อย่านะพี่ธีร์ ไม่..." หึ... รอยยิ้มอันร้ายกาจผุดขึ้นมาที่มุมปากหยัก "เด็กแสบๆ อย่างเธอจะได้ไม่กล้า มาบอกเลิกฉันอีก" ธีร์ณัฐตะเบ่งเสียงด้วยท่าทีโกรธจัด พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปจัดการปิดเสียงอันน่ารำคาญที่ออกจากปากคนตัวเล็ก (ธีร์ณัฐ พี่ชายดีเทล เรื่องหวงรักร้ายนายวิศวะ) (ข้าวตัง เพื่อนสนิทโรรา เรื่องหวงรักร้ายนายวิศวะ)
"มีฉันเป็นผัวคนเดียวมันไม่พอหรือไง ถึงอยากได้ไอ้แทคิณเป็นผัวเพิ่ม" ดีเทลตะเบ่งเสียงด้วยท่าทีโกรธจัด พร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าหา "สงสัยพี่จะเข้าใจอะไรผิด คนที่ฉันรักคือพี่แทคิณ...พี่ใช่พี่" โรราเอ่ยมาเช่นนั่น แต่นั้นกับยิ่งทำให้ ดีเทลโมโหและโกรธหนักเข้าไปอีก คนตัวโตถึงกับกดคนใต้ร่างลงให้จมเตียงนอน "ฉันไม่สนว่าเธอจะรักใคร ตราบใดที่เธอเป็นของฉันๆ ไม่มีทางที่เธอจะเป็นของใครหน้าไหนทั้งนั้น" "คนเลว..." โรราเอ่ยด้วยเสียงอันโกรธจัด ดีเทลจ้องมองคนใต้ร่างด้วยความรู้สึกโกรธและโมโห "กับผู้หญิงสำส่อนอย่างเธอ ฉัน เลว...ได้มากกว่าที่เธอคิด" ดีเทลเอ่ยจบร่างสูงก็ระดมจูบคนดื้อ ที่แสนจะพยศไปทั่วทั้งใบหน้า "มะ...ไม่นะ พี่ดีเทล" โรราเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่น
ฝากดีเอ็ม ณดาด้้วยนะค่ะ (วิศวะรุ่นน้อง) "ฉันไม่มีวันหมั้นกับผู้ชายมักมากนิสัยเสียอย่างนาย ไม่มีวัน" ณดาเอ่ยพร้อมกับเชิดหน้าใส่ ขณะที่เธอนั้นพยายามดันตัวออกจากการรัดกุมของดีเอ็ม "ทำไม คนอย่างฉันมันทำไม" ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับจ้องใบหน้าสวยใส ด้วยสีหน้าและแววตาดุดัน "มักมากและสำส่อน เอาไม่เลือกอย่างนาย ต่อให้เหลือนายแค่คนเดียวฉันก็ไม่เอา" ณดาเอ่ยกับคนใจร้ายอย่างเหลืออด "สงสัยที่ปากเก่ง เถียงฉอดๆ แบบนี้ ไม่อยากเป็นแค่ว่าที่คู่หมั้น แต่อยากข้ามขั้นเป็นเมียฉันแทน" ร่างสูงเอ่ยจบ ก็ระดมจูบคนตัวเล็กไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอด้วยท่าทีโมโหสุดๆ เขารู้ว่าเธอนั้นเกลียดเขาเข้าใส้ แต่ทำไงได้ละในเมื่อครอบครัวดันเสนอตัวเธอมาให้กับเป็นคนของเขา แบบนี้ใครจะปล่อยให้โง่ละ มันก็ต้องลองกันหน่อย
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"