หอบผ้าหอบผ่อนข้ามน้ำทะเลเพื่อมาบอกเขาว่า "ท้อง" กับเขา นึกว่าเขาจะดีใจเธอคิดผิด เพราะสิ่งที่ได้รับกลับมาหลังจากนั่นคือความใจร้ายของเขา ทำไมกัน ทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังเธอนัก --------------- “พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอท้อง” “พี่มาร์คก็พาไวน์ไปตรวจสิคะ และก็พาฝากท้องด้วย ที่ไวน์มาที่นี่เพราะไวน์มาหาพ่อให้ลูก ไวน์ยังไม่ได้บอกทุกคนหรอกค่ะว่าไวน์ท้อง” “ยังไงพี่ก็รับผิดชอบเธอไม่ได้ พี่ไม่ได้รักเธอไวน์ ได้ยินไหม พี่ไม่ได้รักเธอ พี่มีแฟนแล้วและพี่ก็รักเธอมาก ถึงไวน์จะท้อง พี่ก็จะรับแค่ลูก แต่ตัวไวน์ พี่ไม่ต้องการ เรื่องลูกถ้าท้องจริงพี่ยินดีรับแน่นอน” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พูดตามที่สมองประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจยอมรับวรนิษฐ์ได้ เขาไม่ได้รักเธอและไม่เคยคิดจะรักด้วย “หมายความว่ายังไงคะ พี่มาร์คจะไม่รับผิดชอบไวน์เหรอคะ พี่มาร์คได้ไวน์แล้วและพรากพรหมจรรย์ไวน์ไปด้วย” “ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่แคร์พรหมจรรย์กันแล้วไวน์ ไวน์เองก็น่าจะรู้ดีว่ายุคนี้มันยุคไหนแล้ว ไวน์ก็โตที่เมืองนอก ไวน์น่าจะรู้ดี” “สำหรับคนอื่นไวน์ไม่รู้ แต่สำหรับไวน์มันสำคัญมาก ยังไงพี่มาร์คก็ต้องรับผิดชอบไวน์ แต่งงานกับไวน์ ถ้าพี่มาร์ครับผิดชอบ ไวน์จะบอกคุณย่ากับคุณพ่อว่าไวน์ท้อง” “อย่ามาขู่พี่” “ไม่ได้ขู่ ไวน์พูดจริงทำจริง” “คิดว่าพ่อกับคุณย่าจะบังคับพี่ได้งั้นเหรอ จำไว้ว่าพี่ไม่มีวันรักเธอ เรื่องลูกพี่จะรอเขาคลอดแล้วเอามาเลี้ยงเอง ผู้หญิงคนเดียวที่พี่รักคือแพร” พูดจบแล้วเขาก็ลุกเดินออกจากห้องของเธอไปด้วยความเดือดดาล กล้านัก กล้าขู่เขาว่าจะบอกพ่อกับคุณย่า คิดว่าเขาแคร์เขาสนใจรึไง เชิญเลย แต่ถ้าจะให้รับผิดชอบไม่มีทาง เขาไม่ได้รักวรนิษฐ์ --------- “นี่มันอะไรกันไวน์” เมื่อปลายสายกดรับสาย เขาก็กระชากเสียงถามไปในสายทันที “อะไรคะ?” เธอถามเขาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจในความหมายของเขา “ก็หมายศาลไง ฟ้องหย่าเหรอ” “อ้อ...ค่ะ ก็พี่บอกไม่ยอมหย่าเอง ไวน์เลยต้องพึ่งศาล” “นี่เอาจริงเหรอ?” “แล้วไวน์บอกเหรอคะว่าพูดเล่น ถ้าไม่อยากให้ถึงศาลก็ยอมเซ็นใบหย่าให้ไวน์สิคะ เรื่องจะได้จบๆ” “ไม่มีทาง! ยังไงพี่ก็ไม่หย่าหรอก ไม่รักพี่แล้วเหรอ?” เขาถามเธอในท้ายประโยคและหวังว่าเธอจะตอบกลับมาว่า ‘รัก’ แต่กลับตรงกันข้าม
“อะ...อื้อ พะ...พี่มาร์คอย่าทำแบบนี้กับไวน์ค่ะ ยะ...อย่า อื้อ...” แล้วเสียงพูดของคนตัวเล็กก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เธอแค่จะเข้ามาดูเขาเท่านั้นเอง เห็นแม่บอกว่าเขาดื่มหนักมาจากข้างนอก แต่พอเข้ามาเขาก็คว้าเธอลงไปยังเตียงแล้วคร่อมทับ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดจากริมฝีปากทั้งสอง จูบร้อนรุ่มของมโนภฤศฉุดกระชากลมหายใจของวรนิษฐ์ไปอย่างจำยอม จูบแรกของเธอถูกเขาฉกฉวยโอกาสไปอย่างง่ายดาย หล่อนพยายามดิ้นขัดขืนหนีจากใต้ร่างใหญ่ แต่ไม่เป็นผล เสื้อผ้าของเธอถูกเขาปลดเปลื้องหลุดลุ่ยออกอย่างรวดเร็ว
“อ่า...แพร ผมคิดถึงคุณ” เขาผละปากหนาออกจากปากเธอพร้อมครางเรียกชื่อหญิงอื่น หัวใจหล่อนจุกเจ็บแปลบ ดันเขาออกห่างแต่ไม่ได้ผล เขาจับข้อมือเธอกดตรึงไว้ข้างลำตัวพร้อมกับใบหน้าหล่อของเขาซุกไซ้ลงมายังซอกคอระหงของเธอ
“อ่า...ไม่ไหวแล้ว ขอนะทูนหัวของผม อ่า...” คนเมาไม่ได้สติมองคนใต้ร่างเป็นหน้าแพรไหม แฟนสาวที่รักของตน มาร์ค หรือมโนภฤศ พันแสงเดือน วัย 36 ปี เขาเดินทางมาทำธุระให้พ่อของเขาที่สวีเดน พอทำธุระเสร็จเขาก็ดื่มผ่อนคลาย แต่ดื่มจนเมามายจ้างคนมาส่งที่บ้านพักของท่านทูตทรงพล เพื่อนรักของพ่อของตน
“แพร...” น้ำเสียงแหบแห้งครางพร่าแล้วจ้องมองหน้าสวยของคนที่ตนปล้ำจูบทาบทับ ตอนนี้มันไม่ใช่หน้าของแพรไหม แฟนสาวของตน เขาจึงสะบัดหัวแรงๆ มองใหม่อีกครั้งเป็นวรนิษฐ์ เรืองกระจ่าง หรือไวน์ วัย 25 ปี ลูกสาวของเพื่อนพ่อเขานั่นเอง เขาเคลื่อนตัวออกจากร่างเล็กใต้ร่างทันที เมื่อเริ่มมีสติและแทบจะสร่างเมา
“เข้ามาในห้องพี่ได้ยังไงไวน์” เขาลุกขึ้นหันหลังให้เธอเมื่อไม่อยากมองร่างกึ่งเปลือยของน้องน้อย
“พะ...พี่มาร์ค” เธอเอ่ยเสียงแผ่วพร้อมกับดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงของเขาแล้วก้าวลงจากเตียงจัดเสื้อผ้าของตัวเองจะออกไปจากห้อง แต่แล้วก็ถูกเขาคว้าเอวเล็กรั้งไว้แล้วเหวี่ยงกลับไปยังเตียงอีกครั้ง
แม่งเอ้ย!
เขาสบถหยาบออกมาเมื่อตอนนี้อารมณ์ของเขามันกู่ไม่กลับแล้ว เขาตื่นตัวปวดร้าวและต้องการใครสักคนมารองรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และตอนนี้มีเพียงวรนิษฐ์เท่านั้นที่จะช่วยตนได้ แม้จะไม่ชอบหน้า ไม่ชอบที่เธอมักมาวุ่นวายกับตน แต่นาทีนี้ต้องพึ่งหล่อน
ว้าย!
“พะ...พี่มาร์คจะทำอะไรคะ ปะ...ปล่อยไวน์นะคะ ไวน์ไม่ใช่แฟนพี่ ไวน์มะ...อ่า...อื้อ” แล้วปากน้อยก็ถูกบดกระแทกจูบอีกครั้ง เรียวลิ้นสากของมโนภฤศสอดแทรกไปในโพรงปากเล็กเพื่อควานกลืนกินความหวานในโพรงปากเล็ก ปากหนาและเรียวลิ้นสากกระทำอุกอาจไม่อาจหยุดยั้งการกระทำตัวเองได้ตอนนี้ เสื้อผ้าของเธอที่แต่งกลับเข้าไปใหม่ก็ถูกกระชากหลุดออกอีกครั้ง เพียงเวลาไม่นานเธอก็เปลือยกายให้เขาได้คร่อมทับ
“อ่า...หวานเหลือเกิน ปากไวน์หวานมาก” เขาผละออกมาเอ่ยเสียงพร่าพร้อมกับสองมือใหญ่กอบกุมเต้าเต่งตึงที่อวดโชว์ตรงหน้าตน
“อ่ะ...เจ็บนะพี่มาร์ค พอได้แล้ว อย่าทำกับไวน์แบบนี้ อ่า...เจ็บ อื้อ...” เธอจับมือใหญ่ที่บีบนวดหน้าอกตนให้หยุด แต่ยิ่งห้ามเขายิ่งบีบแรง
“เธอเข้ามาหาพี่เองนะไวน์ ไม่ใช่ว่าอยากได้พี่เหรอถึงมาหาพี่เวลาแบบนี้ และตอนนี้พี่ก็ดื่มมาด้วย พี่คงหยุดไม่ได้หรอกนะ เพราะตอนนี้พี่มีอารมณ์แล้ว พี่ต้องปลดปล่อย” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเปล่งลอดออกมาจากริมฝีปากหนากระด้างของคนตัวโต คำพูดของเขามันทำให้เธอเจ็บปวดจนต้องดิ้นสุดแรงเกิดเพื่อหาทางเอาตัวรอดไปจากสถานการณ์นี้
“อือ...ปล่อยนะ พี่มาร์คไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับไวน์ ไวน์ไม่ได้ต้องการ อ่ะ...อื้อ เจ็บนะ” เธอถีบเท้ายันตัวเองหนีจากใต้ร่างใหญ่ แต่ไปไหนไม่รอด สองมือใหญ่หยาบกร้านยังคงขยุ้มขยำหน้าอกของเธอ เขาไม่ถนอมเธอเลย เธอเจ็บทุกครั้งที่เขาบีบเต้าตนจนรู้สึกว่ามันจะแตกคามือเขาเสียให้ได้
หึ!
มโนภฤศแสยะยกยิ้มมองสาวใต้ร่างแล้วก็เอ่ยออกมา
“พี่ไม่มีสิทธิ์ก็จริง แต่ไวน์แจ้นมาเสนอให้พี่ถึงห้องเอง อีกอย่างไม่ใช่ว่ารักพี่เหรอ ไม่ใช่ว่าต้องการพี่อยู่แล้วเหรอไวน์” เขาบอกหล่อนแล้วก็บดปากหนาไปกับกลีบปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่กำลังจะโต้ตอบตนกลับ มโนภฤศรู้สึกชอบโพรงปากน้อยของน้องน้อยใต้ร่างเหลือเกินตอนนี้ เขาชอบที่มันหวานและน่าค้นหา เรียวลิ้นสากลากไล้ไปในโพรงปากเล็กกอดเกี่ยวรั้งเรียวลิ้นเล็กหยอกเย้า
“อ่ะ...อื้อ” เสียงครางดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดกระแทกจูบกัน มือใหญ่ก็นวดเต้าอวบหยุ่นพอดีมือตน มันนุ่มนิ่มจนเขาหลงใหลจนไม่อยากผละมือสากกร้านตัวเองออก ปากหนาเคลื่อนผละจากปากอวบอิ่มจูบไล้มายังซอกคอระหงแล้วเคลื่อนมาขบเม้นเนินอกอวบอูม
“อือ...มะ...ไม่นะพี่มาร์ค อย่าทำแบบนี้กับไวน์ อ่ะ...อ่อย” ตอนนี้ในหัวของวรนิษฐ์ขาวโพลนไปหมด ร่างกายที่ดิ้นต่อต้านก็อ่อนระทวยไปกับรสจูบดุดันเห็นแก่ตัวของคนเหนือร่าง
“ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว หยุดไม่ได้แล้ว ไวน์กำลังแฉะให้พี่” เขาพูดพลางลูบมือเสียดสีไปกับเนินสวาทอวบอูมกลางหว่างขาของหล่อนที่เขาปลดเปลื้องกางเกงชั้นในและกางเกงซับในของเธอออกอย่างรวดเร็ว หล่อนใส่ชุดเดรสตัวยาวเลยง่ายต่อการถอดของเขา
“อะ...อย่าทำแบบนี้พี่มาร์ค อ่า...อื้อ เอามือออกไปนะคะ” เธอบิดขาทั้งสองข้างตัวเองพาดไขว้ปิดความเป็นสาวที่มือหนาของเขาวนเวียนอยู่ แต่เขาก็ใช้มือทั้งสองข้างดึงขาเล็กแยกกว้างออกจากกันโดยมีเขาแทรกตัวอยู่กลางหว่างขาของหล่อน
“พี่กำลังจะทำให้ความต้องการของไวน์เป็นจริงยังไงล่ะ ต้องการไม่ใช่เหรอ ต้องการให้พี่ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอไวน์” น้ำเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ลูบไล้ไปมากับความเป็นสาวอวบอูมสวยงาม มันสวยมาก โหนกนูนน่ากระแทกเร่า และมีสนามหญ้าเป็นหย่อมเล็กน้อยที่เนินสวาท
“อ่ะ...ยะ...อย่านะพี่มาร์ค อย่าทำแบบนี้กับไวน์ ไวน์ไม่ต้องการแบบนี้”
“แล้วรักพี่ทำไมล่ะ รักทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ไม่ได้รักเรา ไม่ชอบเรา รักทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว พี่จะสนองให้จะได้เลิกยุ่งกับพี่สักที” น้ำเสียงห้าวทุ้มเปล่งพร่าดังออกมาพร้อมกับปลดกระดุมกางเกงตัวเองพร้อมรูดซิปกางเกงสแล็คตัวเองลงเล็กน้อยแล้วล้วงไปในกางเกงนำความแข็งร้อนของตนออกมาข้างนอก
“มะ...ไม่นะ ไวน์ไม่ต้องการแบบนี้พี่มาร์ค” เธอดิ้นถอยหนีเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาได้นำความใหญ่โตออกมา เธออ้าปากค้างตกตะลึงไปกับความใหญ่โตของเพศชาย ไม่อยากเชื่อว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้ เธอพยายามดิ้นถอยหนีจนหัวไปชนหัวเตียงแล้วขาทั้งสองก็ถูกมือใหญ่จับดึงลากกลับไปหาเขาอีกครั้ง
“พี่จะสนองให้ไม่ดีใจเหรอไวน์” เขาพูดพร้อมกับเสียดสีท่อนเอ็นดุ้นร้อนอวบใหญ่ตัวเองที่ตื่นเต็มตัวและตามท่อนเนื้อก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยขดตัวตามลำกายแข็งใหญ่ของตน เสียดสีถูไถไปตามกลีบสวาทฉ่ำแฉะ แล้วเคลื่อนตัวไปคร่อมทับปิดปากน้อยของเธออีกครั้ง ด้วยความหวานที่ได้ลิ้มรสทำให้อยากจูบอีกครั้ง
“อ่ะ...อื้อ” เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสองอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ดิ้นหนีไม่ได้เมื่อเขากดข้อมือเธอไว้ทั้งสองข้างพร้อมกับหน้าท้องแบนราบเปลือยมีความอุ่นร้อนของเขาบดเบียดถูไถตามร่างเขาที่เคลื่อนไหวเหนือร่างเธอ
“อ่า...หวานเหลือเกินไวน์ ไม่อยากเชื่อว่าจะปากหวานขนาดนี้ อืม...” เขาผละออกมาละเลียปลายลิ้นไปกับริมฝีปากสวยระเรื่อของหล่อนพร้อมกับโน้มลงไปซบซุกไซ้ซอกคอระหง กัดดึงติ่งหูเล็กแล้วเคลื่อนไถมายังแอ่งชีพจรที่เคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงหอบหายใจของเจ้าของร่างเปลือยใต้ร่าง
“อ่า...พะ...พอได้แล้วพี่มาร์ค อย่าทำแบบนี้กับไวน์ อ่ะ...อื้อ” ปากห้ามแต่ร่างกายกลับเผลอแอ่นเด้งเร่ายกขึ้นเบียดไปกับร่างใหญ่เหนือร่าง สองเต้าอวบหยุ่นเบียดไปกับหน้าอกแกร่งพร้อมกับที่เขาเคลื่อนเอวสอบนำเอ็นเนื้อร้อนมาบดเบียดหยอกเย้ากับความเป็นสาวฉ่ำแฉะของหล่อนไปมา
“อ่า...แน่ใจว่าให้พี่หยุด อ่ะ...อื้อ”
“กรี๊ด! เจ็บ!” เธอดิ้นบิดเอวเล็กส่ายหนีความใหญ่โตที่กระแทกเข้ามาในร่างตัวเองทันที เธอเจ็บร้าวกลางลำตัวเมื่อเขาสอดแทรกเข้ามาฝากกายในร่างคับแน่นที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน น้ำตาไหลอาบล้นออกทางหางตาด้วยความทรมาน
“โอว์...ไม่อยากเชื่อว่าจะบริสุทธิ์”
แม้จะมั่นใจว่าน้องน้อยบริสุทธิ์ตั้งแต่เขาเริ่มรุกเร้าหล่อนแล้ว เพราะหล่อนจูบตอบไม่เป็นและไร้เดียงสา และเมื่อได้สอดกายจ้วงลึกเข้าหาครั้งเดียวสุดโคนเอ็นเนื้อก็ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นเมื่อได้ผ่านพรหมจรรย์ของหล่อนมา หัวใจของมโนภฤศเต้นเร่าผิดจังหวะอย่างบอกไม่ถูกพร้อมกับรั้งร่างเล็กใต้ร่างขึ้นมากอดแนบแน่นและจูบหางตาที่เปรอะเปื้อนน้ำตาปลอบประโลม
“ชูว์...ผ่อนคลายเด็กน้อยของพี่ อ่า...ผ่อนคลายนะ มันจะไม่เจ็บถ้าไวน์ไม่ดื้อรั้นไม่ขัดขืน พี่จะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อ่า...เชื่อพี่ ไวน์เองก็ต้องการพี่ตอนนี้ อ่า...ไม่ไหวแล้ว ไวน์กำลังทรมานพี่ตอดรัดพี่แรงมาก ผ่อนคลายนะ ทำตามคล้อยตามพี่ พี่จะเริ่มแล้ว อืม...” ร่างใหญ่ไหวโยกเคลื่อนไหวบดเร่าเข้าออกในความคับแน่นของน้องน้อย
“อือ...อา” วรนิษฐ์ปล่อยเสียงครางกระเส่าดังออกมาเมื่อทำตัวคล้อยตามเขาไม่เกร็ง ผ่อนคลายอย่างคนตัวโตบอก เรียวแขนเล็กก็ยกขึ้นโอบกอดร่างใหญ่ที่คร่อมทับตนเองไปด้วย และเผลอตัวแอ่นเด้งเร่าไปกับจังหวะเร่าร้อนของบุรุษ
“อ่า...ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม พี่รับรู้ได้ว่าไวน์ อ่า...แน่นเป็นบ้าเด็กน้อย อูว์...”
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
“อ่ะ...อื้อ” เธอไม่ตอบเขาแต่ครางกระเส่าซ่านไปกับจังหวะเคลื่อนไหวเสียดสีเร่าร้อนของเอวสอบที่สอดแทรกกระแทกดุดันจนเธอได้ยินเสียงเนื้อของเขาและเธอกระทบกระทั่งกัน ใบหน้าสวยเปื้อนแดงระเรื่อขึ้นพร้อมกับเหงื่อไคลอาบซึมตามแก้มนวลเนียน น้ำตาแห้งเหือดหยุดไหลเมื่อตอนนี้ความเจ็บปวดทรมานก่อนหน้านี้ได้มีความรู้สึกร้อนวาบหวามเข้ามาแทนที่
“อ่า...เห็นไหมว่าไวน์น่ะต้องการพี่ ชอบพี่ก็ต้องเจอแบบนี้แหละเด็กน้อย จำไว้อย่ามายุ่งมาอ่อยพี่อีก ไม่งั้นจะโดนทำแบบนี้ อ่า...แน่นเป็นบ้า” เขาบอกหล่อนแล้วก็เคลื่อนไหวต่อเนื่องเพื่อนำพาตัวเองและหญิงสาวไปให้ถึงความสุข เอวสอบเด้งเร่าบิดควงส่ายโยกกดแนบคลึงหนักหน่วง
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
เขาเป็นหมอที่มีรักเดียวมาตลอดหลายสิบปี แอบเฝ้ามองน้องน้อยตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้องน้อยก็หาได้รักเขาแบบชู้สาวไม่ สำหรับจงกลนีแล้วเขาคืออาจารย์หมอหน้านิ่งหน้าเดียว ไร้อารมณ์ทางสีหน้า แม้แต่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่เป็น แต่ก็ตกใจเมื่อเขายิ้มให้ตัวเองคนเดียว จะบ้าเหรอเขาเป็นอาจารย์ของเธอ และเธอกก็เคารพเขามาตลอด จะให้รักได้ยังไงกัน ++++++ “เอ้า...ปากกา เซ็นเอกสารแล้วค่อยนอนต่อก็ได้” “ค่ะ” เธอรับปากกาที่เขายื่นให้พร้อมกับเซ็นชื่อตรงที่เขาชี้มือ “เรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ” “ยังไงคะ?” ถามทั้งๆ ที่นั่งหลับ “ก็เราจดทะเบียนสมรส..
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"