เธอถูกย่าแท้ๆฆ่าตายตอนอายุ6ขวบ กลายเป็นผีเร่ร่อนเฝ้าดูอนาคตและจุดจบของทุกคนที่รักอย่างเจ็บแค้น ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขทุกสิ่ง! แต่เอ๊ะ?คุณแม่ผู้ขี้ขลาดคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?!
เธอถูกย่าแท้ๆฆ่าตายตอนอายุ6ขวบ กลายเป็นผีเร่ร่อนเฝ้าดูอนาคตและจุดจบของทุกคนที่รักอย่างเจ็บแค้น ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขทุกสิ่ง! แต่เอ๊ะ?คุณแม่ผู้ขี้ขลาดคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?!
บทที่ 1 ชีวิตใหม่ในชาตินี้ (1)
"ทำไมกัน? ทำไมฟ้าดินถึงไม่ยุติธรรมแบบนี้!"
"ทำไมคนทำดีถึงไม่เคยได้รับสิ่งๆดีตอบแทน แต่คนชั่วช้ากลับได้ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบาย!"
"สวรรค์เฮงซวย! ไม่รู้จักลืมหูลืมตาดูบ้างเลยรึไง!"
ในค่ำคืนที่ห่าฝนกระหน่ำรุนแรง ดวงวิญญาณโปร่งใสร่างหนึ่งกำลังล่องลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ พร้อมกับกรีดร้องสาปแช่งใส่ท้องฟ้าด้วยความอาฆาตพยาบาทยิ่ง
เปรี้ยง!
ปรากฏเพียงเสียงกู่คำรนและสายฟ้าสะบั้นสาดแผ่กระจายเต็มทั่วผืนนภา คล้ายกำลังตอบสนองเสียงกรีดร้องก่นด่าของหลินเสี่ยวอวี่อยู่
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆสายฟ้าเส้นใหญ่ก็ผ่าเปรี้ยงลงมาที่ร่างวิญญาณของหลินเสี่ยวอวี่
....
ในขณะเดียวกัน ณ ห้องเล็กๆภายในบ้านตระกูลหลิน
"เสี่ยวอวี่เอ้ย อย่าโทษย่าเลยนะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่แกมันเกิดมาโชคร้ายเอง ดันถูกคนของตระกูลลู่หมายตาเลือกให้ไปเป็นเจ้าสาวของคนตาย"
"พวกเขาถึงกับยอมจ่ายเงินก้อนโต เพื่อขอแกไปเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้กับคนที่ตายไป"
"ความจริงแกก็น่าจะตายๆไปซะตั้งแต่ตอนที่ตกเขานั่นแล้ว จะทำตัวเองให้ต้องลำบากไปทำไมตั้งสองครั้งสองคราแบบนี้?"
ผู้เป็นย่าของหลินเสี่ยวอวี่รำพึงรำพันผ่านน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องธรรมดาทั่วไป ทว่าน้ำเสียงในคำพูดเหล่านั้น กลับแฝงซ่อนไปด้วยไอความเย็นชาและไร้ความเมตตา...
"ฉันจะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้แกเยอะๆก็แล้วกัน ตายๆไปอย่างสงบซะเถอะนะ"
เสียงพูดพึมพำอยู่ข้างหูมาพร้อมกับฝ่ามือแห้งกร้านและหยาบกระด้าง ที่กำลังกดปิดช่องจมูกและปากของหลินเสี่ยวอวี่ไว้อย่างแน่นหนาที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่งงานกับคนตาย?
หน้าผา?
นี่ฉันกลับชาติมาเกิดเหรอ?
ฉันย้อนกลับมาในปีที่ฉันอายุหกขวบอีกครั้งจริงๆ!
ย้อนกลับไปในปีที่หลินเสี่ยวอวี่มีอายุได้หกขวบ เธอถูกลุงของเธอผลักตกหน้าผาหวังฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม
ทั้งหมดนี้หวังเพียงเพื่อให้ตระกูลลู่ทำตามสัญญาที่เคยตกปากรับคำกันไว้ ว่าจะช่วยผลักดันสนับสนุนให้หลินเจ๋อ บุตรชายคนโตและเป็นหลานชายสายตรงของตระกูลหลิน ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมและแรงงาน โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าให้หลินเสี่ยวอวี่ซึ่งยังเป็นเพียงเด็กน้อย เข้าร่วมพิธีแต่งงานกับลูกชายคนเล็กของตระกูลลู่ในปรโลก
เพื่อผลประโยชน์อันมหาศาลในจุดนี้ หลินเสี่ยวอวี่จึงต้องกลายมาเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้แก่คนตระกูลหลินเพื่อใช้ไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต
บางทีอาจเป็นเพราะจิตใจที่ไม่ยอมพ่ายแพ้หลังความตายของหลินเสี่ยวอวี่ วิญญาณของเธอจึงไม่ยอมแตกสลายไป แต่กลับวนเวียนเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในตระกูลหลินมาตลอดหลายสิบปี
เธอต้องทนเห็นแม่แท้ๆของตัวเองถูกผู้ชายสารเลวหลอกลวงจนเสียใจแทบแดดิ้น กระทั่งหลายปีต่อมา แม่ก็ถูกทุกคนในตระกูลรุมกดดันให้ตั้งท้องลูกคนที่สี่ และสุดท้ายเป็นเพราะทารกในครรภ์ซุกตัวอยู่ในตำแหน่งท่าที่ผิดปกติ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว แต่กลับไม่มีใครในครอบครัวยอมพาเธอไปโรงพยาบาลเลยแม้แต่คนเดียว ผลสุดท้ายทำให้แม่ของเธอต้องเสียชีวิตลงท่ามกลางความทรมานสุดแสนจากภาวะคลอดบุตรยาก
ส่วนพี่สาวคนโตของเธอ หญิงสาวที่กำลังอยู่ในวัยสะพรั่งดุจดอกไม้แรกแย้ม กลับถูกลุงจับส่งตัวไปแต่งงานกับชายชราอายุ 50 ปีผู้มีอาการทางจิตรุนแรง เธอจำต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกทำร้ายร่างกายอยู่นานหลายปี และบทสรุปสุดท้ายก็เลือกจบชีวิตลงด้วยการกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
ส่วนพี่สาวคนรองนั้น เป็นเด็กฉลาดหลักแหลมเกินวัย อาศัยความพยายามและขยันหมั่นเพียรของตัวเองจนสอบติดมหาวิทยาลัยได้ แต่กลับถูกอาคนเล็กสวมชื่อตัวเองเพื่อเข้าเรียนแทน ต่อมาเมื่อครอบครัวกลัวว่า พี่สาวคนรองจะแอบหนีออกไปเปิดโปงความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจึงพยายามทำทุกวิถีทาง ยอมแม้กระทั่งทำเรื่องโหดร้ายทารุณที่สุดถึงขั้นทุบตีจนขาของเธอหักข้างหนึ่ง และท้ายสุด ชะตากรรมมิได้ดีกว่าคนอื่นๆนัก เธอถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานกับชายโสดอายุมากคนหนึ่งในหมู่บ้านไป
ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จได้ดิบได้ดีกลับเป็นลุงสันดานชั่วของเธอเอง นับวันตำแหน่งหน้าที่การงานของเขามีแต่จะก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ สร้างเกียรติประวัติมากมายให้ผู้คนได้ชื่นชมสรรเสริญ และเกษียณอายุออกมาอย่างสง่างามยิ่งใหญ่ กลายเป็นต้นแบบให้ทุกคนในหมู่บ้านทั้งรู้สึกเคารพและอิจฉาในคราวเดียวกัน
พ่อสารเลวของเธอเองก็พาเมียน้อยที่แอบลักลอบคบชู้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขพร้อมกับลูกชายที่เกิดจากเมียน้อยคนนั้น กลายเป็นครอบครัวอบอุ่นที่ทั้งสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติในสายตาของคนภายนอก
ทางด้านอาสาวที่เป็นน้องสาวคนสุดท้องของพ่อ ก็อาศัยชื่อเสียงจากการเป็น ‘บัณฑิต’ ที่แย่งชิงมาจากพี่สาวคนรองของหลินเสี่ยวอวี่ เรียนจนจบระดับมหาวิทยาลัย สร้างฐานะความมั่นคงและหน้าตาทางสังคมให้กับตัวเอง กลายมาเป็นบุคคลที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับตระกูลในสายตาของชาวบ้าน
เมื่อพูดถึงตระกูลหลิน ใครต่อใครต่างต้องยกนิ้วชื่นชมกันถ้วนหน้า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตระกูลหลินนั้น ‘โชคดีถึงขั้นบรรพบุรุษยังต้องลุกขึ้นจากหลุมเพื่อมาอวยพร’ กันเลยทีเดียว
แต่สำหรับหลินเสี่ยวอวี่ในตอนนี้ เธอได้พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่เด็กหญิงในวัยเพียงแค่ 6 ขวบ จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปต่อต้านผู้เป็นย่าที่ทำงานในไร่ในสวนจนมีร่างกายกำยำแข็งแรงได้ ร่างของเธอถูกกดบังคับไว้แน่น ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ขยับตัวเลยด้วยซ้ำไป...
[งานแต่งงานในปรโลกน่ะเหรอ? อยากแต่งก็ไปแต่งเองสิ! ในเมื่อฉันได้เกิดใหม่ทั้งที ก็ต้องเป็นฉันนี่แหละที่จะส่งพวกแกไปปรโลกให้หมด!]
[แม่…ช่วยหนูด้วย…]
[แม่…รีบมาช่วยหนูเร็วเข้า…]
เสียงร้องของลูกสาวคนเล็กดังแว่วอยู่ข้างหู ทำให้จางอวิ๋นม่านที่กำลังเศร้าโศกเสียใจอย่างที่สุด ถึงกับต้องเบิกตากว้างในทันที
เสี่ยวอวี่? เสี่ยวอวี่ของแม่? จางอวิ๋นม่านรีบผลักลูกสาวอีกสองคนที่กำลังปลอบโยนเธอออกไปทันที ก่อนจะก้าวเท้าพุ่งตรงไปที่ห้องเก็บฟืนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลากลางวันแสกๆ แต่ประตูห้องเก็บฟืนกลับถูกปิดสนิทเช่นนี้ จางอวิ๋นม่านก็สัมผัสได้ถึงลางร้ายบางอย่างที่ผุดขึ้นภายในใจ
"เปิดประตู! รีบเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้!" จางอวิ๋นม่านร้องตะโกนเสียงดังพลางทุบประตูไปด้วยอย่างบ้าคลั่ง เวลานี้เธอไม่ต่างจากสัตว์ป่าที่กำลังคลุ้มคลั่งเพราะต้องการปกป้องลูกของตัวเอง
เมื่อเห็นจางอวิ๋นม่านที่อยู่ข้างนอกเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเพราะกลัวว่าความวุ่นวายจะบานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้ โจวซื่อที่อยู่ในห้องเก็บฟืนจึงต้องปล่อยมือออกจากปากและจมูกของหลินเสี่ยวอวี่
"นังลูกสะใภ้ไม่เอาไหน นี่แกแหกปากร้องตะโกนหาอะไรกัน! ฉันอุตส่าห์หวังดีช่วยจัดการนังเด็กนี่ให้ มันจะได้ตายๆไปอย่างสงบซะที แล้วแกยังจะเอะอะโวยวายอะไรอีก!" โจวซื่อที่รู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่ก็ยังทำตัวเป็นฝ่ายโจมตีกล่าวโทษอีกฝ่ายก่อน เธอขึ้นเสียงก่นด่าออกมาด้วยความเดือดดาล ทั้งนี้เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดของตัวเอง
【แม่จ๋า! ถ้าแม่มาช้าอีกนิดเดียว หนูคงถูกปิดปากปิดจมูกจนขาดอากาศหายใจตายไปแล้วแน่ๆ! หนูยังไม่ตาย หนูยังมีมีชีวิตอยู่!】
อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นจริงๆ หลินเสี่ยวอวี่ก็เกือบจะกลายเป็นศพต้องตายเป็นครั้งที่สองแล้ว
จางอวิ๋นม่านรีบผลักร่างของโจวซื่อออกไปทันที ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปอุ้มลูกสาวตัวน้อยที่นอนหมดสติไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าซีดเขียวใกล้ม่วงของเด็กน้อย ปรากฏรอยนิ้วทั้งห้าประทับทิ้งไว้อย่างชัดเจน ร่างทั้งร่างของเธอสั่นเทาไม่หยุด ภายในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวประหนึ่งวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
ถ้าช้าไปอีกนิด... ถ้าช้าไปอีกแค่นิดเดียว…
เพียงแค่คิดถึงเรื่องนั้น จางอวิ๋นม่านก็รู้สึกราวกับถูกจับโยนลงไปในธารน้ำแข็งท่ามกลางฤดูหนาว เธอรู้สึกเย็นยะเยือกเจ็บลึกถึงขั้วกระดูกดำเลยทีเดียว
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
จากชายหนุ่มที่บังเอิญได้รับมรดกตกทอดของบรรพชนสกุลเฉินเพราะอุบัติเหตุ และในที่สุด จากลูกเขยที่ไร้ค่าไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง กลับกลายมาเป็นหมอเทวดาที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศยิ่ง
จากอดีตนักล่าซอมบี้ในวันสิ้นโลกต้องผันตัวเป็นสาวน้อยชาวไร่สุดแกร่งที่ต้องช่วยแม่และน้องสาวให้รอดพ้นจากญาติพี่น้องมหาภัยและความยากจน เปิดธุรกิจร่ำรวยใหญ่โตเอาให้เหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชาติ!
นักศึกษาสาวหัวกะทิแห่งศตวรรษที่21เกิดใหม่เป็นลูกเลี้ยงบ้านนางเอกนิยาย ทันทีที่ทะลุมิติเข้ามาดันอยู่ในฉากคันขับที่เธอกับวายร้ายหลักของเรื่องต่างเสียรู้ ถูกจับขึ้นเตียงด้วยกันเพื่อรอเวลาถูกเปิดโปง!
หลินจิงซู หญิงสาวผู้ล้มเหลวทุกอย่างในชีวิตเพราะครอบครัวเฮงซวย เธอย้อนเวลาไปยังปี1990 อาศัยความรู้ในโลกอนาคตเพื่อเก็บเกี่ยวโอกาสทางธุรกิจ ก่อร่างสร้างตัวจนมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อบดขยี้ทุกคนที่เคยรังแก!
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด