เสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากเรือนใหญ่ซึ่งเป็นที่พำนักของเจ้าเมืองหลิว ห่างไกลจากจุดที่นางอยู่พอสมควร หากผู้บุกรุกยังไม่ได้หลบหนีออกไป อีกไม่นานก็จะต้องถูกทหารจับได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่เรื่องยุ่งยากเหล่านี้มิใช่ธุระกงการอะไรของลู่ซิงเหยียน นางเป็นเพียงสาวใช้ผู้หนึ่ง นอกจากงานใช้แรงงานกับงานสกปรกที่ผู้อื่นรังเกียจเดียดฉันท์ ทุกวันลู่ซิงเหยียนจำต้องขนถ่ายอาจมและสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ใส่ถังไม้เข็นไปทิ้งนอกเมือง มิเช่นนั้นนางจะไม่ได้รับเบี้ยเป็นค่าแรงในแต่ละวัน
วันนี้ภายในจวนไม่รู้มีคนใหญ่คนโตจากที่ใดมาเยี่ยมเยียน เจ้าเมืองหลิวลี่ซือจึงสั่งให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมงานเลี้ยงงานรับเป็นอย่างดี สร้างความวุ่นวายให้กับผู้คนในจวนตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ลู่ซิงเหยียนรอคอยจนบุคคลสำคัญเหล่านั้นกลับเข้าที่พักจึงลงมือเก็บกวาดทำความสะอาดเป็นการปิดท้าย
ยามนี้หน้าที่ของนางสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงนำของเสียที่อยู่รวมกันในถังไม้ไปทิ้งนอกเมือง นางก็สามารถกลับไปดูแลมารดาที่บ้านได้
ลู่ซิงเหยียนทุบเบา ๆ บริเวณหลังคออย่างเหนื่อยล้า ขณะกังวลว่ามารดานอนหลับพักผ่อนแล้วหรือไม่ ด้านนอกห้องสุขาก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นแผ่วเบา
ร่างบางเกร็งขึ้นเล็กน้อย บุคคลที่อยู่ภายนอกก้าวเดินอย่างเงียบเชียบระมัดระวัง หากเป็นเวลากลางวัน ลู่ซิงเหยียนก็คงไม่รู้ตัวเลย ทว่าในยามวิกาลเช่นนี้ประสาทหูของนางจึงดีมากกว่าปกติ
หญิงสาวกลั้นหายใจอยู่เงียบ ๆ ภายในความมืด รอจน ‘ผู้บุกรุก’ เดินผ่านหน้าประตูห้องส้วมไปนางจึงระบายลมหายใจออกมา
เงี่ยหูฟังอยู่ชั่วครู่ได้ยินเสียงทหารยามเริ่มตรวจตราเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ คิดว่าโจรผู้นั้นคงหนีไปไกลแล้วจึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกมาด้านนอก
เพียงพริบตาเดียวลู่ซิงเหยียนมองแสงไฟกระทบกับโลหะในมือของ ‘ผู้บุกรุก’ ที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องสุขา ขณะจะดันประตูกลับเข้ามาร่างกำยำในชุดพรางตัวสีดำสนิทก็แทรกกายเข้ามาภายใน ร่างของหญิงสาวถูกดึงกลับเข้าไปในห้องคับแคบ มือที่จับประตูจึงถูกดึงปิดตามมาด้วย
เสียงลมหายใจดังถี่รัว ลู่ซิงเหยียนแตกตื่นจนทำอะไรไม่ถูก ผู้บุกรุกใช้มือข้างหนึ่งปิดปากสาวใช้มิให้ส่งเสียง ส่วนอีกข้างจ่อมีดอยู่บนลำคอขาวเนียนพร้อมสังหาร
ลู่ซิงเหยียนเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณลำคอ หากนางขัดขืนหรือคิดส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ครู่เดียวคงต้องกลายเป็นวิญญาณเหม็นโฉ่ติดอยู่ในห้องส้วมไม่ได้ไปผุดไปเกิดเป็นแน่ หญิงสาวไม่กล้าหายใจแรง นางค่อย ๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นช้า ๆ
ไม่นานเสียงของทหารยามก็ดังใกล้เข้ามาด้านหลังจวน บริเวณนี้เป็นลานซักล้าง โรงครัวและที่พักของบ่าวรับใช้ในจวน แม้ด้านหลังห้องส้วมเป็นกำแพงสูง ทว่าไม่อาจปืนออกไปได้โดยง่าย นอกกำแพงเป็นคูน้ำขนาดใหญ่ ถัดออกไปเป็นถนนสายหลักที่ใช้สัญจรไปมาในเมืองหยางซู คาดว่าตอนนี้คงถูกคนของเจ้าเมืองล้อมเอาไว้โดยรอบแล้ว
ลู่ซิงเหยียนและ ‘ผู้บุกรุก’ มองลอดผ่านช่องว่างประตูไม้ เห็นพ่อบ้านเหอปลุกบ่าวรับใช้ทั้งหญิงและชายออกมายืนเรียงหน้าเรือนอย่างเร่งร้อน ส่วนทหารที่ติดตามมารีบเข้าไปตรวจค้นภายในเรือนนอนและพื้นที่โดยรอบ ไม่นานเหล่าทหารก็เดินออกมารายงานต่อพ่อบ้านเหอ
จากนั้นคนอีกกลุ่มก็เดินเข้ามาสมทบพร้อมกับทหารยามอีกสิบกว่าคน หนึ่งในนั้นคือเจี้ยนคังคนสนิทข้างกายหลิวลี่ซือ อีกคนลู่ซิงเหยียนไม่ทราบว่าใคร แต่ดูเหมือนจะเป็นคนข้างกายของแขกที่มาเยือนจวนเจ้าเมืองในวันนี้
พ่อบ้านเหอเอ่ยรายงานต่อคนทั้งคู่ด้วยท่าทีหวาดเกรง พูดคุยไม่กี่ประโยคก็รีบพาคนจากไป เหลือเพียงพ่อบ้านเหอและทหารยามที่ติดตามมาตรวจค้นเรือนนอนบ่าวรับใช้ในตอนแรก
ลู่ซิงเหยียนได้ยินเสียงใครบางคนกล่าวชื่อนางออกมา พ่อบ้านเหอจึงสั่งให้ทหารชั้นผู้น้อยรีบตรวจค้นโดยรอบอีกครั้ง หญิงสาวใจเต้นระทึกในขณะที่บุคคลด้านหลังยังคงสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว มีดที่พาดอยู่บนคอบาดลึกลงจนลู่ซิงเหยียนรับรู้ถึงโลหิตที่ค่อย ๆ หลั่งออกมา
“อื้อ...” หญิงสาวร้องออกมาเบาๆ
“อย่าส่งเสียง...” ‘ผู้บุกรุก’ กดเสียงต่ำเป็นเชิงข่มขู่ สายตาจับจ้องไปยังสถานการณ์เบื้องนอก สมองคิดหาทางหนีทีไล่เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารกำลังเดินตรงเข้ามายังสถานที่ซ่อนตัว
ยิ่งทหารเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ ภายในห้องสุขาที่แสนอึดอัดคับแคบก็เต็มไปด้วยไอสังหารมากขึ้นเท่านั้น มีดค่อย ๆ บาดลึกลงเรื่อย ๆ กดดันจนลู่ซิงเหยียนหายใจแทบไม่ออก หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ๆ นางไหนเลยจะไม่กลายเป็นโล่กำบังคอยรับคมหอกคมดาบแทนโจรชั่วผู้นี้
หญิงสาวตัดสินใจดึงมือที่ปิดปากออกแล้วรีบยื่นข้อเสนอออกไปอย่างไม่กลัวตาย
“ให้ข้าช่วยท่าน...”