คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
ตอนที่ 1
เบนท์ลี่ย์คันนั้นดูแล้วคุ้นตาพิกล ณิรินสะกิดแขนอังคณาแรงๆ “อังๆ แกเห็นเบนท์ลี่ย์คันนั้นมั้ย?”
“ทำไมมีอะไร?” อังคณามองตามแล้วก็ถามกลับ เธอจ้องรถยนต์คันที่อยู่ตรงหน้าตาเขม็ง
“เหมือนจะเป็นรถของคุณติณมั้ยวะ?” ณิรินขยับขาแว่น ช่วงนี้เอนอนน้อย สายตาเลยค่อนข้างมัวหน่อยๆ
“ใช่เลย มีอะไรมั้ย?” อังคณาตอบ ก๊วนของเธอประกอบด้วย ณิริน ทานตะวันและตนเอง ความที่สนิทกันมากๆ เรื่องส่วนตัวเลยไม่เคยปิดบังกัน
“พี่ตะวันบ่นให้ฟังน่ะ หมู่นี้คุณติณเขาห่างเหินแปลกๆ” ณิรินเปรยลอยๆ สัญชาตญาณผู้หญิงค่อนข้างมีเซ้นส์ ไม่ว่าจะรู้สึกสะกิดใจนิดหน่อย หรือบางทีก็มีเรื่องหยุมหยิมกวนใจ พอตามสังเกตเข้าจริงๆ ส่วนใหญ่มักจะจับโป๊ะได้
ผู้ชายอาจคิดว่าน่ารำคาญ แต่หลายครั้งเขาก็อาจทำให้ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นสั่นคลอนได้
“มีหญิงใหม่เหรอไง?” อังคณาถามต่อ
“ไม่แน่ใจไม่เข้าเค้าอะไรเลย บางทีอาจเป็นพี่ตะวันที่คิดมากไปก็ได้” ณิรินถอนใจแรงๆ ผู้ชายอย่างติณไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวแย่ๆ ออกมาปละปลาย มันเลยเป็นการยากที่ทานตะวันจะไว้ใจคนรัก แม้ทั้งสองคนจะวางแผนแต่งงานกันช่วยปลายปีที่จะถึงนี้แล้วก็ตาม
“เห้ย!!” จู่ๆ อังคณาก็ร้องเสียงหลง “ตามมั้ยณิริน ทางนั้นมันไปผับนะ เขานัดใครไว้หรือเปล่า” คงเพราะเส้นทางที่คุ้นเคย อังคณาเป็นนักข่าวสายบันเทิง เธอตามดาราดังหลายคน ที่แอบมาเที่ยวที่ผับแห่งนั้น
“แน่ใจนะ?” ณิรินยิ้มแหยๆ
เธอฝังตัวอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ งานของเธอไม่จำเป็นต้องออกมาเจอะเจอผู้คน นานๆ ออกมาทีเลยไม่ชินเว้นทางนัก
“แกลืมแล้วเหรอว่าฉันทำงานอะไร?” อังคณาย้อนถาม หมุนพวงมาลัยตามแบบไม่ต้องรอคำตอบ
“เอาก็เอา” ณิรินผ่อนลมหายใจยาวเหยียด
ไม่ใช่เรื่องของเธอแท้ๆ แต่ก็ปล่อยผ่านไม่ได้ ผู้หญิงที่นิสัยดี มีจิตใจโอบอ้อมอารีไม่ควรถูกคนรักสวมเขาให้ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ณิรินตั้งใจจะกระชากหน้ากากของติณ เพื่อให้พี่สาวแสนดีของเธอหลุดพ้นจากคนชั่วๆ นั่น
ณิรินเป็นเด็กกำพร้า เติบโตมาได้เพราะบิดา มารดาของทานตะวัน ทับแก้วเป็นป้าของเธอ ท่านรับเธอมาอุปการะหลังบิดา มารดาของเธอประสบอุบัติเหตุ ตะวันคือลุง เป็นบิดาของทานตะวัน คนในครอบครัวนี้รักและเอ็นดูเธอ ณิรินเลยยอมไม่ได้หากใครก็ตามจะทำให้พี่สาวของเธอเสียใจ
เรื่องของติณ ณิรินไม่ค่อยเห็นด้วย ผู้ชายคนนั้นมีข่าวฉาวมากเกินไป ผู้หญิงอย่างทานตะวันควรเจอผู้ชายที่ดีกว่านี้ แต่ณิรินท้วงมากไม่ได้ เพราะทั้งลุงและป้า เห็นดีเห็นงาม หลังทานตะวันพาติณมาทำความรู้จักกับครอบครัว
“บางทีฉันก็งงกับพี่ตะวันเขานะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าถนนเส้นนี้มันเสี่ยงเจ็บตัว ทำไมถึงอยากกระเสือกกระสนขึ้นไปเดินนัก” อังคณาบ่นอุบอิบ
เธอเป็นนักข่าวสายบันเทิงที่คุ้นหน้าคุ้นตาติณเป็นอย่างดี ผู้ชายคนนี้เป็นไฮโซเบอร์ต้นๆ ที่นิยมมีคู่ควงเป็นดารา หรือเซเลป ติณเปลี่ยนคู่ควงบ่อยพอๆ กับรถยนต์ที่เขาใช้ อังคณากับณิรินถือเป็นคนนอก ที่เหมือนคนน้ำท่วมปาก พูดมากจะพลอยให้กินแหนงแคลงใจกันเปล่าๆ
ณิรินเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน ทานตะวันไม่มีทางตามทันผู้ชายอย่างติณ อนาคตที่ไม่ต้องเดามีทางเกิดขึ้นแน่นอน ต่อให้ตอนนี้รักกันจี๋จ๋าแค่ไหน วันหน้าไม่พ้นการหย่าร้างอย่างแน่นอน
ผู้ชายอย่างติณขี้เบื่อ และไม่มีทางยอมจบแค่ผู้หญิงคนเดียวอย่างทานตะวัน
“เห้อ...” ณิรินถอนใจ “ฉันขวางมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าฉันอิจฉาพี่ตะวัน” เสียงบ่นพึมพำ
“ลุงกับป้าแกโอ๋หมอนั่น โดยไม่ห่วงอนาคตลูกสาวได้ไงวะ?” อังคณาบ่นต่อ สองตายังจับจ้องไฟท้ายรถยนต์ของติณตาไม่กะพริบ
“อัง ครั้งนี้ฉันต้องจับผิดหมอนั่นให้ได้” รถยนต์คันหน้าชะลอตัวทำท่าจะจอด อังคณาฟังเสียงณิรินแล้วก็ชะลอตัวเตรียมจะจอดด้วย
“เดี๋ยวณิริน แกตามหมอนั่นเข้าไปในสภาพนี้ไม่ได้ แกเดินเข้าไปทั้งอย่างนี้หมอนั่นรู้ตัวก่อนแล้ว” อังคณาหันมามองแล้วก็ส่ายหน้า
“ฉันต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย คลาดสายตาไม่ได้เด็ดขาด” ณิรินเถียงกลับ
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
อดีตที่น่าอับอาย กับแววตาหยามหยันของใครบางคน เลยทำให้ ‘บุหลัน’ ฮึดสู้ขึ้นมา มันจะเป็นยังไงนะ หากเธอสามารถ ‘หลอกล่อ’ เขาให้ติดกับได้ มันจะเป็นไงนะ หากเธอทำให้ ‘เขา’ หลงรักเธอได้สักครั้ง ...แม้ความหวัง จะมีเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ตาม... แต่หากเสี่ยงแล้วได้ผลลัพธ์เหมือนที่ตั้งความหวังไว้ ‘เกมล้างอัปยศ’ ครั้งนี้ก็น่าจะคุ้มค่า แต่...บุหลันลืมไป ก้อนเนื้อที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ไม่มีมนุษย์คนไหนควบคุมได้ เรื่องที่เกินความคาดหมายเลยเกิดขึ้น
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"