ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
บทที่1.น้ำตาหยดสุดท้าย
เสียงสะอื้นดังท่ามกลางความเงียบ น้ำตาร้อนๆ ไหลอาบน้ำ เจ็บไปทั้งตัวยังไม่เท่าหัวใจที่แหลกละเอียด ความรักของตนเองไม่มีค่าเท่ากับผู้หญิงคนใหม่ ชีวิตสมรสอับปางลงในเวลาแค่ห้าปี ยี่หวาพยายามทนทุกอย่าง แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพื่อประคับประคองชีวิตสมรสนี้ไว้ให้นานที่สุด เธอห่วงลูกที่กำลังโตวันโตคืน ห่วงว่าเขาจะตกที่นั่งลำบาก ไม่มีใครเหลียวแลหากสิ้นตนเองปกป้อง
อือ...
มือผอมบางยกปาดคราบน้ำตา พยายามอดทนอีกครั้ง วันนี้ยังไม่ดีขึ้น ในอนาคตสักวันปกป้องจะต้องรู้ว่าเธอภักดีกับเขาแค่ไหน แต่...เธอนั่นแหละจะทนได้อีกกี่วัน ในเมื่อสามีของเธอ ขยันเหลือเกินที่จะพา ‘ผู้หญิงใหม่’ เข้ามาย่ำยีศักดิ์ศรีของเธอ
ไฟจากด้านนอก ทอแสงลอดรอยแยกของผ้าม่าน ทำให้ยี่หวาพอจะคลำทางเดินกลับไปที่ห้องพักตัวเองได้ เธอแอบออกมาร้องไห้ด้านนอก เพราะไม่อยากให้บุตรชายได้ยิน ปกปักย่างเข้าสามขวบครึ่ง ความจริงควรเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว แต่เพราะบิดาไม่ใส่ใจ และพยายามบีบบังคับให้ยี่หวายอม ‘หย่า’ เขาตัดรายจ่ายจนยี่หวาไม่มีสตางค์พาบุตรชายไปโรงเรียน เธอพยายามอดทน ยังไงเสียพออายุตามกำหนดอาจจะเอ่ยปากขอสตางค์จากมารดาตนเอง พาปกปักไปเข้าโรงเรียน เป็นเพราะเธอคิดสั้นๆ ยอมลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเอง ตอนนั้นปกป้องยังรักและเมตตาเธออยู่ เขาไม่เคยเหลวไหล จนกระทั่ง...ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาในชีวิต ฉันทา เอกกมล บุตรสาวเศรษฐีที่มาติดต่องานราชการ บังเอิญเจอกับนักพัฒนาหนุ่ม แต่เขาดันมีพันธะเสียแล้ว
แรกๆ ยี่หวาก็ไม่ได้คิดระแวง เนื่องจากสามีของเธอและฉันทา ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง
จนเริ่มมีคนเตือน เธอเลยจับสังเกต ความจริงที่ได้รู้ ทำเอายี่หวาเข่าอ่อน มันสายเกินไปแล้ว ปกป้องถลำไปทั้งตัว เขาหันมาคาดคั้นเธอ และพยายามขอแยกทาง ซึ่งยี่หวายังไม่ยินยอม
“แม่ควรทำยังไงดี?” พยายามกลั้นสะอื้นไว้แล้ว แต่เมื่อมองหน้าลูก รอยน้ำตาในหน่วยตาก็รื้นขึ้นมาอีก กระบอกเธอร้อนผ่าว น้ำตาทำท่าจะหยด ยี่หวายกปลายนิ้วเกลี่ยรอยน้ำตาใต้เปลือกตา ก่อนจะลูบศีรษะของบุตรชายเบาๆ เสียงครางงึมงำของปกปัก ยี่หวาเลยชักมือกลับ เอนตัวลงนอน พยายามข่มใจปิดเปลือกตา แต่ร้อนรุ่มเกินกว่าจะทนได้
เสียงสามีตะโกนใส่หน้าตอนบ่าย เขาฉุนเฉียวเมื่อมาถึงบ้าน หลังจากด่าเธอจนสาแก่ใจ ก็หุนหันออกไปด้านนอก ยี่หวารู้ดี ปกป้องไปที่ไหน เธอตามสืบมาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งเจอ ‘รังรัก’ ของเขาทั้งสองคน ผู้ชายแสนดีคนเดิม ตายจากเธอไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แค่ผู้ชายแสนเลวที่ย่ำยีเธอทั้งตัวและใจ
คำสัญญาในวันที่รับเธอมาดูแลเขาลืมหมดสิ้นแล้วสินะ
คำมั่นที่รับปากแม่ของเธอไว้ ก็คงไม่ต่างกัน
มือที่วางไว้เหนือเนินหน้าผากหนักอึ้ง อนาคตที่ควรสดใสดับแสงลง หากไม่ติดบุตรชาย ยี่หวาไม่เสียดายชีวิตตัวเองเลย เธอทนแบกรับความปวดร้าวแบบนี้ไม่ไหวแล้วล่ะ หัวใจเธอกลัดหนองเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม
“เฮ้อ”
เสียงถอนใจดังแผ่วๆ ดวงตามองฝ้าเพดานและพยายามหาทางออกให้ตัวเอง เธอควรอดทนให้มากๆ พยายามไม่สนใจท่าทีคุกคามของสามี อย่างน้อยเธอก็มาแบบถูกต้อง เธอมีทะเบียนสมรสเป็นพยาน
สมัยนี้ผู้คนมีจริยธรรมในใจน้อยลงเรื่อยๆ เรื่องศีลธรรมค่อยๆ หายไปจากหัวใจคน สังคมเริ่มเสื่อมถอย คนแก่งแย่งกันจนกลายเป็นเรื่องปกติ ยอมก้มหัวให้กับวัตถุ ยกย่องคนที่อำนาจบารมี หาใช่นิสัยหรือความดีงาม
ไม่มีใครพูดตำหนิต่อหน้าฉันทาตรงๆ เพราะหล่อน...รวย
อย่างมากก็แค่นินทาลับหลัง ซึ่งฉันทาไม่แคร์อยู่แล้ว
บุตรสาวคนเดียวของผู้นำชุมชนระดับอำเภอ เป็นนายทุนที่แม้แต่ข้าราชการระดับสูงยังต้องนอบน้อมเวลาอยู่ต่อหน้าเสี่ยปรีชา ชายผู้นี้มีธุรกิจสีเทาที่สร้างรายได้มหาศาล แถมเกี่ยวโยงกับคนระดับบริหารเกือบทุกตำแหน่ง ผลประโยชน์แบบนั้นจะมีคนใดกล้าปฏิเสธล่ะ กลิ่นเงินหอมหวานจนยอมปล่อยวางศักดิ์ศรี
“ฉันเกลียดเธอ ฉันอยากแช่งให้เธอตายโหง ตายห่า...แต่”
ไม่เคยมีใครตายเพราะถูกแช่งชักหักกระดูก ยี่หวารู้ดีอยู่แก่ใจ เธอเสียอีกที่จะตายก่อน เพราะบ่มเพาะความตรอมตรมไว้ในใจนับแต่วันแรกที่รู้เรื่องบัดสีที่ฉันทากับสามีสร้างไว้
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
อดีตที่น่าอับอาย กับแววตาหยามหยันของใครบางคน เลยทำให้ ‘บุหลัน’ ฮึดสู้ขึ้นมา มันจะเป็นยังไงนะ หากเธอสามารถ ‘หลอกล่อ’ เขาให้ติดกับได้ มันจะเป็นไงนะ หากเธอทำให้ ‘เขา’ หลงรักเธอได้สักครั้ง ...แม้ความหวัง จะมีเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ตาม... แต่หากเสี่ยงแล้วได้ผลลัพธ์เหมือนที่ตั้งความหวังไว้ ‘เกมล้างอัปยศ’ ครั้งนี้ก็น่าจะคุ้มค่า แต่...บุหลันลืมไป ก้อนเนื้อที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ไม่มีมนุษย์คนไหนควบคุมได้ เรื่องที่เกินความคาดหมายเลยเกิดขึ้น
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"