/0/22728/coverbig.jpg?v=2369f1444a5c57bbe376bf858279ef64)
‘สวรรค์หรือโชคชะตาที่เล่นตลก คนอื่นทะลุมิติมามีแต่คนรุมรัก ทว่าตั้งแต่ข้าฟื้นมามีแต่คนอยากจะฆ่า ในเมื่อข้าอยากเป็นเพียงคุณหนูเสพสุขไปวัน ๆ แต่บารมีไม่ถึงวาสนาไม่อำนวย เช่นนั้นข้าจะทำตามลิขิตฟ้า กลายเป็นนางร้ายอย่างที่สวรรค์ต้องการ’
‘สวรรค์หรือโชคชะตาที่เล่นตลก คนอื่นทะลุมิติมามีแต่คนรุมรัก ทว่าตั้งแต่ข้าฟื้นมามีแต่คนอยากจะฆ่า ในเมื่อข้าอยากเป็นเพียงคุณหนูเสพสุขไปวัน ๆ แต่บารมีไม่ถึงวาสนาไม่อำนวย เช่นนั้นข้าจะทำตามลิขิตฟ้า กลายเป็นนางร้ายอย่างที่สวรรค์ต้องการ’
จันทรากลมโตบนนภาสาดแสงส่องลงมากระทบบุรุษที่ยืนอยู่ข้างริมหน้าต่าง บุรุษใบหน้าสง่างามรูปร่างสูงโปร่งท่วงท่าดูองอาจสุขุม ดวงตาของเขานุ่มลึกชวนให้คนยกย่อง แต่ทว่าผิวของเขากลับขาวดั่งหยกประหนึ่งคุณชายเจ้าสำราญ
บุรุษท่าทางองอาจรอคอยการมาของสตรีนางหนึ่งอยู่ในห้องที่ไม่ใหญ่นัก เขาทอดสายตามองออกมาทางหน้าต่างเพื่อมองทางเพียงเส้นทางเดียวที่จะมาถึงยังเรือนหลังนี้อย่างใจจดใจจ่อ
เวลาผ่านไปไม่ถึงสองเค่อ [1] ก็มีรถม้าวิ่งมาตามทางที่บุรุษสูงศักดิ์คอยมองอยู่ การรอคอยของเขาจบสิ้นเสียที เขาเดินไปนั่งพร้อมยกถ้วยชาที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาจากถ้วยแล้วค่อย ๆ จิบอย่างช้า ๆ ยามนี้ในใจของเขาได้แต่คาดหวังว่านางจะมาพร้อมกับสิ่งที่เขาต้องการ
“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูสกุลเผยมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กระหม่อมให้นางรออยู่ที่โถงรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เติ้งจื่ออวี๋องครักษ์คนสนิทของเว่ยหลิงเฮ่อรีบเข้ามารายงานผู้เป็นนาย
“นางได้ตราพยัคฆ์มาหรือไม่” เว่ยหลิงเฮ่อสุรเสียงราบเรียบ
“ได้มาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จะเสด็จไปหานางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหลิงเฮ่อเมื่อได้ยินคำตอบจากองครักษ์ข้างกายมุมปากของเขาก็ยกโค้งขึ้น “ใยข้าจะต้องไปหานางด้วย เจ้าเอาตราพยัคฆ์มาให้ข้าก็พอ”
“แล้วองค์รัชทายาทจะให้กระหม่อมทำเช่นไรกับนางพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนที่ชินอ๋องเหวินเซียนรักถึงนางจะทรยศชินอ๋องแต่ตราบใดที่ชินอ๋องไม่รู้ว่านางทรยศ เขาเชื่อว่าผู้กระหายเลือดอย่างชินอ๋องเหวินเซียนจะต้องตามล่าคนที่ทำร้ายเผยตั้นเยี่ยนอย่างแน่นอน และไม่เพียงเท่านั้นนางยังเป็นบุตรสาวของอาลักษณ์เผยที่สนิทสนมกับเสนาบดีกรมคลัง การจะจัดการนางจึงไม่ใช่เรื่องที่องครักษ์อย่างเขาจะตัดสินใจได้
ขณะที่เว่ยหลิงเฮ่อกำลังคิดไตร่ตรองว่าจะจัดการเผยตั้นเยี่ยนอย่างไรดี พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าสตรีที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่นั้นได้มายืนอยู่ที่ด้านข้างห้องแล้ว
เผยตั้นเยี่ยนนั้นรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะธรรมดาเว่ยหลิงเฮ่อจะเป็นฝ่ายมานั่งรอนางในโถงรับแขกแห่งนี้ นางจึงคิดจะไปดูว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น
เผยตั้นเยี่ยนบอกกับเหล่าองครักษ์ที่ยืนเฝ้าหน้าโถงรับแขกว่านางนั้นปวดท้อง อยากไปทำธุระส่วนตัว เหล่าองครักษ์มีแต่บุรุษอีกทั้งนางยังเป็นคุณหนูผู้มีเกียรติไหนเลยเหล่าองครักษ์จะกล้าตามมา
การจะหาว่าเว่ยหลิงเฮ่ออยู่ส่วนใดของเรือนนั้นไม่ยากเกินความสามารถของเผยตั้นเยี่ยนอยู่แล้ว เพราะเรือนหลังนี้ไม่ใหญ่นัก มีอยู่เพียงสามห้องเท่านั้น และเนื่องจากคืนนี้เว่ยหลิงเฮ่อแอบออกมานอกวังอย่างลับ ๆ ย่อมมิได้พาองครักษ์มามากมายนัก แค่นางมองว่าจุดใดมีองครักษ์เฝ้าอยู่มากกว่าที่อื่น เผยตั้นเยี่ยนก็รู้แล้วว่าบุรุษที่นางอยากเจอตัวอยู่ที่ใดกันแน่
“ในเมื่อนางกล้าใช้จริตมารยาหญิงให้เสด็จอาของข้าหลงรัก แต่กลับทรยศความรักที่เสด็จอาของข้ามีให้ เพียงเพราะใฝ่สูงอยากเป็นพระชายาเอกของข้า เช่นนั้นก็ให้นางตายโดยโดนโจรฆ่าข่มขืนแล้วกัน ดูซิว่าอาลักษณ์เผยหากรู้ว่าบุตรสาวถูกโจรข่มขืน จะสืบสาวหาความจนถึงที่สุด หรือจะยุติเรื่องทุกอย่างเพราะไม่อยากให้ตระกูลเผยกลายเป็นที่ครหาของชาวบ้านให้อัปยศกันแน่”
“ท่านอาลักษณ์เผยอาจไม่ตามสืบเพราะห่วงชื่อเสียงของบุตรสาวคนเล็กที่ยังไม่ออกเรือน แต่ชินอ๋องเหวินเซียนคงไม่มีทางหยุดสืบสาวเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทเอ่ยด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นนาย
เว่ยหลิงเฮ่อนั้นมิได้ต้องการจัดการเว่ยเหวินเซียนให้ถึงตาย เพราะอย่างไรเขาก็เป็นเสด็จอาที่เติบโตมาด้วยกัน เพราะเขานั้นอายุน้อยกว่าเสด็จอาเพียง4หนาวเท่านั้น
แต่เพราะเวลานี้เสด็จอาของเขานั้นมีกำลังทหาร และขุนนางที่พร้อมจะสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ถึงเสด็จอาของเขาจะจงรักภักดีต่อเสด็จพ่อของเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าหากเขาขึ้นครองบัลลังก์ เสด็จอาของเขาจะจงรักภักดีต่อเขาอย่างที่ทำกับเสด็จพ่อของเขาหรือไม่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เว่ยหลิงเฮ่อจึงต้องตัดกำลังทหารและความไว้เนื้อเชื่อใจที่เหวินหลิงฮ่องเต้มีต่อพระอนุชาคนนี้ลงเสียก่อน เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้ ทั้งเหวินหลิงฮ่องเต้ทั้งเหล่าขุนนางในท้องพระโรง รวมถึงเหล่าแม่ทัพทั้งหลาย คงต้องกลายเป็นคนของเว่ยเหวินเซียนไปจนหมด
“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าส่งคนของข้าเข้าไปในจวนของเสด็จอาแล้ว คนผู้นั้นจะเป็นคนบอกเสด็จอาเองว่าเห็นนางเอาตราพยัคฆ์ไป เสด็จอาของข้าเกลียดที่สุดคือการที่ถูกคนรักหรือคนข้างกายทรยศ เจ้าก็รู้ดีว่าหากเสด็จอาของข้ารู้มีหรือจะสืบหาโจรผู้ร้าย ข้าว่าคงเอาศพของนางมาสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้นเสียมากกว่า”
เมื่อสตรีทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้างห้องได้ยินคำสนทนาของนายบ่าวใบหน้าที่เคยมีสีสันพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับกระดาษ ความหนาวยะเยือกคืบคลานเข้ามาในใจ เพราะหากนางหนีเว่ยหลิงเฮ่อไปได้ ก็ต้องตายด้วยน้ำมือเว่ยเหวินเซียนอยู่ดี
“คุณหนู..คุณหนู” ฉุยฉุยสาวใช้ข้างกายของเผยตั้นเยี่ยนเอ่ยเรียกคุณหนูของนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมกับกระตุกชายแขนเสื้อของเผยตั้นเยี่ยนเพื่อดึงสติ
เผยตั้นเยี่ยนได้สติก็หันมามองสาวใช้ข้างกาย ก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อให้หัวใจที่เต้นรัวอยู่นั้นได้สงบลง ถึงยามนี้นางจะยังคิดอันใดไม่ออก แต่นางรู้ดีว่าการยืนอยู่ตรงนี้อย่างไรก็ไม่อาจจะหนีความตายไปได้ เช่นนั้นมิสู้หนีออกไปเผื่อว่าจะยังมีทางรอด
พวกนางพยายามก้าวเท้าถี่ไปยังทางหลังเรือนที่รถม้าของนางจอดอยู่ เมื่อบุรุษสองคนที่ยืนรอเจ้านายอยู่ที่รถม้าเห็นสีหน้าและท่าทางตื่นตระหนกของสตรีทั้งสองก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแน่ ๆ
สารถีเข้าประจำที่ ส่วนบุรุษอีกคนก็รีบเข้าไปพยุงคุณหนูของเขาขึ้นรถม้า เพียงเผยตั้นเยี่ยนกับฉุยฉุยนั่งบนรถม้าอย่างมั่นคงแล้ว สารถีก็ไม่รอช้ารีบบังคับม้าออกจากเรือนไปในทันที
เสียงของรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปทำให้คนในเรือนต่างได้ยิน เพราะเรือนหลังนี้อยู่ไกลจากบ้านเรือนของผู้อื่น อีกทั้งเวลานี้เป็นยามวิกาลที่เงียบสงบ เมื่อมีเสียงอันใดก็ไม่แปลกนักที่จะได้ยินชัดเจน
องครักษ์บางส่วนรีบตามรถม้าของเผยตั้นเยี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเติ้งจื่ออวี๋รีบไปรายงานผู้เป็นนายทันที
‘เพล้ง’ เพียงได้ยินรายงานจากองครักษ์คนสนิทเว่ยหลิงเฮ่อก็เขวี้ยงถ้วยชาที่อยู่ในมือลงพื้นทันที
“พวกเจ้าทำงานประสาอะไร สตรีเพียงคนเดียวยังปล่อยให้หลุดมือไปได้ เดี๋ยวก่อน..” เพียงแค่พริบตาเดียวเว่ยหลิงเฮ่อก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยต่อ
“ในเมื่อนางอยากหนีเช่นนั้นก็ให้หนีไป ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดฉาก เจ้าให้องครักษ์ปลอมตัวเป็นโจรแล้วปล้นตราพยัคฆ์มาให้ข้า แล้วจัดการนางตามแผนเดิม”
[1] เค่อ = 15นาที
ย้อนเวลากลับมาก็ดี หรือจะเป็นเพียงฝันหนึ่งก็ช่าง แต่ข้ารู้แล้วว่าการงมงายกับความรักข้างเดียวนั้นมันช่างน่าเวทนายิ่งนัก ในเมื่อข้าพยายามมามากแล้วแต่ท่านกลับไม่เห็นค่า เช่นนั้นก็พอเท่านี้เถอะ
เมื่อน้องสาวฝาแฝดแสนอ่อนแอต้องแต่งเข้ามาเป็นฮองเฮาเพื่อมาสืบเรื่องราวการตายของวงศ์ตระกูลที่แท้จริง และได้มาเจอกับฮ่องเต้ที่มีปมฝังใจจนกลายเป็นคนขี้ระแวง แฝดผู้พี่จึงต้องปลอมตัวเป็นน้องสาวเพื่อมาจัดการกับสนมที่ข่มเหงน้องสาวฝาแฝดของนางและต่อกรกับฮ่องเต้ที่ไม่สนใจใยดีฮองเฮาของตนเอง แถมยังต้องตามสืบหาความจริง แต่นางจะสามารถทำได้สำเร็จดั่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือ?
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
รลิน หมอศัลยแพทย์ทั่วไป เธออายุ 27 แต่ความสามารถของเธอนั้นเป็นที่ยอมรับโดยประจักษ์ เธอยังชำนาญด้านแพทย์แผนจีน เรื่องพิษ คนทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาลที่รู้จักเธอ รับรู้แค่เธอเป็นหมอลินที่ทั้งสวยและเก่ง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้น เธอคือนักฆ่าขององค์กรใต้ดิน เธอต้องเรียนรู้และเข้าให้ถึงทุกอาชีพตามที่องค์กรสอน เมื่อได้ภารกิจต้องเข้าให้ถึงทุกบทบาท
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
แค่ทะลุมิติมาในโลกยุคโบราณก็นับว่าแย่มากพอแล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอต้องมาแต่งงานกับท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตมากที่สุดในเมืองหลวง แล้วจางอวิ๋นซีจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของท่านอ๋องจอมโฉดได้อย่างไร
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด