/0/22728/coverbig.jpg?v=2369f1444a5c57bbe376bf858279ef64)
‘สวรรค์หรือโชคชะตาที่เล่นตลก คนอื่นทะลุมิติมามีแต่คนรุมรัก ทว่าตั้งแต่ข้าฟื้นมามีแต่คนอยากจะฆ่า ในเมื่อข้าอยากเป็นเพียงคุณหนูเสพสุขไปวัน ๆ แต่บารมีไม่ถึงวาสนาไม่อำนวย เช่นนั้นข้าจะทำตามลิขิตฟ้า กลายเป็นนางร้ายอย่างที่สวรรค์ต้องการ’
จันทรากลมโตบนนภาสาดแสงส่องลงมากระทบบุรุษที่ยืนอยู่ข้างริมหน้าต่าง บุรุษใบหน้าสง่างามรูปร่างสูงโปร่งท่วงท่าดูองอาจสุขุม ดวงตาของเขานุ่มลึกชวนให้คนยกย่อง แต่ทว่าผิวของเขากลับขาวดั่งหยกประหนึ่งคุณชายเจ้าสำราญ
บุรุษท่าทางองอาจรอคอยการมาของสตรีนางหนึ่งอยู่ในห้องที่ไม่ใหญ่นัก เขาทอดสายตามองออกมาทางหน้าต่างเพื่อมองทางเพียงเส้นทางเดียวที่จะมาถึงยังเรือนหลังนี้อย่างใจจดใจจ่อ
เวลาผ่านไปไม่ถึงสองเค่อ [1] ก็มีรถม้าวิ่งมาตามทางที่บุรุษสูงศักดิ์คอยมองอยู่ การรอคอยของเขาจบสิ้นเสียที เขาเดินไปนั่งพร้อมยกถ้วยชาที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาจากถ้วยแล้วค่อย ๆ จิบอย่างช้า ๆ ยามนี้ในใจของเขาได้แต่คาดหวังว่านางจะมาพร้อมกับสิ่งที่เขาต้องการ
“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูสกุลเผยมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กระหม่อมให้นางรออยู่ที่โถงรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เติ้งจื่ออวี๋องครักษ์คนสนิทของเว่ยหลิงเฮ่อรีบเข้ามารายงานผู้เป็นนาย
“นางได้ตราพยัคฆ์มาหรือไม่” เว่ยหลิงเฮ่อสุรเสียงราบเรียบ
“ได้มาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จะเสด็จไปหานางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหลิงเฮ่อเมื่อได้ยินคำตอบจากองครักษ์ข้างกายมุมปากของเขาก็ยกโค้งขึ้น “ใยข้าจะต้องไปหานางด้วย เจ้าเอาตราพยัคฆ์มาให้ข้าก็พอ”
“แล้วองค์รัชทายาทจะให้กระหม่อมทำเช่นไรกับนางพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนที่ชินอ๋องเหวินเซียนรักถึงนางจะทรยศชินอ๋องแต่ตราบใดที่ชินอ๋องไม่รู้ว่านางทรยศ เขาเชื่อว่าผู้กระหายเลือดอย่างชินอ๋องเหวินเซียนจะต้องตามล่าคนที่ทำร้ายเผยตั้นเยี่ยนอย่างแน่นอน และไม่เพียงเท่านั้นนางยังเป็นบุตรสาวของอาลักษณ์เผยที่สนิทสนมกับเสนาบดีกรมคลัง การจะจัดการนางจึงไม่ใช่เรื่องที่องครักษ์อย่างเขาจะตัดสินใจได้
ขณะที่เว่ยหลิงเฮ่อกำลังคิดไตร่ตรองว่าจะจัดการเผยตั้นเยี่ยนอย่างไรดี พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าสตรีที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่นั้นได้มายืนอยู่ที่ด้านข้างห้องแล้ว
เผยตั้นเยี่ยนนั้นรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะธรรมดาเว่ยหลิงเฮ่อจะเป็นฝ่ายมานั่งรอนางในโถงรับแขกแห่งนี้ นางจึงคิดจะไปดูว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น
เผยตั้นเยี่ยนบอกกับเหล่าองครักษ์ที่ยืนเฝ้าหน้าโถงรับแขกว่านางนั้นปวดท้อง อยากไปทำธุระส่วนตัว เหล่าองครักษ์มีแต่บุรุษอีกทั้งนางยังเป็นคุณหนูผู้มีเกียรติไหนเลยเหล่าองครักษ์จะกล้าตามมา
การจะหาว่าเว่ยหลิงเฮ่ออยู่ส่วนใดของเรือนนั้นไม่ยากเกินความสามารถของเผยตั้นเยี่ยนอยู่แล้ว เพราะเรือนหลังนี้ไม่ใหญ่นัก มีอยู่เพียงสามห้องเท่านั้น และเนื่องจากคืนนี้เว่ยหลิงเฮ่อแอบออกมานอกวังอย่างลับ ๆ ย่อมมิได้พาองครักษ์มามากมายนัก แค่นางมองว่าจุดใดมีองครักษ์เฝ้าอยู่มากกว่าที่อื่น เผยตั้นเยี่ยนก็รู้แล้วว่าบุรุษที่นางอยากเจอตัวอยู่ที่ใดกันแน่
“ในเมื่อนางกล้าใช้จริตมารยาหญิงให้เสด็จอาของข้าหลงรัก แต่กลับทรยศความรักที่เสด็จอาของข้ามีให้ เพียงเพราะใฝ่สูงอยากเป็นพระชายาเอกของข้า เช่นนั้นก็ให้นางตายโดยโดนโจรฆ่าข่มขืนแล้วกัน ดูซิว่าอาลักษณ์เผยหากรู้ว่าบุตรสาวถูกโจรข่มขืน จะสืบสาวหาความจนถึงที่สุด หรือจะยุติเรื่องทุกอย่างเพราะไม่อยากให้ตระกูลเผยกลายเป็นที่ครหาของชาวบ้านให้อัปยศกันแน่”
“ท่านอาลักษณ์เผยอาจไม่ตามสืบเพราะห่วงชื่อเสียงของบุตรสาวคนเล็กที่ยังไม่ออกเรือน แต่ชินอ๋องเหวินเซียนคงไม่มีทางหยุดสืบสาวเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทเอ่ยด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นนาย
เว่ยหลิงเฮ่อนั้นมิได้ต้องการจัดการเว่ยเหวินเซียนให้ถึงตาย เพราะอย่างไรเขาก็เป็นเสด็จอาที่เติบโตมาด้วยกัน เพราะเขานั้นอายุน้อยกว่าเสด็จอาเพียง4หนาวเท่านั้น
แต่เพราะเวลานี้เสด็จอาของเขานั้นมีกำลังทหาร และขุนนางที่พร้อมจะสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ถึงเสด็จอาของเขาจะจงรักภักดีต่อเสด็จพ่อของเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าหากเขาขึ้นครองบัลลังก์ เสด็จอาของเขาจะจงรักภักดีต่อเขาอย่างที่ทำกับเสด็จพ่อของเขาหรือไม่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เว่ยหลิงเฮ่อจึงต้องตัดกำลังทหารและความไว้เนื้อเชื่อใจที่เหวินหลิงฮ่องเต้มีต่อพระอนุชาคนนี้ลงเสียก่อน เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้ ทั้งเหวินหลิงฮ่องเต้ทั้งเหล่าขุนนางในท้องพระโรง รวมถึงเหล่าแม่ทัพทั้งหลาย คงต้องกลายเป็นคนของเว่ยเหวินเซียนไปจนหมด
“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าส่งคนของข้าเข้าไปในจวนของเสด็จอาแล้ว คนผู้นั้นจะเป็นคนบอกเสด็จอาเองว่าเห็นนางเอาตราพยัคฆ์ไป เสด็จอาของข้าเกลียดที่สุดคือการที่ถูกคนรักหรือคนข้างกายทรยศ เจ้าก็รู้ดีว่าหากเสด็จอาของข้ารู้มีหรือจะสืบหาโจรผู้ร้าย ข้าว่าคงเอาศพของนางมาสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้นเสียมากกว่า”
เมื่อสตรีทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้างห้องได้ยินคำสนทนาของนายบ่าวใบหน้าที่เคยมีสีสันพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับกระดาษ ความหนาวยะเยือกคืบคลานเข้ามาในใจ เพราะหากนางหนีเว่ยหลิงเฮ่อไปได้ ก็ต้องตายด้วยน้ำมือเว่ยเหวินเซียนอยู่ดี
“คุณหนู..คุณหนู” ฉุยฉุยสาวใช้ข้างกายของเผยตั้นเยี่ยนเอ่ยเรียกคุณหนูของนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมกับกระตุกชายแขนเสื้อของเผยตั้นเยี่ยนเพื่อดึงสติ
เผยตั้นเยี่ยนได้สติก็หันมามองสาวใช้ข้างกาย ก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อให้หัวใจที่เต้นรัวอยู่นั้นได้สงบลง ถึงยามนี้นางจะยังคิดอันใดไม่ออก แต่นางรู้ดีว่าการยืนอยู่ตรงนี้อย่างไรก็ไม่อาจจะหนีความตายไปได้ เช่นนั้นมิสู้หนีออกไปเผื่อว่าจะยังมีทางรอด
พวกนางพยายามก้าวเท้าถี่ไปยังทางหลังเรือนที่รถม้าของนางจอดอยู่ เมื่อบุรุษสองคนที่ยืนรอเจ้านายอยู่ที่รถม้าเห็นสีหน้าและท่าทางตื่นตระหนกของสตรีทั้งสองก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแน่ ๆ
สารถีเข้าประจำที่ ส่วนบุรุษอีกคนก็รีบเข้าไปพยุงคุณหนูของเขาขึ้นรถม้า เพียงเผยตั้นเยี่ยนกับฉุยฉุยนั่งบนรถม้าอย่างมั่นคงแล้ว สารถีก็ไม่รอช้ารีบบังคับม้าออกจากเรือนไปในทันที
เสียงของรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปทำให้คนในเรือนต่างได้ยิน เพราะเรือนหลังนี้อยู่ไกลจากบ้านเรือนของผู้อื่น อีกทั้งเวลานี้เป็นยามวิกาลที่เงียบสงบ เมื่อมีเสียงอันใดก็ไม่แปลกนักที่จะได้ยินชัดเจน
องครักษ์บางส่วนรีบตามรถม้าของเผยตั้นเยี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเติ้งจื่ออวี๋รีบไปรายงานผู้เป็นนายทันที
‘เพล้ง’ เพียงได้ยินรายงานจากองครักษ์คนสนิทเว่ยหลิงเฮ่อก็เขวี้ยงถ้วยชาที่อยู่ในมือลงพื้นทันที
“พวกเจ้าทำงานประสาอะไร สตรีเพียงคนเดียวยังปล่อยให้หลุดมือไปได้ เดี๋ยวก่อน..” เพียงแค่พริบตาเดียวเว่ยหลิงเฮ่อก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยต่อ
“ในเมื่อนางอยากหนีเช่นนั้นก็ให้หนีไป ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดฉาก เจ้าให้องครักษ์ปลอมตัวเป็นโจรแล้วปล้นตราพยัคฆ์มาให้ข้า แล้วจัดการนางตามแผนเดิม”
[1] เค่อ = 15นาที
ย้อนเวลากลับมาก็ดี หรือจะเป็นเพียงฝันหนึ่งก็ช่าง แต่ข้ารู้แล้วว่าการงมงายกับความรักข้างเดียวนั้นมันช่างน่าเวทนายิ่งนัก ในเมื่อข้าพยายามมามากแล้วแต่ท่านกลับไม่เห็นค่า เช่นนั้นก็พอเท่านี้เถอะ
เมื่อน้องสาวฝาแฝดแสนอ่อนแอต้องแต่งเข้ามาเป็นฮองเฮาเพื่อมาสืบเรื่องราวการตายของวงศ์ตระกูลที่แท้จริง และได้มาเจอกับฮ่องเต้ที่มีปมฝังใจจนกลายเป็นคนขี้ระแวง แฝดผู้พี่จึงต้องปลอมตัวเป็นน้องสาวเพื่อมาจัดการกับสนมที่ข่มเหงน้องสาวฝาแฝดของนางและต่อกรกับฮ่องเต้ที่ไม่สนใจใยดีฮองเฮาของตนเอง แถมยังต้องตามสืบหาความจริง แต่นางจะสามารถทำได้สำเร็จดั่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือ?
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?