ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
“ตกลงเราจะจ้างคนงานเพิ่มนะ”
“ผมว่าเราให้คนงานชุดเดิมเพิ่มเวลาทำงานดีกว่าไหมครับ”
“ช่วงแรกก็คงต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน แต่ถ้าใช้คนงานชุดเดิมแล้วเพิ่มเวลาทำงานนานๆ ผมกลัวว่าพวกเขาจะเหนื่อยและอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ประกาศรับสมัครเพิ่มไปเลยน่าจะดีกว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดให้ถามจากวิศวกรผู้ควบคุมโครงการนะ” ภาวินท์ซีอีโอหนุ่มเจ้าของบริษัทรับสร้างบ้านและออกบ้านแบบครบวงจรบอกกับโฟร์แมนที่คุมโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นลักชูรี่ขนาดสามสิบยูนิตซึ่งวันนี้ชายหนุ่มเข้ามาคุยกับโฟร์แมนแทนหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งตอนนี้เขามีปัญหาส่วนตัวที่จะต้องไปจัดการจึงมาดูงานที่นี่ไม่ได้
“แล้วคุณเพลิงเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ” โฟร์แมนหนุ่มถามถึงโฆษิตหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งไม่มาทำงานหลายวันแล้ว
“น่าจะอีกสองวันน่ะ ระหว่างนี้คุณก็ประกาศรับสมัครคนงานเพิ่มนะ”
“คุณภาวินท์จะให้เรารับคนงานเพิ่มมากแค่ไหนครับ”
“ก็แล้วแต่คุณเห็นสมควรเลย แต่ก็ดูหน่อยนะว่าคนงานใหม่ที่รับเข้ามาเคยมีปัญหากับคนงานของเราหรือเปล่า” เขาเตือนโฟร์แมนเพราะคนงานก่อสร้างบางครั้งก็มีแบ่งพรรคแบ่งพวกและเขาก็กลัวว่าคนงานที่รับมาใหม่จะไม่ถูกกับคนงานที่มีอยู่เดิมแล้ว
“ได้ครับ ผมจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แล้วผมจะต้องแจ้งเรื่องนี้ไปที่คุณภาวินท์หรือคุณเพลิงครับ”
“แจ้งไปที่เพลิงก็ได้เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้ว”
“ได้ครับคุณภาวินท์ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
“ผมขอตัวกลับก่อนนะ ว่าแต่แถวนี้มีร้านอาหารใกล้ๆ ไหมผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่าย” ภาวินท์มีประชุมที่บริษัทและไปตรวจงานอีกหลายที่ก่อนจะมาที่ไซต์งานในเวลาเย็นและคุยกับโฟร์แมนจนดึก
“แถวนี้มีร้านอาหารตามสั่งกับร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าปากซอยครับคุณภาวินท์จะกินที่นี่ไหมครับ เดี๋ยวผมให้คนไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไรผมว่าจะแวะกินแล้วจะกลับเลย ผมไปล่ะ”
“ครับ”
ภาวินท์ขับรถออกมาจากโครงการหมู่บ้านจัดสรรเมื่อมาถึงหน้าปากซอยก็เห็นร้านอาหารอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อซึ่งมีทั้งร้านลุกชิ้นทอด ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่งแต่ละร้านคนก็ค่อนข้างเยอะ เขาจึงเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเพราะดูแล้วน่าจะทำไวกว่าอาหารอย่างอื่น
ชายหนุ่มสั่งก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามจากนั้นก็นั่งรับประทานด้วยความหิวเพราะตั้งแต่บ่ายยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด
“ขอโทษนะคะตรงนี้มีคนนั่งมั้ยคะ” เสียงหวานเอ่ยถามทำให้คนที่กำลังก้มหน้ารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่เงยหน้าขึ้นมองเขาก็สะดุดตากับใบหน้าสวยดวงตากลมโตของหญิงสาว ที่ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“คุณคะตรงนี้มีคนนั่งหรือเปล่าคะ” เธอถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งและไม่ยอมตอบคำถามสักที
“ไม่มีครับ”
“ถ้างั้นฉันขอนั่งด้วยนะคะ” เพราะโต๊ะอื่นมีคนนั่งอยู่เต็มหมดแล้วจะเหลือก็แค่โต๊ะที่ชายหนุ่มนั่งเพียงตัวเดียวเท่านั้น
“ได้ครับ”
เมื่อเขาตอบตกลงให้เธอนั่งด้วยแล้วหญิงสาวก็วางกระเป๋าผ้าลงบนโต๊ะจากนั้นเธอก็เดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวและเดินกลับมานั่งอีกครั้ง
เมื่อก๋วยเตี๋ยวของเธอมาเสิร์ฟหญิงสาวก็นั่งรับประทานอย่างเงียบๆ
ในขณะที่ภาวินท์ก็รับประทานก๋วยเตี๋ยวหมดไปหนึ่งชามและกำลังสั่งแม่ค้าอีกชามเพราะทั้งหิวทั้งอร่อย
ระหว่างที่รอก๋วยเตี๋ยวเขาก็เงยหน้ามองคนที่นั่งตรงข้ามแล้วยิ้มเมื่อเธอเงยหน้ามาสบตากับเขาพอดี
“ปกติคุณมากินก๋วยเตี๋ยวที่นี่บ่อยเหรอคะ” หญิงสาวถามเมื่อเห็นท่าทางคล่องแคล่วในการสั่งก๋วยเตี๋ยวของชายหนุ่ม
“ไม่หรอกครับบังเอิญผมผ่านมาน่ะ เห็นร้านนี้คนเยอะก็เลยแวะกินแล้วคุณล่ะมาบ่อยไหม”
“ร้านนี้ร้านประจำของฉันเลยค่ะ นี่ขนาดฉันมาดึกแล้วนะคะคนยังเยอะขนาดนี้ ถ้ามาช่วงหัวค่ำแทบไม่มีที่นั่งเลยค่ะ”
“ผมว่าก๋วยเตี๋ยวเขาอร่อยเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอร่อยจริงอย่างที่เธอพูดหรือเพราะเขาหิวมากกันแน่ แต่รสชาติก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ต้องปรุงแบบนี้ถูกใจเขาเป็นอย่างมากจนต้องสั่งเพิ่มอีกหนึ่งชาม
บทสนทนาหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวอีกชามมาเสิร์ฟเขารับประทานไปด้วยแอบมองหญิงสาวตรงข้ามไปด้วย จนกระทั่งอิ่มไปพร้อมกับเธอ
ภาวินท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะสแกนจ่ายแต่โทรศัพท์ของชายหนุ่มแบตเตอรี่หมดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“คุณมีพาวเวอร์แบงค์กับที่ชาร์จแบตไหมครับ” เขาถามหญิงสาวตรงหน้า
“ไม่มีค่ะโทรศัพท์คุณแบตหมดเหรอคะ”
“ใช่ครับ โทรศัพท์ผมแบตหมดแล้วผมจะจ่ายตังค์ได้ยังไงล่ะ”
“คุณไม่พกกระเป๋าสตางค์เลยเหรอ”
“ผมลืมไว้ที่ทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าผมจะขอติดไว้ก่อนคุณว่าแม่ค้าเขาจะยอมไหม”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เพราะคุณบอกฉันเองว่าเพิ่งมากินที่นี่เป็นครั้งแรก ถ้างั้นผมขอยืมเงินคุณก่อนได้ไหมล่ะ ถ้าผมชาร์จแบตแล้วผมจะรีบโอนเงินคืนให้ค่าก๋วยเตี๋ยวประมาณเท่าไหร่” เขาถามหญิงสาวอย่างเกรงใจแต่มันก็เป็นทางเดียวที่เขาจะคิดได้
“คุณกินธรรมดาหรือพิเศษล่ะ”
“ผมกินธรรมดา”
“สองชามก็แปดสิบบาทแต่คุณไม่ต้องโอนเงินฉันหรอก”
“ได้ยังไงล่ะ ผมกินผมก็ต้องจ่ายสิ จะให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันมาเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันมันน่าอายมากนะครับ”
“ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน คุณทำอะไรให้ฉันสักอย่างสิ แล้วฉันจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้คุณเอง” หญิงสาวยื่นข้อเสนอ
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง พวกเขามองฉันและเห็นฉันเป็นเด็กผู้ชาย เป็นเจ้าชาย คนนหึ่ง พวกเขาซื้อมนุษย์อย่างฉันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ และเมื่อพวกเขาบุกเข้ามาในอาณาจักรของเราเพื่อซื้อพี่สาวของฉัน เพื่อปกป้องเธอ ฉันหมดหนทาง จึงต้องเข้าไปขอร้องให้พวกเขาพาฉันไปด้วย แผนของฉันคือหาโอกาส จะพาพี่สาวหนีไป แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุกของเราจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันมากที่สุดในอาณาจักรของพวกเขา แต่เดิมฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่เคยคิดจะซื้อ เลย แต่แล้ว ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนป่าเถื่อนของพวกเขากลับสนใจใน "เจ้าชายน้อยผู้น่ารัก" เราจะเอาชีวิตรอดในอาณาจักรที่อันตรายนี้ได้อย่างไร และเผชิญหน้ากับผู้คนที่ไม่เป็นมิตรกับเรายังไง และคนที่มีความลับอย่างฉันจะกลายเป็นทาสแห่งความต้องการทางเพศได้อย่างไร . หมายเหตุของผู้เขียน นี่คือนิยายรักแนวดาร์ก เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เรตติ้งสูง 18+ เตรียมพบกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์และเข้มข้นได้เลย หากคุณเป็นนักอ่านตัวยงของแนวนี้ที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง พร้อมที่จะอ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ บ้าง แต่ก็อยากรู้เพิ่มเติมอยู่ดีล่ะก็ รีบอ่านเลย! . จากผู้เขียนหนังสือขายดีระดับนานาชาติเรื่อง "ทาสผู้เกลียดชังของราชาอัลฟ่า"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด