ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
“ตกลงเราจะจ้างคนงานเพิ่มนะ”
“ผมว่าเราให้คนงานชุดเดิมเพิ่มเวลาทำงานดีกว่าไหมครับ”
“ช่วงแรกก็คงต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน แต่ถ้าใช้คนงานชุดเดิมแล้วเพิ่มเวลาทำงานนานๆ ผมกลัวว่าพวกเขาจะเหนื่อยและอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ประกาศรับสมัครเพิ่มไปเลยน่าจะดีกว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดให้ถามจากวิศวกรผู้ควบคุมโครงการนะ” ภาวินท์ซีอีโอหนุ่มเจ้าของบริษัทรับสร้างบ้านและออกบ้านแบบครบวงจรบอกกับโฟร์แมนที่คุมโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นลักชูรี่ขนาดสามสิบยูนิตซึ่งวันนี้ชายหนุ่มเข้ามาคุยกับโฟร์แมนแทนหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งตอนนี้เขามีปัญหาส่วนตัวที่จะต้องไปจัดการจึงมาดูงานที่นี่ไม่ได้
“แล้วคุณเพลิงเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ” โฟร์แมนหนุ่มถามถึงโฆษิตหัวหน้าวิศวกรคุมโครงการซึ่งไม่มาทำงานหลายวันแล้ว
“น่าจะอีกสองวันน่ะ ระหว่างนี้คุณก็ประกาศรับสมัครคนงานเพิ่มนะ”
“คุณภาวินท์จะให้เรารับคนงานเพิ่มมากแค่ไหนครับ”
“ก็แล้วแต่คุณเห็นสมควรเลย แต่ก็ดูหน่อยนะว่าคนงานใหม่ที่รับเข้ามาเคยมีปัญหากับคนงานของเราหรือเปล่า” เขาเตือนโฟร์แมนเพราะคนงานก่อสร้างบางครั้งก็มีแบ่งพรรคแบ่งพวกและเขาก็กลัวว่าคนงานที่รับมาใหม่จะไม่ถูกกับคนงานที่มีอยู่เดิมแล้ว
“ได้ครับ ผมจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แล้วผมจะต้องแจ้งเรื่องนี้ไปที่คุณภาวินท์หรือคุณเพลิงครับ”
“แจ้งไปที่เพลิงก็ได้เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้ว”
“ได้ครับคุณภาวินท์ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
“ผมขอตัวกลับก่อนนะ ว่าแต่แถวนี้มีร้านอาหารใกล้ๆ ไหมผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่าย” ภาวินท์มีประชุมที่บริษัทและไปตรวจงานอีกหลายที่ก่อนจะมาที่ไซต์งานในเวลาเย็นและคุยกับโฟร์แมนจนดึก
“แถวนี้มีร้านอาหารตามสั่งกับร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าปากซอยครับคุณภาวินท์จะกินที่นี่ไหมครับ เดี๋ยวผมให้คนไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไรผมว่าจะแวะกินแล้วจะกลับเลย ผมไปล่ะ”
“ครับ”
ภาวินท์ขับรถออกมาจากโครงการหมู่บ้านจัดสรรเมื่อมาถึงหน้าปากซอยก็เห็นร้านอาหารอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อซึ่งมีทั้งร้านลุกชิ้นทอด ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่งแต่ละร้านคนก็ค่อนข้างเยอะ เขาจึงเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเพราะดูแล้วน่าจะทำไวกว่าอาหารอย่างอื่น
ชายหนุ่มสั่งก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามจากนั้นก็นั่งรับประทานด้วยความหิวเพราะตั้งแต่บ่ายยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด
“ขอโทษนะคะตรงนี้มีคนนั่งมั้ยคะ” เสียงหวานเอ่ยถามทำให้คนที่กำลังก้มหน้ารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่เงยหน้าขึ้นมองเขาก็สะดุดตากับใบหน้าสวยดวงตากลมโตของหญิงสาว ที่ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“คุณคะตรงนี้มีคนนั่งหรือเปล่าคะ” เธอถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งและไม่ยอมตอบคำถามสักที
“ไม่มีครับ”
“ถ้างั้นฉันขอนั่งด้วยนะคะ” เพราะโต๊ะอื่นมีคนนั่งอยู่เต็มหมดแล้วจะเหลือก็แค่โต๊ะที่ชายหนุ่มนั่งเพียงตัวเดียวเท่านั้น
“ได้ครับ”
เมื่อเขาตอบตกลงให้เธอนั่งด้วยแล้วหญิงสาวก็วางกระเป๋าผ้าลงบนโต๊ะจากนั้นเธอก็เดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวและเดินกลับมานั่งอีกครั้ง
เมื่อก๋วยเตี๋ยวของเธอมาเสิร์ฟหญิงสาวก็นั่งรับประทานอย่างเงียบๆ
ในขณะที่ภาวินท์ก็รับประทานก๋วยเตี๋ยวหมดไปหนึ่งชามและกำลังสั่งแม่ค้าอีกชามเพราะทั้งหิวทั้งอร่อย
ระหว่างที่รอก๋วยเตี๋ยวเขาก็เงยหน้ามองคนที่นั่งตรงข้ามแล้วยิ้มเมื่อเธอเงยหน้ามาสบตากับเขาพอดี
“ปกติคุณมากินก๋วยเตี๋ยวที่นี่บ่อยเหรอคะ” หญิงสาวถามเมื่อเห็นท่าทางคล่องแคล่วในการสั่งก๋วยเตี๋ยวของชายหนุ่ม
“ไม่หรอกครับบังเอิญผมผ่านมาน่ะ เห็นร้านนี้คนเยอะก็เลยแวะกินแล้วคุณล่ะมาบ่อยไหม”
“ร้านนี้ร้านประจำของฉันเลยค่ะ นี่ขนาดฉันมาดึกแล้วนะคะคนยังเยอะขนาดนี้ ถ้ามาช่วงหัวค่ำแทบไม่มีที่นั่งเลยค่ะ”
“ผมว่าก๋วยเตี๋ยวเขาอร่อยเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอร่อยจริงอย่างที่เธอพูดหรือเพราะเขาหิวมากกันแน่ แต่รสชาติก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ต้องปรุงแบบนี้ถูกใจเขาเป็นอย่างมากจนต้องสั่งเพิ่มอีกหนึ่งชาม
บทสนทนาหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวอีกชามมาเสิร์ฟเขารับประทานไปด้วยแอบมองหญิงสาวตรงข้ามไปด้วย จนกระทั่งอิ่มไปพร้อมกับเธอ
ภาวินท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะสแกนจ่ายแต่โทรศัพท์ของชายหนุ่มแบตเตอรี่หมดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“คุณมีพาวเวอร์แบงค์กับที่ชาร์จแบตไหมครับ” เขาถามหญิงสาวตรงหน้า
“ไม่มีค่ะโทรศัพท์คุณแบตหมดเหรอคะ”
“ใช่ครับ โทรศัพท์ผมแบตหมดแล้วผมจะจ่ายตังค์ได้ยังไงล่ะ”
“คุณไม่พกกระเป๋าสตางค์เลยเหรอ”
“ผมลืมไว้ที่ทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าผมจะขอติดไว้ก่อนคุณว่าแม่ค้าเขาจะยอมไหม”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เพราะคุณบอกฉันเองว่าเพิ่งมากินที่นี่เป็นครั้งแรก ถ้างั้นผมขอยืมเงินคุณก่อนได้ไหมล่ะ ถ้าผมชาร์จแบตแล้วผมจะรีบโอนเงินคืนให้ค่าก๋วยเตี๋ยวประมาณเท่าไหร่” เขาถามหญิงสาวอย่างเกรงใจแต่มันก็เป็นทางเดียวที่เขาจะคิดได้
“คุณกินธรรมดาหรือพิเศษล่ะ”
“ผมกินธรรมดา”
“สองชามก็แปดสิบบาทแต่คุณไม่ต้องโอนเงินฉันหรอก”
“ได้ยังไงล่ะ ผมกินผมก็ต้องจ่ายสิ จะให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันมาเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันมันน่าอายมากนะครับ”
“ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน คุณทำอะไรให้ฉันสักอย่างสิ แล้วฉันจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้คุณเอง” หญิงสาวยื่นข้อเสนอ
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
หญิงสาวตามจับผิดอาเขยแต่โดนเขาตลบหลังกลับจนเกิดความสัมพันธ์ลับ เธอรู้สึกผิดและอยากหนีแต่สุดท้ายก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน