เมื่อสามปีที่แล้ว ปวิชตกหลุมรักจิรพนธ์ ทั้งคู่ก็วางแผนเตรียมจะหมั้นหมายกัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งจารวี ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของจิรพนธ์เมามายและหลับนอนกับปวิชในคืนที่ก่อนวันหมั้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหันนี้ ปวิชจึงตัดสินใจแต่งงานกับจารวี ส่วนจิรพนธ์ตัดสินใจหนีไปประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม ปวิชไม่อยากจะสัมผัสตัวของจารวีอีก แม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่คืนนั้น ความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอเพิ่มขึ้นทุกวัน ในวันที่จิรพนธ์กลับมาจากต่างประเทศ ปวิชตัดสินใจหย่ากับจารวีทันที และไม่ว่าเธอจะอ้อนวอนเพียงใด ก็ไม่ทำให้เขาหวั่นไหว จารวีรู้สึกโดนหักหลังจากน้องสาวและผู้ชายที่เธอรัก เธอสาบานกับตัวเองว่าเธอจะแก้แค้นและทำให้พวกเขาเสียใจในสิ่งที่พวกเขาทำกับเธอ
วันนี้เป็นวันที่สำคัญมากวันหนึ่งสำหรับจารวี จีรวัฒนกิจ บุญพจน์ โรจนศิริกุล ผู้จัดการส่วนตัวของเธอบอกเธอตั้งนานแล้วว่าคืนนี้เธอจะได้รับรางวัล“ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม”ประจำปี 2018
จารวีอดใจรอไม่ไหวที่จะบอกข่าวดีนี้กับปวิชเจนกิจโภคิน
เธอโทรหลายรอบแต่เขาก็ไม่รับสาย จารวีจึงทำได้แค่เพียงโทรหาเขาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเธอกดโทรหาเขาเป็นครั้งที่5 ในที่สุดเขาก็รับสาย “มีอะไร?”
น้ำเสียงอันแสนจะเย็นชาของเขาทำเอาเธอแทบไม่รู้จัก จนต้องมองดูที่หน้าจอโทรศัพท์อีกทีเพื่อแน่ใจว่าใช่เขาจริง ๆ หรือไม่
“คุณอยู่ที่ไหน?” ทันทีที่จารวีมองเห็นหน้าจอวิดีโอคอลนั้น ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ภาพในวีดีโอด้านหลังเขาคือป้ายขนาดใหญ่ของโรงแรมที่มีชื่อเสียงในเมืองจันทร์ซึ่งก็คือโรงแรมวีวา
สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงสำหรับผู้ที่กำลังมองหาวันไนต์สแตนด์ หรือก็คือสถานที่สำหรับการสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนนั่นเอง ที่นี่มีคนลักลอบเล่นชู้กันอยู่บ่อย ๆ โรงแรมนี้เลยมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สถานที่สำหรับจับชู้
เรื่องมันก็ช่างจะบังเอิญซะเหลือเกิน เมื่อภาพยนตร์เรื่องใหม่ของจารวีนั้น ได้ถ่ายทำที่โรงแรมวีวา ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างมาก
เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่นจนเส้นเลือดที่มือปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
จารวีพยายามควบคุมอารมณ์ไว้และยิ้มออกมาพลางถามเขาว่า “คุณปวิชคะ นี่คุณไปคุยธุระถึงโรงแรมม่านรูดเลยเหรอคะ? ฉันคงจะต้องมองคุณใหม่ซะแล้วหล่ะ”
ปวิชไม่พูดอะไรพลางรีบกดตัดสายเพื่อไม่ให้เธอพูดมากไปกว่านี้
เธอกัดฟันแน่นด้วยความโกรธก่อนจะผลักประตูออกจากห้องรับรองไป “นวิยาเอากุญแจรถให้ฉันที”
“แต่พี่จารวีคะ งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นในอีกสองชั่วโมงนี้แล้วนะคะ...?” นวิยาขมวดคิ้วมองจารวี
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง?” เธอถามด้วยความโมโห นวิยาทำอะไรไม่ถูกมือของเธอเริ่มสั่นเมื่อจารวีเริ่มจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ และในขณะนั้นเอง บุญพจน์ก็เดินเข้ามาหาพวกเธอพลางตบบ่านวิยาเบา ๆ เธอขอให้นวิยาออกไป ก่อนที่จะลากจารวีกลับไปที่ห้องรับรอง เธอหน้าบึ้งด้วยความหงุดหงิด
“เธอบ้าไปแล้วหรือไง? เธอก็เห็นนี่ว่าข้างนอกนั่นมีสายตาไม่รู้กี่คู่ต่อกี่คู่ที่คอยจับจ้องเธออยู่ เธอก็นี่รู้ว่างานนี้สำคัญมากแค่ไหน อยากให้พวกนักข่าวเขียนข่าวฉาวของเธอรึไง ถ้ายังทำตัวแบบนี้ พาดหัวข่าววันพรุ่งนี้จะต้องเป็นเธอแน่นอน!” บุญพจน์นิ่วหน้าพลางยกมือขึ้นด้วยความโกรธ แต่ที่ต้องเข้มงวดแบบนี้ก็เพราะว่าอยากให้เธอได้ดี
“เหรอ? หึ ฉันไม่สนใจแล้ว” จารวีกัดปากแน่น ในตอนนี้สามีของเธอคงจะกำลังเล่นชู้กับผู้หญิงที่หิ้วมาจากบาร์อยู่ ใครจะไปมีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องอื่นกันหล่ะ เธอไม่สนใจแล้วกว่าคนทั้งโลกจะคิดอย่างไรกับเธอ
“พี่บุญพจน์ ขอร้องหล่ะ ให้ฉันไปเถอะนะพี่ ฉันขอเวลาแค่ชั่วโมงเดียว ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับสามีของฉัน” เธออ้อนวอนผู้จัดการของเธออย่างไม่ลดละ แต่บุญพจน์ก็ไม่สนใจเธอเลยซักนิด
“พี่ทำงานกับเธอมาก็นานพอสมควรแล้วนะ เธอก็รู้นี่ว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุด ๆ นี้ ถึงฟ้าจะถล่มพี่ก็ไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น จนกว่างานนี้จะเลิก” บุญพจน์พูดอย่างไม่ถนอมน้ำใจเลยซักนิด
“พี่บุญพจน์” จารวีรู้ว่าการพูดจาอ้อมค้อมกับผู้จัดการของเธอนั้นไม่เป็นผล เธอจึงตัดสินใจพูดตรง ๆ “ไอ้บ้าปวิช มันนอกใจฉัน พี่จะให้ฉันนั่งรออยู่เฉย ๆ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนานถึงสองชั่วโมงเหรอ ฉันทำไม่ได้!”
“ฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นเพราะไอ้สารเลวนั่น!” ใบหน้าของบุญพจน์ซีดเซียวด้วยความโกรธ เธอชี้นิ้วไปที่จารวี “จารวีเธอเป็นผู้หญิงที่ดีนะแต่มันช่างตลกสิ้นดีเลย ที่เธอดันไปรักกับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเลยแม้แต่น้อย นี่เธอแต่งงานมาสามปีแล้วนะ แต่มีใครรู้บ้างว่าเธอเป็นภรรยาเขา? มีแต่พี่คนเดียว ความสัมพันธ์แบบนี้ รีบบอกเลิกซะเลยจะดีกว่าไหม?”
“พี่พูดถูก” จารวีฝืนยิ้ม “ฉันก็แค่... ฉันแค่อยากจะคุยกับเขาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย"
จารวีเหลือบมองเธอก่อนจะพูดต่อว่า “พี่บุญพจน์ที่ฉันยังไม่สามารถตัดใจจากเค้าได้ ก็เพราะความรักมันทำให้ฉันตาบอด ฉันหมายถึง... ตั้งแต่อายุ12จนถึง25 เป็นเวลาสิบสามปีเต็ม ๆ ... ถ้าเกิดว่าฉันเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแบบคาหนังคาเขา ฉันจะตัดใจแล้วหล่ะ”
“จารวี...” บุญพจน์เริ่มขมวดคิ้ว “ฟังนะ ปัญหานี้มันแก้ได้ทุกเมื่อแหละ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา โอกาสดี ๆ แบบคืนนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ เธอจะทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”
“พี่คะ ให้ฉันไปเถอนะคะ ขอร้องหล่ะ” จารวีน้ำตาคลอเบ้า พลางพูดขอร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูแล้วก็น่าสงสาร
แน่นอนว่ามันไม่ได้ผล เพราะบุญพจน์ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิด เธอยืนกอดอกขวางอยู่ที่หน้าประตู โดยไม่เหลือช่องว่างเลยแม้แต่น้อย
“พี่บุญพจน์ พี่ควรจะไปลดน้ำหนักได้แล้ว” จารวีเลิกคิ้วขึ้นพลางบ่นอุบด้วยความไม่พอใจ
บุญพจน์มองจ้องกลับมาที่เธอ จนมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่จารวีก็ยังไม่วายที่จะหยอกล้อเธอ
บุญพจน์รู้ว่าจารวีเป็นคนยังไงถ้าห้ามไม่ให้เธอไปหล่ะก็ เธอจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เธอต้องการซึ่งมันก็ทำให้เบุญพจน์ทำได้แต่ถอนหายใจอย่างเดียว “ถ้าเธอเอาวิธีเดียวกับที่ใช้กับฉันไปใช้กับปวิชหล่ะก็มันคงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาหรอก”
บุญพจน์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของเธอ “อีกหนึ่งชั่วโมงห้าสิบนาทีก่อนเริ่มงานเลี้ยงอาหารค่ำ ฉันให้เวลาเธอห้าสิบนาที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องกลับมาให้ทัน“
“ตกลงค่ะ” จารวีปาดน้ำตาก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วรีบวิ่งออกจากประตูไปด้วยความรีบร้อน
เพื่อไม่ให้ใครจำเธอได้ จารวีสวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่ใส่แว่นกันแดดพร้อมทั้งสวมหน้ากากอย่างมิดชิด พอเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเธอก็รีบบึ่งไปโรงแรมวีวาอย่างไม่ลังเล
ด้วยความที่เธอนั้นเคยมาถ่ายหนังที่นี่มาก่อน ทำให้เธอสนิทกับพนักงานต้อนรับและก็ได้หมายเลขห้องของปวิชมาอย่างรวดเร็ว เธอรีบขึ้นไปยังห้องของเขา ก่อนจะเคาะประตูอย่างสุดแรง
พอนึกถึงภาพปวิชกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ จารวีก็รู้สึกขยะแขยงน่าดู
จารวีไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะคิดยังไง ห้องข้าง ๆ ต่างก็พากันเปิดประตูออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอแสยะยิ้มออกมา “ไอ้ปวิช ไอ้ขี้ขลาด แกไม่ต้องมาแอบหรอก! หึ แกกล้านอกใจฉันแต่ไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับฉันงั้นเหรอ?” เธอตวาดลั่น “เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! ให้ใครต่อใครเค้ารู้กันไปเลยว่าพวกแกหน่ะมันหญิงร้ายชายเลว”
ก่อนจะได้ยินเสียงดังปังและประตูก็ค่อย ๆ แง้มออก ทันใดนั้นเอง ก็มีมือคู่หนึ่งดึงเธอเข้ามาในห้อง
เธอเงยหน้าขึ้นมองปวิช ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความเฉยเมย เขายืนมองเธอด้วยความโอหัง ราวกับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
“แกนี่เก่งจังเลยนะ!” เขายืนกอดอกทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งนั่นมันทำให้เธออึ้ง
“คุณกล้าไม่รับสายวิดีโอคอลของฉัน หึ ฉันหล่ะ อยากจะรู้จริง ๆ เลย บ้านก็มีแท้ ๆ แต่ทำไมคุณถึงต้องมานอนค้างอ้างแรมที่โรงแรมม่านรูดด้วย?” จารวีพูดพลางผลักเขาออกไป อยากจะเห็นน้ำหน้าของผู้หญิงที่ชอบแย่งสามีชาวบ้านเสียจริง ๆ
ห้องนั้นกว้างขวางมาก จารวีเดินผ่านทางเดินเข้ามาก่อนจะชนกับคน ๆ นั้นที่เธอกำลังมองหาอยู่
ขณะที่เธอกำลังถูหน้าผากด้วยความเจ็บนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งตัว เธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของใครอีกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ ทันทีที่ได้ยินเสียง ปวิชก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงตัวผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จารวีตกใจมากเมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัด ๆ เธอแน่นิ่งอยู่กับที่ราวกับโดนฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น
“เธอเองเหรอ?” จารวีใช้เวลาสักพัก กว่าจะออกเสียงพูดออกมาและถามผู้หญิงคนนั้นไปอย่างช็อค ๆ
“ใช่ ฉันเองแหละ” ผู้หญิงคนนั้นเลิกคิ้วมองเธอพลางซุกเข้าไปในอ้อมแขนของปวิช ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเธอว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่”
ใช่ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากจิรพนธ์ จีรวัฒนกิจ น้องสาวแท้ ๆ ของเธอ
จารวีไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าผู้หญิงที่แย่งสามีของเธอนั้นจะเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเธอเอง
“พวกเธอสองคน...” ความคิดนับล้านผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
จิรพนธ์สวมชุดนอนที่บางมาก ๆ มีลูกไม้สีขาวประดับอยู่ที่ขอบรับกับหน้าอก ซึ่งสามารถมองเห็นส่วนเว้าโค้งของเธอได้อย่างชัดเจน
จารวีที่เห็นเธอในสภาพนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดอะไรไปต่าง ๆ นา ๆ ณ เวลานั้น เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวเธอจารวีเองเป็นคนที่ ‘แย่ง’ ปวิชมาจากจิรพนธ์เมื่อสามปีที่แล้ว
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!