ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแยกของม่านหน้าต่างทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่น หญิงสาวรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวจนแทบขยับร่างกายไม่ไหว
เธอลืมตาขึ้นมองและตกใจเมื่อบรรยากาศในห้องนั้นไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เมื่อทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนแล้วก็ต้องรีบลุกจากเตียงและมองหาชุดของตัวเอง
หญิงสาวคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนโซฟาปลายเตียงมาพันรอบกายเปลือยเปล่าก่อนจะเดินออกมานอกห้องอย่างเงียบที่สุด เธอจำได้ว่าครั้งแรกของเธอและเขาเกิดขึ้นบนโซฟาในห้องรับแขก
เมื่อเจอชุดชั้นในของตนเองที่ตกอยู่กลางห้องก็รีบหยิบขึ้นมาสวมแต่สายเดี่ยวที่เธอใส่มาเมื่อคืนนั้นถูกเขาดึงจนขาดไปแล้ว เธอจึงหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมแทนและนับว่าโชคดีอยู่บ้างที่กางเกงขาสั้นของเธอยังอยู่ในสภาพที่พอจะสวมได้
หญิงสาวรีบแต่งตัวและคว้ากระเป๋าสะพายของตนที่ตกที่ทำตกไว้เธอก้มลงเก็บและจังหวะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นกรอบรูปอันหนึ่งที่รูปค่อนข้างคุ้นตา
เมื่อขยับเข้ามาใกล้และหยิบขึ้นมาดูหญิงสาวต้องตกใจจนหน้าซีดเพราะมันคือรูปถ่ายรูปเดียวกับรูปที่เธอมีอยู่ รูปถ่ายก่อนจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของเธอและเพื่อนๆ นั่นก็เท่ากับว่าผู้ชายที่เธอนอนด้วยเมื่อคืนก็คือเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเธอ
เธอรีบวางกรอบรูปลงและออกจากห้องอย่างรวดเร็วเพราะถ้าหากเจ้าของห้องตื่นขึ้นมาเจอกับเธอตอนนี้คงไม่ดีแน่ เรื่องคืนนี้มันจะเป็นความลับ เธอมองหน้าเขาไม่ชัดเท่าไหร่ส่วนเขาถ้าเจอกับเธออีกครั้งก็คงจำไม่ได้เนื่องจากเมื่อคืนหญิงสาวแต่งหน้าจัดกว่าทุกครั้ง
เมื่อออกมาจากห้องของชายหนุ่มแล้วเธอก็เรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่หน้าซอยเข้าหอพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่เธอทำงานเท่าไหร่ หญิงสาวเดินไปยังร้านขายยาที่อยู่ใกล้ๆ ขณะกำลังจะเข้าไปซื้อยาคุมฉุกเฉินก็เจอกับเภสัชกรประจำร้านซึ่งทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับเธอ
“อ้าวป่านมาซื้ออะไรแต่เช้าล่ะ”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเพราะถ้าบอกว่ามาซื้อยาคุมฉุกเฉินก็คงต้องตอบคำถามยาวหรืออาจจะถูกเภสัชกรมองไม่ดีก็ได้เธอจึงรีบโกหกออกไป
“ยาแก้ปวดประจำเดือนน่ะ” ปราญติญาหรือป่านตอบเภสัชไปแบบนั้น เธอพลาดเองที่มาซื้อยาคุมฉุกเฉินที่ร้านของคนรู้จัก
เมื่อได้ยาแก้ปวดประจำแล้วหญิงสาวก็เดินกลับหอพักของตนที่อยู่ไม่ไกล เธอรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดก่อนจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กของตนเองไปซื้อยาคุมฉุกเฉินร้านที่ไกลออกไปจากบริเวณนี้
พอออกจากร้านยามาแล้วก็รีบรับประทานทันที ถึงแม้เมื่อคืนเธอจะพลาดไปนอนกับผู้ชายที่ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่เธอจะพลาดให้ตัวเองท้องไม่ได้ หลังจากทานยาแล้วหญิงสาวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเธอขับรถมายังร้านข้าวแกงจากนั้นซื้อข้าวและข้าวแกงใส่ถุงสำหรับทานมื้อเช้าและมื้อกลางวันก่อนจะขับรถกลับมายังหอพักของตนเอง
หอพักแห่งนี้อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลที่เธอทำงานผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนวัยทำงานมีทั้งคนในโรงพยาบาลเดียวกับเธอและคนที่ทำงานในบริษัทอื่นที่อยู่บริเวณนี้ใกล้
“ไปไหนมาแต่เช้า” เพื่อพยาบาลทักทายเมื่อหญิงสาวกำลังจะเดินขึ้นตึก
“ไปซื้อข้าวมาจ้ะ เจี๊ยบเพิ่งลงเวรเหรอ”
“ใช่จ้ะ ป่านหยุดเหรอ”
“เปล่าหรอกวันนี้ป่านขึ้นเวรบ่ายนะ เจี๊ยบล่ะต่อเวรไหม”
“เจี๊ยบหยุดสองวันว่าจะกลับบ้านน่ะ”
“เดินทางปลอดภัยนะ” ปราญติญาบอกกับเพื่อน
เธอกับพยาบาลที่ชื่อเจี๊ยบทำงานโรงพยาบาลเดียวกันแต่คนละแผนกปราญติญาทำงานแผนกฉุกเฉินส่วนเพื่อนทำงานที่แผนกผู้ป่วยใน โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางพนักงานในโรงพยาบาลจึงรู้จักกันดี
หญิงสาวเดินขึ้นมาบนห้องพักหลังจากทานอาหารเช้าแล้วก็ล้มตัวลงนอนเพราะเมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอนพักเลย หญิงสาวกลัวว่าจะไม่มีแรงไปทำงานในเวรบ่าย
เธอหลับยาวตั้งแต่ช่วงสายแล้วตื่นมาอีกครั้งในเวลาบ่ายสามโมงเย็นก็รีบอาบน้ำเพื่อจะแต่งตัวไปทำงาน
โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่นั้นใกล้กับหอพักมากปกติถ้าเป็นเวรเช้าเธอจะเดินไปทำงานแต่วันนี้เป็นเวรบ่ายและต้องเลิกงานในเวลาเที่ยงคืนหญิงสาวจึงขับรถไปโรงพยาบาลเพราะไม่อยากเดินกลับในเวลากลางคืนคนเดียว
“สวัสดีค่ะพี่บี” ปราญติญามือไหว้พี่บีหรือสุนิสาหัวหน้าแผนกฉุกเฉินที่กำลังจะเดินออกจากห้องพักด้านหลังแผนก
“สวัสดีจ้ะป่านวันนี้ขึ้นบ่ายกับน้องใหม่พี่ฝากดูด้วยนะ พี่ไปประชุมก่อน”
“ได้ค่ะพี่บี”
เมื่อเก็บของใช้ส่วนตัวในตู้ล็อกเกอร์แล้วปราญติญาก็ออกมาที่ห้องฉุกเฉินซึ่งตอนนี้พยาบาลเวรเช้ากำลังทำแผลให้กับคนไข้ที่มีเพียงคนเดียวในแผนก
เวรบ่ายวันนี้ผู้ป่วยในแผนกฉุกเฉินค่อนข้างยุ่งมากเธอและเพื่อนพยาบาลที่ขึ้นเวรด้วยกันห้าคนแทบไม่ได้มีเวลาพักเลยแม้กระทั่งเวลาทานอาหารเย็นก็ต้องเปลี่ยนกันไปทาน ก่อนจะรีบออกมาทำงานต่อกว่าทุกคนจะได้นั่งพักก็เกือบจะห้าทุ่ม
“ขึ้นเวรกับหมออรรณพทีไรยุ่งทุกทีเลยป่านว่ามั้ย”
“อืมป่านเห็นด้วยนะ ดีนะที่วันนี้ป่านนอนพักเอาแรงมาเยอะแล้วบุ๋มไหวไหมบ่ายต่อดึกด้วย” ปราญติญาถามเพราะวันนี้เพื่อนของเธอต้องทำงานตั้งแต่เวลาสี่โมงเย็นจนถึงแปดโมงเช้าของอีกวัน
“สบายมากเพราะเวรบ่ายวันนี้บุ๋มขึ้นกับพี่นกหนักแค่ไหนพี่นกก็เอาอยู่ บุ๋มเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าป่านยังไม่ตอบตกลงจะไปงานโรงเรียนเลยนะ”
“งานจะเริ่มแล้วเหรอ”
“อีกสองอาทิตย์ตกลงไปนะ เรื่องเวรไม่ต้องห่วงเพราะบุ๋มโยกให้แล้วนะ” บุ๋มหรือพรชนกรู้ว่าปราญติญาเกรงใจเพื่อนร่วมงานคนอื่นจริงไม่กล้าแลกเวรเธอก็เลยจัดการให้เพราะโรงเรียนเก่าทั้งสองเรียนด้วยกันในสมัยชั้นมัธยมปลายนั้นไม่ได้จัดงานกันทุกปีและมันพิเศษกว่ามากเพราะปีนี้เป็นการจัดงานครบรอบ 50 ปีของโรงเรียน
“เพื่อนในห้องเราไปกันครบทุกคนไหมบุ๋ม” ปราญติญาเป็นกังวลเพราะกลัวว่าจะไปเจอผู้ชายคนนั้น
“ตอนนี้เพื่อนคนอื่นก็พยายามตามให้ครบทุกคนนะ บุ๋มตื่นเต้นมากไม่ได้เจอเพื่อนมาเกือบหกปีแล้วไม่รู้ว่าแต่ละคนจะเป็นยังไงบ้าง”
“ป่านก็ตื่นเต้นเพื่อนกลุ่มเราจะมากับครบไหม”
“ครบสิขนาดยัยกวางที่แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่กับสามีที่อเมริกายังบินมาเลย”
“ไม่เจอกันนานไม่รู้ว่าเพื่อนจะจำป่านได้มั้ยนะ”
“ไม่มีใครจำป่านได้แน่ๆ เพราะป่านสวยขึ้นมาก”
“มันต่างจากตอนอยู่ม.ปลายมากๆ เลยใช่ไหมบุ๋ม”
“ต่างสิตอนอยู่ม.ปลายป่านเพิ่งเริ่มดัดฟันหน้าก็เป็นสิวและยังอ้วนกว่าตอนนี้มากๆ เพื่อนที่เคยเรียกป่านว่ายัยอ้วนยัยเหยินจะต้องตะลึงในความสวยของป่านแน่เผลอๆ จะเข้ามาจีบป่านด้วย”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอก พอโตขึ้นคนเราก็หน้าเปลี่ยนและรู้จักดูตัวเองมากขึ้น บุ๋มก็ยังสวยขึ้นมากกว่าตอนเรียน”
“เราสองคนเหมาะจะเป็นเพื่อนกันนะ ชมกันได้ไม่มีเบื่อ”
พูดจบปราญติญากับพรชนกพากันหัวเราะ
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
หญิงสาวตามจับผิดอาเขยแต่โดนเขาตลบหลังกลับจนเกิดความสัมพันธ์ลับ เธอรู้สึกผิดและอยากหนีแต่สุดท้ายก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"