นิยายเรื่องนี้เป็นการนำตัวละคร ของสามเรื่องหลัก มาแต่งเป็นตอนพิเศษสั้น ๆ เพื่อตอบแทนนักอ่านที่รักทุกท่านที่สนับสนุนกันมาตลอดเวลา จะเป็นฉากเก็บตกที่รี๊ดขอมาทั้งสิ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นการนำตัวละคร ของสามเรื่องหลัก มาแต่งเป็นตอนพิเศษสั้น ๆ เพื่อตอบแทนนักอ่านที่รักทุกท่านที่สนับสนุนกันมาตลอดเวลา จะเป็นฉากเก็บตกที่รี๊ดขอมาทั้งสิ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
(ชะตาร้ายกลายรัก)
รัชศกตี๋เฟยปีที่สาม
สายลมยามวสันต์โบกพัดผ่าน ใบไม้เหลืองนวลหลุดร่วงจากต้นกองทับถมกันเต็มพื้นดิน นางกำนัลน้อยผู้หนึ่งก้มหน้าก้มตากวาดไปกองรวมกันไว้ ทว่าผ่านไปเพียงชั่วอึดใจลมลูกใหญ่ก็พัดหอบเอาใบไม้กองนั้นปลิวกระจายไปจนทั่วกัวซุนฮวาหันไปมองดูนางกำนัลที่กำลังวิ่งกลับไปกวาดเหล่าใบไม้มากองไว้เช่นเดิม นางมองดูเหตุการณ์เช่นนี้อยู่สามรอบ ริมฝีปากบางยกขึ้นพลางหัวเราะอย่างขบขัน ร่างอรชรกำลังจะก้าวขาลงไปยังใต้ต้นฟานสือหลิว ทว่ากับมีผ้าคลุมผืนหนึ่งวางลงบนหัวไหล่นางเสียก่อน
"เหตุใดจึงออกมายืนตากลมเช่นนี้เล่า เจ้าเพิ่งจะหายไข้สมควรแล้วหรือที่จะออกมาเช่นนี้ เป็นมารดาของลูกสามคนแล้ว เหตุใดจึงไม่รู้ความอีกกัน" เสียงเข้มต่อว่าออกมา คิ้วหนาขมวดแน่นขับให้ใบหน้าที่หล่อเหล่าดูดุดันยิ่งขึ้น
"ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือเพคะ เช่นนั้นเข้าไปในห้องกันเถิด" กัวซุนฮวาหาได้โกรธเคืองไม่ นางส่งยิ้มให้สวามีอย่างเอาใจ มือบางจับไปที่มือหนาก่อนจะพาจ้าวฉงซานผู้เป็นสวามีเดินกลับเข้าไปในห้อง เพื่อพูดคุยเรื่องที่สวามีนางถูกเรียกเข้าไปพบองค์ฮ่องเต้จ้าวตี๋เฟยผู้เป็นพี่ชาย
พระชายาซุนฮวารินน้ำชายื่นให้สวามี ก่อนจะโบกมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกจากห้องเสีย เมื่อพ้นร่างนางกำนัลทั้งหลาย ซุนฮวาก็ลุกขึ้นไปยืนด้านหน้าและยกมือนวดขมับของสวามีอย่างเอาใจ จ้าวฉงซานหลับตาส่งเสียงออกมาอย่างพอใจ
"ลูกไปไหนหรือ อื้ม..ฝีมือการนวดของน้องหญิงนับวันยิ่งเก่งกาจยิ่งนัก เพียงสัมผัสข้าก็คลายปวดหัวเสียแล้ว" ซุนฮวายกยิ้มออกมา พลางก้มหน้าลงมองสวามีที่ยังคงหลับตาอย่างสบายอารมณ์ ทว่าสีหน้าดูพอใจยิ่งนัก
"เหว่ยเกอเอ๋อร์อยู่ที่สำนักศึกษายังไม่กลับ เยียนเจี่ยเอ๋อร์กับหยางเกอเอ๋อร์ท่านพ่อมารับไปที่จวนสกุลกัวเพคะ"
"ดีแล้วให้ท่านพ่อตามารับไปบ่อย ๆ เจ้าจะได้พักบ้าง ข้ารู้สึกว่าเจ้าผอมลงไปใช่หรือไม่" จ้าวฉงซานลืมตาขึ้น พลางกระตุกมือพระชายาครั้งเดียว ร่างอรชรก็ล้มลงบนตักแกร่ง
จ้าวฉงซานรีบยกมือขึ้นไปกอดพระชายาเอาไว้ ริมฝีปากหนาก้มลงจูบไปที่ต้นคอระหง มือหนายกขึ้นกอบกุมหน้าอกอวบอย่างเต็มมือ
"อื้อ..อย่าเพคะ" กัวซุนฮวาเชิดหน้าขึ้นหลับตาพริ้ม ก่อนจะส่งเสียงครางหวานออกมา ทว่าเมื่อตั้งสติได้ก็รีบจับมือซุกซนนั้นไว้เสียก่อน
"ห้ามข้าด้วยเหตุใด น้องหญิงรักกันสักรอบเถิด เจ้าก็รู้ว่าเวลาเช่นนี้หายากเพียงใด กว่าที่เจ้าเด็กเหล่านั้นจะไม่อยู่ติดกายเจ้าเช่นนี้ เจ้ายังจะห้ามข้าอีกหรือ"
"เดี๋ยวเพคะ..อื้ม..ท่านพี่อย่าเพิ่งซุกซนได้หรือไม่ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดกับพระองค์อยู่นะ อ่ะ.." กัวซุนฮวาเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างตนเองลอยขึ้นจากพื้น นางรีบยกมือขึ้นคล้องคอสวามีเอาไว้อย่างทันที
"ทำไปพูดไปก็ได้เช่นกัน ข้าไม่ถือ" จ้าวฉงซานวางร่างพระชายาลงไปบนเตียงอย่างเบามือ
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มตัวลงไป ส่งริมฝีปากไปประชิดที่ริมฝีปากบาง ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนลิ้นบางไปจนทั่วโพรงปาก ร่างกายพระชายาพลันอ่อนแรงปล่อยใจให้สวามีได้ตักตวงอย่างเต็มที่ จ้าวฉงซานขยับใบหน้าออกก่อนจะไล่จูบลงไปที่ซอกคอขาว พลางขบเม้มจนเกิดรอยดอกเหมยไปจนทั่ว อาภรณ์ด้านบนถูกแหวกออกจนเห็นเอี๊ยมสีแดงตัวน้อยที่ปกปิดความงดงามของหน้าอกอวบ สวามีหนุ่มอดใจไม่ไหวอีกต่อไป ลิ้นร้ายตวัดเลียและดูดดึงผ่านเอี๊ยมตัวน้อยจนเปียกชุ่มเป็นหย่อม
"อ้าส์..ท่านพี่..หยุดก่อน อืม" เสียงหวานเอ่ยห้ามอย่างไม่จริงจัง ปากห้ามทว่าการกระทำกับตรงข้าม กัวซุนฮวาเชิดอกขึ้นป้อนไปยังริมฝีปากของสวามี
นอกจากไม่หยุดแล้ว จ้าวฉงซานยังปลดสายคาดเอวพระชายาก่อนจะขยับอาภรณ์ให้เปิดกว้าง ดวงตาหวานเงยหน้ามองสวามีด้วยตาฉ่ำวาว ริมฝีบวมเจ่อเผยอขึ้นอย่างท้าทาย
ท่านอ๋องหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะส่งมือหนาลงไปลูบที่กลางบุปผางาม น้ำหวานที่เอ่อล้นออกมาท้าทายให้ลิ้มชิมรส จ้าวฉงซานก้มหน้าลงเหมือนดังคนละเมอ ปลายจมูกโด่งติดชิดปลายบุบฝาดอมดมกลิ่นหอมหวานอย่างแสนรัก
"เสด็จแม่เพคะ เยียนเอ๋อร์กลับมาแล้ว"เสียงหวานดังกังวานเหมือนดังระฆังยามเช้าร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง สองร่างที่เกือบจะสอดประสานอยู่ในห้องพลันชะงักค้าง
"ท่านพี่หยุดก่อนหยางเกอเอ๋อร์กับเยียนเจียเอ๋อร์กลับมาแล้ว" กัวซุนฮวาดันหัวไหล่สวามี พลางยกเรียวขาปิดบุปผางามเอาไว้ ใบหน้าหวานแดงก่ำไปด้วยความอาย นางไม่น่าตามใจสวามีเลย นอกจากจะไม่ได้สอบถามเรื่องในวังแล้วยังเกือบจะเสียทีสวามีอีกด้วย
"เสด็จแม่เพคะเปิดประตูให้ลูกด้วย เยียนเอ๋อร์กับหยางเอ๋อร์เก็บผลผิงกั่วมาให้เสด็จแม่เชื่อมเอาไว้ให้เสด็จพ่อทานด้วยเพคะ เปิดประตูเร็วเข้า"จ้าวชิงเยียนกับจ้าวเหวินหยางสองคนพี่น้องยื่นเคาะประตูหน้าห้องบรรทมของเสด็จพ่อและเสด็จแม่อย่างไม่ลดละ เด็กน้อยอุตส่าห์ เก็บผลผิงกั่วมาจากหลังจวนท่านตา หมายจะนำมาให้เสด็จแม่เชื่อมให้กิน
"ท่านหญิง ท่านอ๋องน้อยเพคะ เราไปทางโน้นดีหรือไม่ เดี๋ยวหม่อมฉันจะนำผลผิงกั่วไปล้างให้ก่อนเถิดเพคะ" เสี่ยวอี้นางกำนัลคนสนิทซุนฮวารีบมาห้ามสองพี่น้องเอาไว้ไม่ให้เคาะประตูห้องอีก นางกำนัลเหงื่อไหล่จนชุ่มไปทั้งกาย ถึงแม้ว่าลมจะโชยพัดสักเพียงใดก็ไม่อาจดับความร้อนใจลงไปได้ หากห้ามท่านหญิงกับท่านอ๋องน้อยไม่ได้ เกรงว่าหลังนางคงจะถูกโบยเป็นแน่
"เสี่ยวอี้มาขว้างไว้ทำไม เยียนเอ๋อร์จะให้เสด็จแม่เชื่อมผิงกั่วไว้ให้เสด็จพ่อ" ท่านหญิงน้อยถูกห้ามเอาไว้ก็หน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ ถึงแม้เสี่ยวอี้จะพยายามห้ามสักเพียงใด ทว่าสองพี่น้องก็ประสานเสียงกันเรียกให้เสด็จแม่ของพวกเขาออกมาให้ได้
"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะเปิดประตูให้หยางเอ๋อร์ได้หรือไม่ ไม่ทรงรักหยางเอ๋อร์แล้วหรือ" เสียงเรียกปนสะอื้นของบุตรชายคนเล็กดังขึ้นมา ความอดทนของจ้าวฉงซานพลันหมดลง ท่านอ๋องหนุ่มตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน
"ไสหัวไป!!.."
เด็กน้อยผู้โชคร้ายสองคนต่างสะดุ้งตกใจทั้งคู่มองหน้ากันจ้าวชิงเยียนหอบผลผิงกั่วเต็มสองแขนวิ่งออกไปจากหน้าห้อง ทว่าจ้าวเหวินหยางยืนนิ่งอยู่กับที่ ท่านอ๋องน้อยตกใจเสียงเข้มของบิดา ริมฝีปากเล็กแบะปากคว่ำลง ก่อนจะแผดเสียงร้องลั่นออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กัวซุนฮวาผวาขึ้นจัดอาภรณ์ให้เข้าที่และรีบวิ่งออกมานอกห้องอย่างเร่งด่วน
"โอ๋..หยางเกอเอ๋อร์ของแม่ แม่มาแล้วคนดีเจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ" กัวซุนฮวาไม่สนใจผิงกั่วที่ถูกปล่อยหล่นพื้น นางรีบอุ้มบุตรชายคนเล็กเอาไว้แนบอก
"เสด็จแม่ ฮื้อ ๆ เหตุใดไม่เปิดประตูให้หยางเอ๋อร์ ต่อไปนี้หยางเอ๋อร์จะไม่ห่างเสด็จแม่อีกแล้ว"หากพี่สาวไม่หลอกล่อให้ไปเก็บผิงกั่วนี้ที่จวนท่านตา มีหรือเขาจะยอมห่างจากอกมารดา ยิ่งกลับมาแล้วเห็นเสด็จแม่โดนขังอยู่ในห้องเช่นนี้ จ้าวเหวินหยางปวดใจยิ่งนัก เสด็จพ่อพระทัยร้ายเหลือเกิน
"หุบปาก!!..ร้องหาบิดาเจ้าหรือ เป็นลูกผู้ชายหรือไม่ร้องออกมาได้อย่างไร ส่งเจ้าเด็กบ้านี่มาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เสียชาติเกิด ตกใจบิดาก็ร้องแล้วหรือ" จ้าวฉงซานพยายามคว้าตัวบุตรชาย แต่มีหรือซุนฮวาจะยินยอม หากนางปล่อยมือบุตรชายนางคงถูกบิดาทุบอย่างแน่นอน
"ท่านอ๋อง!!..พระองค์ยังจะดุลูกอีกหรือ ไม่ได้ยินหรือว่าหยางเกอเอ๋อร์ไปเก็บผลผิงกั่วมาให้ผู้ใด เหตุใดถึงไร้เหตุผลเช่นนี้"
จ้าวฉงซานอ้าปากค้าง เขากำลังจะเอ่ยวาจาออกมา ทว่าพระชายากลับถลึงตาใส่ ‘แล้วจะทำอย่างไรได้อีกเล่า เจ้าเป็นใหญ่อยู่แล้วนี่ แต่เหตุใดต้องขึ้นเสียงใส่ข้าต่อหน้านางกำนัลกับเจ้าเด็กบ้านี่ด้วย’แน่นอนว่าท่านอ๋องผู้เกรียงไกรได้แต่นึกอยู่ภายในใจเท่านั้น
"ไปกันเด็กดี หยางเกอเอ๋อร์อยากทำผิงกั่วเชื่อมให้เสด็จพ่อใช่หรือไม่ เช่นนั้นแม่จะพาเจ้าไปทำ เสี่ยวอี้เก็บผิงกั่วตามข้ามา"ซุนฮวาอุ้มบุตรชายเดินออกไป พร้อมกับนางกำนัลเดินตามออกไปติด ๆ เช่นกัน
ท่านอ๋องหนุ่มผู้ถูกเมินได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตามลำพัง อารมณ์รักพลันมอดสลายไปจนสิ้น ท่านอ๋องหนุ่มก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงตนเอง พลางถอนหายใจออกมาอย่างห่อเหี่ยว
"เฮ้อ...."
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
เพราะความผูกพันที่มีมาตั้งแต่เกิด ทำให้หทัยชนกไม่อาจหักห้ามความรักที่มีต่ออาหมอสิงได้อีกต่อไป และแม้รักนี้พ่อจะไม่ปลื้ม แต่หญิงสาวจะขอฝ่าฟันและไม่มีทางยอมแพ้ให้อุปสรรคในครั้งนี้เด็ดขาด
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
เพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่ ทำให้ ศิรวิช จำใจต้องแต่งงานกับ สุทธิดา ชายหนุ่มทำทุกทางให้หญิงสาวทนไม่ไหว แต่เพราะความรักตั้งแต่แรกเจอ ทำให้สุทธิดาทนอยู่กับคนใจร้าย จนวันที่หญิงสาวทนไม่ไหวในวันที่สายไป ศิรวิชต้องเสียเธอไปพร้อมกับลูกแฝดที่เขาไม่เคยรับรู้
นพวรรณ ถูกบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าที่ติดการพนันอย่างหนักขายหักหนี้ให้กับ คิม ซีวาน หนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลีเจ้าของบ่อนคาสิโนหรูย่านใจกลางเมือง หลังจากรู้จักกับซีวาน นพวรรณ จึงได้รู้ว่าการตกนรกทั้งเป็น มันคือยังไง ชายหนุ่มปฎิบัติกับหญิงสาวเยี่ยงทาส นพวรรณจะทนได้นานแค่ไหน เธอจะหนีจากขุมนรกนี้ได้อย่างไร
ต่ำศักดิ์ ไร้ค่าแล้วอย่างไร ในสายตาของนาง เขาคือยอดบุรุษผู้สง่างาม ความอัปยศที่เขาเคยได้รับ ความเจ็บช้ำที่เขาเคยต้องอดทน วันนี้นางจะทวงคืนให้เขาเอง "บุรุษของข้า ใครกล้าแตะต้องก็ลองดู"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
"เขาลือกันว่าคู่หมั้นของคุณฮั่วเป็นคนบ้านนอก ไม่มีการศึกษาและแถมยังหน้าตาขี้เหร่ซะอีก"เมื่อซูฉิงปรากฏตัวอยู่ ในงานเลี้ยง ทุกคนในงานล้วนตกตะลึงไปหมด! "พระเจ้า ขี้เหร่ซะทีไหน!" "ได้ข่าวว่าราชาภาพยนตร์เป็นน้องของเธอด้วย" "พ่อของเธอเป็นมหาเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับแรกของโลกเลยนะ" "leo นักออกแบบหญิงที่ลึกลับคนนั้นก็คือเธอ!" เมื่อตัวจริงของเธอค่อย ๆ ถูกเปิดเผย ทุกคนพากันตกตะลึงไปหมด แต่แล้วก็เป็นเป็นไง ฮั่วหยุนเฉิงไม่ได้รักเธอสักหน่อย ในวันเดียวกัน ฮั่วซื่อ กรุ๊ปก็โพสต์ข้อความหนึ่งในทวิตเตอร์ว่า"เราสองคนรักกันมาก และกำลังเตรียมจะแต่งงาน" คนภายนอก:"......!!!"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด