นิยายเรื่องนี้เป็นการนำตัวละคร ของสามเรื่องหลัก มาแต่งเป็นตอนพิเศษสั้น ๆ เพื่อตอบแทนนักอ่านที่รักทุกท่านที่สนับสนุนกันมาตลอดเวลา จะเป็นฉากเก็บตกที่รี๊ดขอมาทั้งสิ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นการนำตัวละคร ของสามเรื่องหลัก มาแต่งเป็นตอนพิเศษสั้น ๆ เพื่อตอบแทนนักอ่านที่รักทุกท่านที่สนับสนุนกันมาตลอดเวลา จะเป็นฉากเก็บตกที่รี๊ดขอมาทั้งสิ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
(ชะตาร้ายกลายรัก)
รัชศกตี๋เฟยปีที่สาม
สายลมยามวสันต์โบกพัดผ่าน ใบไม้เหลืองนวลหลุดร่วงจากต้นกองทับถมกันเต็มพื้นดิน นางกำนัลน้อยผู้หนึ่งก้มหน้าก้มตากวาดไปกองรวมกันไว้ ทว่าผ่านไปเพียงชั่วอึดใจลมลูกใหญ่ก็พัดหอบเอาใบไม้กองนั้นปลิวกระจายไปจนทั่วกัวซุนฮวาหันไปมองดูนางกำนัลที่กำลังวิ่งกลับไปกวาดเหล่าใบไม้มากองไว้เช่นเดิม นางมองดูเหตุการณ์เช่นนี้อยู่สามรอบ ริมฝีปากบางยกขึ้นพลางหัวเราะอย่างขบขัน ร่างอรชรกำลังจะก้าวขาลงไปยังใต้ต้นฟานสือหลิว ทว่ากับมีผ้าคลุมผืนหนึ่งวางลงบนหัวไหล่นางเสียก่อน
"เหตุใดจึงออกมายืนตากลมเช่นนี้เล่า เจ้าเพิ่งจะหายไข้สมควรแล้วหรือที่จะออกมาเช่นนี้ เป็นมารดาของลูกสามคนแล้ว เหตุใดจึงไม่รู้ความอีกกัน" เสียงเข้มต่อว่าออกมา คิ้วหนาขมวดแน่นขับให้ใบหน้าที่หล่อเหล่าดูดุดันยิ่งขึ้น
"ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือเพคะ เช่นนั้นเข้าไปในห้องกันเถิด" กัวซุนฮวาหาได้โกรธเคืองไม่ นางส่งยิ้มให้สวามีอย่างเอาใจ มือบางจับไปที่มือหนาก่อนจะพาจ้าวฉงซานผู้เป็นสวามีเดินกลับเข้าไปในห้อง เพื่อพูดคุยเรื่องที่สวามีนางถูกเรียกเข้าไปพบองค์ฮ่องเต้จ้าวตี๋เฟยผู้เป็นพี่ชาย
พระชายาซุนฮวารินน้ำชายื่นให้สวามี ก่อนจะโบกมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกจากห้องเสีย เมื่อพ้นร่างนางกำนัลทั้งหลาย ซุนฮวาก็ลุกขึ้นไปยืนด้านหน้าและยกมือนวดขมับของสวามีอย่างเอาใจ จ้าวฉงซานหลับตาส่งเสียงออกมาอย่างพอใจ
"ลูกไปไหนหรือ อื้ม..ฝีมือการนวดของน้องหญิงนับวันยิ่งเก่งกาจยิ่งนัก เพียงสัมผัสข้าก็คลายปวดหัวเสียแล้ว" ซุนฮวายกยิ้มออกมา พลางก้มหน้าลงมองสวามีที่ยังคงหลับตาอย่างสบายอารมณ์ ทว่าสีหน้าดูพอใจยิ่งนัก
"เหว่ยเกอเอ๋อร์อยู่ที่สำนักศึกษายังไม่กลับ เยียนเจี่ยเอ๋อร์กับหยางเกอเอ๋อร์ท่านพ่อมารับไปที่จวนสกุลกัวเพคะ"
"ดีแล้วให้ท่านพ่อตามารับไปบ่อย ๆ เจ้าจะได้พักบ้าง ข้ารู้สึกว่าเจ้าผอมลงไปใช่หรือไม่" จ้าวฉงซานลืมตาขึ้น พลางกระตุกมือพระชายาครั้งเดียว ร่างอรชรก็ล้มลงบนตักแกร่ง
จ้าวฉงซานรีบยกมือขึ้นไปกอดพระชายาเอาไว้ ริมฝีปากหนาก้มลงจูบไปที่ต้นคอระหง มือหนายกขึ้นกอบกุมหน้าอกอวบอย่างเต็มมือ
"อื้อ..อย่าเพคะ" กัวซุนฮวาเชิดหน้าขึ้นหลับตาพริ้ม ก่อนจะส่งเสียงครางหวานออกมา ทว่าเมื่อตั้งสติได้ก็รีบจับมือซุกซนนั้นไว้เสียก่อน
"ห้ามข้าด้วยเหตุใด น้องหญิงรักกันสักรอบเถิด เจ้าก็รู้ว่าเวลาเช่นนี้หายากเพียงใด กว่าที่เจ้าเด็กเหล่านั้นจะไม่อยู่ติดกายเจ้าเช่นนี้ เจ้ายังจะห้ามข้าอีกหรือ"
"เดี๋ยวเพคะ..อื้ม..ท่านพี่อย่าเพิ่งซุกซนได้หรือไม่ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดกับพระองค์อยู่นะ อ่ะ.." กัวซุนฮวาเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างตนเองลอยขึ้นจากพื้น นางรีบยกมือขึ้นคล้องคอสวามีเอาไว้อย่างทันที
"ทำไปพูดไปก็ได้เช่นกัน ข้าไม่ถือ" จ้าวฉงซานวางร่างพระชายาลงไปบนเตียงอย่างเบามือ
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มตัวลงไป ส่งริมฝีปากไปประชิดที่ริมฝีปากบาง ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนลิ้นบางไปจนทั่วโพรงปาก ร่างกายพระชายาพลันอ่อนแรงปล่อยใจให้สวามีได้ตักตวงอย่างเต็มที่ จ้าวฉงซานขยับใบหน้าออกก่อนจะไล่จูบลงไปที่ซอกคอขาว พลางขบเม้มจนเกิดรอยดอกเหมยไปจนทั่ว อาภรณ์ด้านบนถูกแหวกออกจนเห็นเอี๊ยมสีแดงตัวน้อยที่ปกปิดความงดงามของหน้าอกอวบ สวามีหนุ่มอดใจไม่ไหวอีกต่อไป ลิ้นร้ายตวัดเลียและดูดดึงผ่านเอี๊ยมตัวน้อยจนเปียกชุ่มเป็นหย่อม
"อ้าส์..ท่านพี่..หยุดก่อน อืม" เสียงหวานเอ่ยห้ามอย่างไม่จริงจัง ปากห้ามทว่าการกระทำกับตรงข้าม กัวซุนฮวาเชิดอกขึ้นป้อนไปยังริมฝีปากของสวามี
นอกจากไม่หยุดแล้ว จ้าวฉงซานยังปลดสายคาดเอวพระชายาก่อนจะขยับอาภรณ์ให้เปิดกว้าง ดวงตาหวานเงยหน้ามองสวามีด้วยตาฉ่ำวาว ริมฝีบวมเจ่อเผยอขึ้นอย่างท้าทาย
ท่านอ๋องหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะส่งมือหนาลงไปลูบที่กลางบุปผางาม น้ำหวานที่เอ่อล้นออกมาท้าทายให้ลิ้มชิมรส จ้าวฉงซานก้มหน้าลงเหมือนดังคนละเมอ ปลายจมูกโด่งติดชิดปลายบุบฝาดอมดมกลิ่นหอมหวานอย่างแสนรัก
"เสด็จแม่เพคะ เยียนเอ๋อร์กลับมาแล้ว"เสียงหวานดังกังวานเหมือนดังระฆังยามเช้าร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง สองร่างที่เกือบจะสอดประสานอยู่ในห้องพลันชะงักค้าง
"ท่านพี่หยุดก่อนหยางเกอเอ๋อร์กับเยียนเจียเอ๋อร์กลับมาแล้ว" กัวซุนฮวาดันหัวไหล่สวามี พลางยกเรียวขาปิดบุปผางามเอาไว้ ใบหน้าหวานแดงก่ำไปด้วยความอาย นางไม่น่าตามใจสวามีเลย นอกจากจะไม่ได้สอบถามเรื่องในวังแล้วยังเกือบจะเสียทีสวามีอีกด้วย
"เสด็จแม่เพคะเปิดประตูให้ลูกด้วย เยียนเอ๋อร์กับหยางเอ๋อร์เก็บผลผิงกั่วมาให้เสด็จแม่เชื่อมเอาไว้ให้เสด็จพ่อทานด้วยเพคะ เปิดประตูเร็วเข้า"จ้าวชิงเยียนกับจ้าวเหวินหยางสองคนพี่น้องยื่นเคาะประตูหน้าห้องบรรทมของเสด็จพ่อและเสด็จแม่อย่างไม่ลดละ เด็กน้อยอุตส่าห์ เก็บผลผิงกั่วมาจากหลังจวนท่านตา หมายจะนำมาให้เสด็จแม่เชื่อมให้กิน
"ท่านหญิง ท่านอ๋องน้อยเพคะ เราไปทางโน้นดีหรือไม่ เดี๋ยวหม่อมฉันจะนำผลผิงกั่วไปล้างให้ก่อนเถิดเพคะ" เสี่ยวอี้นางกำนัลคนสนิทซุนฮวารีบมาห้ามสองพี่น้องเอาไว้ไม่ให้เคาะประตูห้องอีก นางกำนัลเหงื่อไหล่จนชุ่มไปทั้งกาย ถึงแม้ว่าลมจะโชยพัดสักเพียงใดก็ไม่อาจดับความร้อนใจลงไปได้ หากห้ามท่านหญิงกับท่านอ๋องน้อยไม่ได้ เกรงว่าหลังนางคงจะถูกโบยเป็นแน่
"เสี่ยวอี้มาขว้างไว้ทำไม เยียนเอ๋อร์จะให้เสด็จแม่เชื่อมผิงกั่วไว้ให้เสด็จพ่อ" ท่านหญิงน้อยถูกห้ามเอาไว้ก็หน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ ถึงแม้เสี่ยวอี้จะพยายามห้ามสักเพียงใด ทว่าสองพี่น้องก็ประสานเสียงกันเรียกให้เสด็จแม่ของพวกเขาออกมาให้ได้
"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะเปิดประตูให้หยางเอ๋อร์ได้หรือไม่ ไม่ทรงรักหยางเอ๋อร์แล้วหรือ" เสียงเรียกปนสะอื้นของบุตรชายคนเล็กดังขึ้นมา ความอดทนของจ้าวฉงซานพลันหมดลง ท่านอ๋องหนุ่มตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน
"ไสหัวไป!!.."
เด็กน้อยผู้โชคร้ายสองคนต่างสะดุ้งตกใจทั้งคู่มองหน้ากันจ้าวชิงเยียนหอบผลผิงกั่วเต็มสองแขนวิ่งออกไปจากหน้าห้อง ทว่าจ้าวเหวินหยางยืนนิ่งอยู่กับที่ ท่านอ๋องน้อยตกใจเสียงเข้มของบิดา ริมฝีปากเล็กแบะปากคว่ำลง ก่อนจะแผดเสียงร้องลั่นออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กัวซุนฮวาผวาขึ้นจัดอาภรณ์ให้เข้าที่และรีบวิ่งออกมานอกห้องอย่างเร่งด่วน
"โอ๋..หยางเกอเอ๋อร์ของแม่ แม่มาแล้วคนดีเจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ" กัวซุนฮวาไม่สนใจผิงกั่วที่ถูกปล่อยหล่นพื้น นางรีบอุ้มบุตรชายคนเล็กเอาไว้แนบอก
"เสด็จแม่ ฮื้อ ๆ เหตุใดไม่เปิดประตูให้หยางเอ๋อร์ ต่อไปนี้หยางเอ๋อร์จะไม่ห่างเสด็จแม่อีกแล้ว"หากพี่สาวไม่หลอกล่อให้ไปเก็บผิงกั่วนี้ที่จวนท่านตา มีหรือเขาจะยอมห่างจากอกมารดา ยิ่งกลับมาแล้วเห็นเสด็จแม่โดนขังอยู่ในห้องเช่นนี้ จ้าวเหวินหยางปวดใจยิ่งนัก เสด็จพ่อพระทัยร้ายเหลือเกิน
"หุบปาก!!..ร้องหาบิดาเจ้าหรือ เป็นลูกผู้ชายหรือไม่ร้องออกมาได้อย่างไร ส่งเจ้าเด็กบ้านี่มาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เสียชาติเกิด ตกใจบิดาก็ร้องแล้วหรือ" จ้าวฉงซานพยายามคว้าตัวบุตรชาย แต่มีหรือซุนฮวาจะยินยอม หากนางปล่อยมือบุตรชายนางคงถูกบิดาทุบอย่างแน่นอน
"ท่านอ๋อง!!..พระองค์ยังจะดุลูกอีกหรือ ไม่ได้ยินหรือว่าหยางเกอเอ๋อร์ไปเก็บผลผิงกั่วมาให้ผู้ใด เหตุใดถึงไร้เหตุผลเช่นนี้"
จ้าวฉงซานอ้าปากค้าง เขากำลังจะเอ่ยวาจาออกมา ทว่าพระชายากลับถลึงตาใส่ ‘แล้วจะทำอย่างไรได้อีกเล่า เจ้าเป็นใหญ่อยู่แล้วนี่ แต่เหตุใดต้องขึ้นเสียงใส่ข้าต่อหน้านางกำนัลกับเจ้าเด็กบ้านี่ด้วย’แน่นอนว่าท่านอ๋องผู้เกรียงไกรได้แต่นึกอยู่ภายในใจเท่านั้น
"ไปกันเด็กดี หยางเกอเอ๋อร์อยากทำผิงกั่วเชื่อมให้เสด็จพ่อใช่หรือไม่ เช่นนั้นแม่จะพาเจ้าไปทำ เสี่ยวอี้เก็บผิงกั่วตามข้ามา"ซุนฮวาอุ้มบุตรชายเดินออกไป พร้อมกับนางกำนัลเดินตามออกไปติด ๆ เช่นกัน
ท่านอ๋องหนุ่มผู้ถูกเมินได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตามลำพัง อารมณ์รักพลันมอดสลายไปจนสิ้น ท่านอ๋องหนุ่มก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงตนเอง พลางถอนหายใจออกมาอย่างห่อเหี่ยว
"เฮ้อ...."
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
เพราะความผูกพันที่มีมาตั้งแต่เกิด ทำให้หทัยชนกไม่อาจหักห้ามความรักที่มีต่ออาหมอสิงได้อีกต่อไป และแม้รักนี้พ่อจะไม่ปลื้ม แต่หญิงสาวจะขอฝ่าฟันและไม่มีทางยอมแพ้ให้อุปสรรคในครั้งนี้เด็ดขาด
เพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่ ทำให้ ศิรวิช จำใจต้องแต่งงานกับ สุทธิดา ชายหนุ่มทำทุกทางให้หญิงสาวทนไม่ไหว แต่เพราะความรักตั้งแต่แรกเจอ ทำให้สุทธิดาทนอยู่กับคนใจร้าย จนวันที่หญิงสาวทนไม่ไหวในวันที่สายไป ศิรวิชต้องเสียเธอไปพร้อมกับลูกแฝดที่เขาไม่เคยรับรู้
นพวรรณ ถูกบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าที่ติดการพนันอย่างหนักขายหักหนี้ให้กับ คิม ซีวาน หนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลีเจ้าของบ่อนคาสิโนหรูย่านใจกลางเมือง หลังจากรู้จักกับซีวาน นพวรรณ จึงได้รู้ว่าการตกนรกทั้งเป็น มันคือยังไง ชายหนุ่มปฎิบัติกับหญิงสาวเยี่ยงทาส นพวรรณจะทนได้นานแค่ไหน เธอจะหนีจากขุมนรกนี้ได้อย่างไร
ต่ำศักดิ์ ไร้ค่าแล้วอย่างไร ในสายตาของนาง เขาคือยอดบุรุษผู้สง่างาม ความอัปยศที่เขาเคยได้รับ ความเจ็บช้ำที่เขาเคยต้องอดทน วันนี้นางจะทวงคืนให้เขาเอง "บุรุษของข้า ใครกล้าแตะต้องก็ลองดู"
ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้
ซูลี่สวยแต่ชอบเสแสร้ง โม่สิงหย่วนไม่เคยสนใจฟังคำหวานที่ซูลี่พูดล้อเล่นเลย ต่อมา ซูลี่ก็เลิกเอาใจเขา โม่สิงหย่วนคว้าเธอเข้ามากอด “ซูลี่ เอาใจฉันหน่อยสิ ฉันจะยกทุกอย่างให้หมด” โม่สิงหย่วนมักจะสุขุมรอบคอบเสมอ จนกระทั่งพบซูลี่ เขาก็หมดความควบคุม
เขาบีบบังคับให้เธอขึ้นเตียงได้อย่างง่ายดาย แต่กลับไม่สามารถหลอกล่อให้ตนเองปล่อยเธอไปได้... คีแรน จอห์นสโตน คือผู้ชายสายดาร์ก เขามีพร้อมทั้งอำนาจและเงินตรา ความปรารถนาเดียวของผู้ชายเถื่อนคนนี้ก็คือการได้ครอบครองสาวใช้ของตนเอง เขายอมทำทุกอย่าง แลกด้วยทุกสิ่งที่ตนเองมี เพื่อให้ได้หล่อนมาอยู่ใต้ร่าง โดยไม่สนใจเลยว่าแม่สาวคนสวยที่เขาปรารถนาจะเต็มใจหรือไม่ สำหรับ พราวเนตร เขาคือผู้ชายใจดำอำมหิต เขาเหี้ยมโหด และไม่มีหัวใจ เขาแย่งชิงหล่อนมาจากชายคนรัก หักหาญน้ำใจของหล่อนอย่างป่าเถื่อน กักขังหล่อนเอาไว้ใต้เรือนร่างทรงพลังทุกค่ำคืนด้วยไฟปรารถนา หล่อนเกลียดเขาที่สุด เกลียดผู้ชายแสนเอาแต่ใจ ชอบบงการคนนี้นัก แต่ทำไมหนอหัวใจ ถึงได้หวั่นไหวไปกับจอมมารร้ายตนนี้ ทั้งที่ไม่ควรเลยสักนิด
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
รักแรกพบ อาจเกิดขึ้นไม่ง่ายนัก แต่เมื่อได้เกิดกับหัวใจของผู้ชายที่ชื่อพระนาย ชายหนุ่มจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ ขวัญข้าว ดวงใจของเขา ++++ “นายช่วยฉันหน่อย ฉันทรมาน” ขวัญข้าวพร่ำบอกความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย ความต้องการส่วนลึกดูจะมีอิทธิพล จนทำให้ขวัญข้าวเอ่ยพูดสิ่งนั้นออกไป สติของเธอตอนนี้แทบจะหลุดลอย “ทรมาน คุณเป็นอะไร?” “ไม่รู้... แต่ฉันแค่ต้องการ น่ะ... นาย... ขอร้องทำอะไรก็ได้ ฉัน... ฉัน... ทนไม่... หวะ... ไหว” ขวัญข้าวพูดติดขัดปานจะขาดใจ พูดจบก็หอบเหนื่อย ใบหน้าร้อนผ่าวๆ เพราะความเขินอายที่ตัวเองเป็นฝ่ายเชิญชวนเขาไปตรงๆ ก่อนจะก้มหน้าต่ำมองพื้นห้อง พระนายรั้งใบหน้าของขวัญข้าวให้มองมายังเขา
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY