ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
“พอแล้วครับทุกคน เดี๋ยวพี่ผมได้เมาก่อนพอดี ฉลองแต่พอหอมปากหอมคอก็พอนะครับ”
ฟ้าครามบอกทุกคนในห้องอาหารส่วนตัวที่เอาแต่รินเหล้าให้ลัพธวิทย์ ก่อนจะก้มลงถามชายหนุ่มอีกทีเพื่อเช็กสภาพ “ไหวไหมพี่”
“กลับ” เสียงแหบแห้งบอกกลับมาคำเดียว ฟ้าครามถึงได้เข้ามาช้อนร่างสูงของคนสั่งให้ลุกออกจากโต๊ะโดยไว ท่าทางจะไม่ปกติแล้วแบบนี้
“โหย คออ่อนอย่างงี้ไม่ไหวนา เดี๋ยวพอเป็นท่านรองก็ต้องดื่มบ่อยกว่านี้อีก มา ๆ นั่งลงก่อน” ประเสริฐศิลป์บอกอย่างต้องการเย้าแหย่ชายหนุ่มรุ่นลูก พร้อมส่งสายตาให้ลูกสาวเข้ามาดูแลชายหนุ่มอนาคตไกลอย่างลัพธวิทย์ และเผด็จศึกคืนนี้ให้ได้ ไหน ๆ อีกฝ่ายก็กำลังจะหย่าอยู่แล้ว เลิกจากเมียเก่าเรียบร้อย ก็จะได้จัดงานให้ลัพธวิทย์และลูกสาวของตนแบบทันทีทันใดไปเลย
“มาค่ะฟ้า พี่พาพี่เขื่อนกลับเองดีกว่า”
ฟ้าครามมองไปยังลัพธวิทย์ อ่านสายตากันออกก็รีบบอกหญิงสาวคนนั้นไปว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมพาพี่แกกลับเองดีกว่า”
พรหมภัสสรไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยจากมือไปได้ หญิงสาวพยายามยื้อแย่ง ด้วยการเข้าไปช่วยประคองชายที่หมายตา แต่แล้วฟ้าครามกลับดึงไปประคองแทน แล้วแสร้งทำท่าหัวเราะแบบคนสติไม่ดี ก่อนจะรีบพากันออกจากห้องไป พรหมภัสสรยังคงตามติด และพฤติกรรมแบบนี้ของหญิงสาวก็ทำให้ฟ้าครามไม่อาจวางใจได้
“มันจะน่าเกลียดนะครับพี่ปูน ผมพาพี่เขื่อนกลับเองดีกว่าครับ”
“น่าเกลียดอะไรกันน้องฟ้า พี่กับพี่เขื่อนไปแฮงเอาท์ ไปดื่มด้วยกันอยู่เรื่อย มาค่ะ เดี๋ยวพี่พาพี่เขื่อนขึ้นรถแล้วพากลับเอง แล้วฟ้าครามเข้าไปนั่งดื่มต่อนะ”
“ไม่เป็นไรปูน พี่กลับกับเจ้าฟ้าดีกว่า” เสียงแหบห้าวพูดยับยั้งหญิงสาวเอาไว้แค่นั้น แล้วหันไปสบตากับฟ้าครามให้ช่วยพากลับบ้าน เขารู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ในวินาทีนี้
ฟ้าครามพาเดินหลุดออกมาจากตรงนั้นได้แล้วก็ถามคำถามเดิมอีกครั้ง “ไหวไหมเนี่ยพี่”
“ไม่รู้ว่ะ แม่งรู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้”
“พี่ปูนแกก็เกาะพี่ไม่ยอมปล่อยเหมือนกันนะครับ ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องอยากพาพี่กลับบ้านด้วย” ฟ้าครามตั้งข้อสังเกต “ไม่ใช่ว่าอยากได้พี่จนถึงกับวางยาหรอกนะครับรอบนี้”
คนฟังอย่างลัพธวิทย์ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะอาการที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ มันแปลกอยู่เหมือนกัน และถ้ามันเป็นอย่างที่ฟ้าครามพูดจริง ๆ เขาก็คงจะลำบากแล้วล่ะในค่ำคืนแบบนี้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปให้น้องมันตกใจ รอจนฟ้าครามหามขึ้นรถ พามาส่งถึงหน้าบ้านแล้ว ฟ้าครามค่อยหันมาถามเขาอย่างลังเล
“เข้าบ้านยังไงครับพี่”
“ลงไปกดออดเลย”
“แต่มันดึกแล้วนะครับพี่ ข้างในจะไม่นอนแล้วหรือ”
“ช่างแม่ง!” ลัพธวิทย์สบถอย่างที่ฟ้าครามเองก็ไม่เคยได้ยินเสียงพูดเชิงฉุนเฉียวเช่นนี้มาก่อน เพราะปกติลัพธวิทย์มักเป็นคนสุภาพ พูดไม่เยอะ แต่อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของเหล้า ถึงได้ทำให้มีท่าทีไม่สบอารมณ์แบบนี้
ฟ้าครามค่อยลงไปกดออดเรียก ที่ด้านในของบ้านที่สว่างเป็นบางจุด พลันสว่างโร่ทั้งบ้านในทันที หลังเสียงออดดังไม่นาน แล้วถึงค่อยเห็นร่างเล็ก ๆ เดินออกมาจากประตูบ้าน ก่อนจะตรงมาที่ประตูรั้ว
“ผมพาคนมาส่งให้แล้วครับ” ฟ้าครามบอกด้วยท่าทีเป็นมิตร เขารู้จักภาวรีอยู่บ้าง หญิงสาวเป็นภรรยาของลัพธวิทย์
“ขอบคุณมากนะฟ้า” เสียงหวานบอกไปทางฟ้าคราม ฟ้าครามมีท่าทางเก้อเขินเล็กน้อย แต่พอเห็นสายตาสั่งการของลัพธวิทย์ก็นึกได้ บอกด้วยอาการเก้ ๆ กัง ๆ จากนั้น
“รบกวนอบเชยเปิดประตูให้หน่อยครับ เดี๋ยวผมพาพี่แกเข้าไปข้างในเอง”
“ไม่ต้อง” ลัพธวิทย์เสียงดังใส่ แล้วยื่นมือหาหญิงสาวที่จะถือครองสถานะภรรยาของเขาต่อไปอีกแค่ไม่กี่เดือนนี้แล้ว ก็จะจบสิ้นลงเสียที ตามสัญญาผูกขาดระหว่างครอบครัวของเขาและเธอ
ภาวรีเห็นท่าทางแบบนั้นของสามีก็รีบตรงเข้าไปช่วยเขา ลัพธวิทย์ส่งเสียงขัดใจในลำคอ แล้วบอกฟ้าครามให้ไปเสีย
“นายกลับได้เลยฟ้า ขอบใจมาก”
“พากันไปได้แน่นะครับ” ฟ้าครามถามอย่างไม่วางใจ เพราะอัตราส่วนของร่างกายระหว่างสามีกับภรรยาต่างกันมาก ลัพธวิทย์ก็เมาและเหมือนจะทรงตัวแทบไม่อยู่อีกต่างหาก
ลัพธวิทย์ส่งเสียงตอบอือในลำคออย่างที่ฟังออกว่าเขาเริ่มรำคาญแล้ว แต่ฟ้าครามก็ยังไม่กล้ากลับอยู่ดี ชายหนุ่มรอจนคนทั้งสองพากันเข้าบ้านแล้ว ถึงได้ช่วยปิดประตูให้
“ทำไมยังไม่นอนอีก นี่มันไม่ใช่จะตีสองแล้วหรือ” ลัพธวิทย์ถามเธอเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ภาวรีบอกเสียงนุ่มนวลตอบเขาออกไป
“เชยรอพี่เขื่อนไง”
บอกจบก็ค่อยประคองเขาลงบนเตียง แม้จะแต่งงานกันมาสองปีกับอีกสิบเดือนแล้ว แต่เธอกับเขาไม่เคยนอนร่วมห้อง มีเพียงร่วมบ้าน อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันเท่านั้น
“ช่วยพี่หน่อย”
เขาผงกศีรษะขึ้น ส่งเสียงเข้ม ๆ บอกเธอ ภาวรีขยับตัวเข้าไปหาเขา เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มช่วยเขาที่ตรงไหน หมายถึงให้ถอดเสื้อผ้า แล้วเช็ดตัวเหมือนที่เคยเมาแบบรอบก่อน ๆ หรือเปล่า
“ให้เชยช่วยอะไรอะ”
จบคำถามของเธอแล้ว มือใหญ่ของลัพธวิทย์ก็ยื่นสาวมาหาเธอ จนถูกตัวเธอแล้ว เขาคว้าข้อมือของเธอไว้ กระตุกไม่แรงมากนัก ก็ดึงเอาเธอล้มลงไปที่บนเตียงด้วยกัน ก่อนที่ร่างหนาของเขาจะพลิกขึ้นมาคร่อมที่บนตัวเธอ
“ช่วยทำหน้าที่ของเมียหน่อย”
จบคำพูดของเขาแล้ว ปากของเธอถูกปิดด้วยริมฝีปากอุ่นจัดของลัพธวิทย์ที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นเหล้า ลิ้นของเขาสอดเข้ามาในโพรงปากของเธออย่างเร่งรีบ มือของเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเขาออกอย่างเร็วไว แล้วปลดชุดนอนของเธอออกอย่างเร่งรีบ เขาดันขาของเธอให้เปิดอ้าออก แล้วค่อย ๆ สอดตัวตนแข็งแกร่งของเขาเข้ามาอย่างที่เรียกได้ว่าไม่ได้อ่อนโยนเลยสักนิด
ภาวรีสะดุ้งเฮือก ความรู้สึกครั้งแรกควรต้องอ่อนหวาน อ่อนโยนกว่านี้หน่อยไหม แต่นี่เปล่าเลย เขาเร่งร้อน เร่งรีบ และตักตวงเอาแต่ใจ จนปลดปล่อยเสร็จสิ้น แล้วก็ทิ้งเธอไว้แบบนั้น เมื่อเขาสุขสมไปเพียงคนเดียว
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
กันต์กมลต้องการหย่าจากสามี เมื่อระแคะระคายว่าเขามีคนอื่น แต่เขากลับไม่ยอมหย่าแบบง่าย ๆ เธอจะต้องทำอย่างไรดี
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!