สายน้ำประธานหนุ่มหน้าหวานที่พูดน้อยต่อยหนัก กับพ่อเลี้ยงอานนต์คนตรงๆไม่ยอมลงให้ใครนอกจากแฟนคนเดียว เกิดความเข้าใจถึงขั้นแตกหัก พ่อเลี้ยงอานนต์จะทำยังไงให้คนรักยอมให้อภัย
สายน้ำประธานหนุ่มหน้าหวานที่พูดน้อยต่อยหนัก กับพ่อเลี้ยงอานนต์คนตรงๆไม่ยอมลงให้ใครนอกจากแฟนคนเดียว เกิดความเข้าใจถึงขั้นแตกหัก พ่อเลี้ยงอานนต์จะทำยังไงให้คนรักยอมให้อภัย
Tara talk.
"อื้อ กี่โมงแล้ววะพี่นนต์"ผมถามคนข้างๆ ปวดตัวชิบหาย เมื่อวานไปนั่งกินเหล้ากับพวกเพื่อนผมมา ไม่ได้กลับบ้าน เลยโดนคนข้างๆ มันลงโทษแบบนี้ไง ผมเลยปวดเมื่อยไปทั้งตัว ไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลยให้ตาย ถ้าไม่ติดว่าอยู่ปีสุดท้ายแล้วนะกูจะโดดเรียนแม้งเลย
"หกโมงกว่าแล้ว"พี่นนต์แฟนผมเองครับไม่รู้ตื่นตั้งแต่เมื่อไร กำลังนอนลูบแก้มผมอยู่เนี่ย
"หิว"ผมบอกคนข้างๆ พี่นนต์เลยยิ้มให้ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมแรงๆ แล้วลุกไปทั้งที่ไม่ได้ใส่อะไรสักชิ้น
"มองแบบนี้ระวังไม่ได้ไปเรียนนะ"พี่นนต์คาดโทษไว้ก่อนจะหยิบเสื้อคุมมาสวม
"ก็ใครใช้ให้แก้ผ้าเดินวะพี่ กูไม่ได้มองนะ สายตามันไปเอง"
"หรอ" พี่นนต์หันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไปข้างนอก พี่นนต์เรียนจบไปหลายปีแล้วครับ แต่ก็ยังไปช่วยงานที่มหาลัยอยู่ปกติพี่มันไม่ค่อยยิ้มแบบนี้ให้ใคร อยู่ที่นั่นไม่ยิ้มเลยก็ว่าได้ แต่กับผมยิ้มแบบนี้ตลอดผมว่าผมชักหวงรอยยิ้มของพี่มันนะครับ ไม่อยากให้มันยิ้มให้ใคร อยากให้พี่มันยิ้มให้ผมแค่คนเดียว
สายเข้า>>>จิว
"มีเหี้ยไรแต่เช้าวะ"ผมหยิบมือถือที่สั่นอยู่บนหัวเตียงมาดูพอเห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนสนิทเลยกดรับ
"กูไม่มี แต่ไอ้เหี้ยอาร์มมันมี"ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย มันมีห่าอะไรอีกวะ วันก่อนมันทะเลาะกับแฟนพวกผมเลยนั่งเป็นเพื่อนมันยันเช้า เมาจนกลับไม่ได้ไง
"เออเดี๋ยวกูรีบไป" ผมพูดก่อนจะวางสายจากไอ้จิว ผมลุกไปอาบน้ำ ก่อนจะออกมาแต่งตัวพอเดินออกมาด้านนอกก็ได้กลิ่นอาหาร พี่นนต์กำลังผัดข้าวให้ผมกินสินะ ผมเลยเดินไปกอดพี่มันจากด้านหลัง
"หอมจังวะ"
"ไปนั่งรอเลยอย่ากวนแบบนี้เดี๋ยวจะไม่ได้ไปเรียน"พี่นนต์ว่าผมเลยหอมแก้มพี่มันแล้วรีบเดินออกมา ไม่นานข้าวผัดจานใหญ่ก็มาวางตรงหน้า
"พี่มึงไม่กินหรอวะ"
"ยังไม่หิวเดี๋ยวไปส่งแล้วค่อยกลับมากินก็ได้ เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน"พี่นนต์บอกผมแล้วเดินไปอาบน้ำ ผมก็แบ่งไว้ให้พี่มัน ทำให้ผมแต่ตัวเองไม่กินแบบนี้ได้ไงวะ
"ไม่อร่อยรึไง"พี่นนต์มานั่งข้างๆ ผมก่อนจะถามคงเห็นข้าวในจานยังเหลืออยู่
"อร่อย กินด้วยกันดิวะ" ผมเลยตักข้าวไปจ่อที่ปากพี่มัน พี่มันส่ายหน้าก่อนจะอ้าปากรับพอกินข้าวเสร็จพี่นนต์ก็ขับรถไปส่งผมที่คณะเหมือนทุกวัน
"เลิกกี่โมงโทรหากูนะเดี๋ยวมารับ"
"อือ"ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะลงจากรถพี่มันแล้วเดินเข้าคณะ
"กว่าจะมาได้ไอ้สัสนึกว่าจัดกันอีกรอบ"ไอ้จิวมันว่าผมตอนเดินไปถึงโต๊ะ
"ที่พูดนี่กูหรือมึง"ผมเลยถามกลับจนมันพูดไม่ออกแสดงว่าเมื่อเช้ามันจัดมาเลยไม่เถียงแบบนี้ ผมเลยยิ้ม ก่อนจะหันไปมองไอ้อาร์มที่นั่งหลับตาอยู่ สักพักน้องเมแฟนมันก็เดินมา
"พี่อาร์มค่ะ"เพื่อนผมมันลืมตามามองน้องเมแต่ไม่ได้พูดอะไร
"ทำไมไม่รับสายหนูคะ"น้องเมพูดเหมือนอยากจะร้องไห้อีกจนผมอดสงสารไม่ได้
"โทรหาพี่มีอะไรรึป่าวคะ พี่ไม่ว่างรับสาย ขอโทษทีนะคะ"
"ต้องมีอะไรด้วยหรอคะ ถึงจะโทรไปหาได้ งั้นขอโทษค่ะ ที่รบกวน"น้องเมพูดแล้วเดินร้องไห้ออกไป ไอ้อาร์มมันก็แกล้งหลับตาครับ ผมเห็นน้ำตามันไหลแต่ผมไม่ได้พูด
"ไหวไมไอ้สัส"น้ำฝนมันถามไอ้อาร์ม
"ไหวดิ ถึงเวลาเรียนปลุกกูด้วย" ไอ้อาร์มมันบอกพวกผม
"อย่าปากแข็ง โกหกพวกกูได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้นะไอ้เหี้ย ความรู้สึกมึง มึงรู้ดีที่สุด"ผมเลยว่ามัน
พอเรียนเสร็จผมก็โทรหาพี่นนต์ พี่นนต์ไม่ได้รับสายผมแต่เป็นผู้หญิงรับแทน
/สวัสดีค่ะ/
"..."ใครกันที่รับสายแทนพี่มันแบบนี้ ปกติพี่นนต์ไม่ชอบให้ใครยุ่งกับมือถือพี่มันนะ
/จะพูดรึป่าวคะ/เธอถามย้ำอีกรอบ
"พี่นนต์อยู่ไหน"ผมถามเสียงนิ่งๆ
/นอนอยู่ค่ะ/พี่มันนอนอยู่กับเธอหรอวะผมหงุดหงิดเลยวางสายใส่
"ไปส่งกูหน่อย"ผมหันไปบอกไอ้เอกที่นั่งข้างๆ
"มาแปลกโว้ย วันนี้ให้กูไปส่ง ผัวไปไหนไม่มารับ"ไอ้เอกมันถามผมกลับมา
"อย่าถาม จะไปไม่ไป"ผมกำลังอารมณ์ไม่ดีไง เลยไม่อยากตอบมัน ไอ้เอกมันมาส่งผมที่บ้านน่ะครับ บ้านผมทำไร่องุ่น มีธุระกิจโรงแรมอีก เดี๋ยวเรียนจบผมต้องเข้าไปดูแลเองตอนนี้มีคุณตาช่วยดูอยู่ครับแต่ท่านอายุมากแล้วผมเลยอยากให้ท่านพักผ่อน ผมลงจากรถไอ้เอก ก่อนจะไปเอากุญแจรถในบ้านแล้วขับรถตัวเองไปบ้านพี่นนต์
พอไปถึงบ้านพี่มันผมก็เข้าไปข้างใน ไม่เห็นพี่มัน ผมเลยเดินหาจนทั่วก่อนจะไปเจอพี่มันนอนอยู่บนเตียงไม่ได้ใส่เสื้อ มีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ข้างๆ
"แบบนี้หรอวะที่มึงบอกว่ารักกู"
อาร์ม>>>นักศึกษาปี4 คณะวิศวะ สุดหล่อที่โคตรใจร้อนไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนนอกจากน้องสาวอย่างแอมแปร์และเพื่อนรักอย่างน้ำฝน "เด็กแพทย์กูนึกว่ามีแต่คนเรียบร้อย แต่คนนี้กูว่ามาร้อยก็เรียบ" เมเบิ้ล>>>นักศึกษาปี4 คณะแพทย์ สาวสวยประจำคณะ เพื่อนสนิทของน้ำขิง สวยแรง เก่ง ฉลาด "เรียนแพทย์เขาใช้สมองนะ ไม่ใช่การแต่งตัว" ดีม>>>นักศึกษาป.โท คณะวิศวะ เพื่อนสนิทของอานนต์ เพลย์บอย เจ้าชู ไม่เคยจริงจังกับใคร "ก็พี่อยากรับผิดชอบหนูนี่คะ" แอมแปร์>>>นักศึกษาปี1 คณะบริหารสาวสวยที่พี่ชายโคตรหวง น่ารัก นิสัยดี แต่ดวงซวยเสียทีให้ผู้ชายในผับของพี่ตัวเอง "จะตามหนูเป็นเงาเลยรึไงคะ"
เพราะความกลัวทำให้เธอต้องปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ให้คนอื่นรู้โดยเฉพาะเพื่อนสนิท จนเป็นเหตุทำให้เขาเกิดความน้อยใจเธอขึ้นมา เขาเลยหลุดปากพูดบางสิ่งออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าคนที่อยากจะเป็นอิสระจากเธอคือเขาซะเอง แล้วเขาจะทำยังไงให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั่น เขาแค่ต้องการเปิดเผยสถานะของตัวเองให้คนอื่นรู้ว่าเขาเป็นอะไรกับเธอ
เพราะความผิดพลาดเลยทำให้เธอโดนว่าที่คู่หมั้นของเพื่อนรักตัวเองจับตัวไป ถึงเพื่อนเธอจะไม่ได้ชอบเขา แต่มันก็ไม่ควรเธอกับเขาไม่รู้จักกันสักหน่อย แถมเขาคือคนของเพื่อนอีก เธอเลยลืม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมง่ายๆ แนะนำตัวละคร มิคเซอร์>>>นักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง ที่ต้องจากบ้านเกิดมาอยู่ในไทยเพราะคำสั่งสุดท้ายของพ่อ เป็นคนชอบเอาชนะคน ไม่เคยแพ้ใคร ยกเว้นน้องชายคนละแม่ของตัวเอง ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง แต่ดันมาตกหลุมรักนางแบบสาวสุดฮอตอย่างจุ๊บแจง "ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่นอนด้วยอย่างนั่นสินะ" จุ๊บแจง>>>นางแบบสาวสวยสุดฮอต เพื่อนสนิทคนเดียวของมะปรางค์ รักอิสระ ไม่ชอบการถูกบังคับ คิดเสมอว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นของเขา "ทำไมถึงอยากเป็นแฟนกับหนูทั้งที่คุณมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว"
เมื่อคนที่เขารักกำลังจะหมั้นหมายกับผู้ชายคนอื่น เขาเลยต้องปิดบังฐานะของตัวเอง เพื่อเข้าไปทำงานในบริษัทของเธอ เขาจะทำให้เธอหันมาสนใจเขาได้รึป่าว ในเมื่อการหมั้นหมายของเธอนั่นมันมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
เพราะประกาศิตจากแม่และยายให้เธอกลับไปแต่งงานกับคนที่หาไว้ ทางรอดสุดท้ายคือเธอต้องหาผู้ชายที่เพียบพร้อมกว่ากลับไปฝาก แต่ทุกอย่างก็ดันผิดแผนไปหมด เมื่อเธอดันสะเพร่าเข้าผิดห้อง สุดท้ายใครจะคิดว่าชีวิตของ แวววิวาห์จะเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะคีย์การ์ดใบเดียวแท้ๆ เลยที่ทำให้ชีวิตเธอพลิกผันถูกภาคิน ประธานบริษัทจอมเผด็จการและเอาแต่ใจที่สุดในสามโลกคอยกดขี่ข่มเหง ใช่! เขาทั้งกด ขี่ แล้วก็ขย่ม เอ๊ย! ข่มเหงจนเธอแทบไม่ได้ลงจากเตียง “จูบห้าพัน แต่ถ้าจูบดูดดื่มรุกล้ำหมื่นนึง” “กอดห้าพัน แต่ถ้ากอดลูบไล้ล้วงลึกก็หมื่นนึง ถ้าคุณไม่จ่าย ฉันจะถือว่าคุณหลงเสน่ห์ฉัน และเราต้องแต่งงานกัน” “แล้วถ้ามากกว่านั้นล่ะ” เสียงเขากระเส่าพลางโน้มใบหน้าลงไปถามใกล้ๆ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด