เมื่อวิศวะกรสาวข้ามภพสู่ยุคจีนโบราณกลายเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทผู้เย็นชาเธอต้องเผชิญทั้งอำนาจเกมการเมืองในวังศัตรูที่มุ่งร้ายความรักระหว่างเธอกับองค์รัชทายาทเธอจะเอาตัวรอดในโลกที่ไม่รู้จักได้อย่างไร
“คุณหนู คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ วาดรวี เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่หัว ราวกับว่าเธอเพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บครั้งใหญ่
“ที่นี่ที่ไหน” วาดรวีถามอย่างตระหนก เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่มือของหญิงสาวในชุดจีนโบราณรีบจับเธอไว้
“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ท่านอย่าเพิ่งลุกขึ้นนะคะ ท่านเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ” หญิงสาวพูดพลางเอื้อมมือไปพยุงวาดรวีให้นั่งลงอย่างระมัดระวัง
“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอหลุดมาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้วเหรอ หญิงสาวนั่งนึกถึงตัวเอง
ในวันที่ฟ้าครึ้มฝน หนทางยาวเหยียดในเมืองหลวงปักกิ่งสว่างไสวด้วยแสงไฟจากรถที่สัญจรไปมา วาดรวีวิศวกรสาวผู้เต็มไปด้วยความฉลาดและความมุ่งมั่นรีบขับรถออกจากที่ทำงานหลังจากการประชุมครั้งสำคัญที่กินเวลานานเกินกว่าที่คาดไว้ เธอต้องเร่งรีบเพื่อกลับไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมเพราะจะกลับประเทศไทย เธอมาเป็นตัวแทนบริษัทมานำเสนอผลงานที่ปักกิ่ง หัวใจของเธอกระวนกระวาย รถที่ขับออกไปด้วยความเร็วสูงแล่นผ่านถนนที่เริ่มชื้นจากหยาดฝนที่ตกลงมาอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ รถบรรทุกคันหนึ่งก็พุ่งข้ามเลนเข้ามาหาเธอ วาดรวีพยายามหักพวงมาลัยหลบ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เสียงเบรกดังสนั่นก้อง รถของเธอเสียการควบคุม และวินาทีต่อมาเสียงชนอันดังสนั่นก็ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความมืด
ลมหนาวพัดผ่านเนื้อตัวของวาดรวี จนเธออดสั่นไม่ได้ เธอยืนมองออกไปในหุบเขาอย่างสับสน “ที่นี่...ที่ไหนกัน” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นแตะศีรษะ รู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แผลจากอุบัติเหตุแต่เมื่อมองรอบตัว เธอไม่อยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อเธอฟื้นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองอยู่ในยุคจีนโบราณ และเธอได้พบกับหญิงสาวแต่งชุดจีนโบราณ ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ เธอ ที่สำคัญหน้าตาของหญิงสาวในชุดจีนโบราณนั้นเหมือนกับวาดรวียังกับฝาแฝด พอสอบถามได้ความว่า เธอชื่อ เหวิ่นจือหยู เป็นบุตรีของแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ องค์ชายที่หล่อเหลา เยือกเย็น และเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วแคว้น โดยเฉพาะ "เหวิ่นลี่หยา" น้องสาวต่างมารดาของเธอที่ไม่เคยถูกชะตากับเธอตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และตอนนี้ก็กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อชิงองค์ชายมาเป็นของตน และเธอก็ถูกน้องสาวต่างมารดาทำร้ายร่างกายจนตาย เธอถูกดึงมาให้อยู่ที่นี่เพื่อเจอกับวาดรวี ซึ่งคือเธอในยุคปัจจุบัน และให้วาดรวีที่เคยเป็นเธอในอดีตกลับไปแก้แค้นให้เธอด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกลมหมุนแยกจากกัน
ที่แคว้นฉิน ในอีกยุคหนึ่ง เวลานี้คุณหนูเหวิ่นจือหยูกำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่ลำบาก นางถูกสังคมวิจารณ์ว่าไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาทหลี่หยวนเจ๋อ ไม่ว่าทำอะไรดูเหมือนจะถูกน้องสาวของตน เหวิ่นลี่หยา หาทางทำลายชื่อเสียงตลอดเวลา
เย็นวันนั้น ขณะที่เหวิ่นจือหยู กำลังเดินผ่านสวนในตำหนัก จู่ๆ นางก็รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนว่าโดนผลักจนล้มศีรษะฟาดกับก้อนหิน ก่อนที่ภาพรอบตัวจะค่อยๆ หมุนเคว้ง เสียงลมพัดผ่านหูอย่างแผ่วเบา และนางก็ล้มลงกับพื้น หัวกระแทกกับก้อนหินจนหมดสติ
“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอหลุดมาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้วเหรอ หญิงสาวนั่งนึกถึงตัวเองที่เจอกับเหวิ่นจือหยูเมื่อก่อนหน้าและสิ่งที่เธอบอก
วาดรวีงุนงง แต่เมื่อมองไปยังเงาสะท้อนในกระจก เธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดจีนโบราณ สวมอาภรณ์สีแดงงดงาม ใบหน้าของนางมีความอ่อนช้อยงดงามแต่งแต้มไปด้วยความเศร้า
เธอยกมือขึ้นแตะใบหน้าตัวเองอย่างช้าๆ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…นี่ฉันไม่ได้อยู่ในร่างของตัวเองใช่ไหม”
วาดรวี หรือในตอนนี้คือเหวิ่นจือหยู ได้แต่มองภาพสะท้อนนั้นด้วยความรู้สึกที่ทั้งสับสนและหวาดกลัว เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมเธอถึงได้มาอยู่ในร่างของเหวิ่นจือหยู ในยุคจีนโบราณเช่นนี้ ถึงตอนนั้นเหวิ่นจือหยูที่เคยเจอจะบอกว่าเป็นเธอก็เถอะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากแก้แค้นอะไรนั่นเสียหน่อย
แต่เธอก็ยังกลายเป็นเหวิ่นจือหยู บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ องค์ชายที่โด่งดังทั้งในด้านความสามารถและความเย็นชาใส่เธอ
วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น เธอต้องใช้ชีวิตในร่างนี้และทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการเผชิญหน้ากับเหวิ่นลี่หยาน้องสาวต่างมารดาที่ดูเหมือนจะเกลียดเธอมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้น้องสาวคนนี้ก็กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อจากเธอ
ก่อนที่ความคิดจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ จู่ๆ มีหญิงมีอายุในชุดจีนโบราณยาวกรอมเท้า วิ่งเข้ามาหาเธออย่างเร่งรีบอีกคน “คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ” หญิงผู้นั้นตะโกนเสียงดัง น้ำตาไหลพราก เธอก้มกราบลงอย่างนอบน้อม “บ่าวดีใจนักที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาได้”
“คุณหนูของนมเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ” ผู้หญิงมีอายุคนนั้นยังพูดต่อ คงเป็นแม่นมของเธอซินะ
“ปวด ตรงนั้นนิดหน่อยค่ะแม่นม ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” หลังจากนั้นเธอก็ถูกแม่นมดูแลให้ดื่มสมุนไพรนั่นนี่ตามประสาคนเป็นห่วง
ในวังหลวง องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อผู้ที่มีนิสัยเย็นชาและคาดหวังความสมบูรณ์แบบในทุกด้านของชีวิต รู้ดีว่าการหมั้นหมายกับเหวิ่นจือหยูเป็นเพียงการเมือง เขาไม่เคยสนใจนางมาก่อน ทั้งยังรู้ดีว่าน้องสาวของนางอย่างเหวิ่นลี่หยานั้นพยายามเข้าหาเขาอย่างมากมาย ด้วยการแสดงความอ่อนโยน
หลี่หยวนเจ๋อไม่ได้เกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้สนใจใยดี ทั้งหมดนี้สำหรับเขาเป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อรักษาอำนาจของราชวงศ์เท่านั้น จนกระทั่งวันที่เขาได้พบกับเหวิ่นจือหยูอีกครั้งหลังจากที่นางฟื้นจากอาการบาดเจ็บ
วันนี้ที่วังหยวนเหอ วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูถูกเชิญมาเข้าเฝ้าองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ หลังจากที่ทั้งสองไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานาน เธอรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
แต่ทันทีที่เธอได้พบกับเขา สายตาที่เย็นเยียบและเคร่งขรึมของเขากลับทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูก
“เหวิ่นจือหยู” เขาเอ่ยเรียบๆ แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอำนาจและความกดดัน “เจ้าฟื้นแล้วหรือ”
“เพคะองค์ชาย ข้า... ข้าไม่ค่อยสบายมากนัก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”วาดรวีพยายามตอบด้วยความสุภาพที่สุด แม้จะยังคงตกตะลึงกับความหล่อเหลาของเจ้าชายผู้เย็นชา
องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อยืนนิ่ง เขาสังเกตเห็นแววตาของนางเปลี่ยนไปจากที่เคยเห็น ดูมีความเฉลียวฉลาดและไม่ใช่หญิงสาวที่โง่เง่าแต่เย่อหยิ่งนิสัยร้ายกาจอย่างแต่ก่อน
“เช่นนั้นดีแล้ว” เขาตอบสั้นๆ “ข้าไม่มีเวลาสำหรับความอ่อนแอของเจ้า”
"องค์ชายเพคะ ข้าได้นำผ้าชิ้นนี้มาถวายท่าน ข้าทอด้วยมือของข้าเอง"
เหวิ่นลี่หยาถือกล่องผ้าไหมสวยงาม นางเดินเข้ามาหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋ออย่างอ่อนหวาน สายตาอ่อนโยนจ้องมองเขา
หลี่หยวนเจ๋อเหลือบตามองผ้า แต่ไม่ตอบอะไร ใบหน้าของเขาเรียบเฉย เหวิ่นลี่หยากัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกเสียหน้า แต่ยังคงพยายามพูดต่อ
“หากท่านต้องการ ข้าจะทอผ้าให้ท่านทุกวัน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าได้ถวายงานให้ท่าน”
แต่อย่างไรก็ตาม หลี่หยวนเจ๋อยังคงเย็นชา “ไม่จำเป็น”
"แต่..."
ก่อนที่เหวิ่นลี่หยาจะพูดจบ เหวิ่นจือหยูที่ยืนฟังอยู่ก็เดินเข้ามาใกล้ นางยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดอย่างเฉียบขาด "น้องลี่หยา ข้าคิดว่าองค์ชายคงไม่มีเวลามากนักในการสนใจผ้าทอของเจ้า เขามีราชกิจสำคัญมากกว่านั้น"
เหวิ่นลี่หยามองหน้าพี่สาวของเธอด้วยความโกรธ เธอไม่คิดว่าเหวิ่นจือหยูจะกล้าท้าทายเธอแบบนี้
เวทานนท์ หนุ่มนักเรียนนอก ท่านประธานผู้คลั่งรัก อย่างคุณเลขาเนี่ยไม่ใช่ตัวเล็กสเปคเขา ปากแซ่บเกิน ยิ้มอ่อยได้ทุกคนยกเว้นเขาที่เป็นเจ้านาย คนแบบนี้เขาไม่มีทางชอบเด็ดขาด นวพรรษ เลขาหน้าหวานหล่อแบบโอปป้า ยิ้มทีทำเอาแฟนคลับคลั่ง ท่านประธานน่ะเหรอ คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่นิสัยไม่ได้ดีไปกับหน้าตา สงสารคนที่จะมาเป็นแฟนจริงๆ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
วิญญาณฮองเฮาชั่วร้ายต้องเข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูหลินจื่อเว่ยที่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต้องต่อกรกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และโหดเหี้ยม งานนี้นางจึงต้องงัดฝีไม้ลายมือเก่า ๆ เอามาใช้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ช่างยากเย็นนัก เมื่อนางมิได้ต่อสู้กับแม่เลี้ยงใจโฉดเพียงคนเดียว เมื่อบัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องคู่หมั้น ที่วิปริตเย็นชาและยังเป็นโรคประสาทบ้าตัณหาผู้หนึ่ง!
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
หากความรักของเราเปรียบเหมือนแก้วใบหนึ่ง แก้วใบนี้คงร้าวจนใกล้แตกเต็มที อีกฝ่ายต้องการประคองรักนี้ไว้อย่างอดทน แต่อีกคนกลับทำลายจนหัวใจของเธอย่อยยับแหลกลาน ความอดทนของคนเรามีวันที่สิ้นสุดน่ะ “หย่า” คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเขาไปในที่ชอบ ๆ ทางใครทางมัน แต่เมื่อเวลาพัดผ่าน ด้วยเหตุผลของกามเทพ ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และเมื่อได้พบหน้าเธอ เขาขอแก้ตัว และบอกเธอว่า เขายังรักเธอ ทว่าในวันที่เธอเดินจากไป เธอมีลูกน้อยติดท้องมาด้วย และปัญหาของคนเป็นแม่ เจ้าเด็กน้อยหนูอยากจะมีพ่อครับ แล้วเธอควรทำอย่างไรต่อไป ++++++++++ คำโปรย เมื่อเข้าไปถึง และเห็นภาพตรงหน้า ปริญเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ในอ้อมกอดและวงแขนของเขา มีร่างผู้หญิงคนหนึ่ง และสิ่งที่ทำให้หัวใจของทอดาวสลาย ทั้งสองคนกำลังจูบกัน เพล้ง... ข้าวของในมือร่วงลงไป พร้อมกับร่างของทอดาวที่แทบทรุด เธอเซไปจนปะทะกับฝาบ้าน คนสองคนที่กำลังจูบกันอยู่รีบผละออกจากกันแล้วหันมามอง ทอดาวแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำไป เธอไม่เคยคิดเลยว่าปริญเขาจะทำแบบนี้กับเธอ ทำอะไรที่แสนทุเรศในบ้านที่เป็นเรือนหอของเธอกับเขา ทอดาวน้ำตาคลอ เธอพยายามประคองสติโดยใช้ฝาผนังเป็นที่พึ่ง ‘แล้วลูกของเราล่ะ และนี่คืออะไร มันหมายความว่ายังไง ทำไมเขาทำแบบนี้กับฉัน’ ความคิดอันแรก ครอบครัวของเธอต้องแตกแยกแล้ว พร้อมกับคำถามเกิดขึ้นมามากมายในหัวของทอดาว เธอหน้าถอดสีซีดจางจนไม่มีสีเลือด สิ่งที่น่าเจ็บปวด เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเธอที่เป็นภรรยาของปริญแล้วจะกระดากอายถอยห่างจากสามีของชาวบ้าน แต่ไม่เลย สองมือของหล่อนคนนั้นยังสอดรัดเอาลำตัวและหน้าอกของตัวเองเบียดไปกับผิวแขนของปริญ