รวมเรื่องเล่าประสบการณ์แอบมีชู้ นอกใจคนรัก ร้อนแรง ผิดบาป ncทุกตอน มีหลายเรื่องราว
หนูนาในวัยสามสิบสองปี เป็นที่จับตาของผู้คนเสมอ ด้วยรูปร่างระหงสมส่วน ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับกลีบซากุระยามต้องแสงอาทิตย์ เรือนผมสีดำขลับยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นอย่างเรียบร้อย เผยให้เห็นลำคอระหงและใบหน้าเรียวสวยได้รูป ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นฉายแววฉลาดเฉลียวและอ่อนโยน จมูกโด่งเล็กรับกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ ยามเมื่อเธอแย้มยิ้ม จะปรากฏรอยบุ๋มเล็กๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง สร้างเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างเป็นธรรมชาติ
วันนี้หนูนาสวมชุดสูทกระโปรงสีเทาอ่อน เนื้อผ้าเรียบลื่นเข้ารูปพอดีตัว เสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวสะอาดตาถูกสอดไว้ด้านในอย่างประณีต กระโปรงทรงดินสอผ่าด้านหลังเล็กน้อย เผยให้เห็นเรียวขาสวยเมื่อยามก้าวเดิน รองเท้าส้นสูงสีดำขลับช่วยเสริมให้รูปร่างของเธอสง่างามยิ่งขึ้น เครื่องประดับมีเพียงต่างหูมุกเม็ดเล็กๆ และนาฬิกาข้อมือเรือนบางสีเงิน ดูเรียบง่ายแต่ก็บ่งบอกถึงรสนิยมที่ดี
ชีวิตภายนอกของหนูนากับภัทร สามีนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ ดูราวกับภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง รถยนต์ราคาแพง และการเข้าสังคมในวงแคบๆ ที่ดูดี แต่ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกัน ความเงียบงันกลับเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างน่าอึดอัด ภัทรทุ่มเทเวลาให้กับธุรกิจจนแทบไม่มีเวลาให้หนูนา ความเอาใจใส่และความเสน่หาที่เคยมีในช่วงแรก กลับกลายเป็นความเคยชินและหน้าที่ ความโหยหาความรักและความเร่าร้อนในหัวใจของหนูนาจึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ เหมือนเมล็ดพันธุ์ที่รอวันผลิบาน
ธนาคารสาขาที่หนูนาทำงานตั้งอยู่ในอาคารสูงใจกลางเมือง แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านกระจกบานใหญ่เข้ามาในห้องโถง ทำให้บรรยากาศดูสว่างและพลุกพล่าน พนักงานต่างทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เสียงพูดคุยโทรศัพท์ เสียงพิมพ์เอกสาร และเสียงประกาศต่างๆ ดังคลอเคลียอยู่ตลอดเวลา รัฐ พนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีกรมท่าเข้ม ยืนตระหง่านอยู่บริเวณประตูทางเข้า รูปร่างสูงโปร่งของเขาอยู่ในชุดที่รีดเรียบ ใบหน้าคมสันดูเคร่งขรึม แต่แววตาที่ทอดมองผู้คนที่เดินเข้าออกกลับดูสุภาพและระมัดระวัง
รัฐมีอายุย่างเข้าสามสิบปี ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดรับกับโครงหน้าคมสัน ดวงตาเรียวคมสีดำสนิทมักจะซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ภายใต้รอยยิ้มบางๆ ที่นานๆ ครั้งจะปรากฏให้เห็น ไหล่กว้างและแผ่นหลังตรงของเขาบ่งบอกถึงความแข็งแรงและน่าเชื่อถือ หนูนาสังเกตว่ารัฐมักจะยืนประจำการอยู่บริเวณใกล้เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นจุดที่เธอต้องเดินผ่านอยู่เสมอ
ในวันที่วุ่นวาย หนูนาจะสังเกตเห็นรัฐคอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและพนักงานด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประตู การให้ข้อมูล หรือแม้แต่การช่วยเหลือยกของหนัก แววตาที่เขามองมายังเธอในบางครั้ง มันมีความแตกต่างจากสายตาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ มันแฝงไปด้วยความชื่นชมอย่างเงียบๆ และความใส่ใจที่ทำให้หัวใจของหนูนาเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย
บ่ายวันหนึ่ง ฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางวัน ทำให้ลูกค้าในธนาคารบางตา หนูนาต้องอยู่เคลียร์เอกสารสำคัญที่โต๊ะทำงานของเธอจนเย็นย่ำ แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์สีขาวสว่างจ้าในห้องทำงาน รัฐเป็นยามที่เข้าเวรดึกในคืนนั้น เดินตรวจตราความเรียบร้อยของธนาคารเป็นระยะ เสียงฝีเท้าหนักแน่นของเขาดังแว่วมาในความเงียบ
เมื่อรัฐเดินผ่านโต๊ะทำงานของหนูนา เขาลดความเร็วในการเดินลงเล็กน้อย หันมาสบตาเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
"เลิกงานดึกนะครับคุณหนูนา ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหมครับ?" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขากระซิบแผ่วเบา ท่าทางสุภาพและเป็นห่วงเป็นใยนั้น ทำให้ความรู้สึกเหงาในใจของหนูนาจางหายไปเล็กน้อย
"ค่ะ ใกล้เสร็จแล้วค่ะคุณรัฐ ขอบคุณมากนะคะที่ยังอยู่" หนูนาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มหวาน ดวงตาของเธอสบกับดวงตาคมเข้มของรัฐนานกว่าปกติ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่านระหว่างกัน
"ยินดีเสมอครับ ถ้าต้องการอะไรเรียกผมได้เลยนะครับ" รัฐพูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้หนูนาอยู่กับความเงียบสงัดอีกครั้ง แต่ความรู้สึกอบอุ่นที่เขาเพิ่งมอบให้ยังคงอบอวลอยู่รอบตัวเธอ หนูนาเหม่อมองไปยังแผ่นหลังกว้างของรัฐที่เดินห่างออกไป แสงไฟสีขาวสว่างจ้าสะท้อนกับเครื่องแบบสีกรมท่าของเขาเป็นเงาเข้มยาวบนพื้น ความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนลึกอยู่ในใจของหนูนาเริ่มก่อตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ... ความรู้สึกที่อันตรายและเย้ายวนใจ
แสงไฟสีขาวนวลจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ยังคงส่องสว่างจ้าในห้องทำงานของหนูนา นิ้วเรียวยาวของเธอยังคงพิมพ์เอกสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว แต่ความคิดกลับล่องลอยไปยังร่างสูงสง่าของยามหนุ่มที่เดินตรวจตราอยู่ด้านนอก ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยที่รัฐมอบให้เมื่อครู่ยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำ ราวกับสัมผัสที่แผ่วเบาแต่กลับลึกซึ้ง
เวลาล่วงเลยไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งเอกสารกองสุดท้ายถูกจัดเก็บเข้าแฟ้ม หนูนาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก มองนาฬิกาข้อมือเรือนบาง บอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว เธอเก็บของบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย สะพายกระเป๋าถือหนังสีดำ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน
ห้องโถงธนาคารในยามดึกสงัดวังเวงกว่าที่คิด แสงไฟถูกหรี่ลงจนเหลือเพียงแสงสลัวตามทางเดินและบริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เสียงฝีเท้าของหนูนาดังสะท้อนก้องกังวานในความเงียบ ร่างสูงของรัฐยืนอยู่บริเวณประตูทางออกด้านหน้า มองตรงไปยังความมืดมิดภายนอก
เมื่อเห็นหนูนาเดินออกมา รัฐหันกลับมายิ้มให้เธออีกครั้ง รอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาคมของเขาดูอ่อนโยนลงอย่างน่าประหลาด
"เสร็จแล้วเหรอครับคุณหนูนา ให้ผมไปส่งที่รถไหมครับ?" รัฐเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"ขอบคุณมากค่ะคุณรัฐ แต่รถจอดอยู่ในที่จอดรถของธนาคาร ไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ" หนูนาตอบกลับไป แต่ในใจกลับรู้สึกเสียดายที่ช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขาใกล้จะสิ้นสุดลง
"ถ้าอย่างนั้น... เดินทางปลอดภัยนะครับ" รัฐกล่าวลา
"ขอบคุณค่ะ คุณรัฐก็ดูแลความปลอดภัยด้วยนะคะ" หนูนาตอบกลับไป ก่อนจะหันหลังเดินไปยังประตูทางออก แต่แล้วเธอก็ชะงักเท้า หันกลับมาหารัฐอีกครั้ง
"เอ่อ... คุณรัฐคะ คือว่าลิฟต์มันปิดให้บริการแล้วหรือเปล่าคะ?" หนูนาถามด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นไม่แน่ใจ
รัฐขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยความสุภาพ "ครับคุณหนูนา ลิฟต์ปิดให้บริการหลังสี่ทุ่มครับ ถ้าอย่างนั้นคุณหนูนาต้องใช้บันไดหนีไฟ..." เขาผายมือไปยังประตูสีเขียวทึบที่อยู่สุดทางเดิน
"อ๋อ... ค่ะ" หนูนาตอบรับเบาๆ แต่ในใจกลับเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอเดินไปยังประตูบันไดหนีไฟ เปิดออกแล้วก้าวเข้าไปด้านใน ความมืดและกลิ่นอับชื้นปะทะเข้ามาเล็กน้อย แสงไฟสีส้มจากหลอดไฟฉุกเฉินส่องสว่างเป็นระยะตามขั้นบันได
หนูนาค่อยๆ ก้าวเท้าลงบันไดทีละขั้น เสียงส้นสูงสีดำกระทบกับพื้นปูนดังเป็นจังหวะเงียบๆ ความเงียบและความเปลี่ยวทำให้เธอรู้สึกใจหวิวอย่างประหลาด
ขณะที่เธอกำลังจะเดินลงไปถึงชั้นล่าง เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นมาจากด้านหลัง หนูนาหันกลับไปด้วยความสงสัย แสงไฟสลัวๆ ทำให้เธอเห็นร่างสูงของรัฐกำลังก้าวลงบันไดตามมา
"คุณรัฐคะ มีอะไรรึเปล่าคะ?" หนูนาถามด้วยความแปลกใจ
รัฐเดินลงมาจนถึงขั้นเดียวกับเธอ ยืนประจันหน้ากันในแสงไฟสลัวๆ ดวงตาคมของเขาจ้องมองมาที่ดวงตาของหนูนาอย่างลึกซึ้ง แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้หัวใจของหนูนาเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
"ผม... ผมเป็นห่วงคุณหนูนาครับ บันไดหนีไฟมันค่อนข้างเปลี่ยว" รัฐกระซิบเสียงแหบพร่า น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปจากความสุภาพตามปกติเล็กน้อย
ความเงียบปกคลุมระหว่างคนทั้งสอง มีเพียงเสียงลมหายใจถี่กระชั้นของพวกเขาที่ดังแข่งกัน หนูนาสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดที่รุนแรงระหว่างเธอกับรัฐ มันเป็นความรู้สึกที่อันตราย แต่ก็หอมหวานและเย้ายวนใจจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้
รัฐค่อยๆ เอื้อมมือมาสัมผัสแก้มเนียนของหนูนาอย่างแผ่วเบา สัมผัสนั้นนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับลูบไล้ความปรารถนาที่ซ่อนลึกอยู่ในใจของเธอให้ตื่นขึ้น
"คุณหนูนา..." รัฐเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อของเธอ
หนูนาหลับตาลง ปล่อยให้ความรู้สึกปรารถนาที่ท่วมท้นนำทางเธอ ริมฝีปากของรัฐแตะลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความหนักหน่วงและดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความโหยหาและความปรารถนาที่เก็บกดไว้เนิ่นนาน
มือเรียวของหนูนาค่อยๆ ยกขึ้นโอบรอบคอของรัฐอย่างแนบแน่น ตอบรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ปล่อยให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจางหายไปในความมืดสลัวของบันไดหนีไฟ
ร่างของทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ความรู้สึกร้อนรุ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของหนูนา เธอไม่เคยรู้สึกถึงความปรารถนาที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน มันเป็นความตื่นเต้น หวาดเสียว และความต้องการที่ถาโถมเข้ามาอย่างที่ไม่เคยมีใครมอบให้เธอ
มือที่แข็งแรงของรัฐเริ่มซุกซน ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหนูนาภายใต้เสื้อสูทเนื้อดี ก่อนจะเลื่อนลงมาสัมผัสสะโพกกลมกลึงของเธออย่างแผ่วเบา หนูนาครางออกมาเบาๆ ในลำคอ ปล่อยให้ความรู้สึกเสียวซ่านครอบงำทุกสิ่ง
รวมเรื่องสวิงกิ้งจากสาวๆและสามีหลายๆท่าน มีหลายตอน หลายเหตุการณ์ สัมผัสถึงรสชาติสัมพันธ์แบบแปลกใหม่ นอกกายแต่ไม่นอกใจ
เรื่องราวของนดา สาวสวยทายาทตระกูลดังที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เธอมีความทรงจำในอดีตที่ยากเกินจะลืมเลือน ชอบการหลับนอนกับคนที่ไม่รู้จักแม้ชื่อ ยินยอมให้ชายที่ไม่ใช่สามีมอบความซาดิสม์และรุนแรงให้กับตัวเอง สามีก็ดันเป็นใจหาผู้ชายเถื่อนๆมาให้เธออีกด้วย
เรื่องราวของเอมิ ภรรยาสาวสวยของหนุ่มออฟฟิศที่เปิดร้านกาแฟเล็กๆอยู่หน้าบ้าน วันนึงเธอเกิดใจอ่อนกำสารวัตรหนุ่มที่เข้ามาจีบ ยิ่งสามีเย็นชากับเธอยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ลับของเธอกับชายชู้ประทุขึ้นจนหยุดความใคร่เอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
นางเอกถูกสามีนอกใจแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอยอมเป็นเมียโง่เพื่อที่ได้แอบกินตับกับพ่อผัว ลูกเลี้ยง หลานชาย และคนสวนในบ้าน สรุปแล้วเธอเสียสามีไปแค่คนเดียว แต่กลับได้ชู้ในบ้านเพิ่มเป็นสิบๆคน
หลังจากโดนผัวทิ้งตอนน้ำหนัก80กิโลแจมก็ผันตัวมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างหนักหน่วง เพียงไม่กี่ปีเธอก็กลายเป็นสาวหุ่นดี แถมยังมีสถาบันฟิตเนสทาบทามให้ไปเป็นเทรนเนอร์สุดสวยประจำยิมเสียด้วย แต่ด้วยการที่ต้องหาลูกเทรนและทำยอดขายช่างยากเย็นไม่ต่างอะไรกับการขายประกัน ล่าสุดแจมเกิดปิ๊งไอเดียใหม่เพื่อหาคนมาเทรนด้วย เธอชอบยั่วยวนลูกชายเพื่อนๆให้มาออกกำลังกายที่ยิมแล้วหลอกกินตับ ไปๆมาๆได้ทั้งคู่นอนได้ทั้งค่าคอมจนกระเป๋าตุง เรียกได้ว่านับแต่นั้นมาแทบไม่มีวันไหนที่เธอได้นอนคนเดียวเลยซักคืน
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง