“เตรียมคนไข้พร้อมหรือยัง” น้ำเสียงหนักแน่นของเขาดังขึ้นท่ามกลางเสียงจอแจของห้องผ่าตัด นายแพย์ วายุ รัตนะวาทิน ศัลยแพทย์หนุ่มวัย 28 ปี ผู้มีฝีมือเป็นที่ยอมรับและโดดเด่นในวงการการแพทย์ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสวยหวานแม้แต่ผู้หญิงยังต้องอายผสมผสานกับแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความใจเย็น ทำให้เขาเป็นแพทย์ที่ผู้ป่วยทุกคนต่างไว้วางใจ
“พร้อมแล้วค่ะคุณหมอ” พยาบาลตอบกลับ ก่อนที่ประตูห้องผ่าตัดจะปิดลง
วายุเป็นแพทย์ที่ไม่เพียงแต่มีทักษะทางศัลยกรรมหัวใจและหลอดเลือดที่ยอดเยี่ยม แต่ยังมีความอดทนและความสงบในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทุกการเคลื่อนไหวของเขาในห้องผ่าตัดเปรียบเสมือนศิลปินที่กำลังบรรเลงบทเพลงอย่างชำนาญ การผ่าตัดที่ซับซ้อนและยากลำบากกลายเป็นเรื่องที่ดูง่ายเมื่ออยู่ในมือของวายุ
“รอดูอาการในห้องไอซียูอีก 48 ชั่วโมง แต่โอกาสรอดเกิน 90%” นายแพทย์วายุกล่าวหลังการผ่าตัดสำเร็จ ผู้ป่วยที่เคยมีสภาพวิกฤติก่อนหน้านี้ได้รับโอกาสอีกครั้งจากการรักษาของเขา
เขายืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ตรวจดูผลลัพธ์ของการผ่าตัดหัวใจด้วยความพอใจ ท่ามกลางคำชื่นชมจากทีมแพทย์และพยาบาลรอบข้าง แต่ทว่าภายใต้รอยยิ้มบาง ๆ ของเขา กลับซ่อนความเหนื่อยล้าและความกดดันที่ซ่อนอยู่ลึกในใจ วายุทุ่มเทชีวิตให้กับการรักษาผู้คนจนแทบไม่มีเวลาสำหรับตัวเอง
ช่วงเวลาหลังเลิกงาน ร่างโปร่งบางของวายุถอดชุดกาวน์ออกแขวนไว้ แล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากโรงพยาบาล ด้วยท่าทีเรียบง่ายเหมือนทุกวัน เขามักจะขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง หลีกเลี่ยงงานเลี้ยงสังสรรค์หรือการใช้ชีวิตหรูหรา เพราะในใจของเขาเต็มไปด้วยเป้าหมายในการช่วยเหลือชีวิตคน การรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรคร้ายคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขามีความสุข
แต่ในขณะที่เขากำลังขับรถกลับบ้าน ความเงียบสงบที่วาดไว้กลับพังทลาย เมื่อรถบรรทุกที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงเบียดเข้ากับรถของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
โครม!
รถของวายุพลิกคว่ำหลายตลบก่อนจะหยุดนิ่ง ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างรุนแรง ท่ามกลางสติที่เริ่มเลือนราง เขาพยายามควบคุมตัวเองให้ไม่หลับ แต่ทุกอย่างก็ค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับเสียงหวอของรถพยาบาลที่ใกล้เข้ามา…
“ทำไม... เราต้องมาเจออะไรแบบนี้..” เสียงสุดท้ายที่เขาคิดได้ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างจะมืดสนิทลง โดยที่วายุไม่รู้เลยว่า ชะตากรรมของเขากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...
แสงไฟสว่างจ้าของห้องฉุกเฉินยังคงไม่ดับลง แม้การช่วยชีวิตจะดำเนินไปอย่างไม่ลดละ กว่าแพทย์และพยาบาลจะล้อมรอบเตียงของวายุ จ้องมองที่จอมอนิเตอร์ที่แสดงผลชีพจรที่ค่อย ๆ ลดลงทุกวินาที แต่ทุกคนในห้องต่างรู้ดีว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับสิ่งที่ยากจะเปลี่ยนแปลงได้
“หัวใจหยุดเต้น!” เสียงของแพทย์ผู้หนึ่งดังขึ้น แพทย์หลายคนเร่งช่วยกันช็อกไฟฟ้า หวังให้หัวใจของวายุกลับมาทำงานอีกครั้ง การกดหน้าอกและการให้ออกซิเจนถูกทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“หนึ่ง สอง สาม...” เสียงนับอย่างรวดเร็วที่เต็มไปด้วยความหวัง เริ่มกลายเป็นเสียงที่แผ่วเบาลง เมื่อเวลาผ่านไปโดยไร้วี่แววตอบสนองจากวายุ แม้เขาจะเป็นหมอที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่วันนี้กลับเป็นวันที่ทุกคนในโรงพยาบาลพยายามช่วยเหลือชีวิตของเขาอย่างสุดความสามารถ
“หยุดแล้ว...” เสียงหนึ่งที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าดังขึ้นหลังจากความพยายามที่ยืดเยื้อนานกว่าชั่วโมง แพทย์ที่อยู่รอบเตียงถอนหายใจเงียบ ๆ ด้วยความเสียใจ ชีพจรของวายุหยุดลงอย่างถาวร ทิ้งไว้เพียงร่างที่ไร้ชีวิตของศัลยแพทย์หนุ่มผู้เป็นที่รักของทุกคน
คุณพ่อและคุณแม่ของวายุนั่งอยู่ในห้องรับรอง หัวใจของพวกเขาเหมือนหยุดเต้นลงเช่นเดียวกับลูกชาย เสียงโทรศัพท์แจ้งเหตุการณ์ทำให้พวกเขารีบรุดมาที่โรงพยาบาลด้วยความหวังว่าลูกชายที่พวกเขารักจะฟื้นคืนมาอย่างปลอดภัย แต่เมื่อนายแพทย์วาทิน ผู้เป็นลูกชายคนโต ที่ทำการช่วยชีวิตน้องชายเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าหม่นหมอง พวกเขารู้ในทันทีว่าความหวังที่มีอยู่ได้พังทลายลง
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมเสียใจครับ ที่ผมพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตน้องเอาไว้ได้ ฮือ ฮือ ฮือ” วาทิน ผู้เป็นลูกและเป็นหัวหน้าทีมแพทย์ผู้ทำหน้าที่รักษาวายุได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาไหลอาบน้ำ ส่วนคนเป็นพ่อกับแม่ต่างไม่พูดอะไร พวกท่านทั้งสองเป็นอดีตแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งและเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ รู้ดีว่าสุดท้ายแล้วชีวิตลูกชายของตัวเองต้องจบลงเช่นไร ท่านทั้งสองจึงได้แต่กอดกัน ร้องไห้สะอื้นเบา ๆ เสียงนั้นเป็นเสียงแห่งความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ ลูกชายคนเล็กที่เคยเป็นความหวังและความภูมิใจของครอบครัวอีกคนได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว งานศพของนายแพทย์วายุถูกจัดขึ้นที่วัดใกล้บ้าน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รวมถึงผู้ป่วยที่เคยได้รับการรักษาจากเขาต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อแสดงความเคารพครั้งสุดท้าย ดอกไม้สีขาวถูกวางไว้เรียงรายเต็มทั่วบริเวณ รูปถ่ายของวายุในชุดกาวน์ยืนเด่นอยู่กลางโลงศพ แสดงถึงความสง่างามและความเมตตาที่เขาเคยมอบให้แก่ผู้ป่วย
เสียงสวดมนต์ในงานศพแผ่วเบาไปพร้อมกับน้ำตาของคนที่มาไว้อาลัย หลายคนยังไม่เชื่อว่าแพทย์หนุ่มผู้ทุ่มเทคนนี้ได้จากโลกไปอย่างกระทันหัน ขณะที่พ่อและแม่ของเขายังคงนั่งเงียบอยู่ข้างโลงศพ ดวงตาที่เคยเปี่ยมด้วยความรักและภูมิใจในลูกชาย ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและสูญเสีย
ในคืนสุดท้ายของการสวดมนต์ก่อนการเผาศพ ฝนตกหนักราวกับท้องฟ้ากำลังร่ำไห้ เสียงฟ้าร้องกึกก้องไปทั่ว พ่อและแม่ของวายุยังคงนั่งเฝ้าอยู่ข้างโลงศพลูกชาย โดยไม่สนใจความหนาวเย็นที่ปกคลุม
“ลูกแม่... ทำไมชีวิตถึงเป็นแบบนี้” แพทย์หญิงวารุณี แม่ของวายุกระซิบเบา ๆ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุด ขณะที่นายแพทย์ศรัญ พ่อของวายุได้แต่กอดภรรยาไว้แน่น พวกเขาทั้งคู่ยังไม่สามารถยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ได้
ท่ามกลางความโศกเศร้าที่คลุ้งไปทั่ว วายุกลับไม่รู้สึกถึงสิ่งใด เขาไม่รู้ตัวว่าเวลานี้เขากำลังจะก้าวเข้าสู่การผจญภัยที่เหนือความคาดหมาย และกำลังจะพบกับชีวิตใหม่ในยุคที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน...