ในตอนกลางวันนางยังเป็นองค์หญิงเฟิงหนิงผู้สูงศักดิ์ของอาณาจักรเทียนอันอยู่เลย นางไม่เพียงแต่เกิดมามีหน้าตาสะสวยงดงามจนน่าพิศวงเท่านั้น แต่ตอนอายุสิบเก้านางยังได้เป็นปรมาจารย์ระดับสูงในหมู่นักสื่อวิญญาณ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงดังกึกก้องไปทั่วโลกอีกด้วย
ถึงแม้ว่าซวนหยวนหยูผู้เป็นคู่หมั้นของนาง จะทำนางตั้งครรภ์ตั้งแต่ยังอายุน้อย แต่โชคดีที่หลังจากนางท้องเขาก็จะดูแลนางเป็นอย่างดีทุกวัน อีกทั้งยังให้สัตปฏิญาณว่าจะมาขอพรให้กับงานมงคลสมรสที่มหามณเฑียรหลวงอีกด้วย
ในสายตาของนางมีเพียงเรื่องที่น่ายินดีสองเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ จู่ ๆ มู่ชิงอวี่ผู้เป็นน้องสาวบุญธรรมของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ใบหน้าที่เหมือนกับนางทุกประการปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านาง
หลังจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ความฝันทุกอย่างพังลงในชั่วพริบตา
“ท่านพี่ ท่านยังโง่เขลาและไร้เดียงสาเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ จนถึงตอนนี้แล้วท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ ลูกในท้องของท่านไม่ใช่ลูกของเฮียหยูเสียหน่อย!”
“หึ นังสารเลวยังไม่สำนึกอีก อวี่เออร์ของข้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ดีกว่าเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า!! !”
เมื่อได้ยินว่าซวนหยวนหยู และมู่ชิงอวี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย มู่ชิงเกอก็รู้สึทรมานราวกับจะขาดใจ
ที่แท้คนที่ขืนใจนางในคืนนั้น ก็คือผู้อื่น.....
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เด็กก็เป็นผู้ที่บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือไร?
มู่ชิงเกอทำได้เพียงอดทนเก็บความเจ็บปวดในใจเอาไว้ พยักหน้าอย่างเศร้า ๆ นางกัดฟันอดทนต่อคำกล่าวหาและการใส่ร้ายทุกอย่างจากพวกเขา แล้วขอร้องอ้อนวอนอย่างขมขื่น
“อ๋องจ้าว มู่ชิงอวี่...... พวกท่านก็ได้พลังจิตทั้งหมดของข้าไปแล้ว อีกทั้งยังควักดวงตาสีม่วงที่มีศาสตร์ตาทิพย์ของข้าไปแล้ว ตอนนี้ขอเพียงแค่พวกท่านยอมปล่อยลูกในท้องของข้าไป ข้าพร้อมที่จะให้พวกท่านได้ทุกอย่าง!”
แต่ใครจะไปรู้ เสียงของซวนหยวนหยูกลับยังคงเย็นชาอยู่
“มีเลือดของเด็กคนนี้ อวี่เออร์ถึงจะสามารถแทนที่เจ้าได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นข้าจะยอมรับไอ้เด็กเวรนี่ และฝืนทนอยู่ร่วมกับเจ้ามานานกว่าแปดเดือนไปทำไม!”
ความเจ็บปวดจากการถูกหลอกลวงและถูกทรยศ มันทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
สุดท้ายนางก็ยังคงอ้อนวอนต่อมู่ชิงอวี่อย่างไม่ลดละ เสียงของนางแทบจะสั่นเครืออยู่แล้ว
“อวี่เออร์ ข้าขอร้องล่ะ เจ้าปล่อยลูกข้าไปเถิด! ข้ายังทำดีกับเจ้าไม่มากพออีกหรือ?”
“เจ้าก็ดีกับข้าอยู่หรอก……” ทันใดนั้นมู่ชิงอวี่ก็ขยับเข้าไปใกล้อย่างดุดัน แล้วก็พูดด้วยเสียงที่มีแค่มู่ชิงเกอได้ยินเพียงคนเดียวว่า “เพราะเหตุนี้ ข้าก็เลยทำให้เจ้าได้มีค่ำคืนที่สุขสันต์ แล้วก็มีไอ้มารหัวขนคนนี้มามาอย่างไรเล่า บัดนี้ข้าจะช่วยเจ้าดูแลมันเอง เจ้าตายไปอย่างสบายใจได้เลย!”
ขณะที่กำลังพูด นางก็เอามีดสั้นแทงเข้าไปที่ท้องของมู่ชิงเกอ
คมมีดกรีดลงบนท้อง แล้วเด็กก็ถูกดึงตัวออกมา
ในขณะเดียวกัน ลำแสงสีม่วงก็พุ่งข้ามท้องฟ้าอันมืดมิดลงมา
มู่ชิงเกอเจ็บปวดปางตาย นางร้องโหยหวนอยู่ท่ามกลางแอ่งเลือดราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังโกรธแค้นไม่มีผิด
“ต่อให้ข้าจะเป็นผีไปแล้ว ข้าก็จะไม่ปล่อย..... ไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”
“คงต้องขึ้นอยู่กับว่าคนสารเลวเช่นเจ้า จะยังโชคดีได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกรึเปล่าแล้วล่ะ!”
ซวนหยวนหยูเตะนางออกไปจากชั้นที่เก้าสิบเก้าของมหามณเฑียรหลวงอย่างแรง!
มู่ชิงเกอถูกเตะลงไปในเหวลึกราวกับว่าวที่เชือกขาด ภายในชั่วพริบตาร่างของนางก็หายไปท่ามกลางเมฆหมอก
ซวนหยวนหยูยืนกอดมู่ชิงอวี่อยู่บนแท่นบูชา ส่วนมู่ชิงอวี่ก็กำลังอุ้มเด็กเอาไว้ แล้วพวกเขาก็เดินจากไปพร้อมกันประหนึ่งสามคนพ่อแม่ลูก
ซึ่งพวกเขาไม่รู้เลยว่า จู่ ๆ ก็มีลำแสงของดวงตาสีม่วงพุ่งออกมาจากกลางหน้าผาด้านหลังของพวกเขา!
จากนั้นรัศมีอันแรงกล้าก็เปล่งออกมาจากตัวของมู่ชิงเกอ!
มู่ชิงเกอที่ไร้ซึ่งลมหายใจไปแล้ว หอบหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง!
เจ็บเหลือเกิน!
นางไม่เพียงแต่เจ็บระบมไปทั้งร่างกายเท่านั้น แต่ดวงตาของนางยังมองไม่เห็นอีกด้วย!
ตอนนี้ในเบ้าตาของนางมีเพียงแสงสีม่วงจากศาสตร์ตาทิพย์ที่ยังหลงเหลืออยู่เท่านั้น ซึ่งช่วยให้นางมองเห็นได้อย่างเลือนราง
ภายใต้การมองเห็นที่แทบจะมืดสนิท ความทรงจำอันน่าเศร้าต่าง ๆ ก็พรั่งพรูขึ้นมาในหัวของนาง
มู่ชิงเกอนักฝึกดวงตาสัตว์อสูรอันดับหนึ่งในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดผู้สง่างาม ได้ข้ามเวลามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้โชคร้ายคนหนึ่ง!
ทว่าด้วยความที่มู่ชิงเกอเป็นคนจำฝั่งใจมาตลอด ในเมื่อนางมารับช่วงต่อร่างของเจ้าของร่างเดิมแล้ว ความอัปยศอดสู และความเจ็บปวดทั้งหมดที่นางต้องแบกรับในวันนี้ ในภายภาคหน้านางจะส่งคืนกลับไปเป็นร้อยเท่าพันเท่า หากไม่ตายกันไปข้างนางจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!
ในช่วงเวลาสำคัญของความเป็นความตายนี้ นางไม่มีเวลามาคิดอะไรมากแล้ว
ขั้นแรกนางตวัดมือออกไป จิ้มจุดฝังเข็มสำคัญหลายจุดอย่างแรงเพื่อห้ามเลือด ทำให้เลือดแข็งตัว สามารถบรรเทาอาการปวดลงได้