ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / ประวัติศาสตร์ / ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี
ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

5.0

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ]

สารบัญ

บทที่ 1 สวมร่างคืนชีพ

บทที่ 1 : สวมร่างคืนชีพ

ณ เมืองฝู แคว้นเยี่ยน

ด้านหลังอารามเต๋าแห่งหนึ่ง นักพรตเฒ่านั่งยอง ๆ ยกฝ่ามือขึ้นลูบปิดเปลือกตาของเด็กน้อยวัยสามขวบ ผู้ซึ่งถูกสัตว์ร้ายคร่าชีวิตไป นางเดินเล่นอยู่หลังอารามเหมือนเช่นทุกวัน งูพิษร้ายผ่านมาฉกเข้าที่ขาจนสิ้นใจตาย

“อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ”

นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน

“ขอรับท่านอาจารย์” จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย

ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว

“อ๊ากกก ! มีผี !” เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์

“จี้คงมีอะไร”

“นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์” เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น

“ว่าอย่างไรนะ” นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น

“นี่มัน...เป็นไปไม่ได้”

รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว

“ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !”

ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป

ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา

ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน

นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน

เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย

“เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !” นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี...

ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน...

กองถ่ายหนังรึ ?

ไม่เห็นมีคนอื่นเลย ตรงนี้มีแค่นักแสดงนักพรตกับลูกศิษย์

เด็กน้อยขยับลุกขึ้นยืน โอ้ นี่เธออายุเท่าไหร่กันแน่ สูงได้ไม่ถึงเอวของตาเฒ่าคนนี้เลย

ทันใดนั้นเด็กน้อยรู้สึกปวดศีรษะจนแทบระเบิด พร้อมเรื่องราวมากมายไหลผ่านเข้ามาในความทรงจำ เป็นชีวิตที่ผ่านมาสามปีของเจ้าของร่างเดิม ที่แท้นางก็คือก้อนเนื้อไร้ค่าที่มารดาไม่ต้องการ กระทั่งชื่อยังถูกเรียกขานว่าหยางท่ง ไร้แซ่จากตระกูลบุพการีทั้งสอง

เป็นเพราะบิดาทำร้ายจิตใจและร่างกายของมารดาจนตั้งครรภ์ จากนั้นบิดาเกิดคลุ้มคลั่งเสียสติ ถูกท่านตาของนางสังหารด้วยมือของเขาเอง เป็นความปรารถนาที่บิดเบี้ยวของบุรุษวิปลาสผู้หนึ่ง เด็กที่เกิดมาจึงไม่มีผู้ใดต้องการ ถึงขั้นส่งไปทิ้งไว้ที่หน้าประตูวัดเต๋าแห่งนี้

เจ้าอาวาสให้แม่ม่ายขาเป๋คนหนึ่ง เลี้ยงดูนางที่กระท่อมร้างด้านหลังของวัด แต่พอนางอายุได้สามขวบแม่ม่ายขาเป๋ได้พบเจอญาติจากแดนไกล ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเดิมไปกับพวกเขา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากนำตัวภาระ อย่างเด็กน้อยหยางท่งไปด้วย นางจึงถูกทอดทิ้งเอาไว้ที่นี่ กระทั่งถูกงูพิษร้ายกัดจนสิ้นใจตาย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เรื่องราวที่ผ่านดวงตาของเด็กน้อยตั้งแต่เกิดจนถึงตาย กลับชัดแจ้งอยู่ในความทรงจำของหลินลู่ฉีด้วย เป็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดเสียจริง ทารกที่ไหนจะมีความทรงจำเช่นนี้ได้ แต่พอนึกว่าตัวเองได้สวมร่างผู้อื่นอยู่ คงไม่มีเรื่องไหนแปลกประหลาดไปกว่านี้แล้ว

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้

ณ ยมโลก

ยมทูตหน้าใหม่กำลังร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าหัวหน้าของตน เนื่องจากได้ดึงวิญญาณมาผิดดวง ซ้ำยังเป็นดวงวิญญาณที่เป็นดาวมงคล ก่อให้เกิดการผันผวน ในกระบวนการเวียนว่ายตายเกิดของโลกวิญญาณ

“หัวหน้าทำเช่นไรดี ๆ ฮือ ๆ”

“หยุดร้องไห้เสียที ! หากเป็นดวงวิญญาณทั่วไป มีหรือจะจัดการไม่ได้ แต่นี่นางมีปราณมงคลเด่นชัด ดวงวิญญาณเช่นนี้ไม่อาจจมสู่ยมโลกในช่วงเวลานี้ได้ มิเช่นนั้นจะเกิดหายนะใหญ่หลวงขึ้น”

ผู้เป็นหัวหน้ายมทูตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เช่นนั้นก็ส่งนางไปสวมร่างยังโลกอื่นเถิด ถือว่าไม่ผิดต่อกฎการเวียนว่ายตายเกิด”

ขอแค่ไม่ตกลงมาอยู่ในยมโลกก็เพียงพอ ไม่ใช่หรือ

“ส่งไปสวมร่างยังโลกอื่น” ยมทูตผู้ทำผิดถึงกับตกใจกับการชี้นำของหัวหน้า นี่มันเป็นการแหกกฎยมโลกชัด ๆ

“จะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำเจ้าก็ไปรับโทษกับท่านยมบาลเองเถอะ”

“ทำขอรับ ๆ จะส่งนางไปเกิดยังโลกอื่นเดี๋ยวนี้แหละขอรับ”

ด้วยเหตุนี้วิญญาณของหลินลู่ฉีที่ยังไม่ถึงเวลาตาย จึงถูกส่งมาสวมร่างของเด็กน้อยเคราะห์ร้ายหยางท่ง

หลินลู่ฉีลุกขึ้นมานั่งบนตั่งด้วยความรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ได้ยินเสียงนักพรตเฒ่ากับลูกศิษย์กำลังหารือกันเรื่องของเธอ

ในโลกปัจจุบันตอนเธอเกิดนั้น บังเอิญได้พบร่างทรงคนหนึ่งในโรงพยาบาล คนผู้นั้นได้บอกแก่มารดาเธอไว้ ว่าเธอเกิดมาพร้อมดวงชะตาสูงส่ง เป็นดวงชะตาของดาวมงคลกลับชาติมาเกิด อยู่ใกล้ใครก็ทำให้คนผู้นั้นร่ำรวยด้วยโชคลาภวาสนา เรียกว่าแทบไม่มีภัยร้ายมากล้ำกรายด้วยซ้ำ

แต่เหตุใดถึงได้ด่วนตายเร็วนัก ไม่ใช่ว่าดาวมงคลเช่นเธอ ต้องมีอายุยืนยาวนับร้อยปีหรอกหรือ และยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องมาสวมอยู่ในร่างของเด็กน้อยโชคร้ายผู้นี้ด้วย

หลินลู่ฉีจำเรื่องราวหลังความตายไม่ได้ รู้สึกเพียงว่าตัวเองได้ล่องลอย ตามหลังใครสักคนไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง และติดค้างอยู่ที่นั่นพักใหญ่ ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในร่างของเด็กน้อยคนนี้เสียแล้ว

บานประตูห้องถูกเปิดออก นักพรตเฒ่าโยนห่อผ้าเก่า ๆ ให้เด็กน้อย

“เจ้าจงออกไปจากอารามของข้าเสีย ที่นี่ไม่ต้อนรับดวงวิญญาณชั่วร้าย”

“ฉัน เอ่อ ข้าไม่ใช่ดวงวิญญาณชั่วร้ายเสียหน่อย”

นักพรตเฒ่าไม่สนใจนาง ยืนกรานว่านางไม่สมควรอยู่ในอารามเต๋าแห่งนี้อีกต่อไป “ไปเสีย”

“ท่านไล่เด็กสามขวบออกจากวัด อีกทั้งยังเป็นเด็กที่ถูกงูกัดอีกด้วย ใจจืดใจดำเสียจริง”

หลินลู่ฉีพยายามไถลตัวลงจากตั่ง แต่เท้านางสั้นเกินไปทำเช่นไรก็ไม่สามารถลงมาได้

“เด็กสามขวบผู้นั้นดับสลายจากโลกนี้ไปแล้ว เจ้าอย่าได้เอ่ยให้ข้าขำนักเลย”

นักพรตเฒ่าแม้ไม่ได้มีวิชาเก่งกาจนัก แต่ยังพอมองออกว่า วิญญาณที่สวมร่างหยางท่งนั้นไม่ใช่เด็กอย่างแน่นอน เขาไม่อาจเลี้ยงดูดวงวิญญาณเร่ร่อน ที่มายึดร่างของเด็กน้อยผู้น่าสงสารได้ ยิ่งไม่สามารถกำจัดวิญญาณให้ออกจากร่างได้เหมือนกัน

ราวกับมีพลังบางอย่างต่อต้านเอาไว้ ทำได้ทางเดียวคือไล่นางออกจากอารามไปเสีย เด็กสามขวบจะมีชีวิตรอดข้างนอกได้อย่างไร หากนางตายอีกสักครั้งก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว

หลินลู่ฉีใช้ความพยายามอย่างหนัก ไถลลงมาจากตั่งได้ในที่สุด นางจ้องนักพรตเฒ่าด้วยความไม่เข้าใจ “ท่านไล่ข้าจริงรึ”

“หากเจ้ายังไม่ไปอีก ข้าจะให้จี้คงจับเจ้าโยนออกไปเอง”

หลินลู่ฉีใช้มือน้อย ๆ คว้าห่อผ้าขึ้นมาเปิดดู ด้านในมีซาลาเปาแป้งข้าวโพดอยู่สองลูก กระบอกน้ำไม้ไผ่ไว้ดื่มอีกหนึ่งอัน ไม่มีเงินหรือเสื้อผ้าไว้เปลี่ยน ช่างยากจนจริง ๆ

“น่าเสียดายนัก หากท่านเลี้ยงดูข้าต่ออีกสักหน่อย อารามเต๋าแห่งนี้คงมีผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้น ไหนเลยจะแร้นแค้นเช่นนี้” นางหิ้วห่อผ้าขึ้นคล้องไหล่ ก่อนเดินออกจากอารามเต๋าไปด้วยท่าทางอุกอาจ

สายตาของสองศิษย์อาจารย์แลดูซับซ้อนลุ่มลึก จี้คงผู้เป็นศิษย์เอ่ยขึ้นก่อน

“ท่านอาจารย์ไล่นางไปเช่นนี้จะดีหรือขอรับ” จี้คงเติบโตมาพร้อมกับหยางท่ง เขารู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องมองดูนาง ถูกไล่ออกจากอารามไปเช่นนี้

“จี้คงเอ๋ยนางไม่ใช่หยางท่ง เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น”

เจ้าอาวาสไม่มีทางเลือก หากมีคนล่วงรู้ว่าเขาเลี้ยงดูวิญญาณร้ายที่มาสวมร่างผู้อื่น เกรงว่าชื่อเสียงอันน้อยนิดของตน จะพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี สู้ตัดขาดกันไปเลยจะดีกว่า

แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือคำพูดสุดท้ายของเด็กน้อยที่ว่า หากเลี้ยงดูนางต่อสักหน่อย จะทำให้มีผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าอย่างไร

ด้านหน้าประตูทางเข้าวัด ป้ายอารามซานหยวนเก่าผุพัง แกว่งห้อยลงมาด้านหนึ่ง หากมีลมพัดแรง ๆ คงหล่นลงพื้นทันที หลินลู่ฉียืนนิ่งเงยหน้ามองมันอยู่กับที่ นางรู้ว่าเจ้าอาวาสทำเช่นนี้เพราะไม่อยากเกี่ยวข้องกับนาง ที่เป็นดวงวิญญาณมาสวมร่างผู้อื่น

แต่จากความทรงจำของหยางท่งแล้ว อารามเต๋าแห่งนี้คือบ้านของนาง เป็นไปได้นางอยากตอบแทนบุญคุณสถานที่แห่งนี้ แทนเจ้าของร่างสักครั้ง

“เอาเถอะหากข้าร่ำรวยเมื่อใด จะกลับมาบริจาคน้ำมันตะเกียงให้มากหน่อยก็แล้วกัน” นางเอ่ยเพียงเท่านี้ก็หันหลังเดินจากไป

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY