เธอต้องแต่งงานกับเขาแทนน้องสาว
เธอต้องแต่งงานกับเขาแทนน้องสาว
1
เสียงช้อนกระทบจานดังแผ่วเบาในห้องอาหารใหญ่ กลิ่นอาหารหอมกรุ่นกับกลิ่นข้าวสวยร้อน ๆ ทำให้ความหิวเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
ดารินยืนอยู่ตรงมุมเสาตึกด้านใน เธอไม่กล้าแม้แต่จะขยับเข้าไปใกล้โต๊ะยาวกลางห้อง ที่นั่งตรงหัวโต๊ะคือบิดา อุดม วัฒนะโชติ ส่วนข้างๆ คือ ศิรินทิพย์ ภรรยาใหม่ของท่าน และดารกานต์ น้องสาวต่างมารดาของเธอที่กำลังนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“ดารินหายไปไหน” อุดมเอ่ยถามภรรยา
ศิรินทิพย์เงยหน้าขึ้น ยิ้มบาง ๆ อย่างสุภาพ
“เห็นว่ากินไปก่อนแล้วค่ะ”
“นิสัยเสีย เดี๋ยวนี้ไม่อยากกินข้าวกับครอบครัวแล้วหรือไง”
“แกคงไม่ชอบฉันน่ะค่ะ”
“เหลวไหล คุณเป็นภรรยาของผม มีสิทธิ์อะไรไม่ชอบ”
“แต่พี่รินไม่ชอบคุณแม่กับดาราจริงๆ นะคะคุณพ่อ ยังชอบทำให้เราเสียหน้าเวลามีงานอีก”
“นั่นแหละ ผมถึงไม่อยากพาไปออกงานที่ไหน มีแต่จะทำให้เสียหน้า ขนาดมีงานเลี้ยงที่บ้านก็ไม่รู้จักต้อนรับแขกเหรื่อเอาเสียเลย ดีที่มีคุณกับลูกอยู่ ไม่งั้นผมคงเสียหน้ากว่านี้”
“อย่าไปต่อว่าแกเลยค่ะ แม่ของแกก็จากไปนานแล้ว อีกอย่างแกก็ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนอะไรของฉัน ทำให้ฉันไม่ได้อบรมแกให้ดี”
“ถ้าแกยอมรับคุณ เชื่อฟังคำสั่งสอนป่านนี้คงได้ดีเหมือนยายดาราไปแล้ว ที่ผมไม่อยากให้แต่งงานกับตระกูลธันวากุลก็เพราะกลัวขายหน้านี่แหละ ดีที่มียายดาราเลยส่งยายดาราไปแทน คำสัญญาที่เกิดขึ้นคือให้สองตระกูลแต่งงานกัน จะส่งใครไปก็ได้” ประโยคนั้นของอุดมทำให้สองแม่ลูกยกยิ้มมุมปากอย่างสมใจ
ดารินลูบท้องตัวเองไปมา ท้องเธอร้องเบาๆ แต่เธอกัดฟันกลั้นไว้ เธอไม่ได้รับสิทธิ์ให้เสนอหน้าไปกินข้าวกับพวกเขา
ดารินกัดริมฝีปากเบา ๆ ขบคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เมื่อก่อนเธอนอนชั้นบน แต่เพราะโดนข้อหาว่าผลักน้องสาวตกบันได บิดาโกรธมากเลยไล่มานอนเรือนคนใช้ด้านหลัง พยายามอธิบายก็ไม่มีใครฟัง ทั้ง ๆ ที่ดารากานต์เป็นคนแกล้งตกบันไดเอง
แสงแดดลอดกระจกตกกระทบโต๊ะไม้ เห็นภาพครอบครัวสามคนที่ดูอบอุ่นในสายตาคนนอก แต่สำหรับดาริน มันคือภาพที่เจ็บลึก เธอเคยนั่งตรงนั้น ครั้งหนึ่งมารดาเคยตักกับข้าวให้ บิดาเคยยิ้มให้ น้องชายเคยหยอกล้อหัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่ทุกอย่างพังทลายตั้งแต่วันที่มารดากับน้องชายของเธอหายสาบสูญไปในป่าตอนไปเที่ยวป่าด้วยกัน ตอนนั้นฝนตกหนักมีน้ำป่า เธอไม่ได้ไปด้วยจึงรอดมาได้
ไม่มีศพ ไม่มีข่าว มีเพียงความว่างเปล่าที่กลืนกินเวลามานานหลายปี
หลังจากนั้นไม่นาน บิดาก็แต่งงานใหม่ บ้านที่เคยอบอุ่นกลายเป็นความเย็นชา เหลือเพียงเธอที่เหมือนคนแปลกหน้าในบ้านของตัวเอง
“คุณแม่ขา วันนี้หนูจะได้ติววันแรกกับครูสอนพิเศษชื่อดังค่ะ” เสียงหวานของดารกานต์ดังขึ้น
“ได้จ้ะลูก เดี๋ยวแม่ให้คนขับรถไปส่ง” ศิรินทิพย์ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ดารินมองภาพนั้นเงียบๆ ไม่ใช่เพราะอิจฉา แต่เพราะคิดถึงคำว่าครอบครัวที่เธอไม่มีอีกแล้ว
เมื่ออุดมวางช้อนและลุกจากโต๊ะ ศิรินทิพย์เหลือบตามองมาที่มุมห้อง แววตาเธอไม่ต้องมีคำพูด ก็รู้ดีว่าอย่าได้ก้าวเข้ามาในเขตของฉัน
ดารินหลบตา ถอนหายใจเบาๆ แล้วหันกลับไป
ยังครัว
ในหม้อมีแค่เศษข้าวติดก้น แต่เธอก็ยังตักมากินกับน้ำเปล่าประทังชีวิต อุ่นข้าวในเตาเล็กๆ แล้วนั่งกินเงียบๆ ข้างหน้าต่างที่มองออกไปเห็นสวนหลังบ้าน คนใช้ในบ้านเปลี่ยนเป็นพวกของสองแม่ลูกจนหมด เธออยู่ที่นี่ก็เหมือนหมาหัวเน่าตัวหนึ่ง
เธออยู่อย่างไร้ตัวตนในบ้านหลังนี้ เสียงลมพัดลอดช่องไม้เข้ามา เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ขาวโพลน
“แม่จ๋า แม่กับน้องไปอยู่ที่ไหนนะ จะเป็นตายร้ายดียังไง ทำไมข่าวคราวถึงเงียบหายไป” เธอพึมพำแผ่วเบา ราวกับฝากเสียงไปกับลม
ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะมีใครได้ยินคำของเธอ หรือบางที อาจไม่มีเลย
แสงแดดยามสายส่องลอดบานหน้าต่างเรือนคนใช้ เสียงนกกระจอกจอแจบนหลังคาดังแข่งกับ
เสียงน้ำจากก๊อก ดารินก้มตัวซักผ้าในกะละมังตามหน้าที่
ทุกเช้าเธอต้องตื่นก่อนฟ้าสาง ล้างห้องน้ำ กวาดบ้าน ถูพื้น เตรียมอาหารเช้า แล้วหลบอยู่หลังห้องครัวตอนทุกคนในบ้านกินข้าว เธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบน ไม่ได้แตะของใช้ราคาแพง และไม่ได้รับ
เงินเดือนหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ จากบ้านหลังนี้เลย
“อาศัยอยู่กินก็ต้องทำงานตอบแทน” คำพูดของศิรินทิพย์ฝังในใจตั้งแต่วันแรกที่ถูกย้ายลงมาอยู่เรือนคนใช้
คนในบ้านต่างรู้ดีว่าเธอไม่มีใครให้พึ่งพึง จึงรุมกันกลั่นแกล้งสารพัด เพราะทุกคนกลายเป็นคนของแม่เลี้ยงไปหมดแล้ว
อุดม วัฒนะโชติ หมกมุ่นอยู่กับธุรกิจบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า กลับมาตอนดึก โทรศัพท์ดังไม่หยุด ทั้งชีวิตเขาเต็มไปด้วยตัวเลขและเอกสาร ไม่มีเวลามองว่าลูกสาวแท้ ๆ คน
หนึ่งกำลังถูกกลั่นแกล้งอยู่ในบ้านของตัวเอง
เมื่อใดที่มีคนพูดถึงชื่อของเธอต่อหน้าเขา ศิรินทิพย์ก็มักจะทำเสียงเศร้า ๆ
“แต่งเพราะหนี้ อยู่ต่อเพราะหัวใจ” ภควัตแต่งงานตามใจมารดา หวังบีบให้ปิ่นมุกขอหย่า แต่ยิ่งเมินยิ่งเห็นว่าเธออยู่ได้อย่างมีความสุข และทำให้ “บ้าน” อบอุ่นขึ้น จนดึงดูดเขาอย่างประหลาด
เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
"เราเคยสัญญากัน...ใต้ดาวดวงนั้น ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่บางครั้ง...การจากลาไม่ได้เกิดจากคนที่อยากไป และเมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คำสัญญานั้น...ยังจะมีความหมายอยู่ไหม"
“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY