ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / สมัยใหม่ / ปี 1977s สามีคะ ได้โปรดหยุดส่งฉันเรียนได้แล้ว
ปี 1977s สามีคะ ได้โปรดหยุดส่งฉันเรียนได้แล้ว

ปี 1977s สามีคะ ได้โปรดหยุดส่งฉันเรียนได้แล้ว

5.0

‘แต่งงานแล้วจะได้ไม่ต้องลุกแต่เช้าไปล้างจาน ไม่ต้องทำนา ไม่ต้องเรียนหนังสือ แค่นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ตามธรรมเนียมของผู้หญิงที่อยู่บ้านดูแลสามี ดูแลลูก’

สารบัญ

บทที่ 1 งานมงคลที่ไม่เต็มใจแต่ง

เสียงฆ้องกลองและเสียงตะโกนของผู้คนดังมาตั้งแต่ไกล บ่งบอกว่าวันนี้มีงานใหญ่เกิดขึ้นที่บ้านของตระกูลฮวา งานมงคลของลูกสาวคนรอง ฮวาเหม่ยหลิง ลูกสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานของบ้าน

หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ นั่งกอดอกอยู่ข้างหน้าต่างในห้องนอนขนาดเล็ก สีหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ดวงตาเรียวสวยที่เคยซุกซน ตอนนี้กลายเป็นหม่นหมองเพราะงานมงคลที่ไม่เต็มใจแต่ง

"เหม่ยหลิง แต่งตัวได้หรือยัง? รถลากมารอหน้าบ้านแล้ว!" เสียงตะโกนจากหน้าประตูห้องดังขึ้นอย่างหงุดหงิด

"เสร็จแล้วค่ะ" เสียงตอบรับอันเกียจคร้านทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับถอนหายใจ

ฮวาเหม่ยหลิงกระชับชุดแดงที่สวมเพียงครึ่งเดียวก่อนหยิบหวีไม้ขึ้นมาหวีผมอย่างลวก ๆ เธอมองตัวเองในกระจกด้วยแววตาไม่มีความสุข ทั้งที่เป็นงานมงคลและเธอควรมีความสุขมากที่สุด

‘แต่งงานแล้วจะได้ไม่ต้องลุกแต่เช้าไปล้างจาน ไม่ต้องทำนา ไม่ต้องเรียนหนังสือ แค่นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ตามธรรมเนียมของผู้หญิงที่อยู่บ้านดูแลสามี ดูแลลูก’

นั่นคือความฝันสูงสุดของฮวาเหม่ยหลิงมาตลอด

แต่สิ่งที่คิดเอาไว้มันไม่ใช่ เพราะว่าที่สามีของเธอไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือ เจียงอวิ่นเสียน ทหารหนุ่มจากหมู่บ้านที่อยู่ในตำบลเดียวกัน ว่ากันว่าเขาเป็นคนเคร่งขรึม หน้าตาจริงจัง และบ้าเรียนหนังสือจนเป็นที่เลื่องลือ

‘บ้านนี้ไม่มีคนไม่เรียนหนังสือ!’

นั่นคือคำพูดแรกที่เขาเอ่ยกับเธอหลังตกลงหมั้นหมาย เจียงอวิ่นเสียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเมื่อรู้ความต้องการของฮวาเหม่ยหลิง

ฮวาเหม่ยหลิงแทบสำลักน้ำชาที่กำลังจิบด้วยความตกใจ “นี่ฉันแต่งงานผิดคนหรือเปล่า!”

การแต่งงานเป็นเรื่องของพ่อแม่ที่จะหาสามีให้ลูกสาว เดิมทีฮวาเหม่ยหลิงควรจะแต่งงานออกไปตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ยอมแต่งออกไป จนคนในหมู่บ้านเรียกว่าสาวเทื้อ พ่อแม่ยังบังคับไม่ได้คนอื่นอย่าได้หวัง แต่ครั้งนี้ถ้าไม่แต่งงานออกไปจริง ๆ จะเป็นปัญหาอย่างหนักของตระกูลฮวา

พิธีแต่งงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว แสงตะวันอ่อนในฤดูใบไม้ผลิ ฮวาเหม่ยหลิงถูกส่งขึ้นรถลากพร้อมกับของเล็กน้อยจากบ้านเดิม ดวงตาของเธอทอดมองต้นท้อที่กำลังบานเต็มสวนด้วยความรู้สึกหลากหลาย

นี่คือบ้านหลังใหม่ของเธอต่อจากนี้ ความรู้สึกแปลก ๆ มันเกิดขึ้นภายในอก ฮวาเหม่ยหลิงไม่เคยไปอยู่ที่ไหนนาน ๆ ด้วยนิสัยส่วนตัวของตนเอง ยิ่งตอนนี้เธอมีสามีอีกด้วย

เจียงอวิ่นเสียนในชุดเครื่องแบบทหารยืนรอรับภรรยาอยู่หน้าประตูบ้านที่ปลูกอย่างเรียบง่าย เขามองนิ่ง ๆ บอก

"เข้าบ้านเถอะ"

เสียงทุ้มต่ำของเจียงอวิ่นเสียนทำให้ฮวาเหม่ยหลิงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษมากกว่าภรรยาของเขา ก่อนแต่งงานเราทั้งสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และเคยเจอหน้ากันวันตกลงหมั้นหมายเท่านั้น

ยิ่งเดินผ่านเข้าไปข้างในบ้านเธอกลั้นหายใจ ฮวาเหม่ยหลิงไม่รู้ว่าชีวิตหลังแต่งงานจะเป็นยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจคือนี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

คืนแรกของงานมงคลหรือคนทั่วไปเรียกว่าเข้าหอ แต่ฮวาเหม่ยหลิงเข้านอนโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า นอนหันหลังให้สามีที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะไม้ในห้องเดียวกัน เสียงพลิกหน้ากระดาษเป็นระยะ ทำให้เธอหงุดหงิด

“ฉันแต่งงานหวังได้รับความสะดวกสบาย แต่ในคืนแต่งงานคุณกลับอ่านหนังสือ สร้างความวุ่นวาย แบบนี้ชีวิตคู่ของเราจะไปกันรอดเหรอ” ฮวาเหม่ยหลิงไม่ได้กลัวใครอยู่แล้ว แม้สามีเป็นทหารแต่เขาคงไม่จัดการเธอหรอก

นี่มันใช่เวลามาอ่านหนังสือหรือเปล่า

“ฉันคงทำให้เธอผิดหวัง” เจียงอวิ่นเสียนตอบภรรยา แต่ไม่ละสายตาจากหนังสือ

“หือ?”

“บ้านนี้ไม่มีคนไม่เรียนหนังสือ แม่ของเธอบอกว่าเธอไม่ได้เรียนหนังสือ พรุ่งนี้ฉันจะพาไปสมัครเรียนที่โรงเรียนภาคค่ำ”

เจียงอวิ่นเสียนตอบภรรยาอีกครั้งและยังไม่ยอมละสายตาจากหนังสือ

ฮวาเหม่ยหลิงลุกพรวดขึ้นจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ไป!”

เธอแต่งงานเพราะไม่อยากทำนา ไม่อยากล้างจาน ไม่อยากลำบาก แต่ทำไมสามีที่ควรไม่ให้เธอเรียนเขาถึงได้บังคับเธอเข้าเรียนล่ะ ในเมื่อผู้หญิงคนอื่นหลังแต่งงานมีสามีคนไหนยอมให้ออกจากบ้านบ้าง พวกเขาแต่งผู้หญิงเข้าบ้านเพื่อดูแลสามีและลูกทั้งนั้น เจียงอวิ่นเสียนเป็นใครกันถึงจะมาบังคับกันได้

“เหม่ยหลิงเธอได้ไปแน่นอน และฉันจะไปส่งเธอที่โรงเรียนภาคค่ำเอง”

เจียงอวิ่นเสียนปิดหนังสือลงหันมาเผชิญหน้ากับภรรยาเด็กผู้ดื้นรั้น ก่อนฮวาเหม่ยหลิงจะกลับไปนอนหันหลังให้สามี

พระอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้า เสียงไก่ขันดังขึ้นเป็นระยะ ฮวาเหม่ยหลิงที่นอนตื่นสายเป็นเรื่องปกติถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงเคาะประตู

"เหม่ยหลิงตื่นได้แล้ว! ฉันจะพาไปส่งโรงเรียน"

"คุณเป็นทหารหรือเป็นครูสอนหนังสือกันแน่!" ฮวาเหม่ยหลิงบ่น

แต่เพราะกลิ่นอาหารบนโต๊ะทำให้เธอต้องยอมลุกออกมากินข้าวทั้ง ๆ ผมที่ชี้ฟู หน้าไม่ได้ล้าง และเสื้อยังไม่ได้เปลี่ยน ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่มีหน้าที่ดูแลสามีด้วยซ้ำ

เขายิ้มมุมปากก่อนพูดเสียงเรียบ "เป็นทั้งสองอย่าง เพราะตอนนี้ฉันเป็นสามีของเธอ แม่ของเธอบอกว่าฉันสามารถจัดการเธอได้"

โรงเรียนภาคค่ำอยู่ในตำบล มีตั้งแต่เด็กสาววัยรุ่นจนถึงหญิงชรา มาร่วมกันเรียนรู้พื้นฐานการอ่านเขียน ท่ามกลางแสงตะเกียงน้ำมันที่ริบหรี่

ฮวาเหม่ยหลิงนั่งอยู่แถวหลังสุด ก้มหน้าหลบสายตาคนอื่น ตอนเช้าสามีของเธอพามาทำเรื่องสมัครเรียนเอาไว้และกลับมาส่งก่อนหน้านี้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ

นึกถึงคำพูดของแม่ที่เคยบอกไว้ ‘ถ้าไม่อยากทำงานหนัก ก็หาสามีดี ๆ หรือมีฐานะจะได้สบาย’

แล้วนี่คือสบายของเธออย่างนั้นเหรอ?

ตอนเย็นแบบนี้ฮวาเหม่ยหลิงควรได้กินของอร่อยและนอนอยู่บนเตียงได้แล้ว

ตอนกลางคืนหลังจากเรียนเสร็จ ฮวาเหม่ยหลิงกลับบ้านพร้อมคนในหมู่บ้านที่ไปเรียนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ยิ่งเห็นหน้าของสามียิ่งไม่พอใจมากกว่าเดิม เจียงอวิ่นเสียนจัดเตรียมน้ำให้ภรรยาล้างเท้า ก่อนนำอาหารที่เตรียมไว้ออกมาให้

"เธอคงเหนื่อยสินะ แค่ไปนั่งเรียนหนังสือไม่กี่ชั่วโมง"

ฮวาเหม่ยหลิงรับบะหมี่เนื้อมากินเงียบ ๆ แล้วถามเสียงเบา "ฉันอยากพักบ้าง ไม่ได้เหรอ?"

เขาสบตาเธออย่างแน่วแน่ "เธอจะพักได้ก็ต่อเมื่อเธอเรียนจบ"

ฮวาเหม่ยหลิงเบะปาก “ฉันอายุไม่น้อยแล้ว ไม่เหมาะกับเรียนหนังสือหรอก เรียนไปจะเอาไปทำอะไรได้ สุดท้ายผู้หญิงอย่างฉันก็ต้องดูแลสามีกับลูก”

เจียงอวิ่นเสียนขมวดคิ้วมองหน้าภรรยาที่มีความคิดเดิม ๆ “เธอไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเลยเหรอ”

ในเวลานี้มีคนไม่น้อยต้องการความเท่าเทียมระหว่างชายหญิง มีผู้หญิงมากมายขวนขวายโอกาสในการเรียนหรือการทำงานเพื่ออนาคตของตนเอง แต่ทำไมภรรยาของเขาที่อายุน้อยกว่ายังมีความคิดเช่นนี้ได้

“ฉันไม่เคยเรียนหนังสือ เรียนไปก็เปล่าประโยชน์”

ตระกูลฮวาเป็นตระกูลชาวนาที่ทำนากันมาตั้งแต่อดีต ไม่มีใครได้เรียนหนังสือหรือทำงานในเมืองเลย เขยหรือสะใภ้ของบ้านก็ยังมีแต่ชาวนา ไม่มีรุ่นไหนได้เรียนหนังสือ

ฮวาเหม่ยหลิงถือว่าเป็นความหวังของบ้าน อาจเป็นเพราะใบหน้าของเธอเด่นที่สุดในบ้านและตระกูลฮวาจึงถูกตามใจ นอกจากงานบ้านเธอก็ไม่ทำงานข้างนอกหรือช่วยครอบครัวหาเงิน มีงานในนาที่ช่วยบ้างเป็นบางวัน

“เฮ้อ นี่มันปีไหนแล้ว เรียนจบมีงานมากมายให้ทำ เธอคงไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ หรอกนะ” เขาถามภรรยาเสียงอ่อน

ดูเหมือนว่าภรรยาที่เขาแต่งเข้าบ้านจะไม่มีความคิดอะไร จริง ๆ ควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้เรียนหนังสือที่หลาย ๆ คน ไม่มีโอกาสได้เรียน

ฮวาเหม่ยหลิงไม่ตอบสามีเธอก้มหน้าก้มตาซดบะหมี่เนื้อเข้าปากอย่างหิวโหย การเรียนแม้ไปนั่งเฉย ๆ มันดึงดูดพลังงานของเธอไปมาก

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY