แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
ถิงถิงจำได้ว่าเธอเพิ่งจะนอนหลังอ่านนิยายเรื่อง ‘ฝากรักไว้กับรักแรกของแฟนเก่า’ จบไปตอนบ่ายสามของวัน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักน้ำเน่าที่ถิงถิงชอบมาก และมันยังเป็นนิยายของนักเขียนที่เธอติดตาม เนื่องจากนักเขียนได้ส่งนิยายที่สั่งพิมพ์ให้กับนักอ่านที่สั่งซื้อมาถึง ถิงถิงที่ว่างจึงรีบอ่านนิยายเกือบห้าร้อยหน้าโดยที่ไม่ยอมพักจนจบโดยใช้เวลาเพียงสิบชั่วโมงในการอ่าน จากนั้นจึงหันไปหยิบหูฟังมาสวมพร้อมกับผ้าปิดตาที่ใช้ตลอดเพราะเดี๋ยวแดดจะแยงตาตอนเช้า
แต่แล้วถิงถิงที่นอนอย่างสบายใจก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ข้างหู ถิงถิงขมวดคิ้วระหว่างรู้สึกตัว
ตั้งแต่จำความได้เธอก็โตมากับคุณยายสองคนที่บ้านนอกและเสียไปเมื่อห้าปีก่อน หลังเรียนจบมัธยมปลายจึงย้ายเข้ามาเรียนในมหาลัยรัฐบาลที่มีทุนเรียนฟรี นอกจากยายแล้วเธอก็ไม่ได้มีญาติคนอื่นอีก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินเสียงเด็กร้องในห้อง เพราะที่พักของเธอนั้นเป็นหอพักสำหรับนักศึกษา เด็กที่ต่ำกว่าสิบสองขวบถูกห้ามเข้ามาอยู่เพราะเจ้าของหอกลัวจะรบกวนเหล่านักศึกษาในมหาลัยที่ต้องตื่นไปเรียนเช้าและกลับดึกบางคณะ
ถิงถิงบิดขี้เกียจพร้อมกับใช้มือขยี้ดวงตาที่กำลังจะปิดลงอีกครั้งหากไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกรอบ
“พะ...พี่สะใหญ่” เสียงแหบแห้งอยู่ด้านนอกประตูดังเล็ดรอดมาให้ถิงถิงได้ยิน “เสี่ยวลู่คงจะหิวแล้ว เอามาให้ฉันป้อนน้ำข้าวให้หล่อนก่อนเถอะค่ะ”
‘ดะ...เดี๋ยวนะ!! พะ...พี่...สะใภ้ใหญ่งั้นหรือ’
ถิงถิงที่ดวงตากำลังจะปิดเบิกโพลงขึ้นมาอีกรอบ และยิ่งทำให้เธอตกใจกว่าเดิมเพราะสถานที่ไม่คุ้นชินพร้อมกับกลิ่นอับชื้นภายในห้องที่กำลังนอนอยู่ อีกทัังมีเด็กทารกวัยเดือนเศษที่กำลังนอนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เธอ
“อะ...โอ๊ยย” ถิงถิงยกมือขึ้นกุมขมับและหลับตาลงเพราะมันรู้สึกปวดหัว
“พะ...พี่สะใภ้ใหญ่! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” คงจะเพราะได้ยินเสียงร้องจากภายในห้อง คนด้านนอกที่มีน้ำเสียงแหบจึงร้องถามด้วยความแตกตื่น
“มะ...ไม่มีอะไรแล้ว เธอไปพักเถอะ!” ถิงถิงในคราบกัวเหม่ยอิงตะโกนตอบ
ใช่แล้ว! เธอที่กำลังนอนพักผ่อนหลังอ่านนิยายจบ กลับทะลุมิติเข้ามาในยุค70 ที่ในยุคนี้ข้าวยากหมากแพง เจ้าของร่างที่เธอทะลุมิติเข้ามาอยู่มีนามว่า ‘กัวเหม่ยอิง’ กัวเหม่ยอิงเป็นบุตรสาวคนเล็กของครอบครัวกัว มีพี่ชายกับพี่สาวอีกสี่คน
ครอบครัวสกุลกัวเป็นครอบครัวที่เล็กที่สุดในหมู่บ้าน และเป็นครอบครัวที่จนมากเพราะส่งลูกสาวคนเล็กเข้าเรียนมัธยมปลายในอำเภอ ในตอนนี้ทั้งพี่ชายและพี่สาวของกัวเหม่ยอิงจึงไม่มีใครได้แต่งงานสักคนเพราะครอบครัวยากจนเกินไป
แต่เพราะกัวเหม่ยอิงเป็นถึงนักเรียนที่เรียนจบมัธยมปลายในอำเภอ บ้านสามสกุลหานจึงมาสู่ขอกัวเหม่ยอิงไปเป็นสะใภ้ใหญ่ที่มีสามีเป็นทหาร สร้างความไม่พอใจให้กับบ้านใหญ่สกุลหานเป็นอย่างมาก กัวเหม่ยอิงถูกบ้านใหญ่สกุลหานมาทาบทามไปเป็นสะใภ้หลายครั้งแต่ถูกปฎิเสธ
เพราะบ้านกัวให้เหตุผลว่าบ้านใหญ่สกุลหานมีสมาชิกมากเกินไป หากให้นับแล้วบ้านใหญ่สกุลอยู่รวมกันสี่รุ่นแล้ว แต่ไม่ยอมแยกบ้านออกมาอยู่ข้างนอก ยกเว้นบ้านสาม ที่พ่อสามีเห็นว่าบ้านตัวเองทำงานหนักกว่าบ้านอื่น ๆ จึงหาทางแยกบ้านออกมาจนสำเร็จ แต่ก็ไม่วายถูกมายืมเงินและจับฉวยของไปทุกครั้งที่มีโอกาส
กัวเหม่ยอิงแต่งเข้าสกุลหานเมื่อห้าปีก่อน ในวัยยี่สิบปี แต่เพิ่งจะคลอดหลานสาวให้บ้านสามสกุลหานได้ไม่กี่เดือนก็เจอข่าวร้าย สามีของเธอที่ถูกคัดเลือกไปเป็นทหารตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสองจนตอนนี้อายุสามสิบ ไปทำภารกิจด่วนแต่ล้มเหลวจนเกิดการบาดเจ็บหลายคนและหนึ่งในนั้นมีน้องชายคนกลางของสามีด้วย สามีของกัวเหม่ยอิงที่เข้าช่วยเหลือน้องชายจึงไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้
กัวเหม่ยอิงลงแปลงนามาตลอดระยะที่แต่งเข้าสกุลหาน แต่ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยได้รับความยากลำบากแบบนี้มาก่อนจึงเกิดการล้มป่วยและมีร่างกายอ่อนแอ ในเวลาที่เกิดการตั้งครรภ์เธอบำรุงร่างกายก็จริงแต่ก็ยังลงแปลงนาอยู่ตลอด
และเมื่อคลอดลูกสาวจากที่ร่างกายไม่ค่อยดีอยู่แล้วร่างกายก็อ่อนแอลง ยิ่งสัปดาห์ก่อนได้ข่าวว่าสามีเสียชีวิตแล้วอาการที่ไม่ดีก็ทรุดลงไปอีกรอบ
จนกระทั่งเมื่อคืนเธอได้เสียชีวิตข้าง ๆ ลูกสาววัยเดือนเศษ โดยที่ไม่มีใครรู้ และถิงถิงก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้ด้วยความมึนงง
แต่ก่อนอื่นถิงถิงหรือตอนนี้ก็คือกัวเหม่ยอิงไม่มีเวลาคิดอะไร เธออุ้มเด็กทารกที่น่าจะชื่อว่าเสี่ยวลู่ขึ้นมากินนมบนเต้าอย่างกระอักกระอ่วน เธอไม่เคยมีลูกมาก่อนแต่เหมือนร่างกายนี้จะเคยชินเธอจึงสามารถอุ้มลูกได้อย่างถนัดมือ
คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้วแท้ ๆ ไม่รู้ว่าเคราะห์กรรมอะไรที่ทำให้เธอได้มาอยู่ที่นี่
‘กัวเหม่ยอิงเธอไม่ต้องห่วง ต่อไปนี้ฉันจะดูแลลูกสาวของเธอเอง’
‘หานหรงเจ๋อ ฉันจะดูแลครอบครัวของคุณแทนคุณเอง
กัวเหม่ยอิงให้นมลูกสาวเสร็จก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าวันใหม่ที่สะใภ้รองเข้ามาเคาะประตู
“พี่สะใภ้จ๊ะ”
“ฉันตื่นแล้ว!” กัวเหม่ยอิงร้องตอบกลับคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
กัวเหม่ยอิงเดินไปปลดล็อกกลอนประตูให้คนข้างนอกเข้ามาเอาลูกสาวออกไป ด้วยความที่กัวเหม่ยอิงมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงน้ำนมจึงไม่มากพอที่จะให้เด็กดื่ม ถางเจียลี่หรือสะใภ้รองจึงเป็นคนรับหน้าที่เอาน้ำต้มข้าวป้อนเด็ก
หลังจากที่สะใภ้รองอุ้มหานเมิ่งลู่ออกไป กัวเหม่ยอิงก็เดินไปเปิดหน้าต่างให้ระบายกลิ่นอับชื้นในห้องจางลง พอเปิดหน้าต่างออกก็ทำให้เธอได้เห็นภายในห้อง ห้องนี้เล็กกว่าห้องพักนักศึกษาของเธอเป็นเท่าตัว
ไม่รู้ว่าที่นี่อยู่กันได้ยังไง อีกอย่างภายในห้องก็มีเพียงเตียงเตาและตู้เล็ก ๆ แค่นั้น
จากความทรงจำกัวเหม่ยอิงคนก่อนแล้ว บ้านหลังนี้เป็นบ้านดินทั้งหลังมีเพียงสี่ห้องนอน หนึ่งห้องครัวและหนึ่งห้องโถงเท่านั้น บ้านสามสกุลหานหากไม่ให้เงินบ้านใหญ่หยิบยืมไปตอนนี้คงจะมีเงินมากพอสมควร
พ่อสามี สามีของกัวเหม่ยอิงและน้องชายคนรองของบ้านเป็นทหารได้หลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ที่บ้านเหลือเพียงสตรีที่อาศัยอยู่
น้องชายรองที่บาดเจ็บพวกเธอไม่ได้รู้ข่าวอะไรอีกเลยหลังจากที่มีการแจ้งว่าสามีเสียชีวิต และไม่สามารถกู้ร่างได้ ส่วนลูกชายคนเล็กของบ้านตอนนี้กำลังเรียนมัธยมปลายในอำเภอ ที่บ้านจึงเหลือเพียงแม่สามีที่พิการ สะใภ้ใหญ่แม่ลูกอ่อนอย่างเธอ และสะใภ้รองที่ร้องไห้มาหลายวันเมื่อได้ยินข่าวของสามีที่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็คงดีกว่ากัวเหม่ยอิงที่สามีเสียชีวิต
กัวเหม่ยอิงนำฟูกที่แทบจะเหลือแค่ผ้าออกจากห้องนอนแล้วนำมาตากแดดที่หลังบ้านเพื่อไล่กลิ่นอับ ไม่รู้ว่าพ่อสามีคิดไว้แล้วหรือเพราะที่ดินพื้นนี้ถูกที่สุดจึงปลูกบ้านห่างจากบ้านคนอื่นหลายจั้ง ไม่เชิงว่าห่างมาก แต่ก็ห่างกว่าบ้านอื่นที่อยู่ติดกันเกือบห้าเมตร โดยที่บ้านถูกล้อมด้วยรั้วไม้เพื่อป้องกันไก่หรือสัตว์อื่น ๆ เข้าบ้าน สำหรับถิงถิงที่มาจากอนาคตแล้วเธออยากจะร้องไห้เป็นรอบที่ร้อยของเช้าวันนี้
ที่บ้านมีแต่คนชรา เด็กแล้วก็ผู้หญิงก็ว่าอันตรายแล้ว บ้านยังไม่สามารถป้องกันอันตรายจากอะไรได้อีก
“เสี่ยวลู่หลับแล้วค่ะ พี่สะใภ้กินข้าวมื้อเช้าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปซักผ้าที่เหลือให้” สะใภ้รองที่ไม่รู้ว่าออกมาตอนไหนเอ่ยบอกกับกัวเหม่ยอิงที่ยืนเหม่อมองบ้านอยู่
สะใภ้รองของบ้านในยามนี้ทำแทบจะทุกอย่างภายในบ้าน อาหารในแต่ละมื้อ ป้อนข้าวผู้เป็นแม่สามี ดูแลหลานสาว ทำความสะอาดภายในบ้านทุกอย่าง
อันที่จริงแล้วหน้าที่ดูแลแม่สามีแต่ก่อนและซักผ้านั้นเป็นหน้าที่ของกัวเหม่ยอิง แต่หลังจากคลอดลูกแล้วร่างกายของเธอไม่ดี สะใภ้รองจึงอาสาทำเอง
นับว่าสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่บ้างที่มีน้องสะใภ้เป็นคนดี ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าสะใภ้รองเป็นแบบคนอื่นในนิยายที่เคยอ่านผ่าน ๆ มา ตอนนี้เธอจะเป็นยังไง
ข้าวที่ว่ามันเป็นเพียงน้ำต้มข้าวก้นหม้อเท่านั้น เรียกว่าข้าวไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่กัวเหม่ยอิงก็กลั้นใจฝืนกิน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว รอให้เธอปรับตัวกับที่นี่ให้ได้ก่อนเถอะ เธอไม่ยอมกินแบบนี้ไปตลอดแน่ ๆ
กินข้าวเสร็จก็เดินสำรวจในบ้านต่อ โดยเฉพาะอย่างแรกก็คือห้องครัว เครื่องปรุงมีเพียงเกลือที่เหลืออยู่หยิบเดียวกับน้ำมันที่เหลืออยู่ก้นไห นอกจากนั้นก็ไม่มีเครื่องปรุงอะไรอีก หันไปเปิดไหที่มีผ้าปิดไว้กัวเหม่ยอิงก็อยากจะร้องไห้ ข้าวเหลือไม่ถึงชั่งจะให้พวกเธอทำยังไง! คงจะมีเพียงธัญพืชที่ยังจะพอมีบ้าง
กัวเหม่ยอิงไม่เห็นลูกสาวในห้อง สะใภ้รองคงจะให้หลานสาวนอนในห้องตัวเองเพราะห้องนี้เธอเพิ่งจะเอาฟูกไปตาก
“โอ้!” กัวเหม่ยอิงอุทานในลำคอ
เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร จะนอนก็ไม่กล้าพอที่จะนอนบนเตียงเตาแข็ง ๆ อย่างสุดท้ายจึงมีเพียงเปิดตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้อง แต่มันก็ทำให้เธอต้องอุทานขึ้นมา
ภายในตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยข้าวสารและธัญพืชหลายชั่ง โดยมีผ้าอีกหลายผืนห่อหุ้มเอาไว้ ข้างล่างยังมีกล่องเล็ก ๆ อีกต่างหาก
“มีอะไรกัน” กัวเหม่ยอิงพลิกกล่องสี่เหลี่ยมในมือไปมา ข้างในมันมีเสียงตีกันของอะไรบางยังดังขึ้นต่อเนื่องเมื่อถูกเขย่า
“อู้วว!!”
คราวนี้มันทำให้กัวเหม่ยอิงต้องตาโตขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเปิดกล่องแล้วข้างในเต็มไปด้วยคูปอง ธนบัตร
และเหรียญเต็มกล่อง จากที่ตกใจจำนวนเงินในกล่องกัวเหม่ยอิงก็รีบวิ่งไปปิดหน้าต่างลงให้มีเพียงแสงเข้าเท่านั้น
หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง บ้านของพวกเธอห่างกับคนอื่นก็จริงแต่ก็ไม่ได้ห่างมาก และหากเหลียวมองก็สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ
กัวเหม่ยอิงนำเงินทั้งหมดออกมานับพร้อมกับคิดถึงเงินพวกนี้ แต่ในความทรงจำของเธอแล้ว เงินพวกนี้ไม่เคยอยู่ในความทรงจำของกัวเหม่ยอิงเลย และเป็นไปได้ว่าไม่ใช่กัวเหม่ยอิงแน่ ๆ ที่เป็นคนเก็บซ่อนมันเอาไว้จากทุกคน
หากเป็นกัวเหม่ยอิงซ่อนไว้ เงินทุกหยวนคงจะถูกส่งไปให้บ้านใหญ่สกุลหานทั้งหมด ไม่ใช่ว่าเธออยากจะให้ แต่เธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านใหญ่ของสามีที่มีกันหลายสิบคน หากไม่ให้พวกเธอก็ต้องถูกด่าว่าอกตัญญู และบางทีถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน
และยิ่งบ้านกัวของเธอก็มีจำนวนน้อยหากจะเข้าช่วยก็จะถูกคาดโทษไปด้วย อีกอย่างนี้ก็เป็นเรื่องของสกุลหานจึงไม่มีใครเข้ามาช่วย
“สามพันเจ็ดสิบห้า”
“สามพันหกร้อย”
“สามพันหกร้อยเก้า”
“สามพันแปดร้อยห้าสิบสาม”
“สามพันเก้าร้อยสอง”
“สี่พันหนึ่งร้อย”
“สี่พันหนึ่งร้อยเจ็ด”
“สี่พันเก้าร้อยสิบหก”
“ห้าพัน”
“ห้าพันสามร้อยเจ็ดสิบเก้าหยวน!”
เงินทั้งหมดที่อยู่ในกล่องมีมากถึงห้าพันหยวน! เงินจำนวนมากในยุคแบบนี้สามารถใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้มากกว่าสิบคนหลายสิบรุ่นเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมบ้านสามสกุลหานของพวกเธอถึงมีมันได้? อีกอย่างทำไมมันถึงรอดจากเอื้อมมือของบ้านใหญ่สกุลหานมาได้เยอะขนาดนี้
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
นายหัวอารัณย์พยายามบอกับตัวเองว่า เพลงขวัญ ยังเด็ก และไม่ใช่สเปค แต่แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเองเมื่อได้ลิ้มรสชาติหญ้าอ่อน เขาติดใจจนอยากจะกินซ้ำ ๆ แล้วเธอจะทนเขาได้นานแค่ไหน...... ******************************************************* "ขออีกครั้งเดียวนะ ....ครั้งเดียวนะเพลง" นายหัวหนุ่มทำเสียงอ้อนกลับ เพราะร่างกายของเขาต้องการปลดปล่อยออกมาให้ได้มากที่สุด "จะไม่ปรานีเพลงหน่อยเหรอคะ เพลงไม่ไหวแล้ว" "ปากเธอบอกให้ปรานี แต่ตอดถีึแบบนี้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่า เธอต้องการแบบไหนกันแน่!"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด