แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
ถิงถิงจำได้ว่าเธอเพิ่งจะนอนหลังอ่านนิยายเรื่อง ‘ฝากรักไว้กับรักแรกของแฟนเก่า’ จบไปตอนบ่ายสามของวัน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักน้ำเน่าที่ถิงถิงชอบมาก และมันยังเป็นนิยายของนักเขียนที่เธอติดตาม เนื่องจากนักเขียนได้ส่งนิยายที่สั่งพิมพ์ให้กับนักอ่านที่สั่งซื้อมาถึง ถิงถิงที่ว่างจึงรีบอ่านนิยายเกือบห้าร้อยหน้าโดยที่ไม่ยอมพักจนจบโดยใช้เวลาเพียงสิบชั่วโมงในการอ่าน จากนั้นจึงหันไปหยิบหูฟังมาสวมพร้อมกับผ้าปิดตาที่ใช้ตลอดเพราะเดี๋ยวแดดจะแยงตาตอนเช้า
แต่แล้วถิงถิงที่นอนอย่างสบายใจก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ข้างหู ถิงถิงขมวดคิ้วระหว่างรู้สึกตัว
ตั้งแต่จำความได้เธอก็โตมากับคุณยายสองคนที่บ้านนอกและเสียไปเมื่อห้าปีก่อน หลังเรียนจบมัธยมปลายจึงย้ายเข้ามาเรียนในมหาลัยรัฐบาลที่มีทุนเรียนฟรี นอกจากยายแล้วเธอก็ไม่ได้มีญาติคนอื่นอีก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินเสียงเด็กร้องในห้อง เพราะที่พักของเธอนั้นเป็นหอพักสำหรับนักศึกษา เด็กที่ต่ำกว่าสิบสองขวบถูกห้ามเข้ามาอยู่เพราะเจ้าของหอกลัวจะรบกวนเหล่านักศึกษาในมหาลัยที่ต้องตื่นไปเรียนเช้าและกลับดึกบางคณะ
ถิงถิงบิดขี้เกียจพร้อมกับใช้มือขยี้ดวงตาที่กำลังจะปิดลงอีกครั้งหากไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกรอบ
“พะ...พี่สะใหญ่” เสียงแหบแห้งอยู่ด้านนอกประตูดังเล็ดรอดมาให้ถิงถิงได้ยิน “เสี่ยวลู่คงจะหิวแล้ว เอามาให้ฉันป้อนน้ำข้าวให้หล่อนก่อนเถอะค่ะ”
‘ดะ...เดี๋ยวนะ!! พะ...พี่...สะใภ้ใหญ่งั้นหรือ’
ถิงถิงที่ดวงตากำลังจะปิดเบิกโพลงขึ้นมาอีกรอบ และยิ่งทำให้เธอตกใจกว่าเดิมเพราะสถานที่ไม่คุ้นชินพร้อมกับกลิ่นอับชื้นภายในห้องที่กำลังนอนอยู่ อีกทัังมีเด็กทารกวัยเดือนเศษที่กำลังนอนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เธอ
“อะ...โอ๊ยย” ถิงถิงยกมือขึ้นกุมขมับและหลับตาลงเพราะมันรู้สึกปวดหัว
“พะ...พี่สะใภ้ใหญ่! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” คงจะเพราะได้ยินเสียงร้องจากภายในห้อง คนด้านนอกที่มีน้ำเสียงแหบจึงร้องถามด้วยความแตกตื่น
“มะ...ไม่มีอะไรแล้ว เธอไปพักเถอะ!” ถิงถิงในคราบกัวเหม่ยอิงตะโกนตอบ
ใช่แล้ว! เธอที่กำลังนอนพักผ่อนหลังอ่านนิยายจบ กลับทะลุมิติเข้ามาในยุค70 ที่ในยุคนี้ข้าวยากหมากแพง เจ้าของร่างที่เธอทะลุมิติเข้ามาอยู่มีนามว่า ‘กัวเหม่ยอิง’ กัวเหม่ยอิงเป็นบุตรสาวคนเล็กของครอบครัวกัว มีพี่ชายกับพี่สาวอีกสี่คน
ครอบครัวสกุลกัวเป็นครอบครัวที่เล็กที่สุดในหมู่บ้าน และเป็นครอบครัวที่จนมากเพราะส่งลูกสาวคนเล็กเข้าเรียนมัธยมปลายในอำเภอ ในตอนนี้ทั้งพี่ชายและพี่สาวของกัวเหม่ยอิงจึงไม่มีใครได้แต่งงานสักคนเพราะครอบครัวยากจนเกินไป
แต่เพราะกัวเหม่ยอิงเป็นถึงนักเรียนที่เรียนจบมัธยมปลายในอำเภอ บ้านสามสกุลหานจึงมาสู่ขอกัวเหม่ยอิงไปเป็นสะใภ้ใหญ่ที่มีสามีเป็นทหาร สร้างความไม่พอใจให้กับบ้านใหญ่สกุลหานเป็นอย่างมาก กัวเหม่ยอิงถูกบ้านใหญ่สกุลหานมาทาบทามไปเป็นสะใภ้หลายครั้งแต่ถูกปฎิเสธ
เพราะบ้านกัวให้เหตุผลว่าบ้านใหญ่สกุลหานมีสมาชิกมากเกินไป หากให้นับแล้วบ้านใหญ่สกุลอยู่รวมกันสี่รุ่นแล้ว แต่ไม่ยอมแยกบ้านออกมาอยู่ข้างนอก ยกเว้นบ้านสาม ที่พ่อสามีเห็นว่าบ้านตัวเองทำงานหนักกว่าบ้านอื่น ๆ จึงหาทางแยกบ้านออกมาจนสำเร็จ แต่ก็ไม่วายถูกมายืมเงินและจับฉวยของไปทุกครั้งที่มีโอกาส
กัวเหม่ยอิงแต่งเข้าสกุลหานเมื่อห้าปีก่อน ในวัยยี่สิบปี แต่เพิ่งจะคลอดหลานสาวให้บ้านสามสกุลหานได้ไม่กี่เดือนก็เจอข่าวร้าย สามีของเธอที่ถูกคัดเลือกไปเป็นทหารตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสองจนตอนนี้อายุสามสิบ ไปทำภารกิจด่วนแต่ล้มเหลวจนเกิดการบาดเจ็บหลายคนและหนึ่งในนั้นมีน้องชายคนกลางของสามีด้วย สามีของกัวเหม่ยอิงที่เข้าช่วยเหลือน้องชายจึงไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้
กัวเหม่ยอิงลงแปลงนามาตลอดระยะที่แต่งเข้าสกุลหาน แต่ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยได้รับความยากลำบากแบบนี้มาก่อนจึงเกิดการล้มป่วยและมีร่างกายอ่อนแอ ในเวลาที่เกิดการตั้งครรภ์เธอบำรุงร่างกายก็จริงแต่ก็ยังลงแปลงนาอยู่ตลอด
และเมื่อคลอดลูกสาวจากที่ร่างกายไม่ค่อยดีอยู่แล้วร่างกายก็อ่อนแอลง ยิ่งสัปดาห์ก่อนได้ข่าวว่าสามีเสียชีวิตแล้วอาการที่ไม่ดีก็ทรุดลงไปอีกรอบ
จนกระทั่งเมื่อคืนเธอได้เสียชีวิตข้าง ๆ ลูกสาววัยเดือนเศษ โดยที่ไม่มีใครรู้ และถิงถิงก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้ด้วยความมึนงง
แต่ก่อนอื่นถิงถิงหรือตอนนี้ก็คือกัวเหม่ยอิงไม่มีเวลาคิดอะไร เธออุ้มเด็กทารกที่น่าจะชื่อว่าเสี่ยวลู่ขึ้นมากินนมบนเต้าอย่างกระอักกระอ่วน เธอไม่เคยมีลูกมาก่อนแต่เหมือนร่างกายนี้จะเคยชินเธอจึงสามารถอุ้มลูกได้อย่างถนัดมือ
คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้วแท้ ๆ ไม่รู้ว่าเคราะห์กรรมอะไรที่ทำให้เธอได้มาอยู่ที่นี่
‘กัวเหม่ยอิงเธอไม่ต้องห่วง ต่อไปนี้ฉันจะดูแลลูกสาวของเธอเอง’
‘หานหรงเจ๋อ ฉันจะดูแลครอบครัวของคุณแทนคุณเอง
กัวเหม่ยอิงให้นมลูกสาวเสร็จก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าวันใหม่ที่สะใภ้รองเข้ามาเคาะประตู
“พี่สะใภ้จ๊ะ”
“ฉันตื่นแล้ว!” กัวเหม่ยอิงร้องตอบกลับคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
กัวเหม่ยอิงเดินไปปลดล็อกกลอนประตูให้คนข้างนอกเข้ามาเอาลูกสาวออกไป ด้วยความที่กัวเหม่ยอิงมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงน้ำนมจึงไม่มากพอที่จะให้เด็กดื่ม ถางเจียลี่หรือสะใภ้รองจึงเป็นคนรับหน้าที่เอาน้ำต้มข้าวป้อนเด็ก
หลังจากที่สะใภ้รองอุ้มหานเมิ่งลู่ออกไป กัวเหม่ยอิงก็เดินไปเปิดหน้าต่างให้ระบายกลิ่นอับชื้นในห้องจางลง พอเปิดหน้าต่างออกก็ทำให้เธอได้เห็นภายในห้อง ห้องนี้เล็กกว่าห้องพักนักศึกษาของเธอเป็นเท่าตัว
ไม่รู้ว่าที่นี่อยู่กันได้ยังไง อีกอย่างภายในห้องก็มีเพียงเตียงเตาและตู้เล็ก ๆ แค่นั้น
จากความทรงจำกัวเหม่ยอิงคนก่อนแล้ว บ้านหลังนี้เป็นบ้านดินทั้งหลังมีเพียงสี่ห้องนอน หนึ่งห้องครัวและหนึ่งห้องโถงเท่านั้น บ้านสามสกุลหานหากไม่ให้เงินบ้านใหญ่หยิบยืมไปตอนนี้คงจะมีเงินมากพอสมควร
พ่อสามี สามีของกัวเหม่ยอิงและน้องชายคนรองของบ้านเป็นทหารได้หลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ที่บ้านเหลือเพียงสตรีที่อาศัยอยู่
น้องชายรองที่บาดเจ็บพวกเธอไม่ได้รู้ข่าวอะไรอีกเลยหลังจากที่มีการแจ้งว่าสามีเสียชีวิต และไม่สามารถกู้ร่างได้ ส่วนลูกชายคนเล็กของบ้านตอนนี้กำลังเรียนมัธยมปลายในอำเภอ ที่บ้านจึงเหลือเพียงแม่สามีที่พิการ สะใภ้ใหญ่แม่ลูกอ่อนอย่างเธอ และสะใภ้รองที่ร้องไห้มาหลายวันเมื่อได้ยินข่าวของสามีที่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็คงดีกว่ากัวเหม่ยอิงที่สามีเสียชีวิต
กัวเหม่ยอิงนำฟูกที่แทบจะเหลือแค่ผ้าออกจากห้องนอนแล้วนำมาตากแดดที่หลังบ้านเพื่อไล่กลิ่นอับ ไม่รู้ว่าพ่อสามีคิดไว้แล้วหรือเพราะที่ดินพื้นนี้ถูกที่สุดจึงปลูกบ้านห่างจากบ้านคนอื่นหลายจั้ง ไม่เชิงว่าห่างมาก แต่ก็ห่างกว่าบ้านอื่นที่อยู่ติดกันเกือบห้าเมตร โดยที่บ้านถูกล้อมด้วยรั้วไม้เพื่อป้องกันไก่หรือสัตว์อื่น ๆ เข้าบ้าน สำหรับถิงถิงที่มาจากอนาคตแล้วเธออยากจะร้องไห้เป็นรอบที่ร้อยของเช้าวันนี้
ที่บ้านมีแต่คนชรา เด็กแล้วก็ผู้หญิงก็ว่าอันตรายแล้ว บ้านยังไม่สามารถป้องกันอันตรายจากอะไรได้อีก
“เสี่ยวลู่หลับแล้วค่ะ พี่สะใภ้กินข้าวมื้อเช้าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปซักผ้าที่เหลือให้” สะใภ้รองที่ไม่รู้ว่าออกมาตอนไหนเอ่ยบอกกับกัวเหม่ยอิงที่ยืนเหม่อมองบ้านอยู่
สะใภ้รองของบ้านในยามนี้ทำแทบจะทุกอย่างภายในบ้าน อาหารในแต่ละมื้อ ป้อนข้าวผู้เป็นแม่สามี ดูแลหลานสาว ทำความสะอาดภายในบ้านทุกอย่าง
อันที่จริงแล้วหน้าที่ดูแลแม่สามีแต่ก่อนและซักผ้านั้นเป็นหน้าที่ของกัวเหม่ยอิง แต่หลังจากคลอดลูกแล้วร่างกายของเธอไม่ดี สะใภ้รองจึงอาสาทำเอง
นับว่าสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่บ้างที่มีน้องสะใภ้เป็นคนดี ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าสะใภ้รองเป็นแบบคนอื่นในนิยายที่เคยอ่านผ่าน ๆ มา ตอนนี้เธอจะเป็นยังไง
ข้าวที่ว่ามันเป็นเพียงน้ำต้มข้าวก้นหม้อเท่านั้น เรียกว่าข้าวไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่กัวเหม่ยอิงก็กลั้นใจฝืนกิน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว รอให้เธอปรับตัวกับที่นี่ให้ได้ก่อนเถอะ เธอไม่ยอมกินแบบนี้ไปตลอดแน่ ๆ
กินข้าวเสร็จก็เดินสำรวจในบ้านต่อ โดยเฉพาะอย่างแรกก็คือห้องครัว เครื่องปรุงมีเพียงเกลือที่เหลืออยู่หยิบเดียวกับน้ำมันที่เหลืออยู่ก้นไห นอกจากนั้นก็ไม่มีเครื่องปรุงอะไรอีก หันไปเปิดไหที่มีผ้าปิดไว้กัวเหม่ยอิงก็อยากจะร้องไห้ ข้าวเหลือไม่ถึงชั่งจะให้พวกเธอทำยังไง! คงจะมีเพียงธัญพืชที่ยังจะพอมีบ้าง
กัวเหม่ยอิงไม่เห็นลูกสาวในห้อง สะใภ้รองคงจะให้หลานสาวนอนในห้องตัวเองเพราะห้องนี้เธอเพิ่งจะเอาฟูกไปตาก
“โอ้!” กัวเหม่ยอิงอุทานในลำคอ
เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร จะนอนก็ไม่กล้าพอที่จะนอนบนเตียงเตาแข็ง ๆ อย่างสุดท้ายจึงมีเพียงเปิดตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้อง แต่มันก็ทำให้เธอต้องอุทานขึ้นมา
ภายในตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยข้าวสารและธัญพืชหลายชั่ง โดยมีผ้าอีกหลายผืนห่อหุ้มเอาไว้ ข้างล่างยังมีกล่องเล็ก ๆ อีกต่างหาก
“มีอะไรกัน” กัวเหม่ยอิงพลิกกล่องสี่เหลี่ยมในมือไปมา ข้างในมันมีเสียงตีกันของอะไรบางยังดังขึ้นต่อเนื่องเมื่อถูกเขย่า
“อู้วว!!”
คราวนี้มันทำให้กัวเหม่ยอิงต้องตาโตขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเปิดกล่องแล้วข้างในเต็มไปด้วยคูปอง ธนบัตร
และเหรียญเต็มกล่อง จากที่ตกใจจำนวนเงินในกล่องกัวเหม่ยอิงก็รีบวิ่งไปปิดหน้าต่างลงให้มีเพียงแสงเข้าเท่านั้น
หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง บ้านของพวกเธอห่างกับคนอื่นก็จริงแต่ก็ไม่ได้ห่างมาก และหากเหลียวมองก็สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ
กัวเหม่ยอิงนำเงินทั้งหมดออกมานับพร้อมกับคิดถึงเงินพวกนี้ แต่ในความทรงจำของเธอแล้ว เงินพวกนี้ไม่เคยอยู่ในความทรงจำของกัวเหม่ยอิงเลย และเป็นไปได้ว่าไม่ใช่กัวเหม่ยอิงแน่ ๆ ที่เป็นคนเก็บซ่อนมันเอาไว้จากทุกคน
หากเป็นกัวเหม่ยอิงซ่อนไว้ เงินทุกหยวนคงจะถูกส่งไปให้บ้านใหญ่สกุลหานทั้งหมด ไม่ใช่ว่าเธออยากจะให้ แต่เธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านใหญ่ของสามีที่มีกันหลายสิบคน หากไม่ให้พวกเธอก็ต้องถูกด่าว่าอกตัญญู และบางทีถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน
และยิ่งบ้านกัวของเธอก็มีจำนวนน้อยหากจะเข้าช่วยก็จะถูกคาดโทษไปด้วย อีกอย่างนี้ก็เป็นเรื่องของสกุลหานจึงไม่มีใครเข้ามาช่วย
“สามพันเจ็ดสิบห้า”
“สามพันหกร้อย”
“สามพันหกร้อยเก้า”
“สามพันแปดร้อยห้าสิบสาม”
“สามพันเก้าร้อยสอง”
“สี่พันหนึ่งร้อย”
“สี่พันหนึ่งร้อยเจ็ด”
“สี่พันเก้าร้อยสิบหก”
“ห้าพัน”
“ห้าพันสามร้อยเจ็ดสิบเก้าหยวน!”
เงินทั้งหมดที่อยู่ในกล่องมีมากถึงห้าพันหยวน! เงินจำนวนมากในยุคแบบนี้สามารถใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้มากกว่าสิบคนหลายสิบรุ่นเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมบ้านสามสกุลหานของพวกเธอถึงมีมันได้? อีกอย่างทำไมมันถึงรอดจากเอื้อมมือของบ้านใหญ่สกุลหานมาได้เยอะขนาดนี้
สกุลเหลียวยัดเยียดบุตรสาว เหลียวอิงอิงให้แต่งงานกับคนไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างหยางกั่วหลิงเพียงเพราะก้อนทองอันจิ๋ว เจินจื่ออีหนีออกจากวังหลังค้นพบเส้นทาง รู้สึกตัวอีกทีสนมขั้นผินอย่างนางก็อยู่ในห้องหอ!
‘แต่งงานแล้วจะได้ไม่ต้องลุกแต่เช้าไปล้างจาน ไม่ต้องทำนา ไม่ต้องเรียนหนังสือ แค่นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ตามธรรมเนียมของผู้หญิงที่อยู่บ้านดูแลสามี ดูแลลูก’
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เธอทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ส่วนตัวที่เขาซื้อมาจากครอบครัวที่เก็บขยะขาย ในยุคปัจจุบันก็ทำงานจนตัวตาย มาอยู่อดีตก็กลายเป็นคนอัตคัดขัดสน ชีวิตจะลำบากซ้ำซ้อนไปถึงไหน ……………………………………………… เช็ดท่อนบนเสร็จเนื้อนวลก็เตรียมถอดชิ้นล่างที่เป็นกางเกงผ้านิ่มขายาว มือเล็กกำลังจับขอบกางเกงเตรียมจะถอดออก หมับ! แต่ก็มีมือใหญ่มายึดไว้อีกครั้ง พร้อมเปล่งเสียงแหบพร่าออกมา “หย่า!” เด็กอะไรแก่แดดขนาดนี้ ไม่รู้จักอายผีอายสาง กลางวันแสก ๆ ยังจะแก้ผ้าผู้ชาย ถึงปู่กับย่าจะไม่ค่อยมีเวลาอบรมบ่มนิสัยให้รักนวลสงวนตัวแต่เธอก็น่าจะคิดเองเป็นบ้าง หรือเธอเป็นเด็กใจแตกถึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ เช่นเดิมเนื้อนวลไม่ได้สนใจ เพราะกลิ่นตัวของเขาที่โชยเข้าจมูกเธอคิดว่าน่าจะเกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เช็ดตัว เพราะเท่าที่เนื้อนวลเข้ามารับใช้เขาไม่กี่วัน สุรเชษฐ์ก็ไล่เธอท่าเดียว แต่อย่าหวังว่าเนื้อนวลคนนี้จะยอมแพ้ง่าย ๆ “ถ้าอายก็หลับตา” เนื้อนวลพูดเสียงเรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ มือข้างหนึ่งจับสะโพกเขายกขึ้นมืออีกข้างดึงกางเกงนอกลงมาจนสุดปลายเท้าตามด้วยกางเกงผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายทั้งหนักและเบาของตัวเองได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันระวังตัว เมื่อนั้นแหละสุรเชษฐ์จึงนอนแน่นิ่งปิดเปลือกตาแน่น ร่างใหญ่แข็งทื่อไปทั้งตัว จากที่ไม่รู้สึกแค่ฝั่งขวาตอนนี้เหมือนจะชาไปทุกสัดส่วนบนร่างกาย ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัว
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
“ฉันไม่ชอบเธอ! อย่าเข้ามายุ่งกับฉันอีก” “ชะเอมก็ไม่เคยคิดที่จะชอบคนอย่างพี่เหมือนกัน แต่ที่ทำก็เพราะ..”
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY