แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
ถิงถิงจำได้ว่าเธอเพิ่งจะนอนหลังอ่านนิยายเรื่อง ‘ฝากรักไว้กับรักแรกของแฟนเก่า’ จบไปตอนบ่ายสามของวัน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักน้ำเน่าที่ถิงถิงชอบมาก และมันยังเป็นนิยายของนักเขียนที่เธอติดตาม เนื่องจากนักเขียนได้ส่งนิยายที่สั่งพิมพ์ให้กับนักอ่านที่สั่งซื้อมาถึง ถิงถิงที่ว่างจึงรีบอ่านนิยายเกือบห้าร้อยหน้าโดยที่ไม่ยอมพักจนจบโดยใช้เวลาเพียงสิบชั่วโมงในการอ่าน จากนั้นจึงหันไปหยิบหูฟังมาสวมพร้อมกับผ้าปิดตาที่ใช้ตลอดเพราะเดี๋ยวแดดจะแยงตาตอนเช้า
แต่แล้วถิงถิงที่นอนอย่างสบายใจก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ข้างหู ถิงถิงขมวดคิ้วระหว่างรู้สึกตัว
ตั้งแต่จำความได้เธอก็โตมากับคุณยายสองคนที่บ้านนอกและเสียไปเมื่อห้าปีก่อน หลังเรียนจบมัธยมปลายจึงย้ายเข้ามาเรียนในมหาลัยรัฐบาลที่มีทุนเรียนฟรี นอกจากยายแล้วเธอก็ไม่ได้มีญาติคนอื่นอีก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินเสียงเด็กร้องในห้อง เพราะที่พักของเธอนั้นเป็นหอพักสำหรับนักศึกษา เด็กที่ต่ำกว่าสิบสองขวบถูกห้ามเข้ามาอยู่เพราะเจ้าของหอกลัวจะรบกวนเหล่านักศึกษาในมหาลัยที่ต้องตื่นไปเรียนเช้าและกลับดึกบางคณะ
ถิงถิงบิดขี้เกียจพร้อมกับใช้มือขยี้ดวงตาที่กำลังจะปิดลงอีกครั้งหากไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกรอบ
“พะ...พี่สะใหญ่” เสียงแหบแห้งอยู่ด้านนอกประตูดังเล็ดรอดมาให้ถิงถิงได้ยิน “เสี่ยวลู่คงจะหิวแล้ว เอามาให้ฉันป้อนน้ำข้าวให้หล่อนก่อนเถอะค่ะ”
‘ดะ...เดี๋ยวนะ!! พะ...พี่...สะใภ้ใหญ่งั้นหรือ’
ถิงถิงที่ดวงตากำลังจะปิดเบิกโพลงขึ้นมาอีกรอบ และยิ่งทำให้เธอตกใจกว่าเดิมเพราะสถานที่ไม่คุ้นชินพร้อมกับกลิ่นอับชื้นภายในห้องที่กำลังนอนอยู่ อีกทัังมีเด็กทารกวัยเดือนเศษที่กำลังนอนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เธอ
“อะ...โอ๊ยย” ถิงถิงยกมือขึ้นกุมขมับและหลับตาลงเพราะมันรู้สึกปวดหัว
“พะ...พี่สะใภ้ใหญ่! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” คงจะเพราะได้ยินเสียงร้องจากภายในห้อง คนด้านนอกที่มีน้ำเสียงแหบจึงร้องถามด้วยความแตกตื่น
“มะ...ไม่มีอะไรแล้ว เธอไปพักเถอะ!” ถิงถิงในคราบกัวเหม่ยอิงตะโกนตอบ
ใช่แล้ว! เธอที่กำลังนอนพักผ่อนหลังอ่านนิยายจบ กลับทะลุมิติเข้ามาในยุค70 ที่ในยุคนี้ข้าวยากหมากแพง เจ้าของร่างที่เธอทะลุมิติเข้ามาอยู่มีนามว่า ‘กัวเหม่ยอิง’ กัวเหม่ยอิงเป็นบุตรสาวคนเล็กของครอบครัวกัว มีพี่ชายกับพี่สาวอีกสี่คน
ครอบครัวสกุลกัวเป็นครอบครัวที่เล็กที่สุดในหมู่บ้าน และเป็นครอบครัวที่จนมากเพราะส่งลูกสาวคนเล็กเข้าเรียนมัธยมปลายในอำเภอ ในตอนนี้ทั้งพี่ชายและพี่สาวของกัวเหม่ยอิงจึงไม่มีใครได้แต่งงานสักคนเพราะครอบครัวยากจนเกินไป
แต่เพราะกัวเหม่ยอิงเป็นถึงนักเรียนที่เรียนจบมัธยมปลายในอำเภอ บ้านสามสกุลหานจึงมาสู่ขอกัวเหม่ยอิงไปเป็นสะใภ้ใหญ่ที่มีสามีเป็นทหาร สร้างความไม่พอใจให้กับบ้านใหญ่สกุลหานเป็นอย่างมาก กัวเหม่ยอิงถูกบ้านใหญ่สกุลหานมาทาบทามไปเป็นสะใภ้หลายครั้งแต่ถูกปฎิเสธ
เพราะบ้านกัวให้เหตุผลว่าบ้านใหญ่สกุลหานมีสมาชิกมากเกินไป หากให้นับแล้วบ้านใหญ่สกุลอยู่รวมกันสี่รุ่นแล้ว แต่ไม่ยอมแยกบ้านออกมาอยู่ข้างนอก ยกเว้นบ้านสาม ที่พ่อสามีเห็นว่าบ้านตัวเองทำงานหนักกว่าบ้านอื่น ๆ จึงหาทางแยกบ้านออกมาจนสำเร็จ แต่ก็ไม่วายถูกมายืมเงินและจับฉวยของไปทุกครั้งที่มีโอกาส
กัวเหม่ยอิงแต่งเข้าสกุลหานเมื่อห้าปีก่อน ในวัยยี่สิบปี แต่เพิ่งจะคลอดหลานสาวให้บ้านสามสกุลหานได้ไม่กี่เดือนก็เจอข่าวร้าย สามีของเธอที่ถูกคัดเลือกไปเป็นทหารตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสองจนตอนนี้อายุสามสิบ ไปทำภารกิจด่วนแต่ล้มเหลวจนเกิดการบาดเจ็บหลายคนและหนึ่งในนั้นมีน้องชายคนกลางของสามีด้วย สามีของกัวเหม่ยอิงที่เข้าช่วยเหลือน้องชายจึงไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้
กัวเหม่ยอิงลงแปลงนามาตลอดระยะที่แต่งเข้าสกุลหาน แต่ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยได้รับความยากลำบากแบบนี้มาก่อนจึงเกิดการล้มป่วยและมีร่างกายอ่อนแอ ในเวลาที่เกิดการตั้งครรภ์เธอบำรุงร่างกายก็จริงแต่ก็ยังลงแปลงนาอยู่ตลอด
และเมื่อคลอดลูกสาวจากที่ร่างกายไม่ค่อยดีอยู่แล้วร่างกายก็อ่อนแอลง ยิ่งสัปดาห์ก่อนได้ข่าวว่าสามีเสียชีวิตแล้วอาการที่ไม่ดีก็ทรุดลงไปอีกรอบ
จนกระทั่งเมื่อคืนเธอได้เสียชีวิตข้าง ๆ ลูกสาววัยเดือนเศษ โดยที่ไม่มีใครรู้ และถิงถิงก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้ด้วยความมึนงง
แต่ก่อนอื่นถิงถิงหรือตอนนี้ก็คือกัวเหม่ยอิงไม่มีเวลาคิดอะไร เธออุ้มเด็กทารกที่น่าจะชื่อว่าเสี่ยวลู่ขึ้นมากินนมบนเต้าอย่างกระอักกระอ่วน เธอไม่เคยมีลูกมาก่อนแต่เหมือนร่างกายนี้จะเคยชินเธอจึงสามารถอุ้มลูกได้อย่างถนัดมือ
คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้วแท้ ๆ ไม่รู้ว่าเคราะห์กรรมอะไรที่ทำให้เธอได้มาอยู่ที่นี่
‘กัวเหม่ยอิงเธอไม่ต้องห่วง ต่อไปนี้ฉันจะดูแลลูกสาวของเธอเอง’
‘หานหรงเจ๋อ ฉันจะดูแลครอบครัวของคุณแทนคุณเอง
กัวเหม่ยอิงให้นมลูกสาวเสร็จก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าวันใหม่ที่สะใภ้รองเข้ามาเคาะประตู
“พี่สะใภ้จ๊ะ”
“ฉันตื่นแล้ว!” กัวเหม่ยอิงร้องตอบกลับคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
กัวเหม่ยอิงเดินไปปลดล็อกกลอนประตูให้คนข้างนอกเข้ามาเอาลูกสาวออกไป ด้วยความที่กัวเหม่ยอิงมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงน้ำนมจึงไม่มากพอที่จะให้เด็กดื่ม ถางเจียลี่หรือสะใภ้รองจึงเป็นคนรับหน้าที่เอาน้ำต้มข้าวป้อนเด็ก
หลังจากที่สะใภ้รองอุ้มหานเมิ่งลู่ออกไป กัวเหม่ยอิงก็เดินไปเปิดหน้าต่างให้ระบายกลิ่นอับชื้นในห้องจางลง พอเปิดหน้าต่างออกก็ทำให้เธอได้เห็นภายในห้อง ห้องนี้เล็กกว่าห้องพักนักศึกษาของเธอเป็นเท่าตัว
ไม่รู้ว่าที่นี่อยู่กันได้ยังไง อีกอย่างภายในห้องก็มีเพียงเตียงเตาและตู้เล็ก ๆ แค่นั้น
จากความทรงจำกัวเหม่ยอิงคนก่อนแล้ว บ้านหลังนี้เป็นบ้านดินทั้งหลังมีเพียงสี่ห้องนอน หนึ่งห้องครัวและหนึ่งห้องโถงเท่านั้น บ้านสามสกุลหานหากไม่ให้เงินบ้านใหญ่หยิบยืมไปตอนนี้คงจะมีเงินมากพอสมควร
พ่อสามี สามีของกัวเหม่ยอิงและน้องชายคนรองของบ้านเป็นทหารได้หลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ที่บ้านเหลือเพียงสตรีที่อาศัยอยู่
น้องชายรองที่บาดเจ็บพวกเธอไม่ได้รู้ข่าวอะไรอีกเลยหลังจากที่มีการแจ้งว่าสามีเสียชีวิต และไม่สามารถกู้ร่างได้ ส่วนลูกชายคนเล็กของบ้านตอนนี้กำลังเรียนมัธยมปลายในอำเภอ ที่บ้านจึงเหลือเพียงแม่สามีที่พิการ สะใภ้ใหญ่แม่ลูกอ่อนอย่างเธอ และสะใภ้รองที่ร้องไห้มาหลายวันเมื่อได้ยินข่าวของสามีที่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็คงดีกว่ากัวเหม่ยอิงที่สามีเสียชีวิต
กัวเหม่ยอิงนำฟูกที่แทบจะเหลือแค่ผ้าออกจากห้องนอนแล้วนำมาตากแดดที่หลังบ้านเพื่อไล่กลิ่นอับ ไม่รู้ว่าพ่อสามีคิดไว้แล้วหรือเพราะที่ดินพื้นนี้ถูกที่สุดจึงปลูกบ้านห่างจากบ้านคนอื่นหลายจั้ง ไม่เชิงว่าห่างมาก แต่ก็ห่างกว่าบ้านอื่นที่อยู่ติดกันเกือบห้าเมตร โดยที่บ้านถูกล้อมด้วยรั้วไม้เพื่อป้องกันไก่หรือสัตว์อื่น ๆ เข้าบ้าน สำหรับถิงถิงที่มาจากอนาคตแล้วเธออยากจะร้องไห้เป็นรอบที่ร้อยของเช้าวันนี้
ที่บ้านมีแต่คนชรา เด็กแล้วก็ผู้หญิงก็ว่าอันตรายแล้ว บ้านยังไม่สามารถป้องกันอันตรายจากอะไรได้อีก
“เสี่ยวลู่หลับแล้วค่ะ พี่สะใภ้กินข้าวมื้อเช้าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปซักผ้าที่เหลือให้” สะใภ้รองที่ไม่รู้ว่าออกมาตอนไหนเอ่ยบอกกับกัวเหม่ยอิงที่ยืนเหม่อมองบ้านอยู่
สะใภ้รองของบ้านในยามนี้ทำแทบจะทุกอย่างภายในบ้าน อาหารในแต่ละมื้อ ป้อนข้าวผู้เป็นแม่สามี ดูแลหลานสาว ทำความสะอาดภายในบ้านทุกอย่าง
อันที่จริงแล้วหน้าที่ดูแลแม่สามีแต่ก่อนและซักผ้านั้นเป็นหน้าที่ของกัวเหม่ยอิง แต่หลังจากคลอดลูกแล้วร่างกายของเธอไม่ดี สะใภ้รองจึงอาสาทำเอง
นับว่าสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่บ้างที่มีน้องสะใภ้เป็นคนดี ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าสะใภ้รองเป็นแบบคนอื่นในนิยายที่เคยอ่านผ่าน ๆ มา ตอนนี้เธอจะเป็นยังไง
ข้าวที่ว่ามันเป็นเพียงน้ำต้มข้าวก้นหม้อเท่านั้น เรียกว่าข้าวไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่กัวเหม่ยอิงก็กลั้นใจฝืนกิน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว รอให้เธอปรับตัวกับที่นี่ให้ได้ก่อนเถอะ เธอไม่ยอมกินแบบนี้ไปตลอดแน่ ๆ
กินข้าวเสร็จก็เดินสำรวจในบ้านต่อ โดยเฉพาะอย่างแรกก็คือห้องครัว เครื่องปรุงมีเพียงเกลือที่เหลืออยู่หยิบเดียวกับน้ำมันที่เหลืออยู่ก้นไห นอกจากนั้นก็ไม่มีเครื่องปรุงอะไรอีก หันไปเปิดไหที่มีผ้าปิดไว้กัวเหม่ยอิงก็อยากจะร้องไห้ ข้าวเหลือไม่ถึงชั่งจะให้พวกเธอทำยังไง! คงจะมีเพียงธัญพืชที่ยังจะพอมีบ้าง
กัวเหม่ยอิงไม่เห็นลูกสาวในห้อง สะใภ้รองคงจะให้หลานสาวนอนในห้องตัวเองเพราะห้องนี้เธอเพิ่งจะเอาฟูกไปตาก
“โอ้!” กัวเหม่ยอิงอุทานในลำคอ
เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร จะนอนก็ไม่กล้าพอที่จะนอนบนเตียงเตาแข็ง ๆ อย่างสุดท้ายจึงมีเพียงเปิดตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้อง แต่มันก็ทำให้เธอต้องอุทานขึ้นมา
ภายในตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยข้าวสารและธัญพืชหลายชั่ง โดยมีผ้าอีกหลายผืนห่อหุ้มเอาไว้ ข้างล่างยังมีกล่องเล็ก ๆ อีกต่างหาก
“มีอะไรกัน” กัวเหม่ยอิงพลิกกล่องสี่เหลี่ยมในมือไปมา ข้างในมันมีเสียงตีกันของอะไรบางยังดังขึ้นต่อเนื่องเมื่อถูกเขย่า
“อู้วว!!”
คราวนี้มันทำให้กัวเหม่ยอิงต้องตาโตขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเปิดกล่องแล้วข้างในเต็มไปด้วยคูปอง ธนบัตร
และเหรียญเต็มกล่อง จากที่ตกใจจำนวนเงินในกล่องกัวเหม่ยอิงก็รีบวิ่งไปปิดหน้าต่างลงให้มีเพียงแสงเข้าเท่านั้น
หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง บ้านของพวกเธอห่างกับคนอื่นก็จริงแต่ก็ไม่ได้ห่างมาก และหากเหลียวมองก็สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ
กัวเหม่ยอิงนำเงินทั้งหมดออกมานับพร้อมกับคิดถึงเงินพวกนี้ แต่ในความทรงจำของเธอแล้ว เงินพวกนี้ไม่เคยอยู่ในความทรงจำของกัวเหม่ยอิงเลย และเป็นไปได้ว่าไม่ใช่กัวเหม่ยอิงแน่ ๆ ที่เป็นคนเก็บซ่อนมันเอาไว้จากทุกคน
หากเป็นกัวเหม่ยอิงซ่อนไว้ เงินทุกหยวนคงจะถูกส่งไปให้บ้านใหญ่สกุลหานทั้งหมด ไม่ใช่ว่าเธออยากจะให้ แต่เธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านใหญ่ของสามีที่มีกันหลายสิบคน หากไม่ให้พวกเธอก็ต้องถูกด่าว่าอกตัญญู และบางทีถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน
และยิ่งบ้านกัวของเธอก็มีจำนวนน้อยหากจะเข้าช่วยก็จะถูกคาดโทษไปด้วย อีกอย่างนี้ก็เป็นเรื่องของสกุลหานจึงไม่มีใครเข้ามาช่วย
“สามพันเจ็ดสิบห้า”
“สามพันหกร้อย”
“สามพันหกร้อยเก้า”
“สามพันแปดร้อยห้าสิบสาม”
“สามพันเก้าร้อยสอง”
“สี่พันหนึ่งร้อย”
“สี่พันหนึ่งร้อยเจ็ด”
“สี่พันเก้าร้อยสิบหก”
“ห้าพัน”
“ห้าพันสามร้อยเจ็ดสิบเก้าหยวน!”
เงินทั้งหมดที่อยู่ในกล่องมีมากถึงห้าพันหยวน! เงินจำนวนมากในยุคแบบนี้สามารถใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้มากกว่าสิบคนหลายสิบรุ่นเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมบ้านสามสกุลหานของพวกเธอถึงมีมันได้? อีกอย่างทำไมมันถึงรอดจากเอื้อมมือของบ้านใหญ่สกุลหานมาได้เยอะขนาดนี้
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"